Q

GWM Tank 300 มีกี่ที่นั่ง?

GWM Tank 300 เป็น SUV แบบฮาร์ดคอร์ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในตลาดไทย ด้วยการออกแบบที่เหมาะสำหรับทั้งครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ด้วยระบบ 5 ที่นั่งที่ให้พื้นที่กว้างขวาง พร้อมเบาะนั่งที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมยังสามารถพับเบาะหลังแบบแบ่งส่วนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีก ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบไปกางเต็นท์หรือท่องเที่ยวระยะไกลในวันหยุด นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูดุดันแล้ว Tank 300 ยังมาพร้อมกับโครงสร้างรถแบบแชสซีแข็ง (Body-on-Frame) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Part-Time และฟีเจอร์สำหรับการขับออฟโรดที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน ทั้งเส้นทางเขาในภาคเหนือหรือทางลูกรังในชนบท แต่ก็ยังคงความหรูหราและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการขับขี่ในเมือง ทำให้รถคันนี้เหมาะกับสภาพการใช้งานที่หลากหลายของประเทศไทย แถมในตลาดไทยยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการ และด้วยความคุ้มค่าและความสามารถที่ครบครัน ทำให้ Tank 300 กำลังกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมในตลาด SUV ขนาดกลางของไทย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Tank 300 คุ้มไหม? มาดูฟีเจอร์กัน!
Tank 300 เป็นรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่ตอบโจทย์ตลาดไทยได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบขับรถลุยธรรมชาติหรือถนนที่ไม่เรียบ ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้กำลังขับเคลื่อนที่เพียงพอ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบปรับได้และมีดิฟล็อก 3 จุด เสริมสมรรถนะในการลุยทางวิบาก เหมาะกับเส้นทางบนภูเขาหรือถนนลูกรังในต่างจังหวัดของไทย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุนุ่มและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ให้ความรู้สึกหรูหราและสะดวกสบาย ขณะเดียวกัน ระยะใต้ท้องรถค่อนข้างสูง และสามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 700 มิลลิเมตร จึงเหมาะกับสภาพอากาศแบบฤดูฝนของไทย ในแง่ความคุ้มค่า Tank 300 มีจุดเด่นเรื่องราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกับรถออฟโรดจากญี่ปุ่นหรืออเมริกาที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ข้อเสียอาจอยู่ที่ชื่อเสียงของแบรนด์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในไทย ดังนั้นควรทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรถลุยที่ขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ด้วย Tank 300 ถือว่าน่าสนใจ เพียงแต่ควรคำนึงถึงขนาดตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งอาจไม่คล่องตัวนักในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ
Q
Tank 300 เปิดตัวเมื่อไหร?
รถ Tank 300 มีหลายรุ่นออกวางจำหน่ายในเวลาที่ต่างกัน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 Great Wall Motors ได้เปิดตัวรุ่น Tank 300 HEV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ส่วนรุ่นดีเซลจะเริ่มวางขายในเดือนมีนาคม 2568 โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นให้เลือก ทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล GW4D24 ที่พัฒนาขึ้นเองโดย Great Wall เทคโนโลยีนี้ใช้ระบบคอมมอนเรลแรงดันสูง 2000 บาร์ร่วมกับเทอร์โบทวินไพล์ ส่งแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรที่ความเร็วเพียง 1,800 รอบต่อนาที ราคาอยู่ที่ 999,000 ถึง 1,249,000 บาท ถ้าสนใจรถ Tank 300 รุ่นไหนเป็นพิเศษ แนะนำให้ศึกษารายละเอียดการแต่งตั้งและสมรรถนะเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อรถคันนี้ครับ
Q
Tank 300 วางจำหน่ายเมื่อไร
Tank 300 มีการเปิดตัวหลายเวอร์ชันในประเทศไทย โดยในวันที่ 28 กันยายน 2023 เกรทวอลล์มอเตอร์ได้เปิดตัว Tank 300 อย่างเป็นทางการในไทย โดยรุ่นที่เปิดตัวในตอนนั้นคือรุ่น HEV ซึ่งภายหลังก็ได้ยุติการจำหน่าย ต่อมาในเดือนมีนาคม 2025 รุ่นใหม่ล่าสุดคือ Tank 300 ดีเซล ได้เปิดตัวในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ Pro รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ Ultra และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยจุดเด่นด้านสมรรถนะและความสามารถในการลุยทางที่หลากหลาย รวมถึงการตั้งราคาที่เหมาะสม ทำให้ Tank 300 เวอร์ชันดีเซลกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ในตลาดรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน และเริ่มได้รับความสนใจจากตลาดในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
Q
ความยาวตัวถัง Tank 300 เท่าไหร่?
รถยนต์ Tank 300 มีความยาวตัวถัง 4,760 มม. ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในกลุ่ม SUV Compact แต่ด้วยความยาวระดับนี้กลับขับขี่ได้คล่องตัวทั้งในซอยแคบๆ ในเมืองหรือทางต่างจังหวัดของไทย แถมยังให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง สบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบขับรถเที่ยววันหยุดหรือออกทริปกับครอบครัว ส่วนโครงสร้างตัวถังแบบ Non-Body on Frame ทำให้ Tank 300 มีสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม สามารถลุยทั้งเส้นทางภูเขาทางเหนือหรือถนนลูกรังช่วงฤดูฝนทางใต้ได้สบายๆ เพราะมีการปรับแต่งมุมเข้า-ออกและความสูงจากพื้นรถอย่างมืออาชีพ จุดเด่นอีกอย่างคือตลาด SUV ในไทยตอนนี้กำลังบูม โดยเฉพาะรุ่นที่ขับในเมืองได้สบายแต่ก็ลุยได้แบบ Tank 300 ที่มาพร้อมดีไซน์แข็งแรงและฟีเจอร์ใช้งานได้จริง แถมคนไทยยังให้ความสำคัญกับความทนทานของรถและบริการหลังการขายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเวลาตัดสินใจซื้อรถด้วย
Q
ความจุแบตเตอรี่ Tank 300 เท่าไหร่
TANK 300 แต่ละรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น TANK 300 HEV PRO AWD 2025 และ TANK 300 HEV ULTRA AWD 2025 จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 1.7kWh ในขณะที่รุ่นปี 2023 อย่าง TANK 300 HEV ULTRA ใช้แบตเตอรี่ขนาด 37.1kWh ซึ่งความจุแบตเตอรี่มีผลต่อระยะทางที่สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว รวมถึงสมรรถนะอื่น ๆ ของรถด้วย แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าจะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้นานขึ้น เหมาะกับความต้องการในการเดินทางที่หลากหลาย ทั้งนี้ ความแตกต่างของขนาดแบตเตอรี่ยังส่งผลต่อเวลาในการชาร์จและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย.
Q
ค่าบำรุงรักษา Tank 300 เท่าไหร่?
Tank 300 เป็นรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง ค่าบำรุงรักษาในไทยขึ้นอยู่กับความถี่ในการเข้าศูนย์และการเปลี่ยนอะไหล่ โดยค่าบำรุงรักษาทั่วไป เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมัน จะอยู่ที่ประมาณ 3,000–5,000 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและยี่ห้อน้ำมันเครื่องที่เลือก การเข้ารับบริการตามระยะจะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงสมรรถนะของรถไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นในไทย ควรให้ความสำคัญกับระบบแอร์ แบตเตอรี่ และยางรถยนต์ เช่น ล้างคอยล์แอร์ ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ และควบคุมแรงดันลมยางให้เหมาะสมกับการขับขี่ทางลุย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ Tank 300 มีโครงสร้างตัวถังแบบแยกส่วนและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เหมาะกับภูมิประเทศหลากหลายของไทย แต่หลังจากใช้งานแบบออฟโรดควรตรวจเช็คใต้ท้องรถและช่วงล่าง เพื่อป้องกันคราบโคลนหรือความชื้นสะสมที่อาจก่อให้เกิดสนิม สำหรับการเปลี่ยนอะไหล่ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้อย่างลงตัว หรืออาจเลือกใช้อะไหล่แบรนด์อื่นที่คุณภาพดีและราคาย่อมเยาจากอู่ทั่วไปในไทยก็ได้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้ใช้ โดยรวมแล้วหากวางแผนการดูแลรักษาให้ดีและเลือกศูนย์บริการที่มีมาตรฐาน Tank 300 ก็ถือว่าเป็นรถที่มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และตอบโจทย์ทั้งการใช้งานลุยและขับขี่ในชีวิตประจำวันของคนไทยได้อย่างลงตัว.
Q
ล้อแม็ก Tank 300 กี่นิ้ว
รถ Tank 300 มีขนาดล้อให้เลือก 2 แบบตามรุ่น คือ 17 นิ้วและ 18 นิ้ว ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ออฟโรดและความสบายบนถนนทั่วไป ทำให้ใช้งานได้ดีทั้งในเส้นทางภูเขาและถนนในเมืองของไทย สำหรับคนไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกขนาดล้อ ควรคำนึงถึงการใช้งานจริง - ล้อ 18 นิ้วที่ใหญ่กว่าจะเหมาะกับการขับขี่บนถนนมากกว่า ให้ความรู้สึกในการควบคุมที่ดีกว่าและดูสปอร์ตขึ้น ส่วนล้อ 17 นิ้วจะเหมาะกับเส้นทางออฟโรดมากกว่า เพราะสามารถใช้ยางที่มีแก้มยางหนาเพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า สภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกยาง แนะนำให้เลือกยางออลเทอร์เรนที่มีคุณสมบัติการรีดน้ำดีและทนความร้อนสูง พร้อมทั้งตรวจสอบลมยางและสภาพดอกยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย ในตลาดไทยก็มีออปชันอัพเกรดล้อขนาดใกล้เคียงให้เลือกหลากหลาย แต่ต้องมั่นใจว่าการโมดิฟายนั้นเป็นไปตามกฎหมายและไม่ส่งผลต่อการตรวจสภาพรถหรือประกัน
Q
Tank 300 แต่ละรุ่นต่างกันยังไง
Tank 300 แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันในหลายด้าน รุ่นดีเซลมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4T ให้แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที เหมาะกับการลุยหนักและเดินทางไกล โดยหนึ่งถังน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,200 กิโลเมตร ส่วนรุ่นเบนซินใช้เครื่องยนต์ 2.0T เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและลุยเบา ๆ ด้านรุ่นไฮบริดจะผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0T กับมอเตอร์ไฟฟ้า วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 105 กิโลเมตร และระยะทางรวมมากกว่า 800 กิโลเมตร ระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบขับหลังและขับสี่ล้อ โดยขับเคลื่อนสี่ล้อจะให้สมรรถนะในการลุยที่เหนือกว่า อุปกรณ์ภายในและระบบช่วยขับขี่ก็มีความแตกต่างกันในแต่ละรุ่น เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และการเตือนออกนอกเลน รวมถึงฟีเจอร์ความสะดวกสบายอื่น ๆ ส่วนราคาก็ต่างกันตามรุ่น โดยรุ่นดีเซล PRO 2WD ราคา 1,049,000 บาท ขณะที่รุ่น HEV ULTRA AWD ราคา 1,799,000 บาท ผู้ใช้สามารถเลือกตามความต้องการและงบประมาณได้อย่างเหมาะสม.
Q
น้ำหนักรถ Tank 300 เท่าไหร่
น้ำหนักของรถ Tank 300 ในรุ่นต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกัน เช่น รุ่น Tank 300 HEV PRO ปี 2023 มีน้ำหนัก 2,305 กิโลกรัม ส่วนรุ่น Tank 300 HEV ULTRA ปี 2023 มีน้ำหนัก 2,355 กิโลกรัม โดยทั่วไปแล้ว น้ำหนักพร้อมใช้งานของ Tank 300 จะเกิน 2.1 ตัน ซึ่งหมายถึงรถที่พร้อมขับเคลื่อนในสภาพปกติ (ถังน้ำมันเติมไว้ 90%) พร้อมอุปกรณ์เสริมในรถ เช่น ยางอะไหล่ เครื่องมือ เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่น้ำหนักต่างกันในแต่ละรุ่นก็เพราะความแตกต่างของชิ้นส่วนและอุปกรณ์ เช่น รุ่นพื้นฐานมักจะเบากว่า แต่รุ่นท็อปที่เพิ่มอุปกรณ์พิเศษอย่างล็อกดิฟเฟอเรนเชียล หรือชั้นวางของบนหลังคา ก็จะหนักกว่า โดยน้ำหนักรถเปล่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.1 ตัน ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังและมีคนนั่ง 1 คน ก็จะหนักประมาณ 2.2 ตัน ถ้านั่งเต็มคันรถจะเกือบถึง 2.3 ตัน และน้ำหนักสูงสุดที่รับได้จะอยู่ที่ 2.5 ตัน
Q
ประกันรถ Tank 300 ราคาเท่าไหร่
เรื่องค่าเบี้ยประกันรถ Tank 300 ในไทยเนี่ย ค่าประกันจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ เช่น รุ่นรถ ราคาซื้อ นโยบายของบริษัทประกัน รวมถึงประวัติการขับขี่ของผู้เอาประกันด้วย โดยปกติแล้วปีแรกค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-40,000 บาท ซึ่งรวมประกันภาคบังคับและประกันเชิงพาณิชย์แล้ว ส่วนประกันภาคบังคับนี่เป็นกฎหมายบังคับนะ คือประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ค่าเบี้ยจะค่อนข้างคงที่ ส่วนประกันเชิงพาณิชย์จะขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือก เช่น ประกันรถเสียหาย ประกันรถหาย ประกันผู้โดยสาร ฯลฯ แนะนำให้เช็คราคาที่แน่นอนจากเว็บไซต์หรือตัวแทนประกันในไทยอย่างวิริยะ หรือไทยพาณิชย์ประกันภัยนะ เวลาซื้อประกันรถในไทยนอกจากราคาแล้ว ต้องดูเรื่องเครือข่ายบริการและความเร็วในการเคลมด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดนะ บางบริษัทมีโปรโมชั่นลดเบี้ยให้คนขับรถปลอดภัยที่ไม่มีเคลมด้วย ถ้าขับดีๆนานๆก็ประหยัดไปได้ ส่วน Tank 300 ที่เป็น SUV โฉบเฉี่ยว สูงๆ แรงๆแบบนี้ เบี้ยอาจจะแพงกว่ารถเก๋งทั่วไปนิดหน่อย แต่ถ้าเพิ่มอุปกรณ์ป้องกันขโมยหรือเลือกแบบเสียเบี้ยสูงหน่อยก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ แนะนำให้เปรียบเทียบหลายๆบริษัทก่อนตัดสินใจนะ

ข้อดี

เครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีแรงบิดสูงในอัตราตัวรอบต่ำ
ระบบล้อสี่ลูกแบบพาร์ทไทม์อัจฉริยะและล็อกดิฟเฟอเรนเชียล
การออกแบบส่วนนอกที่แข็งแกร่งและมีสไตล์พร้อมความจำเพาะสูง
ห้องนั่งภายในกว้างขวางพร้อมความละเอียดในการผลิตและวัสดุที่ดี
ความปลอดภัยครอบคลุมและการตั้งค่าทางเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ราคาที่มีคุณค่าต่อราคาและแพ็คเกจการดูแลหลังการขายที่น่าสนใจ

ข้อเสีย

การใช้เชื้อเพลิงค่อนข้างสูงทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
รถบางคันอาจมีปัญหาการสั่นเสียงความถี่ต่ำ
พื้นที่สำหรับที่นั่งหลังและช่องเก็บของค่อนข้างเล็ก
ความละเอียดในการผลิตและวัสดุของที่นั่งหลังมีความถ่วงน้อยลงเล็กน้อย
ระบบเครื่องทำงานในรถมประสบการณ์ปานกลางและขาดปุ่มกดทางกายภาพ

Q&A ล่าสุด

Q
ราคา Audi A8 L 2023 เท่าไหร่?
Audi A8 L รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 6-8 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับตัวเลือกอุปกรณ์และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รถหรูคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบหรือ 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ในตลาดไทยกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักธุรกิจระดับสูง รุ่นเวอร์ชั่นระยะฐานล้อยาวให้พื้นที่เบาะหลังกว้างขวางเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการใช้งานแบบมีคนขับ ในไทย Audi A8 L ได้รับการยอมรับในระดับสูง แข่งขันกับ Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7 ซีรีย์ ควรระวังว่ารัฐบาลไทยมีการเก็บภาษีรถยนต์ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตรในอัตราที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลต่อราคาสุดท้าย แนะนำให้ผู้สนใจเปรียบเทียบราคาจากหลายๆโชว์รูมและสอบถามโปรโมชั่นล่าสุดก่อนตัดสินใจ ส่วนในเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบระบายอากาศบนเบาะและแอร์ 4 โซนที่มากับรุ่นอุปกรณ์สูงก็เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี
Q
Audi A8 L ถูกยกเลิกการผลิตแล้วหรือยัง?
ปัจจุบัน Audi A8 L ยังไม่ได้หยุดผลิตในระดับโลก แต่ในบางตลาดอาจมีการปรับเปลี่ยนการจัดจำหน่ายตามกลยุทธ์การขาย สำหรับตลาดไทยว่าจะยังจำหน่าย A8 L หรือไม่ แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่าย Audi ในพื้นที่เพื่อรับข้อมูลล่าสุด ในฐานะรถยนต์ธงของ Audi ตัว A8 L ได้รับการยอมรับในเรื่องความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสะดวกสบายโดยเฉพาะในเวอร์ชั่นระยะฐานะยาวที่ให้พื้นที่เบาะหลังกว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจระดับสูงหรือผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราในไทย ในตลาดรถยนต์หรูของไทยที่การแข่งขันสูง ตัว A8 L ต้องแข่งขันกับ Mercedes S-Class และ BMW 7 Series โดยผู้ซื้อควรเปรียบเทียบบริการหลังการขาย นโยบายการรับประกัน และตัวเลือกปรับแต่งเฉพาะบุคคลที่แต่ละแบรนด์เสนอในท้องตลาด สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบปรับอากาศ 4 โซน ระบบระบายอากาศบนเบาะที่นั่งของ A8 L ถือเป็นจุดเด่นที่ตอบโจทย์ ขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน หากสนใจรถพลังงานใหม่ Audi ก็มีซีรีส์ e-tron ในไทย แต่ปัจจุบัน A8 L ยังใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป ส่วนในอนาคตจะมีเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid หรือไม่นั้นก็เป็นสิ่งที่ควรติดตาม
Q
รถ Audi A8 L มีราคาเท่าไหร่?
ราคารถ Audi A8 L ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องและอุปกรณ์เสริม โดยรุ่นพื้นฐานจะอยู่ที่ประมาณ 6-8 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปสุดอาจสูงกว่า 10 ล้านบาท แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุด เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ในฐานะรถยนต์หรูเรือธงของ Audi A8 L ได้รับการยกย่องในเรื่องงานฝีมือชั้นสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยเฉพาะเหมาะสำหรับนักธุรกิจระดับสูงหรือผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในไทย ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบปรับอากาศ 4 โซนและระบบระบายอากาศบนเบาะที่นั่งมาตรฐานของ A8 L จะช่วยเพิ่มความสบายให้กับการโดยสารได้ดี นอกจากนี้โครงสร้างตัวรถน้ำหนักเบาร่วมกับระบบขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูงยังตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและบนทางไกล อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงว่าประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้ารถหรูที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลต่อราคาสุดท้าย แต่ Audi มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วไทย พร้อมให้การสนับสนุนเจ้าของรถทุกท่านอย่างเต็มที่
Q
“Audi A8 L หมายถึงอะไร?”
Audi A8 L นั้นตัว "A8" คือรุ่นเรือธงของ Audi ที่เน้นความหรูหราสูงสุด ส่วนตัว "L" ย่อมาจาก Long Wheelbase แปลว่าเป็นเวอร์ชั่นเพื่ยนฐานล้อให้ยาวขึ้น เมื่อเทียบกับ A8 แบบมาตรฐานแล้ว A8 L จะมีพื้นที่ขาโดยเฉพาะด้านหลังที่กว้างขวางกว่า เหมาะสุดๆ สำหรับกลุ่มนักธุรกิจหรือลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ให้ความสำคัญกับความสบายของผู้โดยสารที่นั่งหลัง ในตลาดไทย A8 L ได้รับความนิยมจากคนกลุ่มเอลิทเพราะทั้งการกำหนดค่าที่หรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ไฟหน้า LED Matrix พร้อมระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อสภาพถนนไทยโดยเฉพาะ ที่เด็ดกว่านั้นในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย A8 L ก็ตอบโจทย์ด้วยระบบปรับอากาศ 4 โซนและระบบระบายอากาศบนเบาะที่นั่งมาตรฐาน ถ้าให้เทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง Mercedes S-Class แบบยาวหรือ BMW 7 Series แบบยาวก็ใช้หลักการตั้งชื่อคล้ายๆ กัน เพื่อตอบสนองความต้องการพิเศษของตลาดเอเชียที่เน้นพื้นที่ด้านหลังเป็นหลัก สำหรับ A8 L ในไทยนั้นจัดจำหน่ายผ่านช่องทางนำเข้าโดยตรงจาก Audi พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร ทั้งการบริการประจำและอะไหล่แท้จากโรงงาน
Q
ทางเลือกอื่นสำหรับ Audi A8 L คืออะไร?
ในตลาดประเทศไทย หากคุณกำลังมองหารถยนต์หรูระดับเรือธงมาแทน Audi A8 L ก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่าง BMW 7 Series Mercedes-Benz S-Class และ Lexus LS ที่ให้ความสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมไม่แพ้กัน BMW 7 Series จะโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะการขับขี่และระบบ iDrive ที่ทันสมัย ส่วน Mercedes-Benz S-Class ก็ตอบโจทย์ด้วยห้องโดยสารสุดหรูและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ในขณะที่ Lexus LS นั้นได้ใจด้วยความน่าเชื่อถือและเทคโนโลยีไฮบริด นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกรถหรูที่ประกอบในประเทศอย่าง Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7 Series ซึ่งอาจได้เปรียบในเรื่องราคาและการบริการหลังการขาย ตลาดรถหรูในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหลายแบรนด์ได้เพิ่มฟีเจอร์เฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อน เช่น ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงและกระจกกันรังสียูวี ซึ่งเป็นจุดที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ ไม่ว่าจะใช้งานในเชิงธุรกิจหรือครอบครัว รุ่นเหล่านี้ก็ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถยนต์หรูอย่างครบถ้วน
ดูเพิ่มเติม