Q

โบนัสสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คืออะไร

นโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คาดว่าจะยังเดินหน้าตามแนวทางเดิม โดยเน้นส่งเสริมการผลิตภายในประเทศและการซื้อรถโดยผู้บริโภค รายละเอียดอาจรวมถึงเงินสนับสนุนการซื้อรถแบบตรงๆ การลดภาษีนำเข้า และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า แต่จำนวนเงินที่แน่นอนต้องรอประกาศจากทางราชการอย่างเป็นทางการ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะนโยบายเหล่านี้กระตุ้นให้คนหันมาใช้รถรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากเงินช่วยเหลือซื้อรถแล้ว ยังอาจมีมาตรการเสริมเช่นค่าอัดประจุไฟราคาถูกหรือบริการชาร์จฟรีในที่สาธารณะ สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อรถไฟฟ้า ลองติดตามโปรโมชั่นจากแบรนด์ต่างๆ บ้าง เพราะบางค่ายจะรวมสิทธิ์จากรัฐกับส่วนลดของทางร้านเข้าด้วยกัน ทำให้ได้ข้อเสนอที่คุ้มค่าขึ้น พร้อมกันนี้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นและการผลิตรถในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้รถไฟฟ้ามีระยะทางต่อการชาร์จที่ยาวขึ้นและราคาที่แข่งขันได้ดีขึ้น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการซื้อรถไฟฟ้า แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติรถแต่ละรุ่นที่ได้รับสิทธิ์สนับสนุนและขั้นตอนการสมัครล่วงหน้า เพื่อจะได้ใช้สิทธิ์ได้ทันทีเมื่อนโยบายมีผลบังคับใช้
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
ระยะทางขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ Toyota ในปี 2025
Toyota รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ที่วางแผนจะเปิดตัวในปี 2025 คาดว่าจะมีระยะทางขับขี่อยู่ที่ 500-600 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) โดยตัวเลขอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและความจุแบตเตอรี่ เช่น รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตทรุ่นใหม่อาจทำระยะทางได้ไกลกว่า เนื่องจากสภาพอากาศร้อนในประเทศไทยอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะเพื่อรักษาอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ส่วนการชาร์จด้วยสถานีเร็ว DC สามารถเติมไฟได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ปัจจุบันรถ EV ทั่วไปสามารถวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ (ประมาณ 700 กม.) โดยแวะชาร์จเร็วแค่ครั้งเดียว ส่วนการใช้งานในเมืองอาจชาร์จเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงอาจขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การใช้แอร์ และสภาพการจราจร แนะนำให้ใช้ระบบตรวจสอบพลังงานในรถเพื่อปรับการขับขี่ให้เหมาะสม นอกจากนี้ รุ่น EV ของ Toyota อาจติดตั้งเทคโนโลยีหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานพลังงานในพื้นที่ที่มีแสงแดดเพียงพออย่างประเทศไทย
Q
เป้าหมาย EV สำหรับปี 2025 คืออะไร?
ตามแผนของรัฐบาลไทย ภายในปี 2568 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะคิดเป็น 30% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายนี้ตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รัฐบาลได้เปิดตัวมาตรการส่งเสริมหลายอย่าง ทั้งการลดภาษีนำเข้า ให้ส่วนลดการซื้อรถ และการขยายสถานีชาร์จให้มากขึ้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้รถ EV เป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างชัดเจน ตอนนี้หลายแบรนด์รถยนต์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ต่างก็เพิ่มการลงทุนในตลาด EV เปิดตัวรุ่นที่ตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น เช่น SUV ขนาดเล็กและรถเก๋งประหยัดพลังงาน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย นอกจากนี้ เมื่อเทคโนโลยีแบตเตอรี่พัฒนาขึ้นและมีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการใช้รถ EV จะถูกลงเรื่อยๆ ปัญหาเรื่องระยะทางก็จะคลี่คลายไปด้วย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตลาดรถ EV จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจะได้เห็นรถรุ่นใหม่ๆ ที่ทั้งประสิทธิภาพสูงและราคาจับต้องได้ แถมยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย
Q
ในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดคือรุ่นไหน
ภายในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีการแข่งขันที่เข้มข้น โดยคาดว่ารุ่นที่ขายดีที่สุดในตลาดไทยน่าจะเป็น BYD Atto 3 ด้วยจุดเด่นเรื่องราคาที่คุ้มค่า ประสิทธิภาพการวิ่งที่เกิน 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ และระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย ส่วน MG 4 Electric และ Tesla Model Y ก็มีแนวโน้มจะครองส่วนแบ่งการตลาดสำคัญเช่นกัน เนื่องจากเป็นรุ่นที่ขายดีในตลาดโลก และ Tesla เองก็กำลังขยายเครือข่ายบริการหลังการขายในไทยอย่างต่อเนื่อง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จพัฒนามากขึ้น และนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลยังคงมีต่อไป อัตราการใช้รถไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหารถไฟฟ้า นอกจากจะต้องสนใจเรื่องระยะทางและราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ความสะดวกในการบริการหลังการขาย และค่าเบี้ยประกันภัยด้วย เพราะทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้รถในระยะยาว
Q
เครื่องยนต์แบบไหนที่อยู่ใน Mazda CX-30 ปี 2022?
รถ Mazda CX-30 รุ่นปี 2022 มาพร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-G อันโด่งดังของแบรนด์ โดยมีให้เลือก 2 แบบคือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แบบดูดธรรมดาขนาด 2.0 ลิตรและ 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าและ 186 แรงม้าตามลำดับ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้การเร่งที่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันเป็นอย่างดี เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยี SPCCI (Spark Controlled Compression Ignition) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mazda ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ เหมาะทั้งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่รถติดหรือการเดินทางไกล CX-30 ยังติดตั้งระบบ G-Vectoring Control Plus ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการเข้าโค้ง ทำให้ขับขี่บนเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เทอร์โบแล้ว เครื่องยนต์แบบดูดธรรมดานี้ดูแลรักษาได้ง่ายกว่าและไม่เลือกน้ำมันเชื้อเพลิงมากนัก จึงเหมาะกับสภาพการใช้งานของที่นี่เป็นอย่างดี หากต้องการพลังที่มากขึ้น ลองดูรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-X ล่าสุดจาก Mazda ที่รวมจุดเด่นของทั้งเครื่องเบนซินและดีเซลเข้าด้วยกัน ให้สมรรถนะที่ดีกว่าในขณะที่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นไปอีก
Q
ถังน้ำมันของ Mazda CX-30 ปี 2022 มีขนาดเท่าไร?
รถ Mazda CX-30 รุ่นปี 2022 มีความจุถังน้ำมัน 51 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะกลางได้อย่างลงตัว ในสภาพการขับขี่ทั่วไปในเมืองจะสามารถวิ่งได้ประมาณ 500-600 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง เทคโนโลยีเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่มาพร้อมกับรุ่นนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน เมื่อรวมกับถังน้ำมันขนาดที่เหมาะสม ก็ช่วยลดความยุ่งยากในการต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ขนาดการใช้แอร์ และสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและทำความสะอาดไส้กรองอากาศเป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถ SUV คลาสเดียวกัน อย่างฮอนด้า HR-V ที่มีความจุถังน้ำมันประมาณ 40 ลิตร หรือโตโยต้า Corolla Cross ที่ประมาณ 50 ลิตร แล้ว CX-30 นั้นมีความจุถังน้ำมันอยู่ในระดับค่อนข้างดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ หากต้องเดินทางไกลไปยังภูเขาทางเหนือหรือชายฝั่งภาคใต้ ควรวางแผนจุดแวะเติมน้ำมันล่วงหน้าเพราะบางพื้นที่ปั๊มน้ำมันอาจอยู่ห่างกัน ส่วนเรื่องน้ำมันแนะนำให้ใช้เบนซิน 91 แบบขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเทคโนโลยี Skyactiv
ดูเพิ่มเติม