Q
Mazda 3 มีเบรกมือหรือไม่
Mazda3 ติดตั้งเบรกมือแบบไฟฟ้า (Electronic Parking Brake – เบรกมือไฟฟ้า) ซึ่งเป็นระบบเบรกจอดที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่คันโยกกลไกแบบเดิม โดยจะอยู่บริเวณคอนโซลกลางของรถในรูปแบบปุ่มกด การใช้งานเพียงกดปุ่มเพื่อสั่งให้เบรกมือไฟฟ้าทำงาน ระบบจะส่งแรงเบรกไปยังล้อหลัง และเมื่อกดอีกครั้ง ระบบจะปลดเบรกและยกเลิกเบรกมือ นอกจากนี้ Mazda3 หลายรุ่นยังมีฟังก์ชัน Auto Hold หรือระบบเบรกอัตโนมัติขณะหยุดนิ่ง ซึ่งจะสั่งงานเบรกมือไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถหยุด เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล หากต้องการปิดการทำงานของระบบนี้ ผู้ขับสามารถกดปุ่มที่แผงหน้าปัดหรือตั้งค่าเป็นโหมด “OFF” เบรกมือไฟฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เสริมความปลอดภัย และเพิ่มความทันสมัยให้กับตัวรถ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา
อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด
นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย
อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก
ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic
Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ
ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ
ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น
ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode)
Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น
เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม.
ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่
การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง
แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย
Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป
คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้
Q&A ล่าสุด
Q
ราคาของ Toyota Hilux กับ Isuzu D-Max 2024 ต่างกันอย่างไร?
ในตลาดประเทศไทยปี 2024 ราคาของ Toyota Hilux และ Isuzu D-Max จะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว โดย Toyota Hilux เริ่มต้นที่ประมาณ 599,000 บาท ในขณะที่รุ่นสูงสุดอาจสูงถึง 1.2 ล้านบาท ส่วน Isuzu D-Max เริ่มต้นที่ 579,000 บาท และรุ่นท็อปสุดอยู่ที่ประมาณ 1.19 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองคันมีช่วงราคาใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ ทั้ง Toyota Hilux และ Isuzu D-Max เป็นรถปิกอัพยอดนิยมในตลาดไทย โดย Hilux ได้รับความนิยมจากความทนทานและมูลค่าการขายต่อที่สูง เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ ในขณะที่ D-Max มีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดน้ำมันและความสามารถในการบรรทุกที่เยี่ยมกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานบรรทุกของบ่อยๆ ตลาดรถปิกอัพในไทยมีการแข่งขันสูง นอกเหนือจากราคาแล้ว ผู้บริโภคควรพิจารณาเรื่องเครือข่ายบริการหลังการขาย ค่าบำรุงรักษา และประสบการณ์การใช้งานในระยะยาว แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายและเปรียบเทียบรายละเอียดเครื่องแต่งตัว เช่น สเปคเครื่องยนต์ (Hilux มีเครื่องดีเซล 2.4L และ 2.8L ส่วน D-Max มี 1.9L และ 3.0L) ระบบความปลอดภัย (เช่น Toyota Safety Sense ใน Hilux และ Advanced Driver Assist Systems ใน D-Max) เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด
Q
ฐานะของ Toyota Hilux 2024 ในประเทศไทย?
ในปี 2024 Toyota Hilux ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถกระบะไทย ด้วยความทนทานเหนือชั้น ประสิทธิภาพออฟโรดที่แข็งแกร่ง และความหลากหลายในการใช้งาน ที่ทำให้มันกลับมาเป็นหนึ่งในรถกระบะยอดนิยมของประเทศไทยอีกครั้ง สำหรับปี 2024 นี้ Hilux ได้อัปเกรดในหลายจุด ทั้งระบบขับเคลื่อนที่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น วัสดุภายในห้องโดยสารที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่เสริมความปลอดภัย ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของมันในตลาดไทยแข็งแกร่งขึ้นไปอีก คนไทยชื่นชอบ Hilux ในเรื่องความเชื่อถือได้และค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง เหมาะสมกับสภาพถนนและความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Hilux ในไทยยังครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของรถสะดวกสบายเรื่องการดูแลรักษา ความสำเร็จของ Hilux ยังสะท้อนความต้องการรถกระบะในตลาดไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง รถประเภทนี้ไม่เพียงเหมาะกับการใช้งานในครอบครัว แต่ยังตอบโจทย์การทำงานและภาคเกษตรได้เป็นอย่างดี สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถกระบะสักคัน Hilux ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง ด้วยประสิทธิภาพรอบด้านและภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
Q
เครื่องยนต์ใน Toyota HiLux ปี 2024 คืออะไร?
รถยนต์ Toyota HiLux รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภค โดยเน้นไปที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2 ตัวหลัก คือ ขนาด 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร สำหรับเครื่อง 2.4 ลิตรนั้นให้กำลังสูงสุดประมาณ 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่วนเครื่อง 2.8 ลิตรนั้นแรงกว่านี้เยอะ ให้กำลังถึง 204 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเกียร์ออโต้ 6 สปีดหรือเกียร์ธรรมดาให้เลือกตามสไตล์การขับขี่ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแถมยังเหมาะกับการขับออฟโรดในสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือใช้งานขนส่งระยะไกลก็คล่องตัว นอกจากนี้ HiLux ยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งพิเศษ ทำให้การขับขี่บนถนนสภาพซับซ้อนของไทยมีความมั่นใจและทนทานมากขึ้น สำหรับคนไทยแล้ว HiLux ถือเป็นหนึ่งในรถปิคอัพยอดนิยมเพราะเครื่องยนต์ที่ไว้ใจได้และค่าบำรุงรักษาที่ไม่หนักกระเป๋า เหมาะทั้งการทำงานและใช้ในครอบครัว แถมเครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าในไทยก็ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของรถเข้าถึงบริการดูแลรักษาและการสนับสนุนทางเทคนิคได้ง่ายสุดๆ
Q
รถ Mitsubishi Triton ปี 2021 ราคาเท่าไร?
รถกระบะ Mitsubishi Triton รุ่นปี 2021 ที่วางขายในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 520,000 ถึง 1,200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก เช่น ระบบขับเคลื่อน (2WD หรือ 4WD) ประเภทเครื่องยนต์ (เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4L หรือเครื่องยนต์เบนซิน 2.4L แบบปกติ) และระดับความประณีตของตัวรถ (เช่น รุ่น GLX GLS หรือ Athlete) แนะนำให้ลูกค้าไปที่ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุดและโปรโมชั่นต่างๆ Triton เป็นหนึ่งในรถกระบะยอดนิยมของไทย ด้วยความทนทานและสมรรถนะการขับเคลื่อนออฟโรดที่โดดเด่น พร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวก เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน จอทัชสกรีน 7 นิ้ว และกล้องถอยหลัง เหมาะสำหรับทั้งการใช้ในครอบครัวและการทำงาน ข้อดีคือรัฐบาลไทยมีนโยบายภาษีเฉพาะสำหรับรถกระบะ ทำให้ Triton และรถกระบะรุ่นอื่นๆ มีความคุ้มค่ามากขึ้น ลูกค้าสามารถสอบถามโปรโมชั่นผ่อนชำระหรือโปรแกรมรับแลกรถเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถได้อีกด้วย
Q
"Mitsubishi Triton ปี 2021 ใช้เครื่องยนต์อะไร?"
รถกระบะ Mitsubishi Triton รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยมาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร MIVEC ที่มีให้เลือกสองแบบ แบบแรกกำลังต่ำสุด 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่วนแบบกำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 6 สปีดทั้งแบบมือถือและออโต้ ที่ตอบโจทย์ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพถนนไทยที่หลากหลาย ทั้งขับในเมืองหรือเดินทางไกลก็ไร้ปัญหา นอกจากนี้ Mitsubishi ยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II ที่มีโหมดขับขี่ให้เลือกหลายแบบ ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับบนถนนลื่นช่วงฤดูฝนหรือทางเขาขรุขระ จุดเด่นที่ทำให้ Triton เป็นที่นิยมในไทยคือความทนทานและคุณภาพดี พร้อมเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการและอะไหล่อย่างรวดเร็ว ถ้าสนใจรถกระบะรุ่นอื่นๆ ในตลาดไทยก็มีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง Toyota Hilux และ Ford Ranger ที่แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นและเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ลองเปรียบเทียบความต้องการและงบประมาณก่อนตัดสินใจเลือกให้เหมาะกับการใช้งานที่สุด
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazda 3 ดูดี แต่ไม่ตอบโจทย์? เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายไม่ดี
ธนวัฒน์Sep 10, 2024

Mazda 3 Hatchback ราคาเริ่มต้นที่ 166,059 ริงกิต จะเลือกทั้งสองรุ่นนี้อย่างไรดีนะ?"
AshleyJul 15, 2024

Mazda 3 มีราคาตั้งแต่ THB 979,000 เป็นรถเก๋งซี-เซกเมนต์สง่างามที่สุดไหม?
LienJun 12, 2024

สงครามระหว่าง Sedan C-segment ในไทย: Honda Civic RS ปะทะ Toyota Corolla Altis ปะทะ Mazda 3
LienApr 15, 2024

ข่าวลือ: Toyota และ Mazda ร่วมมือกันพัฒนารถรุ่นถัดไป MX-5 และ GR86
ณัฐวุฒิOct 20, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย