Q

Toyota มีกี่รุ่น

โตโยต้าเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดประเทศไทย ด้วยไลน์อัพรถยนต์ที่หลากหลายครอบคลุมหลายประเภท ทั้งรถเก๋ง SUV รถกระบะ และรถยนต์ระบบไฮบริด ซึ่งรวมถึงรถเก๋งอย่าง Yaris Corolla Altis และ Camry รถ SUV อย่าง Corolla Cross Fortuner และ RAV4 รถกระบะอย่าง Hilux และ Hilux Revo รวมถึงรถไฮบริดอย่าง Corolla Cross HEV และ Camry Hybrid โดยมีรุ่นให้เลือกมากกว่า 10 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ในตลาดไทย โตโยต้าได้รับการยอมรับในด้านความทนทานและการบริการหลังการขายที่ดียิ่ง โดยเฉพาะรุ่นอย่าง Hilux และ Fortuner ที่ติดอันดับรถขายดีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเหมาะกับสภาพถนนและการใช้งานที่หลากหลายในประเทศไทย นอกจากนี้โตโยต้ายังมุ่งเน้นเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า โดยเพิ่มรุ่น HEV และมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ในอนาคต เพื่อตอบเทรนด์อุตสาหกรรมรถยนต์โลก สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกโตโยต้าไม่เพียงแต่ได้รถรุ่นที่ผ่านการทดสอบมาแล้วเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสนวัตกรรมประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
"รถ M3 ปี 2024 เป็นรถที่ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไหม?"
BMW M3 ปี 2024 ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะรถยนต์ใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังเหลือเฟือ ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างดีช่วยรักษาความสบายแม้ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้การทำงานที่ราบรื่นกว่ารุ่นก่อนหน้า ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟมาตรฐานช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังบ่อยครั้งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 430 ลิตรเพียงพอสำหรับการซื้อของของครอบครัวหรือการเดินทางระยะสั้น และระบบ iDrive 8.5 รองรับภาษาไทยและระบบนำทางในท้องถิ่นเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ แม้ว่า M3 จะมีการควบคุมที่ยอดเยี่ยม แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ รถคันนี้ยังได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับน้ำมันเบนซิน 95 ออกเทน ซึ่งเหมาะสมกับสภาพน้ำมันในท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยของรถคันนี้ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยเฉลี่ยประมาณ 11-13 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพการขับขี่ในเมือง ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมากสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง เครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ วงจรการจัดหาอะไหล่ค่อนข้างสมเหตุสมผล และต้นทุนการใช้งานในระยะยาวสามารถควบคุมได้
Q
เครื่องยนต์ใน BMW M3 ปี 2024 คืออะไร?
BMW M3 ปี 2024 ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ รหัส S58 เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังสูงสุด 473 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 503 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเกียร์ธรรมดา) ถึง 3.5 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Competition) เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีลดน้ำหนัก เช่น เพลาข้อเหวี่ยงแบบตีขึ้นรูป และฝาสูบพิมพ์ 3 มิติ และติดตั้งระบบระบายความร้อนระดับสนามแข่ง ทำให้เหมาะสำหรับการขับขี่ที่มีความเข้มข้นสูงในสภาพอากาศร้อน เป็นที่น่าสังเกตว่าเครื่องยนต์ 558 นั้นยังใช้ในรุ่นต่างๆ เช่น X3M/X4M ด้วย แต่การปรับแต่งของ M3 เน้นการส่งกำลังที่ราบรื่นและการตอบสนองของรอบเครื่องยนต์ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวและการขับขี่ในสนามแข่งระยะสั้นซึ่งพบได้ทั่วไปในประเทศไทย สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เราขอแนะนำรุ่น M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อรับมือกับถนนที่ลื่นในช่วงฤดูฝน ศูนย์บริการ BMW กรุงเทพฯ ยังมีแพ็คเกจการบำรุงรักษารถยนต์สมรรถนะสูงแบบพิเศษ รวมถึงน้ำมันเครื่องและน้ำยาหล่อเย็นเกรดพิเศษสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงอีกด้วย
Q
"ราคา 2024 M3 เท่าไหร่?"
ราคาของ BMW M3 ปี 2024 แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย รุ่นพื้นฐานมีราคาประมาณ 4.5 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นสมรรถนะสูง Competition xDrive อาจมีราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมและส่วนลดจากดีลเลอร์ รถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลัง 480 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 510 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ในตลาดท้องถิ่น คู่แข่งหลัก ได้แก่ Mercedes-AMG C63 และ Audi RS5 แต่ M3 มีชื่อเสียงในด้านระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการควบคุมที่แม่นยำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความสนุกสนานในการขับขี่ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ นอกเหนือจากราคารถแล้ว ควรพิจารณาภาษีจดทะเบียนเริ่มต้น ประกันภัย และค่าบำรุงรักษาด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ หากงบประมาณจำกัด ตลาดรถยนต์มือสองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากมูลค่าการขายต่อของ M3 ค่อนข้างคงที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดี
Q
2024 M3 CS มีกำลังม้ากี่ตัว?
รถ BMW M3 CS รุ่นปี 2024 นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว สามารถทำกำลังสูงสุดได้ถึง 550 แรงม้า และแรงบิดพีค 650 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน M3 เมื่อทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.4 วินาที แสดงศักยภาพที่ดุดันมากๆ รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบรถสปอร์ตสมรรถนะสูง โดยเฉพาะเวลาขับบนทางด่วนหรือสนามแข่งแถวกรุงเทพฯ จะรู้สึกถึงความแรงเต็มๆ นอกจากนี้ M3 CS ยังมีส่วนประกอบลดน้ำหนักพิเศษ เช่น หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์และระบบไอเสีย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่อีกด้วย ถ้าสนใจรถสปอร์ตแรงๆ แบบนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง AMG C 63 S หรือ Audi RS 5 ก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงสมรรถนะบนสนามแข่งและความสนุกในการขับแล้ว M3 CS นี่ถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างชัดเจนเลยล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสำหรับ M3 ปี 2024 คืออะไร?
สำหรับการดูแลรักษารถรุ่น M3 ปี 2024 ตามประสบการณ์จากรถสมรรถนะสูงระดับเดียวกัน ค่าใช้จ่ายพื้นฐานเช่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่อง ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน จะอยู่ที่ประมาณ 8,000-12,000 บาท แต่ถ้าต้องเปลี่ยนของใช้อย่างน้ำมันเบรกหรือกรองอากาศ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งอาจสูงถึง 15,000-20,000 บาท ควรระวังเรื่องการสึกหรอของยางและระบบเบรกที่มักเกิดกับรถสมรรถนะสูง แนะนำให้ตรวจสอบผ้าเบรกทุก 20,000-30,000 กิโลเมตร ส่วนยางประสิทธิภาพสูงของทางโรงงาน ราคาเริ่มที่เส้นละ 15,000 บาทขึ้นไป ถ้าใช้รถในไทยต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับสภาพอากาศร้อนชื้นที่อาจกระทบระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่ อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันหล่อเย็นบ่อยขึ้นทุก 2 ปี และควรเลือกศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตเพราะพวกเขารู้จักข้อกำหนดเฉพาะของรถรุ่นนี้ดี เช่น สเปคน้ำมันเกียร์และน้ำมันดิฟเฟอเรนเชียล ถ้าต้องขับบ่อยในสภาพรถติด อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นทุก 8,000 กิโลเมตรเพื่อยืดอายุเครื่องยนต์เทอร์โบให้ใช้งานได้นานขึ้น
ดูเพิ่มเติม