Q

fiat 500 abarth วิ่งเร็วขนาดไหน

ความเร็วสูงสุดของ Fiat 500 Abarth ขึ้นอยู่กับรุ่นการปรับแต่งและเงื่อนไขการทดสอบ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 205-288 กม./ชม. รุ่นมาตรฐานที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.4 ลิตร สามารถผลิตกำลังได้ 135-180 แรงม้าและแรงบิด 206-250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 205 กม./ชม. ส่วนรุ่นที่ผ่านการปรับแต่ง เช่น Fiat 500 Abarth โดยทีม Pogea Racing เครื่องยนต์ 1.4T มีการเพิ่มกำลังเป็น 331 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 411 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 262 กม./ชม. รุ่น Ares มีกำลังสูงสุด 404 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 288 กม./ชม.
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Fiat 500 มีขนาดเท่าไหร่
ขนาดของ Fiat 500 แตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์โดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 3571 มิลลิเมตร ความกว้างประมาณ 1893 มิลลิเมตร และความสูงประมาณ 1488 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตามขนาดอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในแต่ละรุ่น
Q
cc คืออะไรของ fiat 500
ใน Fiat 500 คำว่า "cc" มักจะหมายถึงขนาดเครื่องยนต์ หรือปริมาตรของกระบอกสูบ ซึ่งจะมีหลายขนาดให้เลือก เช่น 1.2 ลิตร หรือ 1.4 ลิตร ขนาดเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันจะมีผลต่อสมรรถนะของรถและประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน รถ Fiat 500 ที่มีขนาดเครื่องยนต์ต่างกันจะมีประสบการณ์การขับขี่และการใช้น้ำมันที่แตกต่างกัน
Q
วิธีการรีเซ็ตความดันลมในยาง fiat 500
วิธีการรีเซ็ตความดันยางของ Fiat 500 โดยทั่วไปจะทำดังนี้: ก่อนอื่นให้หาปุ่มรีเซ็ตความดันยางของรถ ซึ่งมักจะอยู่ใกล้กับแผงควบคุมที่บริเวณที่นั่งคนขับ จากนั้นในขณะที่ไฟฟ้าของรถเปิดอยู่แต่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ ให้กดปุ่มนี้ค้างไว้หลายวินาที จนกว่าไฟแจ้งเตือนความดันยางบนแผงหน้าปัดจะดับลง ซึ่งหมายความว่าการรีเซ็ตความดันยางเสร็จสมบูรณ์ แต่ควรระวังว่า Fiat 500 ในปีและรุ่นต่างๆ อาจมีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย
Q
เตือนน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ Fiat 500 มีกี่ไมล์ที่เหลือ
เมื่อไฟเตือนน้ำมันของ Fiat 500 ขึ้นมา ระยะทางที่เหลือจะไม่มีกำหนดมาตรฐานคงที่ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30-100 กิโลเมตร ปกติเมื่อไฟเตือนน้ำมันขึ้นใน Fiat 500 จะมีน้ำมันเหลืออยู่ประมาณ 5 ลิตร หากขับขี่ในสภาพการใช้พลังงานตามปกติที่ความเร็วประหยัด เช่น 45-65 กม./ชม. สำหรับรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1.3-1.8 ลิตร สามารถขับได้ประมาณ 50-100 กิโลเมตร แต่หากขับในสภาพการจราจรในเมืองที่แออัด หรือมีการหยุดบ่อย ความเร็วต่ำ การใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น ระยะทางที่เหลืออาจเหลือเพียง 30 กิโลเมตร หรืออาจน้อยกว่านั้น หากขับบนทางด่วนที่ความเร็วสูง หรือขับขี่ที่มีพฤติกรรมรุนแรง เช่น การเร่งเครื่องหรือเบรกอย่างรวดเร็ว ระยะทางที่เหลือก็จะลดลงตามไปด้วย
Q
น้ำหล่อเย็นสำหรับ fiat 500 คืออะไร
น้ำหล่อเย็นของ Fiat 500 เป็นของเหลวที่สำคัญในการรักษาอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วน้ำหล่อเย็นที่ใช้ใน Fiat 500 จะมีส่วนผสมทางเคมีและสมรรถนะเฉพาะที่ช่วยดูดซับและระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป น้ำหล่อเย็นที่ใช้ทั่วไปมีทั้งประเภทที่ใช้เอทิลีนไกลคอลและโพรไพลีนไกลคอล การเลือกน้ำหล่อเย็นคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและชื้นในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือและยาวนาน
Q
เปิดไฟหมอก fiat 500 อย่างไร
วิธีการเปิดไฟหมอก Fiat 500 โดยปกติคือการค้นหาตัวควบคุมสวิตช์ไฟที่รถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย. โดยการหมุนหรือผลัก ป้ายที่บ่งชี้บนวาล์วควบคุม, คุณสามารถเปิดไฟหมอกได้ แต่ขั้นตอนสังเวียนอาจจะแตกต่างกันตามรายละเอียดของการปรับแต่งพารามิเตอร์
Q
ฟิอัต 500 ผลิตที่ไหน
Fiat 500 ผลิตในประเทศอิตาลีเป็นหลัก ในตลาดประเทศไทยได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคบางส่วนด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และขนาดกะทัดรัดคล่องตัว มีสมรรถนะการควบคุมที่ดี รูปลักษณ์ทันสมัย ภายในตกแต่งอย่างประณีต และกำลังเครื่องยนต์เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมือง
Q
น้ำหนักรถ fiat 500 คือเท่าไหร่
น้ำหนักของ Fiat 500 แตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดยทั่วไปรุ่นที่พบได้บ่อยมีน้ำหนักประมาณ 900 ถึง 1100 กิโลกรัม
Q
Fiat 500 มีความยาวอย่างไร
Fiat 500 มีความยาวประมาณ 3571 มิลลิเมตร แต่ตัวเลขอาจแตกต่างเล็กน้อยตามรุ่นและอุปกรณ์ของแต่ละเวอร์ชัน
Q
Fiat 500 ใช้น้ำมันเท่าไหร่
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ Fiat 500 ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ โดยทั่วไปในเขตเมืองใช้น้ำมันประมาณ 6 ถึง 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ขับทางไกลอาจอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน

ข้อดี

ดีไซน์น่ารักคลาสสิกสไตล์อิตาเลียน
มีโทนสีภายในให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ความชอบเฉพาะบุคคล
การควบคุมรถดี ขับสนุก
เสียงท่อไอเสียปรับแต่งโดย Ferrari ให้ความเร้าใจในการขับขี่

ข้อเสีย

ขนาดโซลที่กลางของกระดานแสดงผลเล็กกว่า
ผลลัพธ์ในการต่อต้านแสงสะท้อนของกระจกหลังไม่ดี
จานล้อเลื่อนคลาดเมื่อฝ่ามือออกเหงื่อ
ประสิทธิภาพกำลังไม่โดดเด่น

Q&A ล่าสุด

Q
MG Maxus 9 มีสีอะไรบ้าง คุณชอบสีไหน
MG Maxus 9 ในตลาดไทยมีให้เลือก 3 สีที่各有เอกลักษณ์ แสดงถึงความหรูหราสมัยใหม่ของรถ MPV รุ่นพรีเมียม สี GRANITE GREY BLACK TOP ใช้โทนสีเทาเข้มคู่กับหลังคาสีดำแบบ Two-Tone พร้อมสีเมทัลลิกที่ให้เอฟเฟกต์สะท้อนแสงเป็นชั้นๆ ดูคลาสสิกแต่ก็มีความทันสมัย เหมาะกับนักธุรกิจที่ชอบความหรูหราแบบเรียบหรู ส่วนสี PEARL WHITE ใช้เทคนิคสีไข่มุกพิเศษ โดยมีการผสมผงมุกที่ให้แสงแวววาวอ่อนๆ ใต้แสงแดด ดูสดชื่นและมีระดับ ช่วยขับความเป็นเจ้าของที่มีรสนิยมดี และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยเป็นพิเศษ สำหรับสี BLACK KNIGHT เป็นสีดำลึกเฉพาะตัว พร้อมฟินิชชิ่งที่ให้ความเงางามสูงสุด แสดงถึงความหรูหราอลังการของรถ MPV รุ่นเรือธง แต่ต้องดูแลรักษาบ่อยหน่อยในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากของไทย ทุกสีถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในเขตร้อน มีความทนทานต่อสภาพอากาศและรังสียูวีเป็นอย่างดี โดยสีขาวไข่มุกถือว่าปฏิบัติการได้ดีที่สุด เพราะดูแลง่ายและไม่ร้อน车内 ส่วนสีเทาแกรนิตกับดำไนท์เหมาะกับคนที่ชอบความโดดเด่นเป็นพิเศษ
Q
MG Maxus 9 ราคาเท่าไหร่
MG Maxus 9 เปิดตัว 2 รุ่นในไทยแล้ว ทั้งรุ่น X และรุ่น V ราคาเริ่ม 2.499 ล้านบาท และ 2.699 ล้านบาทตามลำดับ รถรุ่นนี้โดดเด่นด้วยการเป็น MPV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ขนาดตัวถัง 5,270×2,000×1,840 มม. ระยะฐานล้อ 3,200 มม. ให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง แม้จะใช้เป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ก็สะดวกสบาย แบตเตอรี่ขนาด 90kWh ให้ระยะทางสูงสุดถึง 540 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมฟีเจอร์หรูหราอีกมากมาย เช่น เก้าอี้ Ottoman พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับความร้อน/เย็น ระบบเปิด-ปิดประตูหลังและประตูสไลด์อัตโนมัติ ไปจนถึงซันรูฟขนาดใหญ่ ด้านในติดตั้งหน้าจอมัลติมีเดีย 12.3 นิ้ว คู่กับหน้าปัดดิจิตอล 7 นิ้วหรือ 9 นิ้ว ยอดจองในไทยพุ่งแรง ภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์มียอดจองทะลุ 1,100 คัน และถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตัวท้าทาย Toyota Alphard ในตลาดอาเซียน
Q
MG Maxus 9 มีสเปคอะไรบ้าง
MG Maxus 9 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ MPV ระดับไฮเอนด์ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและกลุ่มธุรกิจในตลาดไทย ด้วยความกว้างขวางของพื้นที่ภายในและคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถคันนี้มีขนาดตัวถัง 5270x2000x1840 มม. ระยะฐานล้อ 3200 มม. จุผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้งสองด้าน ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ไกลถึง 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และรองรับการชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเพื่อชาร์จจาก 30% ถึง 80% ด้านในติดตั้งหน้าจอแสดงผลดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอกลางแบบลอยตัว พร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาเลน เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและท่องเที่ยวระยะไกลในไทย สำหรับผู้สนใจในไทยควรทราบว่าแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion Ternary ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน MG ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากนโยบายลดภาษี ทำให้มีราคาคุ้มค่า แนะนำให้ทดลองนั่งแถวที่สามและตรวจสอบพื้นที่เก็บของเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของครอบครัวก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ขนาดตัวถัง Toyota Crown เท่าไหร่?
รถโตโยต้า คราวน์ เป็นรุ่นคลาสสิกที่ขนาดตัวถังจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและรุ่นย่อย ถ้าเอารุ่นล่าสุดเป็นตัวอย่าง ความยาวจะอยู่ที่ประมาณ 4,910-5,030 มม. ความกว้างประมาณ 1,800-1,840 มม. ส่วนความสูงประมาณ 1,450-1,470 มม. ระยะฐานล้อประมาณ 2,920 มม. จัดอยู่ในกลุ่มรถซีดานขนาดกลางใหญ่ ขนาดแบบนี้สำหรับในเมืองไทยถือว่าโอเคเลย ทั้งให้พื้นที่โดยสารที่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใหญ่จนขับยากหรือจอดลำบากในลานจอดรถ สำหรับตลาดไทย คราวน์ถือว่าเหมาะกับครอบครัว โดยเฉพาะช่วงขาหลังที่กว้างขวาง ช่วยให้สบายเวลาเดินทางไกล ส่วนกระโปรงหลังก็จุของได้เยอะพอใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากขนาดตัวรถแล้ว คนไทยที่กำลังมองหารถอาจจะสนใจระบบไฮบริดของคราวน์ที่ช่วยประหยัดน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ อีกทั้งเครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าในไทยก็ครอบคลุม ซ่อมบำรุงสะดวก นี่ก็เป็นจุดเด่นที่ควรคิดถึงเวลาเลือกซื้อรถเหมือนกัน
Q
Toyota Crown ผ่อนต่อเดือนเท่าไหร่?
จำนวนผ่อนรายเดือนของ Toyota Crown ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นที่เลือก ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ยกตัวอย่างรุ่นไฮบริด 2.5L ที่มีราคารถประมาณ 2 ล้านบาท หากวางเงินดาวน์ 30% และผ่อนนาน 5 ปี ภายใต้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารชั้นนำที่ประมาณ 2.5%-3.5% จะมีค่างวดประมาณ 25,000-28,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ในการซื้อรถยนต์ในไทยนอกจากราคารถและดอกเบี้ยแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประกันภัยชั้นหนึ่งประมาณ 3% ของราคารถ, ค่าจดทะเบียนราว 1,000-2,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีกด้วย หากเลือกไฟแนนซ์ บางดีลเลอร์อาจมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% สำหรับปีแรก ในระยะยาว รถยนต์ไฮบริดอย่าง Toyota Crown ยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีบางส่วน และมีความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถ ควรเปรียบเทียบเงื่อนไขกับรถระดับเดียวกัน เช่น Lexus ES หรือ Honda Accord Hybrid พร้อมทั้งตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยล่าสุดผ่านเว็บไซต์ของสมาคมธนาคารไทยก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม