Q

Toyota Yaris Ativ นั่งได้กี่ที่?

Toyota Yaris Ativ เป็นรถฮัทช์แบคขนาดกะทัดรัดที่ขายดีในตลาดไทย มาตรฐานมาพร้อมที่นั่ง 5 ที่นั่งซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใหญ่ 5 คนนั่งได้สบายๆ โดยเฉพาะช่วงขาหลังที่ปรับมาให้เหมาะกับการใช้งานของครอบครัวไทยทั้งเดินทางใกล้หรือใช้ในเมือง เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบธรรมดาที่ทางโตโยต้าไทยนำเสนอให้ประหยัดน้ำมันสุดๆ เหมาะกับสภาพรถติดในกรุงเทพฯ พอดี จุดเด่นอีกอย่างคือแม้ตอนปกติกระโปรงหลังจะจุของได้ 286 ลิตร แต่พับเบาะหลังแบบ 6:4 แล้วจะขยายพื้นที่เก็บของได้ถึง 768 ลิตร การออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่นนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อเดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดหรือช้อปปิ้งในประเทศไทย ผู้บริโภคชาวไทยยังให้ความสำคัญกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) เป็นพิเศษ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อความปลอดภัยในการขับขี่ในพื้นที่ภูเขา เช่น เชียงใหม่ ในบรรดารถยนต์ในระดับเดียวกัน Yaris Active มีระยะห่างจากพื้นถึงตัวถัง 150 มม. ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งบางรุ่นเล็กน้อย ทำให้เหมาะกับการใช้งานบนถนนชนบทในประเทศไทยมากกว่า ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าในประเทศไทยยังมีแพ็คเกจบำรุงรักษาพิเศษสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้น ซึ่งรวมถึงการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นบริการที่เจ้าของรถยนต์ในประเทศให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ทำไม Toyota Yaris Ativ ถึงได้รับความนิยมในประเทศไทย
เหตุผลที่ Toyota Yaris Ativ ได้รับความนิยมในไทยมีหลายประการ ประการแรกคือขนาดตัวถังกะทัดรัดเหมาะกับสภาพการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ความต้องการรถประหยัดน้ำมันของผู้บริโภค เครื่องยนต์ 12 ลิตรให้สมรรถนะดีทั้งในเมืองและทางไกล ประการที่สอง การออกแบบภายในเรียบง่ายและใช้งานได้จริง มาพร้อมหน้าจอสัมผัส กล้องมองหลัง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้ความคุ้มค่าสูง ตรงกับความชอบของผู้บริโภคไทยที่เน้นรถคุ้มค่า นอกจากนี้ Toyota มีเครือข่ายจำหน่ายและบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง อีกทั้ง Yaris Ativ ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ระบบปรับอากาศเย็นเร็ว ช่วงล่างบาลานซ์ระหว่างความนุ่มนวลและการควบคุมรถ เหมาะกับถนนหลากหลายประเภท ด้านความปลอดภัยติดตั้ง ABS EBD เป็นมาตรฐาน รุ่นสูงมี VSC ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ชื่อเสียงที่ดีของแบรนด์ Toyota ในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ผู้บริโภคไทยหลายคนมองว่า Toyota ทนทานและเชื่อถือได้ อีกทั้งมูลค่าขายต่อสูง
Q
รถโตโยต้ายาริส แอททิฟ 2024 มีระบบตรวจสอบจุดบอดหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Blind Spot Monitoring หรือระบบตรวจสอบจุดบอดจริงๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของเมืองไทย ระบบจะแจ้งเตือนรถที่มาจากด้านข้างหรือด้านหลังผ่านไฟสัญญาณที่กระจกข้างหรือหน้าปัดรถ ช่วยลดความเสี่ยงเวลาที่จะเปลี่ยนเลน ส่วนใหญ่แล้วระบบนี้จะทำงานคู่กับระบบเตือนรถตัดหลัง (RCTA) เวลาถอยรถเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เหมาะมากกับการขับในกรุงเทพฯ ที่ต้องเปลี่ยนเลนบ่อยๆ ในถนนติดขัด อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจสอบจุดบอดในประเทศไทยมักจะพบในรุ่นกลางถึงสูง แต่จะมาแบบมาตรฐานหรือไม่ต้องตรวจสอบอีกทีกับแพ็คเกจเสริมที่เลือกตอนซื้อรถ แนะนำให้สอบถามรายละเอียด Tech Package ที่โชว์รูมให้ชัดเจน นอกจากนี้ สภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกอาจส่งผลต่อความไวของเซนเซอร์ ควรทำความสะอาดบริเวณเรดาร์เป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานได้ปกติ และถ้า budget เพียงพอลองเลือกติดตั้งกล้องรอบคันร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาเจอถนนแคบๆ ได้อีกนะ
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนหรือไม่?
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทย นั้นมาพร้อมกับระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning) โดยระบบนี้จะใช้กล้องในการตรวจสอบว่าตัวรถกำลังจะออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจในกรณีที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว จากนั้นจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ผ่านเสียงหรือการสั่นสะเทือน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองที่ซับซ้อนและการเดินทางไกลในไทย นอกจากระบบเตือนออกนอกเลนแล้ว Yaris Ativ ยังอาจติดตั้งระบบความปลอดภัยอื่นๆ ในชุด Toyota Safety Sense (TSS) เช่น ระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมความเร็ว巡航อัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยแบบ proactive สำหรับผู้บริโภคไทยที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติของแต่ละรุ่นได้จากสเปคทางการ เนื่องจากระบบความปลอดภัยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละระดับตัวเลือก ทั้งนี้ต้องระลึกไว้เสมอว่าระบบเตือนออกนอกเลนเป็นเพียงระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิและความระมัดระวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่พบเห็นรถจักรยานยนต์ปะปนหรือในช่วงฝนตกหนัก การใช้ระบบเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเท่านั้นที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนได้สูงสุด
Q
ความแตกต่างระหว่าง Yaris Ativ และ Honda City คืออะไร
Toyota Yaris Ativ และ Honda City เป็นรถซีดานขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในไทย แต่มีความแตกต่างด้านการออกแบบและการวางตำแหน่ง Yaris Ativ ใช้ดีไซน์ครอบครัวล่าสุดของ Toyota เน้นสไตล์วัยรุ่นและสปอร์ต ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 12 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการขับขี่ในเมือง City เน้นความกว้างขวางและการใช้งานจริง โดยเฉพาะพื้นที่ขาหลังกว้าง เครื่องยนต์ 15 ลิตรให้กำลังสูงกว่า เหมาะกับครอบครัว ด้านอุปกรณ์ Yaris Ativ รุ่นสูงมีเทคโนโลยีครบ เช่น หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว และระบบ Toyota Safety Sense ส่วน City เน้นความสะดวกสบาย เช่น ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ราคาจำหน่ายในไทยใกล้เคียงกัน แต่ Yaris Ativ มีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเนื่องจากการผลิตในประเทศ สำหรับผู้บริโภคไทย หากให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและดีไซน์วัยรุ่น Yaris Ativ เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการพื้นที่กว้างและสมรรถนะสูง City จะเหมาะกว่า ทั้งสองรุ่นได้รับการตอบรับดีในตลาดและมีมูลค่าขายต่อคงที่ ผู้บริโภคสามารถเลือกตามความต้องการใช้งานจริง
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอทิฟ 2024 สะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลหรือไม่?
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ให้ความรู้สึกสบายในการขับขี่ระยะยาว โครงสร้างเบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยรองรับร่างกายได้ดี วัสดุระบายอากาศเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย ลดความรู้สึกอับชื้นเมื่อนั่งนานๆ ระบบช่วงล่างปรับแนวโน้มไปทางความนุ่ม ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนบนถนนบางเส้นที่สภาพไม่ดีในไทย เครื่องยนต์ 1.2L แบบดูดธรรมดาคู่กับเกียร์ CVT ให้การทำงานที่ลื่นไหลในการขับขี่ทางไกล ประหยัดน้ำมันเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในไทย ระบบควบคุมเสียงภายในรถอยู่ในระดับดีกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แอร์เย็นเร็ว ช่วยปรับอุณหภูมิภายในรถได้อย่างรวดเร็ว ความจุกระโปรงท้ายขนาด 467 ลิตร สามารถบรรทุกสัมภาระสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระวังในส่วนของพื้นที่ขาสำหรับผู้โดยสารหลังคันที่อาจจะคับแคบสำหรับคนตัวสูง แนะนำให้ทดลองนั่งก่อนตัดสินใจ ในตลาดไทย รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยครบครัน รวมถึง Toyota Safety Sense ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับทางไกลได้ดี ถ้าเปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกันอย่าง Honda City และ Nissan Almera ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ Toyota Yaris Ativ ปี 2024 คือเท่าไหร่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างประหยัด ค่าบำรุงรักษาปกติอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้ โดยควรทำการบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ส่วนการบำรุงรักษาใหญ่ที่รวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-8,000 บาท ซึ่งแนะนำให้ทำทุก 40,000 กิโลเมตร โตโยต้าในประเทศไทยมักมีบริการแพ็คเกจบำรุงรักษาที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งยังใช้อะไหล่แท้และเทคโนโลยีเฉพาะของทางโรงงานที่ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีเสมอ สภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในเมืองไทยอาจส่งผลให้รถสึกหรอเร็วขึ้น ดังนั้นการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอตามคู่มือจึงสำคัญมาก เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของรถให้ดีที่สุด โตโยต้ามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่กว้างขวางในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงเป็นเรื่องสะดวก นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยมเลือกใช้โตโยต้า
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ ปี 2024 มีซันรูฟหรือไม่?
Toyota Yaris Ativ 2024 ในตลาดไทยไม่ได้ติดตั้งซันรูฟมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนการเลือกติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับชุดอุปกรณ์หรือรุ่นพิเศษที่ตัวแทนจำหน่ายนำเสนอ แนะนำให้ตรวจสอบกับ Toyota Thailand หรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรงเพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ในสภาพอากาศร้อนของไทย ซันรูฟช่วยเพิ่มความสว่างและการระบายอากาศภายในห้องโดยสาร แต่ต้องพิจารณาเรื่องการกันความร้อน หลายคนอาจเลือกใช้ม่านบังแดดหรือกระจกสีเข้มแทนเพื่อรับมือกับแสงแดดจัด ในขณะเดียวกัน รถระดับเดียวกันอย่าง Honda City หรือ Nissan Almera บางรุ่นย่อยที่วางจำหน่ายในไทยมีตัวเลือกซันรูฟให้ ผู้บริโภคจึงสามารถเปรียบเทียบตามความต้องการ นอกจากนี้ ตลาดรถซีดานขนาดเล็กในไทยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง การเลือกซื้อควรพิจารณานอกเหนือจากซันรูฟ เช่น อัตราสิ้นเปลือง พื้นที่โดยสารด้านหลัง และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งล้วนสำคัญต่อการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ 2024 มีระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติหรือไม่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ดีในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย ระบบนี้สามารถปรับความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าได้อัตโนมัติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หรือในการเดินทางไกลบนทางหลวง นอกจากระบบ ACC แล้ว รุ่นนี้อาจมาพร้อมกับชุดความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่รวมถึงระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) และระบบช่วยรักษาระยะในเลน (Lane Keeping Assist) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย สำหรับผู้บริโภคไทยควรทราบว่าฟังก์เจอร์เหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย จึงแนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนการซื้อ ปัจจุบันเทคโนโลยี Adaptive Cruise ถือเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่หลายๆ คัน โดยระบบจะใช้เรดาร์หรือกล้องในการตรวจจับรถคันหน้า ซึ่งฉลาดกว่าการใช้ Cruise Control แบบเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องระมัดระวังในสภาพอากาศที่มีฝนหรือหมอก รวมถึงเส้นทางที่ซับซ้อน ด้วยแนวโน้มตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นความอัจฉริยะมากขึ้น รถอย่าง Yaris Ativ ที่ตอบโจทย์ทั้งความประหยัดและเทคโนโลยีแบบนี้จึงน่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 คือเท่าไร
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถเก๋งขนาดเล็กในตลาดไทย ความจุขนาดนี้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางใกล้ๆ แม้ในสภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยๆ ในกรุงเทพฯ ก็ช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันลงได้ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดีมาก ตามข้อมูลทางการระบุว่ากินน้ำมันเพียง 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทำให้เติมเต็มถังหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ไกลถึงประมาณ 780 กิโลเมตร เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่เน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตามความจุถังน้ำมันและระยะทางวิ่งจริงอาจแตกต่างกันไปตามสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ แนะนำให้ผู้ใช้บริการรถอย่างสม่ำเสมอและขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด ส่วนเรื่องการใช้แอร์ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้น้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ระบบแอร์ของ Yaris Ativ ออกแบบมาสำหรับภูมิภาคร้อนโดยเฉพาะ จึงให้ทั้งความเย็นสบายและประหยัดน้ำมันในระดับที่สมดุล
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบกดปุ่มสตาร์ทหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยนั้น มีระบบกดสตาร์ทรถแบบไม่ต้องใช้กุญแจ (Push Button Start) จริงๆ นะครับ โดยระบบนี้มักจะพบในรุ่นกลางถึงรุ่นสูงของตลาดไทย ช่วยให้ผู้ขับขี่สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่กดปุ่มเดียวก็สตาร์ทรถได้แล้ว สะดวกสบายขึ้นเยอะสำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ ระบบนี้ยิ่งตอบโจทย์ เพราะสามารถสตาร์ทรถไว้ก่อนเพื่อเปิดแอร์ให้เย็นได้เลย นอกจากนี้ระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจมักจะมาพร้อมกับกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) ที่พอเดินใกล้รถประตูก็จะปลดล็อกอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี รุ่นย่อยและระดับอุปกรณ์ที่ต่างกันอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดจากโชว์รูมก่อนซื้อจะดีที่สุด ส่วนระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจนี้ก็เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มเห็นกันบ่อยขึ้นในตลาดไทยแล้วล่ะครับ รถขนาดเล็กและกลางหลายรุ่นหลายแบรนด์ก็มีระบบคล้ายๆ กัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้นจริงๆ

ข้อดี

ราคาให้คุณคุ้มค่า, เริ่มต้นที่ 529,000 บาท, ต่ำกว่า Yaris รุ่นทวินเบ็กเล็กน้อย
การตั้งค่าความปลอดภัยครบครัน, มีระบบ ABS/EBD, TRC, HAC และอื่น ๆ, มาพร้อม 7 ถุงลมนิรภัย
ดีไซน์น่าดู, มีชุดสปอร์ตที่เพิ่มความทันสมัย
การซื้อและขายง่าย, การบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ, การรับประกันจากแบรนด์

ข้อเสีย

พลังงานค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แรงม้าและค่าแรงบิดน้อยกว่า
เป็นรุ่นหลักที่บางครั้งชนิดธรรมดา การออกแบบภายนอกและประสิทธิภาพการขับขี่ไม่โดดเด่น ทำให้คนรู้สึกเบื่อง่าย

Q&A ล่าสุด

Q
สามารถซื้อ Neta V ได้ที่ไหน?
ในประเทศไทย คุณสามารถซื้อรถ Neta V ผ่านทางตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Neta ปัจจุบันแบรนด์กำลังขยายเครือข่ายการขายในตลาดไทย โดยมีโชว์รูมให้บริการชมและซื้อรถจริงในกรุงเทพฯ และเมืองหลักรอบข้าง แนะนำให้เข้าไปที่เว็บไซต์ทางการของ Neta ประเทศไทยเพื่อตรวจสอบข้อมูลตัวแทนจำหน่ายล่าสุด หรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อสอบถามตำแหน่งที่ตั้งของสาขาที่ใกล้ที่สุด รถ Neta V เป็นรถ SUV ขนาดเล็กแบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ที่ได้รับความสนใจจากขนาดตัวที่กะทัดรัดและระบบอัจฉริยะ เหมาะสมกับสภาพถนนในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เป็นพิเศษ โดยมีระยะทางขับขี่ประมาณ 380 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที พร้อมทั้งยังมีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันและความต้องการทางเทคโนโลยี รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคุณสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสนับสนุนเหล่านี้ได้ที่ตัวแทนจำหน่าย หากคุณกำลังพิจารณารถไฟฟ้า ควรตรวจสอบสถานที่ชาร์จรถที่บ้านหรือที่ทำงานด้วย เพราะปัจจุบันห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานหลักในไทยกำลังเร่งติดตั้งสถานีชาร์จสาธารณะ ทำให้ความสะดวกในการใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Q
สามารถทดลองขับ Neta V ได้ที่ไหน?
หากคุณอยู่ในประเทศไทยและสนใจทดลองขับรถ Neta V สามารถไปที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Neta ในกรุงเทพฯ หรือเมืองหลักอื่นๆ เพื่อจองเวลาทดลองขับได้ เช่น ที่ร้าน Neta Flagship ในกรุงเทพฯ หรือสาขาขายในพัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น โดยสามารถตรวจสอบที่อยู่เฉพาะได้ทางเว็บไซต์ทางการของ Neta ประเทศไทยหรือโซเชียลมีเดียของแบรนด์ Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นในเรื่องความคุ้มค่า โดยมีความสามารถในการใช้งานจริงและระบบอัจฉริยะที่แข่งขันได้ในตลาดไทย ขณะทดลองขับ คุณสามารถสัมผัสถึงความนุ่มนวลของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและฟังก์ชั่นเชื่อมต่อออนบอร์ดได้ รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายเกี่ยวกับโปรโมชั่นปัจจุบันและสถานการณ์การพัฒนาสถานีชาร์จในช่วงทดลองขับ ควรทราบว่าอาจมีความแตกต่างของสเปกรถทดลองขับในแต่ละตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นควรตรวจสอบรายละเอียดรถก่อนการทดลองขับ
Q
Neta V ใช้แบตเตอรี่ประเภทใด?
Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประเภท NMC (นิกเกิล แมงกานีส โคบอลต์) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน เหมาะกับการขับขี่ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่มีความจุประมาณ 31-38kWh แล้วแต่รุ่น ให้ระยะทางประมาณ 380 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC (ระยะทางจริงอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและการใช้แอร์) สำหรับการใช้รถไฟฟ้าในไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ และเลือกใช้สถานีชาร์จที่มีระบบระบายความร้อนเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ รัฐบาลไทยส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้ามาหลายปี ตอนนี้ในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพและเชียงใหม่มีสถานีชาร์จเพียบ ชาร์จเร็วแค่ 30 นาทีก็ได้ 80% แถมรถไฟฟ้านำเข้าอย่าง Neta V ยังได้ลดภาษี ทำให้ราคาจับต้องง่ายขึ้น นอกจากเรื่องระยะทางแล้ว คนไทยที่สนใจรถไฟฟ้ายังควรดูนโยบายประกันแบตเตอรี่ (ส่วนใหญ่ให้ประกัน 8 ปีหรือ 15 หมื่นกิโลเมตร) และความสะดวกในการติดตั้งที่ชาร์จที่บ้านด้วย
Q
สามารถดูรถ Neta V ได้ที่ไหน?
ในประเทศไทย คุณสามารถไปทดลองขับรถ Neta V ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายหรือโชว์รูมอย่างเป็นทางการของ Neta ปัจจุบันแบรนด์นี้มีจุดขายในเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เป็นต้น สามารถตรวจสอบที่อยู่เฉพาะได้ทางเว็บไซต์ทางการของ Neta ประเทศไทยหรือโซเชียลมีเดียทางการ Neta V เป็นรถ SUV ขนาดเล็กไฟฟ้าที่เน้นความคุ้มค่า ด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและระยะขับขี่ประมาณ 380 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) เหมาะสมเป็นพิเศษกับการใช้งานในเมืองของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จเร็วที่สามารถเติมไฟล์ได้ 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ช่วยลดความกังวลเรื่องการชาร์จไฟได้ดี ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า ด้วยการให้เงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาท และยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตจนถึงปี 2025 ทำให้รถอย่าง Neta V มีความได้เปรียบด้านราคาเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ถ้าคุณกำลังพิจารณารถไฟฟ้า แนะนำให้ศึกษาการกระจายตัวของสถานีชาร์จในประเทศไทยด้วย โดยผู้ให้บริการหลักเช่น EA PTT ได้ติดตั้งเครือข่ายชาร์จเร็วบนทางด่วนและสถานีบริการแล้ว และในอีก 3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยมีแผนจะเพิ่มสถานีชาร์จสาธารณะอีก 12,000 จุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น
Q
Neta V มีกี่สี?
Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยตอนนี้ มีหลายสีให้เลือกตามสไตล์ความชอบของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีดำ สีน้ำเงิน หรือสีเทา แบบคลาสสิค บางรุ่นอาจมีตัวเลือกสีคู่ที่ดูโดดเด่นกว่าเดิม สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย แนะนำให้เลือกสีอ่อนอย่างขาวหรือเงิน เพราะช่วยสะท้อนแสงแดด ลดความร้อนในรถได้ดี แถมสีอ่อนยังดูแลง่าย ไม่ค่อยเห็นรอยขีดข่วนด้วย ถ้าชอบอะไรที่พิเศษขึ้นหน่อย ลองดูสีแบบเมทัลลิกหรือไข่มุกที่สวยงามเมื่อต้องแสงแดด แต่ต้องระวังเรื่องค่าซ่อมที่อาจสูงกว่าปกติ สีบางสีอาจต้องสั่งจองล่วงหน้าเพราะอาจไม่มีสต็อก อย่าลืมว่าการเลือกสีรถไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม แต่สีอ่อนยังช่วยให้มองเห็นรถได้ชัดเจนขึ้นตอนกลางคืน ซึ่งสำคัญมากในสภาพการจราจรที่ต้องแบ่งถนนกับรถมอเตอร์ไซค์แบบไทย
ดูเพิ่มเติม