Q

Xiaomi SU7 ใช้เวลาชาร์จนานกี่เท่าใด

เวลาในการชาร์จของ Xiaomi SU7 จะแตกต่างกันไปตามวิธีการชาร์จและการตั้งค่าของรุ่น โดยทั่วไปแล้วในการชาร์จเร็ว ใช้เวลาเพียง 30-50 นาทีในการชาร์จถึง 80% สำหรับรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์ม 800V (รุ่น Pro ขึ้นไป) สามารถเติมพลังได้ 510 กิโลเมตรใน 15 นาที ส่วนรุ่น 400V จะเติมพลังได้ 350 กิโลเมตรในเวลา 15 นาที และยังมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมด้วยการชาร์จ 5 นาที เติมพลังได้ 200 กิโลเมตร สำหรับการชาร์จช้าจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นในการชาร์จเต็ม จากการทดสอบจริง Xiaomi SU7 2024 รุ่นสี่ล้อขับเคลื่อน Max ระยะทางยาวสามารถชาร์จจาก 0 ถึงเต็มได้ใน 55 นาที และจาก 30% ถึง 80% ใช้เวลา 19 นาที
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Xiaomi SU7 มีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษอะไรบ้าง
Xiaomi SU7 ยังไม่เปิดตัวในประเทศไทย ข้อมูลส่วนลดจึงยังไม่มีในขณะนี้
Q
Xiaomi SU7 มีศูนย์บริการในประเทศไทยหรือไม่
Xiaomi SU7 ไม่มีศูนย์บริการในประเทศไทย
Q
Xiaomi SU7 มีสีอะไรให้เลือกบ้าง
Xiaomi SU7 ปัจจุบันมีสีภายนอกทั้งหมด 10 สี ได้แก่ น้ำเงินเกาะเบย์ ส้มลาวา เทาอาย่า น้ำเงินดาวตก ม่วงประกาย สีเขียวมะกอก เทาหินบะซอลต์ ขาวมุก ดำเพชร และชมพูระยิบ ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ดังนี้ สีสปอร์ต ได้แก่ น้ำเงินเกาะเบย์ และส้มลาวา สีแฟชั่น ได้แก่ เทาอาย่า น้ำเงินดาวตก และม่วงประกาย สีหรูหรา ได้แก่ สีเขียวมะกอก และเทาหินบะซอลต์ สีคลาสสิก ได้แก่ ขาวมุก และดำเพชร สำหรับสีภายในมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ เทากาแล็กซี่ แดงพลบค่ำ ม่วงหมอก สีดำออบซิเดียน และเทานวล
Q
Xiaomi SU7 เทียบกับรุ่น Tesla ใดที่ดีกว่า
Xiaomi SU7 และ Tesla มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน Xiaomi SU7 อาจมีข้อได้เปรียบในด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและความคุ้มค่าของการตั้งค่า ในขณะที่รถยนต์ Tesla เช่น Model 3 หรือ Model Y มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีไฟฟ้า ระยะทางการขับขี่ที่ยาวนาน และอิทธิพลของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม การเลือกรุ่นที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ หากคุณให้ความสำคัญกับราคาและการตั้งค่าที่หลากหลาย Xiaomi SU7 อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณมองหาเทคโนโลยีไฟฟ้าที่ทันสมัยและระยะทางการขับขี่ที่ยาวนาน Tesla อาจเหมาะสมกว่า
Q
Xiaomi SU7 มีระบบขับขี่อัตโนมัติหรือไม่
Xiaomi SU7 มาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติที่ชื่อว่า Xiaomi Pilot ซึ่งแบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ Xiaomi Pilot Pro และ Xiaomi Pilot Max ระบบนี้มีฮาร์ดแวร์เช่น Lidar กล้องความละเอียดสูง เรดาร์มิลลิเมตร วัดระยะอัลตราซาวด์ และบางรุ่นยังติดตั้งชิป NVIDIA DRIVE Orin จำนวน 2 ชิป ที่มีความสามารถในการคำนวณรวม 508TOPS ระบบนี้มีฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การนำทางบนทางหลวง การนำทางในเมือง และการช่วยจอด รวมถึงสามารถตามรถคันหน้า รักษาเลน ขับแซงอัตโนมัติ และสามารถระบุสัญญาณไฟจราจรและคนเดินถนนได้ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแล้ว SU7 ปัจจุบันยังเป็นระบบช่วยขับขี่ระดับ L2 และต่ำกว่าค่ะ
Q
Xiaomi SU7 สามารถวิ่งได้กี่กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ระยะทางการขับขี่ของ Xiaomi SU7 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และสภาพแวดล้อม โดยทั่วไปแล้วในกรณีการตั้งค่าปกติ ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ในแต่ละครั้งหลังจากชาร์จเต็มจะอยู่ที่ประมาณ 500 กิโลเมตร
Q
Xiaomi SU7 มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง
Xiaomi SU7 ในประเทศจีนมีรุ่นมาตรฐาน รุ่น Pro ที่มีระยะทางการขับขี่ยาวนานขึ้นและรุ่น Max ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
Q
Xiaomi SU7 จะเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไหร่
ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเวลาที่ Xiaomi SU7 จะเข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยทั่วไป เวลาในการเปิดตัวรุ่นใหม่จะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น กลยุทธ์ทางการตลาด การจัดการการผลิต และกระบวนการรับรองต่างๆ ท่านสามารถติดตามข้อมูลล่าสุดจากช่องทางทางการของ Xiaomi เพื่อทราบข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
Q
ราคา Xiaomi SU7 ในประเทศไทยเท่าไหร่?
ขณะนี้ Xiaomi ยังไม่มีการจำหน่ายรถยนต์รุ่น SU7 ในตลาดประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ราคาของรุ่นนี้ในประเทศไทยได้ หากมีผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าสู่ตลาดไทยในอนาคต ราคาจะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การตั้งค่าของรถ ความต้องการในตลาด ราคาจากคู่แข่ง เป็นต้น

ข้อดี

กำลังขับรถแข็งแรง ประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วจาก 0-100 km/h ดีเยี่ยม
ระยะทางขับเคลื่อนในโหมดไฟฟ้าแบบเต็มเป็นระยะไกลเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในการเดินทาง
มีความพร้อมด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย รวมถึงระบบเตือนความปลอดภัยก่อนอันตาย
ลักษณะภายนอกสวยงาม มีร่างกายแบบคูเปี่ยน้อยสูงทำให้โดดเด่นและน่าสนใจ
สภาพภายในรถมีความเทคโนโลยีขั้นสูง มีหน้าจอควบคุมกลางขนาดใหญ่และการใช้งานสะดวกสบาย

ข้อเสีย

ผ้าเบาะของที่นั่งแข็ง ทำให้ความสบายของแถวหลังเท่ากัน
บางปุ่มทางกายภาพถูกลบออก ไม่สอดคล้องกับนิสัยการใช้งาน
โหมดสปอร์ตไม่เป็นมิตรกับความเร็วต่ำ และมีโอกาสลื่นลาดง่าย
โครงรถต่ำค่อนข้างทำให้ง่ายต่อการติดถนนบางส่วน

Q&A ล่าสุด

Q
2023 Honda CR-V เป็นรถ 7 ที่นั่งหรือไม่
Honda CR-V ปี 2023 ในตลาดประเทศไทยมีทางเลือกแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการอัปเกรดสำคัญที่ Honda พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระยะฐานล้อถูกเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตรเป็น 2700 มิลลิเมตร ทำให้เบาะแถวที่สามมีพื้นที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางของครอบครัวไทยที่มักมีหลายเจเนอเรชันไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังในรุ่น 7 ที่นั่งเมื่อมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งจะเหลือเพียง 146 ลิตร แต่สามารถขยายเป็น 472 ลิตรได้ด้วยการพับเบาะแถวที่สามลง ซึ่งตอบสนองการใช้งานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเทศกาลที่ต้องขนของจำนวนมากได้เป็นอย่างดี รถรุ่นนี้มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 15 ลิตร (193 แรงม้า) และระบบไฮบริด 20 ลิตร (207 แรงม้า) โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่เหมาะกับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่มีการหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมัน CR-V ในประเทศไทยยังคงมีมูลค่าขายต่อสูงและมีความน่าเชื่อถือที่พิสูจน์แล้วภายใต้สภาพอากาศร้อนและฝนชุก การเพิ่มทางเลือก 7 ที่นั่งยิ่งทำให้ CR-V แข็งแกร่งขึ้นในฐานะ SUV สำหรับครอบครัว แต่แนะนำให้ผู้บริโภคทดลองใช้งานจริงในเบาะแถวที่สามก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากเบาะแถวหลังของ SUV ขนาดคอมแพกต์มักจะเหมาะกับเด็กหรือการนั่งระยะสั้นมากกว่า
Q
มีปัญหาใดๆ กับ Honda CR-V 2023 หรือไม่
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยแสดงผลงานค่อนข้างนิ่ง แต่จากเสียงสะท้อนของเจ้าของรถบางส่วนอาจพบปัญหาที่พบบ่อยอยู่บ้าง อย่างแรกคือระบบมัลติมีเดียอาจมีอาการค้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานระบบนำทางในสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้การตอบสนองช้าลง ซึ่งควรอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยส่งผลต่อความเสถียรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จริงๆ ส่วนรุ่นไฮบริดอาจมีเสียงเบรกผิดปกติเล็กน้อยในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบเบรกทุกครั้งที่เข้าศูนย์บริการ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้บางรายรายงานว่าหลังจากการพับเบาะหลังลงจะมีระดับต่างจากพื้นที่เก็บของประมาณ 2 ซม. ควรระมัดระวังเรื่องความเรียบเมื่อขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทางบริการหลังการขายของฮอนด้าไทย และไม่ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของรถ สำหรับคนไทยแล้ว เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L ของ CR-V ยังคงแสดงประสิทธิภาพการบริโภคน้ำมันที่ประมาณ 6.8L/100km แม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ส่วนรุ่นไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปมาระหว่างเมืองบ่อยๆ ก่อนซื้อแนะนำให้ทดลองขับเน้นการตอบสนองของระบบอิเล็กทรอนิกส์และประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้รถในไทย และฮอนด้าไทยยังมีบริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรเพื่อคุ้มครองสิทธิ์เจ้าของรถอย่างมีประสิทธิภาพ
Q
2023 Honda CRV สามารถไปได้เร็วแค่ไหน
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ที่ขายในไทยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 190 กม./ชม. แต่ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าระบบ รวมถึงสภาพถนนในแต่ละพื้นที่ SUV คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรหรือระบบไฮบริด 2.0 ลิตร ที่ยังคงให้กำลังขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคงแม้ในสภาพอากาศร้อนและรถติดในเมืองไทย ควรระวังว่าความเร็วสูงสุดบนทางด่วนไทยส่วนใหญ่จำกัดที่ 120 กม./ชม. ดังนั้นควรขับขี่ตามกฎจราจร ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะของ CR-V เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาช่องทางเดินรถ ช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายในสภาพถนนที่ซับซ้อนรอบกรุงเทพฯ รถรุ่นนี้ขายดีในตลาดไทยเพราะประหยัดน้ำมันและมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัว โดยรุ่นไฮบริดยิ่งตอบโจทย์ในยุคที่油价น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ควรบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อน
Q
ฮอนด้า CR-V 2023 ใช้เชื้อเพลิงกี่ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเบนซินทั่วไปจะกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 7.5-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นไฮบริดนั้นประหยัดกว่าคืออยู่ที่ประมาณ 5.0-5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ด้วยนะ โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนและถนนในกรุงเทพก็ติดขัดบ่อย ถ้าอยากประหยัดน้ำมันจริงๆ แนะนำให้ขับแบบเนียนๆ ไม่เร่งกระชาก แล้วก็คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า จะช่วยลดการสิ้นเปลืองได้ ส่วนการดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศและน้ำมันเครื่อง ก็ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีให้รถไฮบริด ทำให้ CR-V รุ่นไฮบริดประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวกว่า แถมระบบ i-MMD ของฮอนด้ายังเหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ ช่วยลดการกินน้ำมันได้ดีเลย สำหรับคนที่กำลังมองหารถ SUV ในไทย นอกจากจะดูตัวเลข油耗จากแคตาล็อกแล้ว ควรดูด้วยว่าวันๆ ขับในเมืองมากหรือขับทางไกลบังคับ เพราะถ้าขับทางไกล ความแตกต่างของอัตราสิ้นเปลืองระหว่างรุ่นเบนซินกับไฮบริดจะลดลงนะ
Q
2023 CR-V ดีกว่า 2022 หรือไม่
รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่นปี 2023 ได้รับการอัปเกรดหลายจุดเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2022 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากขึ้น เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยขึ้นด้วยกริลหน้าและไฟหน้า LED ที่ดูเฉียบคมกว่าเดิม พร้อมเส้นสายตัวรถที่ลื่นไหล ทำให้ภาพรวมดูโมเดิร์นกว่า ส่วนภายในใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างหนังนุ่มเพิ่มขึ้น จอทัชสกรีนขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 9 นิ้ว และรองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกไฮเทคได้ชัดเจน ในส่วนของพื้นที่โดยสาร รุ่น 2023 เพิ่มระยะฐานล้ออีก 40 มม. ทำให้มีพื้นที่ขาโดยเฉพาะเบาะหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางไกล แม้ยังใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบเหมือนเดิม แต่มีการปรับตั้งใหม่ให้ประหยัดน้ำมันขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์กับสภาพการจราจรติดขัดในไทย ระบบความปลอดภัยก็ดีขึ้นด้วยการติดตั้ง Honda Sensing เป็นมาตรฐาน ซึ่งรวมฟังก์ชั่น Cruise Control แบบปรับความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมเลน ช่วยให้ขับขี่ในเมืองไทยที่การจราจรซับซ้อนได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังปรับระบบช่วงล่างให้รองรับถนนสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทยได้ดีกว่าเดิม ราคาของรุ่น 2023 อาจสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็คุ้มค่ากับการอัปเกรดต่างๆ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถครอสโอเวอร์ถ้าคิดถึงความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่เน้นความทันสมัยและความสบายในการใช้งาน รุ่น 2023 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้ายังเน้นราคาประหยัด อาจมองหารุ่น 2022 ที่ตอนนี้อาจมีโปรโมชั่นน่าสนใจ
ดูเพิ่มเติม