Q

ฮอนด้าซิตี้ใช้น้ำมันเกียร์กี่ลิตร

ปริมาณน้ำมันเกียร์ของ Honda City อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ของรถยนต์ โดยทั่วไปแล้วปริมาณน้ำมันเกียร์ของรุ่นที่พบได้บ่อยจะอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 5 ลิตร แต่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด แนะนำให้คุณตรวจสอบคู่มือเทคนิคของรถหรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย Honda ท้องถิ่น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ของ Honda City อยู่ที่ไหน
ใน Honda City ตำแหน่งตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มักอยู่ในห้องเครื่อง ระดับน้ำมันเบรกมักมีสัญลักษณ์แสดงอยู่บนกระปุกน้ำมันเบรก ส่วนระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์โดยทั่วไปจะมีขีดบอกระดับบนกระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ แต่ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและปีที่ผลิต
Q
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหยอดคูลแลนท์ในฮอนด้าซิตี้
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นใน Honda City มีดังนี้: เปิดฝากระโปรงหน้าก่อน จากนั้นมองหาถังเก็บน้ำหล่อเย็น ซึ่งมักจะเป็นถังโปร่งแสงและมีขีดแสดงระดับอยู่ ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่าง หากระดับต่ำเกินไป ให้เติมน้ำหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติเดียวกับน้ำหล่อเย็นเดิมของรถยนต์ ควรระวังไม่ให้เติมเกินขีดบน ในขณะเดียวกันควรตรวจสอบว่าน้ำหล่อเย็นมีการเปลี่ยนสี ขุ่น หรือมีรอยรั่วหรือไม่
Q
วิธีการลบอุปกรณ์บลูทูธจากฮอนด้าซิตี้
วิธีการลบอุปกรณ์ Bluetooth ใน Honda City ปกติคุณสามารถค้นหาเมนู Bluetooth ได้จากการตั้งค่าของระบบมัลติมีเดียในรถยนต์ จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่จับคู่ไว้เพื่อทำการลบออก อย่างไรก็ตาม รุ่นปีและการตั้งค่าต่าง ๆ ของ Honda City อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียดของขั้นตอน แต่โดยทั่วไป คุณสามารถเข้าสู่เมนูตั้งค่าของรถ ค้นหาหน้าการตั้งค่า Bluetooth จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการลบและยืนยันการลบ
Q
หม้อน้ำ Honda City อยู่ที่ไหน
หม้อน้ำของ Honda City มักจะอยู่ที่ด้านหน้าของห้องเครื่อง ใกล้กับส่วนหัวรถ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมของรถ
Q
ควรจะเปลี่ยนหัวเทียน honda city เมื่อไหร่
ระยะเวลาการเปลี่ยนหัวเทียนใน Honda City ปกติอยู่ที่ประมาณ 40,000 ถึง 60,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพการขับขี่ของรถด้วย หากรถมีอาการสตาร์ทติดยาก รอบเดินเบาไม่นิ่ง หรือเร่งความเร็วได้ไม่ดี อาจต้องตรวจสอบและเปลี่ยนหัวเทียนก่อนกำหนด
Q
รีเลย์สตาร์ทของ Honda City อยู่ที่ตรงไหน
รีเลย์สตาร์ทซ้ำของ Honda City โดยปกติจะอยู่ในกล่องฟิวส์ภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและล็อตการผลิต โดยทั่วไปคุณสามารถตรวจสอบตามขอบของห้องเครื่อง เพื่อหากล่องฟิวส์ที่มีสัญลักษณ์บ่งชี้ และรีเลย์จะอยู่ภายในกล่อง
Q
เซ็มล้อ Honda City มีหมายเลขเท่าไหร่
ขนาดยางของ Honda City อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย โดยขนาดยางที่พบได้บ่อยคือ 185/60 R15 หรือ 195/55 R16
Q
ฮอนด้าซิตี้ควรใช้ยางประเภทใดดี
Honda City ในประเทศไทยมักเหมาะกับการใช้ยางที่เน้นความสบายและการยึดเกาะถนนในสภาพพื้นเปียก เช่น ยางตระกูล Michelin Primacy ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำและควบคุมรถได้อย่างมั่นคง หรือจะเป็นยางในตระกูล Bridgestone Turanza ที่มีคุณสมบัติทนทานและลดเสียงรบกวนได้ดี อย่างไรก็ตาม การเลือกยางที่เหมาะสมควรพิจารณาจากลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และงบประมาณของคุณด้วย
Q
Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างอย่างไร
ตามข้อมูลที่ให้มา Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และรายละเอียดภายใน ดังนี้: 1.ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.0T เทอร์โบ ขนาดความจุ 988 ซีซี (1.0 ลิตร) แต่รุ่น V มีฟังก์ชันปรับโหมดการขับขี่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าสมรรถนะรถให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ เช่น ในโหมดประหยัดจะเน้นการประหยัดน้ำมันมากขึ้น หรือในโหมดสปอร์ตจะตอบสนองการเร่งได้ดีกว่า ขณะที่รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ 2.รุ่น V ติดตั้งระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ซึ่งสามารถตรวจวัดความดันยางได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงจากความดันยางผิดปกติ ส่วนรุ่น S ไม่มีระบบนี้ นอกจากนี้ รุ่น V ยังมีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 ใบ ครอบคลุมทั้งด้านหน้า ด้านข้างของที่นั่งคู่หน้า และม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับผู้โดยสารในรถมากขึ้น ส่วนรุ่น S มีเพียง 4 ใบ ซึ่งขาดม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง 3.ระบบช่วยขับขี่: รุ่น V มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ซึ่งช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ลดความเมื่อยล้าจากการขับระยะไกล รุ่น S ไม่มีระบบนี้ 4.รุ่น V ยังมีระบบแจ้งเตือนขณะถอยหลัง ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหลังได้รวดเร็วกว่า รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ รุ่น V มีช่องลมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสาร ขณะที่รุ่น S ไม่มี นอกจากนี้ กระจกมองข้างของรุ่น V เป็นแบบลดแสงสะท้อนแสงแดด ช่วยลดแสงสะท้อนที่อาจรบกวนสายตาผู้ขับขี่ แต่ในรุ่น S ไม่มีการกล่าวถึงคุณสมบัตินี้
Q
อันดับน้ำมันเกียร์ Honda City ใช้กี่ลิตร
ปริมาณน้ำมันเกียร์ของ Honda City โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 4 ลิตร แต่ปริมาณที่แน่นอนอาจแตกต่างไปตามปีของรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
ระบบดีเซลที่มีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี รุ่น RS ยอดนิยมมีชุดสไตล์กีฬารอบคัน RS ซึ่งประกอบด้วยกริดหน้าของรถสีดำและกระจกข้าง กันชนหน้าสไตล์กีฬา ไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไฟวิ่งกลางวันและไฟหมอก LED
ภายในรถเรือนสวยงามและมีอุปกรณ์ครบครัน มีบรรยากาศกีฬาในรถ มีหน้าจอวิทยุชั้นสูงที่สามารถสัมผัสได้ 8 นิ้ว สนับสนุน Apple CarPlay และมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
เครื่องยนต์ที่แข็งแรง DOHC VTEC TURBO ขนาด 1.0 ลิตรแบบ 3 ลูกสูบ 12 วาล์ว ที่ 5500 รอบ/นาทีมีกำลังสูงสุดถึง 122 ม้า ซึ่งเป็นค่าที่สุดในหมวดเดียวกัน

ข้อเสีย

ความสบายและความสะดวกสบายมีข้อจำกัด
ประสิทธิภาพที่ความเร็วต่ำน้อย
ราคาสูงถึง 739000 บาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และคู่แข่งมีระบบที่ไม่เยี่ยมเท่า City
ระบบความปลอดภัยไม่พอ ในด้านความปลอดภัย City แย่กว่าคู่แข่ง รุ่นใหม่ของ City ไม่มีชุด Honda Sensing เท่าที่มีเพียงระบบความปลอดภัยพื้นฐาน

Q&A ล่าสุด

Q
Lamborghini Huracan น่าจะหายากไหม?
การมองหา Lamborghini Huracán ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีหลายรุ่นที่ยังคงวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ เช่น Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023, Huracán Tecnica V10 5.2 NA 2022 และ Lamborghini Huracán STO ปี 2021 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสถานะพร้อมจำหน่าย ในประเทศไทย Lamborghini มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกระจายอยู่ในเมืองหลัก ผู้สนใจสามารถติดต่อหรือเดินทางไปยังโชว์รูมเหล่านี้เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น Huracán ทั้งในเรื่องของรถที่มีในสต็อก ออปชันที่เลือกได้ และราคา นอกจากนี้ เว็บไซต์ทางการของ Lamborghini ยังแสดงข้อมูลรุ่น Huracán อย่างครบถ้วน ทั้งรายละเอียดทางเทคนิค อุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงช่องทางติดต่อกับดีลเลอร์ในพื้นที่ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนและสอบถามเพิ่มเติมได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีของรุ่นพิเศษหรือรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำนวนผลิตจำกัด อาจต้องใช้เวลาในการค้นหา แต่หากมีการติดตามและพูดคุยกับผู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับรถรุ่นที่ต้องการเช่นกัน
Q
Tesla รวดเร็วกว่า Lamborghini Huracan หรือไม่?
Tesla จะเร็วกว่า Lamborghini Huracán หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบ และ เกณฑ์ที่ใช้วัดความเร็ว Tesla มีหลายรุ่น เช่น Model S Plaid ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า และสามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2 วินาที ในขณะที่ Lamborghini Huracán ก็มีหลายเวอร์ชันเช่นกัน เช่น Huracán STO ที่ทางการระบุว่าเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน ประมาณ 3 วินาที หากพิจารณาเฉพาะอัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. จะพบว่า Tesla บางรุ่นสามารถทำความเร็วได้ดีกว่า Huracán บางรุ่น แต่หากดูในด้าน ความเร็วสูงสุด เช่น Huracán Sterrato V10 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 260 กม./ชม. ในขณะที่รถ Tesla หลายรุ่นมีความเร็วสูงสุดต่ำกว่านั้น สรุปคือ ไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่า Tesla เร็วกว่าหรือช้ากว่า Lamborghini Huracán ทั้งนี้ต้องพิจารณาแต่ละรุ่นที่เปรียบเทียบ รวมถึงปัจจัยด้านสมรรถนะ เช่น อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันของทั้งสองแบรนด์
Q
รอคอย Lamborghini Huracan นานเท่าไหร่?
ระยะเวลารอรับรถ Lamborghini Huracán ไม่ได้กำหนดตายตัวและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากโชว์รูมมีรถพร้อมส่งมอบ ผู้ซื้ออาจได้รับรถภายใน ประมาณ 1–2 สัปดาห์ แต่โดยทั่วไปแล้ว Lamborghini ในฐานะซูเปอร์คาร์แบรนด์ มักต้องใช้วิธี สั่งผลิตตามคำสั่งจอง ในกรณีที่ต้องสั่งผลิต ระยะเวลารอโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3–6 เดือน หรืออาจนานกว่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการผลิตของ Lamborghini มีความซับซ้อน และรถทุกคันต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หากมีการเลือก ออปชันพิเศษหรือการตกแต่งแบบเฉพาะบุคคล เช่น สีตัวถังแบบพิเศษ วัสดุตกแต่งภายในแบบเฉพาะ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะทาง จะทำให้ระยะเวลาการผลิตยืดออกไปอีก นอกจากนี้ ภาวะอุปสงค์และอุปทานของตลาด ก็มีผล หากช่วงใดมีความต้องการ Huracán สูง ระยะเวลารอรับรถอาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Q
Lamborghini Huracan ที่ช้าที่สุดคืออะไร?
ในบรรดารถตระกูล Lamborghini Huracán รุ่นที่มีความเร็วต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันภายในซีรีส์คือ Lamborghini Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023 โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 260 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ตามข้อมูลทางการอยู่ที่ 3.4 วินาที รถรุ่นนี้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 26,690,000 บาท จัดอยู่ในประเภทสปอร์ตคาร์ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ติดตั้งเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 449 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร แม้ Huracán Sterrato จะไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดในซีรีส์ แต่ยังคงถ่ายทอด ดีเอ็นเอด้านสมรรถนะของ Lamborghini ได้อย่างครบถ้วน โดยรถตระกูล Huracán มีรุ่นย่อยหลายแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งด้านความเร็ว ความสนุกในการขับขี่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละรุ่น
Q
Urus หรือ Huracan ไหนเร็วกว่า?
Urus และ Huracán มีสมรรถนะที่แตกต่างกันในด้านอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด จึงไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นใดเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ โดย Lamborghini Urus ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบวางหน้า ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. ส่วน Huracán มีหลายรุ่นย่อยที่สมรรถนะต่างกัน เช่น Huracán STO ใช้เครื่องยนต์ V10 ไร้อัดอากาศ 640 แรงม้า อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. ขณะที่ Huracán Tecnica รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี เร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน 3.2 วินาที โดยรวมแล้ว Huracán บางรุ่นเร่งได้เร็วกว่า Urus แต่ในด้านความเร็วสูงสุด Urus ทำได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นต่างสะท้อนศักยภาพทางเทคนิคและสมรรถนะระดับสูงของ Lamborghini ในแบบที่แตกต่างกัน
ดูเพิ่มเติม