ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

Kevin WongSep 12, 2025, 10:57 AM

Toyota Vios ภายใน

ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงช่วยเพิ่มบรรยากาศ แต่ยังต้องเหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อน การจราจรติดขัด และการใช้งานในชีวิตประจำวัน — เนื่องจากอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฤดูฝนที่มีฝนตกบ่อยครั้ง และการเดินทางที่ติดขัดในเมืองเช่นกรุงเทพฯ  ล้วนมีผลต่อความสามารถในการใช้งานจริงของซันรูฟ ปัจจุบัน ซันรูฟที่นิยมกันแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ ซันรูฟแบบพาโนรามา (รวมถึงแบบแยกส่วนและแบบชิ้นเดียว) และซันรูฟธรรมดา มีเจ้าของรถชาวไทยจำนวนไม่น้อยลังเลในการเลือกว่าจะเลือกแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทย บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลจากความคิดเห็นของผู้ใช้งาน ความเหมาะสมกับสภาพอากาศ และความทนทาน โดยวิเคราะห์จาก 3 มุมมองหลักเพื่อช่วยคุณเลือกโดยไม่ผิดพลาด

ความแตกต่างหลัก: การออกแบบและการใช้งานต่างกัน

ซันรูฟธรรมดา: มีขนาดเล็กกว่า (ส่วนใหญ่มีขนาด 0.2-0.3㎡)  ครอบคลุมเฉพาะตำแหน่งผู้ขับหรือเบาะหน้าระบบเปิดปิดมักเป็นการระบายอากาศขึ้นด้านบนหรือเลื่อนเปิด พบได้บ่อยในรถยนต์ญี่ปุ่นระดับเริ่มต้น เช่น Toyota Vios Honda City  หลักในการออกแบบเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ มีโครงสร้างเรียบง่าย ค่าบำรุงรักษาต่ำ รองรับความต้องการระบายอากาศพื้นฐานได้เป็นอย่างดีBYD Atto 3 ภายนอก

แผนภาพแสดงหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา

ซันรูฟพาโนรามา:แบ่งเป็นแบบแบ่งส่วน(เปิดได้อย่างอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่น Nissan Almera)และแบบชิ้นเดียว (ไม่สามารถเปิดได้ ใช้สำหรับรับแสง เช่น Tesla Model 3) โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 0.8-1.2㎡ ครอบคลุมทั้งหลังคารถ การออกแบบหลักคือเพื่อเพิ่มความรู้สึกโล่งกว้าง เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแสงภายในรถและความหรูหรา พบได้บ่อยในรถรุ่นระดับกลางถึงสูง (เช่น Toyota Camry และ BYD Atto 3)

Toyota Camry ภายนอก

ซันรูฟพาโนรามา: ข้อดีและข้อจำกัดในบริบทประเทศไทย

ข้อได้เปรียบหลัก: ตอบโจทย์ความต้องการบรรยากาศของผู้ใช้ชาวไทย

รับแสงได้อย่างเพียงพอ บรรเทาความอึดอัดในช่วงรถติด: ช่วงเช้าของกรุงเทพฯ ที่การจราจรอาจติดขัดนาน 1-2 ชั่วโมง ซันรูฟพาโนรามาพื้นที่รับแสงขนาดใหญ่สามารถทำให้ในรถดูสว่างขึ้น ลดความอึดอัดในพื้นที่ปิด โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็ก ๆ ซึ่งชอบที่จะมองวิวภายนอกเป็นพิเศษ

การระบายอากาศที่ยืดหยุ่นมากขึ้น (แบบแบ่งส่วน): ในช่วงฤดูฝนที่อากาศอบอ้าวของประเทศไทย ซันรูฟพาโนรามาแบบแบ่งส่วนสามารถเปิดได้เฉพาะส่วนด้านหน้าควบคู่ไปกับการใช้เครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยเร่งการไหลเวียนของอากาศในรถ และยังหลีกเลี่ยงน้ำฝนไหลเข้ามาโดยตรง มีประสิทธิภาพมากกว่าซันรูฟเดี่ยวในแง่ของพื้นที่ระบายอากาศที่กว้างกว่า

เพิ่มมูลค่าในการขายต่อ: จากข้อมูลแพลตฟอร์มรถมือสองในประเทศไทยปี 2024 รถรุ่นเดียวกันที่มีซันรูฟพาโนรามาสามารถขายได้ในราคาสูงกว่ารถที่มีซันรูฟเดี่ยวประมาณ 2%-4% โดยผู้บริโภคชาวไทยมองว่าซันรูฟพาโนรามาให้ความรู้สึกหรูหรามากกว่าโดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจกับฟีเจอร์นี้

ข้อด้อยที่ชัดเจน: ความท้าทายของสภาพอากาศประเทศไทย

ดูดความร้อนชัดในอากาศร้อนจัด: ในช่วงฤดูร้อนตอนเที่ยงของประเทศไทย อุณหภูมิภายในรถสามารถสูงถึง 50℃ กระจกที่มีพื้นที่ใหญ่ของซันรูฟแบบพาโนรามาจะดูดซับความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะติดฟิล์มกันแดดแล้ว แต่ความเร็วในการลดอุณหภูมิภายในรถยังช้ากว่ารถที่ไม่มีซันรูฟ 5-8 นาที และการใช้พลังงานของแอร์ยังสูงขึ้นอีกด้วย ผู้ใช้หลายรายรายงานว่า เมื่อรถที่มีซันรูฟโดนแดดจัดต้องเปิดแอร์ 10 นาทีถึงจะสามารถนั่งได้

ความเสี่ยงในการรั่วช่วงฤดูฝนสูง: ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย (มิ.ย.-ต.ค.) ที่มีฝนตกบ่อยและฝนตกหนัก หากขอบยางของซันรูฟแบบพาโนราม่าเสื่อมสภาพหรือมีการอุดตันของรูระบายน้ำ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการรั่ว ข้อมูลจากอู่ซ่อมรถในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่าช่วงฤดูฝน การซ่อมแซมการรั่วของซันรูฟแบบพาโนราม่ามีจำนวนมากกว่าซันรูฟแบบเดี่ยวถึง 3 เท่า โดยค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมส่วนใหญ่อยู่ที่ 2000-5000 บาท

ความแข็งแกร่งของตัวถังรถต้องได้รับการดูแล: ซันรูฟแบบพาโนราม่าที่มีการออกแบบกระจกเพื่อให้แสงส่องผ่าน จะลดโครงสร้างโลหะบนหลังคา หากต้องวิ่งในเส้นทางที่ไม่เรียบ (เช่น พื้นที่ภูเขาในเชียงใหม่หรือภาคอีสาน) การสะเทือนอาจทำให้เกิดเสียงดังบริเวณขอบซันรูฟ และในบางรุ่นที่ราคาถูกอาจมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนรูปเล็กน้อย

ซันรูฟแบบเดี่ยว: ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของรถที่คำนึงถึงการใช้งานในประเทศไทย

จุดเด่นหลัก: เหมาะสมกับสภาพอากาศและความทนทาน

ป้องกันความร้อนได้ดีกว่า ลดอุณหภูมิได้เร็ว: ขนาดกระจกที่เล็กช่วยลดพื้นที่ในการดูดซับความร้อน เมื่อใช้ร่วมกับฟิล์มกันแดดแล้ว ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิภายในรถจะต่ำกว่าซันรูฟแบบพาโนราม่า 3-5℃ เมื่อเปิดแอร์ภายใน 5 นาที จะสามารถลดอุณหภูมิลงสู่ระดับที่เหมาะสมได้ ประหยัดน้ำมันหรือพลังงานไฟฟ้ามากกว่า

โอกาสการรั่วน้ำน้อย การดูแลรักษาง่าย: ขอบยางของซันรูฟแบบเดี่ยวสั้น โครงสร้างรูระบายน้ำแบบเรียบง่าย ไม่ติดฝุ่นหรือใบไม้ มีโอกาสรั่วในช่วงฤดูฝนน้อยกว่าซันรูฟแบบพาโนราม่า 80% และหากเกิดปัญหาค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็ต่ำกว่า (การเปลี่ยนขอบยางใช้เพียง 800-1500 บาท) เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่ไม่ต้องการยุ่งยาก

เหมาะกับรถเก่าและสถานการณ์การใช้งานบ่อย: ในประเทศไทยมีรถเก่าจำนวนมาก โครงสร้างแบบซันรูฟเดี่ยวเรียบง่าย มีอัตราการเสียหายต่ำ เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่ขับทุกวันประมาณ 1-2 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบยางซีลหรือรูระบายน้ำบ่อย ใช้งานได้สะดวกสบายและทนทาน

ข้อด้อยที่ชัดเจน: ประสบการณ์ใช้งานค่อนข้างจำกัด

แสงและการระบายอากาศมีขอบเขตจำกัด: ครอบคลุมเฉพาะที่นั่งด้านหน้า ผู้โดยสารด้านหลังแทบจะไม่ได้รับประโยชน์จากซันรูฟ เมื่อครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือเด็กเดินทางด้วยกัน ที่นั่งด้านหลังอาจรู้สึกอึดอัดได้

บรรยากาศไม่เพียงพอ: เมื่อเปรียบเทียบกับซันรูฟแบบพาโนรามาที่มีความโปร่งโล่งกว่า ซันรูฟเดี่ยวให้ความรู้สึกที่น้อยกว่าในสถานการณ์เช่นดูดาวตอนกลางคืนหรือดูฝนในวันที่ฝนตก ผู้ใช้งานรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความมีพิธีรีตองอาจจะรู้สึกไม่พอใจ

คำแนะนำการเลือกซันรูฟ: 3 ปัจจัยสำคัญที่เหมาะกับประเทศไทย

ดูสภาพการใช้งานรถ: หากใช้งานเป็นหลักในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เลือกซันรูฟแบบพาโนรามาแบบแยกส่วน (แนะนำให้เลือกแบบที่มีฟังก์ชั่น “กันหนีบมือ + ปิดอัตโนมัติ” เช่น Toyota Camry)  หากใช้งานข้ามจังหวัดบ่อยในฤดูฝน หรือมีงบประมาณจำกัด เลือกซันรูฟเดี่ยว (แนะนำให้เลือกติดตั้งจากโรงงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับแต่งเพิ่มเติม)

หลีกเลี่ยงการปรับแต่งเพิ่มเติมหลังการขาย: ในประเทศไทยมีร้านปรับแต่งบางแห่งที่ให้บริการเปลี่ยนซันรูฟเดี่ยวเป็นซันรูฟแบบพาโนรามา (ค่าใช้จ่าย 1-2 หมื่นบาท)  แต่อาจทำให้โครงสร้างหลังคารถเสียหาย มีความเสี่ยงน้ำรั่วในฤดูฝนสูง และส่งผลกระทบต่อการรับประกันตัวรถ แนะนำให้หลีกเลี่ยง

อย่าละเลยการดูแลประจำวัน: ไม่ว่าจะเลือกอันไหน ควรล้างรูระบายน้ำของซันรูฟทุกเดือน และเปลี่ยนยางซีลก่อนฤดูฝน ช่วงฤดูร้อนหากจอดรถ ควรเลือกที่ร่มหรือโรงจอดรถเพื่อลดความเสื่อมสภาพของกระจกซันรูฟจากแสงแดด

โดยสรุป ซันรูฟแบบพาโนรามาที่ให้บรรยากาศดีและซันรูฟเดี่ยวที่มีความคุ้มค่า แก่นแท้อยู่ที่การเลือกประสบการณ์และความสบายใจเป็นอันดับแรกในสถานการณ์การใช้รถยนต์ของประเทศไทย  ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด — หากคุณชอบการเดินทางที่หรูหรา และใส่ใจเรื่องแสงในรถ เลือกซันรูฟแบบพาโนรามาแบบแยกส่วน  หากกังวลเกี่ยวกับความร้อนและน้ำรั่วในหน้าฝน ซันรูฟเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า พิจารณาพฤติกรรมการใช้งานรถของตัวเอง และฟังความคิดเห็นจริงจากเจ้าของรถท้องถิ่น จะช่วยทำให้ซันรูฟกลายเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าให้กับชีวิตการเดินทางในประเทศไทย แทนที่จะกลายเป็นปัญหา

# คำแนะนำในการซื้อ

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

เตรียมเปิดตัว!  Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross

เตรียมเปิดตัว! Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross

【PCauto】Yaris ATIV HEV ใหม่ จ่อเปิดตัว 21 ส.ค.นี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดประหยัดสุด 26.3 กม./ลิตร Toyota เตรียมส่ง Yaris ATIV รุ่นไฮบริดบุกตลาดไทย 21 สิงหาคมนี้ โดยใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VEX ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 111 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 0.7 kWh รองรับน้ำมัน E20 ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยมที่ 26.3 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน WMTC เตรียมเปิดศึกรถซีดานไฮบริดประหยั

AshleyJul 21, 2025
Mitsubishiเปิดตัว SUV 7 ที่นั่งรุ่น Destinator เพื่อแข่งขันกับ Honda CR-V

Mitsubishiเปิดตัว SUV 7 ที่นั่งรุ่น Destinator เพื่อแข่งขันกับ Honda CR-V

【PCauto】Mitsubishi Motors ได้เปิดตัว SUV เจ็ดที่นั่งรุ่นใหม่ Destinator อย่างเป็นทางการที่จาการ์ต้า รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และจะเริ่มจำหน่ายในอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก ก่อนขยายตลาดไปยังไทยและประเทศในอาเซียนอื่นๆ Mitsubishi Destinator มาพร้อมกับฐานล้อยาวพิเศษ 2815 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดจากพื้นถึงตัวรถ 214 มิลลิเมตร รถรุ่นนี้ตั้งเป้าหมายในตลาด SUV ขนาดกลางที่มี Honda CR-V ครองตำแหน่งผู้นำอยู่แล้ว

ธนวัฒน์Jul 21, 2025
BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!

BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!

【PCauto】BYD SEALION 8 เตรียมบุกไทย-ออสซี่ปีหน้า! ใหญ่เทียบ Kluger พร้อมดีไซน์ล้ำยุคจาก Egger BYD SEALION 8 หรือ Tang L เวอร์ชันจีน เตรียมเปิดตัวไตรมาสแรกปี 2026 ในออสเตรเลีย และมีแผนรุกตลาดไทยพร้อมกัน จุดเด่นคือขนาดใหญ่กว่า Toyota Kluger ถึง 120 มม. กับตัวถังยาวกว่า 5 เมตร เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมขุมพลัง PHEV สองรุ่นย่อย และดีไซน์ “Loong Face” นำโดย Wolfgang Egger ไฟหน้า LED แยกส่วน-โลโก้ BYD เรืองแสง เสริมความพรีเมียมด้วยประตูไร้กรอบ ไฟท้าย “ปีกฟีนิกซ์” และหลังคาพาโนรามา ครบเครื่องทั้งความหรู

สุรเดชJul 22, 2025
Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

【PCauto】Toyota bZ4X เปิดให้สั่งจองทางออนไลน์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และภายในสามวันแรกมียอดสั่งจองถึง 1,000 คันรุ่นย่อยและราคาของรถรุ่นนี้แบ่งเป็น:ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ราคา 1,599,000 บาทและขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ราคา 1,699,000 บาทในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของ Toyota ที่ทำตลาดในประเทศไทย bZ4X นำเข้ามาขายโดยมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 73.11 kWh ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 600 กม. (FWD) และ 570 กม. (AWD)ในอีกฝั่งหนึ่ง XPeng G6 ก็ได้เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่:รุ่น Long Range ราคา

วิรุฬห์Aug 27, 2025
Xpeng P7 ฮอตแรง! เปิดจองแค่ 7 นาที ยอดสั่งทะลุ 10,000 คัน

Xpeng P7 ฮอตแรง! เปิดจองแค่ 7 นาที ยอดสั่งทะลุ 10,000 คัน

【PCauto】XPeng P7 ใหม่ เปิดพรีออเดอร์เพียง 6 นาที 37 วินาที ยอดจองทะลุ 10,000 คัน ทำลายสถิติเดิมของแบรนด์ มาพร้อมดีไซน์ XMART FACE ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ X Shape หลังคาลอย เสา A ซ่อน ขอบประตูไร้กรอบ และสปอยเลอร์ไฟฟ้าสร้างแรงกดสูงสุด 900 นิวตัน ค่าลากอากาศเพียง 0.198Cd ภายในล้ำสมัยด้วยจอ 3 ชุด และ AR-HUD ขนาด 87 นิ้ว คมชัดแม้แดดจ้า

ธนวัฒน์Aug 8, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์