Q
Honda City 2015 มีกี่รุ่น
รถยนต์ Honda City รุ่นปี 2015 ที่วางขายในตลาดประเทศไทยมีทั้งหมด 4 รุ่นหลักด้วยกัน ได้แก่ รุ่นพื้นฐาน S, รุ่นกลาง SV, รุ่นสูง V และรุ่นสปอร์ตระดับสูงสุด RS ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์ CVT โดยรุ่น RS ที่เป็นรุ่นพิเศษจะมาพร้อมกับชุดแอร์โรไดนามิกส์เฉพาะรุ่น ภายในตกแต่งด้วยเส้นเย็บสีแดง และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว เพื่อเน้นสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ในขณะที่รุ่นอื่นๆ จะมีจุดเด่นต่างกันไป เช่น กริลโครเมี่ยม, กุญแจอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
สิ่งที่ควรสังเกตคือ Honda City ในตลาดไทยถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนเป็นพิเศษ ระบบแอร์มีความเย็นสูงกว่ารุ่นที่ขายในบางประเทศ และช่วงล่างก็ถูกปรับให้เหมาะกับสภาพถนนในไทย นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังเป็นที่นิยมมากจนติดอันดับรถยนต์คอมแพคต์ที่ขายดีที่สุดในปีนั้น ด้วยความน่าเชื่อถือและประหยัดน้ำมันสูงถึง 15.6 กม./ลิตร ระบบ ECO Assist ที่ช่วยแนะนำจังหวะเปลี่ยนเกียร์ผ่านไฟบนหน้าปัดยังเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมในกลุ่มคนเมืองที่ใช้รถประจำวัน
แม้ว่าคู่แข่งอย่างโตโยต้า วีออส และมาสด้า 2 ในช่วงนั้นจะมีการเสนอสเปกใกล้เคียงกัน แต่จุดแข็งของซิตี้ที่ทำได้ดีกว่าคือแนวคิด MM (Man Maximum Machine Minimum) ของฮอนด้าที่เน้นการใช้พื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะช่วงขาที่กว้างขวางซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับครอบครัวไทย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Honda City มี CarPlay ไหม?
รุ่นล่าสุดของ Honda City ในตลาดไทยตอนนี้ มีฟีเจอร์ Apple CarPlay มาให้ใช้กันแล้ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันบน iPhone อย่างเช่น แผนที่การนำทาง เพลง หรือแอปติดต่อสื่อสารต่างๆ ผ่านหน้าจอในรถได้สะดวกขึ้น ช่วยอัพเกรดประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ฟังก์ชันนำทางแบบเรียลไทม์ของ CarPlay ถือว่ามีประโยชน์มากๆ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังนิดนึงว่า CarPlay อาจจะไม่ได้มีในทุกรุ่นหรือทุกปีผลิตนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับทางโชว์รูมอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจาก CarPlay แล้ว Honda City ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android ด้วยนะ ถือว่าให้ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่คล้ายกัน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อในรถกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญเวลาซื้อรถ ยี่ห้อต่างๆ จึงพยายามอัพเกรดฟีเจอร์ส่วนนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกและความอัจฉริยะของผู้บริโภค Honda City ในฐานะรถซีดานคอมแพคต์ยอดนิยมของตลาดไทย การที่ Honda คอยอัปเดตฟีเจอร์เทคโนโลยีแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าให้ความสำคัญกับความต้องการของคนไทยจริงๆ ครับ
Q
วิธีสตาร์ทรถ Honda City ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Honda City ต้องแน่ใจว่าเกียร์อยู่ตำแหน่ง P แล้ว จากนั้นใส่กุญแจเข้าไปในช่องสตาร์ท เหยียบแป้นเบรกสำหรับเกียร์ออโต้ หรือแป้นคลัทช์สำหรับเกียร์ธรรมดา แล้วบิดกุญแจตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "START" พอเครื่องยนต์ติดก็ปล่อยกุญแจได้เลย ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องดีครับ ถ้าเป็นรุ่นที่ใช้สมาร์ทคีย์ แค่ถือกุญแจเข้าไปในรถ แล้วเหยียบเบรกกดปุ่มสตาร์ทเครื่องก็ได้แล้ว ใส่ใจกับการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอในการใช้งานประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการเริ่มต้นเนื่องจากไฟฟ้าต่ำ ในฤดูฝนของประเทศไทย หากพบระบบจุดระเบิดที่ชื้นและไม่สามารถสตาร์ทได้ คุณสามารถลองใช้ฟังก์ชั่นกุญแจรีโมทเพื่อปลดล็อก/ล็อกประตูหลายครั้งก่อนเพื่อให้ระบบจดจําสัญญาณใหม่ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ตรวจสอบหน้าสัมผัสสวิตช์จุดระเบิดทุก 2 ปีสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงเช่นกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเกิดออกซิเดชันของหน้าสัมผัสส่งผลกระทบต่อความไวในการเริ่มต้น
Q
ยางรถยนต์สำหรับ Honda City รุ่นปี 2021 มีขนาดเท่าไหร่?
ยางมาตรฐานของ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยมีขนาด 185/55 R16 ซึ่งเป็นขนาดที่ตอบโจทย์ทั้งความนุ่มสบายและความคล่องตัว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชานเมืองของไทย โดยตัวเลข 185 หมายถึงความกว้างของยางมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ส่วน 55 คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างยาง (ร้อยละ 55) และ R16 หมายถึงล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้ว สำหรับสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางแบรนด์ดังอย่างบริจสโตนหรือมิชลินที่มีคุณสมบัติการรีดน้ำดีและทนความร้อนสูง ซึ่งทั้งสองแบรนด์มีรุ่นที่เหมาะกับซิตี้โดยเฉพาะ ข้อควรระวังคือแม้การอัพเกรดไปใช้ยางที่กว้างขึ้นจะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะแต่ก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นและอาจส่งผลต่อความแม่นยำของมาตรวัดระยะทาง ดังนั้นควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญก่อนตัดสินใจเปลี่ยน นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดให้ดอกยางต้องมีความลึกไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. และควรตรวจสอบสภาพดอกยางกับความดันลมยางเป็นประจำ (ปกติลมยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ลมยางหลัง 30 psi) โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกลหรือช่วงเข้าหน้าฝนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
Q
Honda City 2021 ประหยัดน้ำมันหรือไม่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ถือว่าประหยัดน้ำมันมากๆ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและการขับขี่ระยะไกล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC แบบ CVT นั้นวิ่งได้เฉลี่ย 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นไฮบริด e:HEV นั้นยิ่งประหยัดขึ้นไปอีก ทำได้ถึง 27-28 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วยลดค่าน้ำมันได้อย่างชัดเจน รถรุ่นนี้ขายดีในไทยไม่ใช่แค่เพราะความประหยัด แต่ยังเพราะขนาดตัวรถที่กำลังดี ขับลุยในซอยแคบๆ ในกรุงเทพหรือจอดก็ง่าย แถมความทนทานของ Honda ก็ผ่านการทดสอบในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมานานแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมว่าตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ทางบริษัทประกาศอาจแตกต่างจากการใช้งานจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การเปิดแอร์ และสภาพถนนด้วย แนะนำให้คนไทยหมั่นดูแลรถตามกำหนดและขับขี่อย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็ไม่ต้องห่วง เพราะ Honda มีเครือข่ายบริการครอบคลุมทั่วไทย พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2021 คือเท่าไหร่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยทำคะแนนด้านความปลอดภัยได้ดีมาก โดยเวอร์ชันผลิตไทยผ่านการทดสอบชนจากอาเซียน NCAP และได้คะแนนเต็ม 5 ดาว ส่วนหนึ่งมาจากระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาระยะเลนรถ รวมถึงถุงลมนิรภัย 6 ใบ ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องบอกว่ามาตรฐานการทดสอบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NCAP นั้นใกล้เคียงกับสภาพการจราจรจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการเพิ่มการประเมินกรณีชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีรถมอเตอร์ไซค์หนาแน่น เวลาเลือกซื้อรถนอกจากดูเรตติ้งดาวแล้ว ควรพิจารณาว่าฟีเจอร์ปลอดภัยไหนตรงกับความต้องการใช้งาน เช่น ถ้าขับทางไกลบ่อยก็เน้นระบบช่วยเหลือผู้ขับ ขณะที่ขับในเมืองอาจดูผลทดสอบการชนความเร็วต่ำ ส่วนสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็ส่งผลต่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกเป็นประจำเพื่อให้ระบบความปลอดภัยทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
Q
เครื่องยนต์ของ Honda City 2021 คืออะไร?
รถยนต์ Honda City รุ่นปี 2021 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC Turbo 3 สูบเทอร์โบชาร์จ และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC 4 สูบแบบอัตโนมัติ รุ่น 1.0T ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่เน้นประหยัดน้ำมันสุดๆ ส่วนรุ่น 1.5L ยังคงใช้เทคโนโลยี i-VTEC แบบคลาสสิกของ Honda เหมาะกับคนที่ชอบความลื่นไหลและดูแลง่าย ในสภาพอากาศร้อนๆ และถนนซับซ้อนของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกปรับแต่งมาเฉพาะให้การระบายความร้อนและการทนอุณหภูมิสูงทำได้ดีเยี่ยม พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ที่เป็นไปตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมไทย ที่น่าสนใจคือเครื่องยนต์ของ Honda City ใช้เทคโนโลยีลดแรงเสียดทาน ช่วยลดการกินน้ำมันได้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาติดรถติดบนถนนไทยที่เจอกันบ่อยๆ แถมยังมีโหมด ECON ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกขึ้นไป ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงความโดดเด่นในตลาดรถเก๋งคอมแพคต์ของไทย เหมาะทั้งขับขี่ในเมืองและใช้เป็นรถครอบครัว
Q
ฮอนด้าซิตี้ 2024 มีความจุซีซีเท่าไหร่
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรและเครื่องยนต์แบบธรรมดา 1.5 ลิตร โดยเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรมีความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบธรรมดามีความจุ 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกออกแบบมาให้สมดุลระหว่างประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลในไทย ฮอนด้าซิตี้เป็นที่นิยมในตลาดไทยเสมอมาด้วยความน่าเชื่อถือ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง และประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปี 2024 ยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING เข้ามา ทำให้ยิ่งโดดเด่นขึ้น สำหรับลูกค้าชาวไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกเครื่องยนต์ แนะนำว่าเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรเหมาะกับคนที่เน้นประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เครื่อง 1.5 ลิตรแบบธรรมดาจะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลมากกว่า ทั้งสองแบบตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีอยู่แล้ว แค่เลือกให้เหมาะกับสไตล์การขับและงบประมาณของคุณก็พอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2024 คืออะไร
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยแสดงผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีเยี่ยม ด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบพาสซีฟที่ครบถ้วน เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบเบรก ABS ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในกลุ่มรถระดับเดียวกัน จากการทดสอบตามมาตรฐาน NCAP ของไทย คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้คะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่หลากหลาย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าประกันรถด้วย เพราะเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าในไทยมีความพร้อมสูง มีอะไหล่ครบครัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยมักคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเช่นกัน
Q
วิธีเปิดส่วนหน้าของรถ Honda Civic 2024
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารุ่นฮอนด้าซิวิค 2024 สิ่งแรกที่ต้องทำคือนั่งในที่นั่งคนขับ แล้วมองหาคันปลดล็อกฝากระโปรงหน้า ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์อยู่ด้านล่างซ้ายของพวงมาลัย ดึงคันนี้เบาๆจนได้ยินเสียงฝากระโปรงหน้ายกขึ้น จากนั้นเดินไปที่หน้าตัวรถ ใช้มือสอดเข้าไปในช่องกลางฝากระโปรง แล้วหาล็อกนิรภัยตัวที่สองให้เจอ ให้ดันล็อกนี้ไปทางซ้ายหรือขวาพร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกในห้องเครื่องเป็นประจำ เพื่อให้รถทำงานได้ปกติ และควรทำความสะอาดห้องเครื่องด้วย ระวังอย่าให้ใบไม้หรือเศษอุดตันท่อระบายน้ำ ถ้าต้องขับในพื้นที่ติดขัดอย่างกรุงเทพฯ บ่อยๆ ควรเช็กด้วยว่าฟิลเตอร์อากาศอุดตันฝุ่นหรือไม่ เพราะจะช่วยรักษาสมรรถนะเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ ส่วนเวลาปลดล็อกฝากระโปรงถ้าได้ยินเสียงเฮียกที่บานพับ ให้ทาจาระบีเล็กน้อย และเนื่องจากอากาศไทยร้อนจัดทำให้ยางซีลเสื่อมสภาพเร็ว ควรตรวจสอบความแน่นของซีลทุกๆครึ่งปี
Q
ความจุของกระโปรงท้ายรถฮอนด้าซิตี้ 2024 คือเท่าไร
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยมีปริมาตรกระโปรงหลังขนาด 536 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวหรือการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือช้อปปิ้งบ่อยๆ การออกแบบกระโปรงหลังทำได้อย่างสมเหตุสมผล มีช่องเปิดที่กว้าง ทำให้สะดวกในการลำเลียงสิ่งของ นอกจากนี้เบาะหลังยังสามารถพับลงได้ตามสัดส่วน ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก กระโปรงหลังของซิตี้ยังมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี ช่วยปกป้องสิ่งของจากความชื้นหรือความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว ปริมาตรกระโปรงหลังขนาดนี้จัดอยู่ในระดับกลางถึงดี และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า ยาริส แอททีฟแล้วยังได้เปรียบอยู่บ้าง สำหรับผู้ใช้งานไทยที่มักต้องพกพาสิ่งของจำนวนมาก พื้นที่กระโปรงหลังของซิตี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่值得พิจารณา แนะนำให้ไปทดลองบรรจุของที่ตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเองเพื่อความสะดวก และควรเปรียบเทียบกับการออกแบบกระโปรงหลังของรถรุ่นอื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน เพื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
Q&A ล่าสุด
Q
ระบบส่งกำลังของรถ Colorado ปี 2020 เป็นแบบไหน?
รถกระบะ Chevrolet Colorado ปี 2020 มีตัวเลือกเกียร์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ รุ่นเครื่องยนต์เบนซินมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (6L80) เป็นมาตรฐาน ในขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (8L45) ที่ประหยัดน้ำมันกว่า เกียร์ทั้งสองแบบขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด และภูมิประเทศที่เป็นภูเขาที่ต้องขึ้นเนินบ่อยครั้ง เกียร์ของ Colorado ยังมีโหมดการลากจูง Tow/Haul ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการลากเรือยอชต์หรือรถจักรยานยนต์ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ เกียร์ของ Colorado อาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ตัวอย่างเช่น รุ่นก่อนหน้าใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือ 6 สปีด แต่รุ่นปี 2020 มีจำหน่ายเฉพาะเกียร์อัตโนมัติในตลาดท้องถิ่น สำหรับเกียร์อัตโนมัติ แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 60,000-80,000 กิโลเมตร การขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานอาจทำให้ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ถี่ขึ้น สำหรับรุ่นที่มีฟังก์ชันสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติ ให้ตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าที่ไม่เสถียรอาจส่งผลต่อโมดูลควบคุมระบบส่งกำลัง รถกระบะรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน เช่น Ford Ranger และ Mitsubishi Triton ก็มักใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 หรือ 10 สปีดเช่นกัน แต่ระบบส่งกำลังของ Colorado ได้รับการปรับแต่งให้เน้นแรงบิดที่ความเร็วต่ำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อบรรทุกของหนักหรือขับขี่บนเส้นทางออฟโรด
Q
“รถกระบะ Colorado ปี 2020 เป็นรถที่เชื่อถือได้หรือไม่?”
รถกระบะ Chevrolet Colorado ปี 2020 มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.6 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล Duramax 2.8 ลิตร มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ให้กำลังที่เสถียร เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าในชีวิตประจำวันและการขับขี่ทางไกล อย่างไรก็ตาม รุ่นดีเซลจำเป็นต้องให้ความสนใจกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในท้องถิ่นต่อตัวกรองอนุภาค DPF รถกระบะคันนี้มีแชสซีที่แข็งแรงพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบ ทำให้รับน้ำหนักได้ประมาณ 700 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการขนส่งวัสดุทางการเกษตรหรือวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลังอาจจะขาดไปบ้าง ในสภาพการขับขี่ในท้องถิ่น แนะนำให้บำรุงรักษาระบบปรับอากาศเป็นประจำ เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นสูงสามารถเร่งการเสื่อมสภาพของซีลยางได้ การจัดหาอะไหล่สำหรับ Colorado ค่อนข้างมีให้เลือกมากมายเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถูกกว่ารถกระบะจากยุโรป อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบสาระบันเทิง MyLink อาจมีอาการหน่วงบ้างในบางครั้ง เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าการขายต่อ แนะนำให้เลือกรุ่นระดับกลางถึงระดับสูงที่มีแผ่นรองพื้นกระบะและกล้องมองหลังติดตั้งมาจากโรงงาน เนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้ดึงดูดใจมากกว่าเมื่อขายต่อ หากคุณขับรถบนถนนลูกรังบ่อย ควรพิจารณาติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้เครื่องยนต์ เนื่องจากฤดูฝนของประเทศไทยอาจทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในบางพื้นที่ โดยรวมแล้ว ตราบใดที่คุณเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ) ตามกำหนดเวลา รถคันนี้ก็สามารถรักษาเสถียรภาพที่ดีในระยะยาวได้
Q
น้ำมันเครื่องแบบไหนที่เหมาะสำหรับ Chevrolet Colorado ปี 2020?
รถกระบะ Chevrolet Colorado ปี 2020 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 5W-30 ที่ผ่านมาตรฐาน Dexos 1 น้ำมันชนิดนี้ให้การปกป้องที่อุณหภูมิสูงได้ดีกว่าและประหยัดน้ำมัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนในท้องถิ่นและสภาพการขับขี่แบบหยุดๆ ไปๆ มาๆ บ่อยๆ หากรถบรรทุกหนักหรือลากจูงบ่อยๆ อาจพิจารณาใช้น้ำมันที่มีความหนืดสูงกว่า เช่น 10W-30 แต่ควรตรวจสอบในคู่มือเจ้าของรถเพื่อยืนยันอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จมีข้อกำหนดเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องที่สูงกว่า ควรเลือกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ที่ตรงตามข้อกำหนดเสมอเพื่อปกป้องชิ้นส่วนเทอร์โบชาร์จเจอร์ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 10,000 กิโลเมตรหรือ 6 เดือน โดยช่วงเวลาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ สำหรับรุ่นดีเซล... ใน Colorado ให้ใช้น้ำมันเครื่องเฉพาะที่ผ่านมาตรฐาน Dexos D และห้ามผสมกับน้ำมันเครื่องเบนซิน เมื่อซื้อน้ำมันเครื่อง ขอแนะนำให้เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น PTT Lubricants, Shell หรือ Castrol จากช่องทางที่น่าเชื่อถือ น้ำมันเครื่องยี่ห้อเหล่านี้มีสูตรที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเขตร้อน ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพก่อนกำหนดในอุณหภูมิสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทำการบำรุงรักษารถยนต์ ควรใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องที่มาจากโรงงานผู้ผลิตเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพการกรอง หากรถยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน การใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดอาจทำให้การรับประกันเป็นโมฆะ ดังนั้นโปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด
Q
เครื่องยนต์ในรถ Chevy Colorado ปี 2020 คืออะไร?
รถกระบะ Chevrolet Colorado ปี 2020 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ (200 แรงม้า/253 นิวตันเมตร), เครื่องยนต์ V6 3.6 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ (308 แรงม้า/373 นิวตันเมตร) และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (186 แรงม้า/500 นิวตันเมตร) รุ่นดีเซลเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทางไกลบ่อยๆ หรือสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูง เช่น การขับบนทางภูเขาหรือการบรรทุกหนัก ในตลาดท้องถิ่น เครื่องยนต์ดีเซลได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากประหยัดน้ำมันและทนทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่ท้าทายบ่อยๆ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ Colorado เน้นความน่าเชื่อถือและการใช้งานจริง ตัวอย่างเช่น รุ่น V6 ใช้เทคโนโลยีฉีดตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ในขณะที่รุ่นดีเซลติดตั้งเทอร์โบชาร์จเพื่อให้มั่นใจถึงกำลังที่แข็งแกร่งแม้ในรอบต่ำ หากต้องการสมรรถนะที่สูงกว่า รุ่นเครื่องยนต์ V6 3.6 ลิตรจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ในขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตรจะเหมาะสมกว่าสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและแรงบิดในรอบต่ำ เครื่องยนต์ของเชฟโรเลตได้รับการปรับแต่งให้มีความทนทาน พร้อมค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาว
Q
“รถบรรทุก Chevrolet ปี 2020 ราคาเท่าไร?”
ราคารถกระบะเชฟโรเลตรุ่นปี 2020 ในตลาดท้องถิ่นจะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่น อุปกรณ์เสริม ระยะทาง และสภาพรถ โดยราคารถใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 1.2 - 2.5 ล้านบาท ส่วนรถมือสองราคาจะลดลงเหลือประมาณ 8 แสนถึง 1.8 ล้านบาทขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน รถกระบะเชฟโรเลตขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและการใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับทุกสภาพถนน โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมอย่าง Silverado และ Colorado ที่ทั้งใช้งานในชีวิตประจำวันได้สะดวก แถมยังขนของหรือลุยทางออฟโรดแบบเบาๆ ได้สบายๆ ถ้าคิดจะซื้อรถมือสอง แนะนำให้ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือช่องทางที่เชื่อถือได้ พร้อมตรวจสอบประวัติการบริการและสภาพเครื่องยนต์ให้ดี เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของเชฟโรเลตก็ค่อนข้างครอบคลุม อะไหล่ก็หาซื้อง่าย ค่าใช้จ่ายในระยะยาวจึงควบคุมได้ สำหรับคนที่เน้นความประหยัดและความมั่นใจในการใช้งาน รถกระบะเชฟโรเลตถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แนะนำให้เปรียบเทียบรายละเอียดเช่นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือขนาดกระบะขนของในแต่ละรุ่นให้ตรงกับความต้องการก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุด
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตารางผ่อนชำระล่าสุดของ Honda City รถเก๋งที่ประหยัดน้ำมันเหมาะสุดสำหรับใช้ในครอบครัว
วิรุฬห์Oct 30, 2025

ไม่ควรพลาดรถยนต์เกโรของญี่ปุ่น, รุ่น Honda City ใดคุ้มค่าที่สุดในการเลือก?
ณัฐวุฒิNov 6, 2024

Honda City e:HEV ลดราคา THB40,000! มาราธอน 800km, ประหยัดน้ำมันและสบาย!
AshleyAug 5, 2024

Honda city vs Nissan Almeria ถ้ามีงบ 600,000 บาท คุณจะเลือกรุ่นไหนดี?
AshleyJul 13, 2024

Honda City VS Toyota Yaris ativ รถญี่ปุ่น 2 รุ่นนี้ ถ้ามีงบ 600,000 บาท คุณจะเลือกรุ่นไหนดี?
AshleyJul 9, 2024
ดูเพิ่มเติม


รุ่นรถ
ข้อดี
ข้อเสีย