Q
Nissan March ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อแกลลอน
สำหรับรถยนต์ Nissan March รุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบร่วมกับเกียร์ CVT ที่พบได้ทั่วไปในตลาดไทย ผลทดสอบจริงแสดงให้เห็นว่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 20-22 กิโลเมตร/ลิตร (หรือประมาณ 4.7-5.2 ลิตร/100 กิโลเมตร) ซึ่งเทียบเท่ากับ 47-52 ไมล์/แกลลอน (ตามมาตรฐานไทยที่ 1 แกลลอน = 4.546 ลิตร) อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระดับนี้ถือว่าประหยัดสำหรับการขับขี่แบบผสมผสานทั้งในเมืองที่รถติดและเส้นทางชานเมืองของไทย โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ การใช้แอร์ และสภาพการดูแลรักษารถ แนะนำให้ตรวจสอบเปลี่ยนไส้กรองอากาศและลมยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Yaris หรือ Honda Brio แล้ว March อาจได้เปรียบในเมืองเพราะน้ำหนักตัวรถที่เบากว่า เมื่อซื้อรถยนต์ ผู้บริโภคชาวไทยสามารถดูฉลากแสดงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. ซึ่งออกโดยกระทรวงพลังงานได้ ข้อมูลนี้ได้มาตามรอบการทดสอบมาตรฐาน ในการใช้งานจริง ขอแนะนำให้บันทึกข้อมูลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจริงผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ส่วนใครที่เน้นเรื่องงบประมาณ ก็อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นลดภาษีสำหรับรถประหยัดพลังงานของรัฐบาลไทย ที่อาจช่วยลดค่าภาษีซื้อรถรุ่นเครื่องเล็กได้อีกด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Nissan March มีอะไรบ้าง
รถยนต์ Nissan March ในตลาดไทยถูกมองว่าเป็นรถประหยัดตัวท็อปที่ขายดี ด้วยความประหยัดน้ำมัน ขับเคลื่อนคล่องตัว และราคาไม่แรงจนเกินไป แต่ก็มีจุดอ่อนบ้าง เช่น เรื่องพื้นที่ภายในรถที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะช่วงขาหลังและกระโปรงท้ายที่อาจอึดอัดสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ส่วนเวลาขับบนทางด่วนก็จะได้ยินเสียงลมและเสียงยางค่อนข้างชัดเจนเพราะระบบกันเสียงยังไม่สุดยอด อีกทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารเป็นพลาสติกแข็งที่อาจดูไม่พรีเมียมเท่ารถคู่แข่งบางรุ่นในระดับเดียวกัน สภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัดก็ทำให้ระบบแอร์ของรุ่นพื้นฐานอาจเย็นไม่พอเวลาติดรถนานๆ แนะนำให้อัพเกรดเป็นรุ่นสูงหรือติดฟิล์มกันความร้อนเพิ่ม ส่วนเครื่องยนต์ 1.2L แบบธรรมดานั้นเพียงพอสำหรับขับในเมือง แต่เวลาขึ้นเขาหรือโหลดเต็มคันจะรู้สึกว่าแรงยังไม่ค่อยพอ ต้องบอกว่าคนไทยนิยมรถกระบะกับ SUV มากกว่าเพราะเหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ แต่จุดเด่นของ March คือขนาดกะทัดรัดที่จอดง่ายในกรุงเทพฯที่รถติดหนัก เลยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อว่าจะเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองยังไง
Q
Nissan March อยู่ในกลุ่ม Segment ไหน?
Nissan March จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ A-segment หรือที่เรียกกันว่ารถอีโคคาร์ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นประเภทของรถยนต์นั่งที่มีขนาดเล็กที่สุดตามมาตรฐานสากล เหมาะมากสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ เพราะสามารถขับเคลื่อนและจอดได้คล่องตัวในพื้นที่แคบ ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีของประเทศไทยสำหรับรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,200cc
ด้วยความยาวตัวถังไม่เกิน 4 เมตร และรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.2 เมตร ทำให้เหมาะมากกับการใช้งานในตรอกซอกซอยในเมืองไทย คู่แข่งในกลุ่มนี้ ได้แก่ Honda Brio, Suzuki Swift และ Toyota Yaris Ativ ซึ่งมีจุดเด่นคล้ายกัน เช่น ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย และค่าดูแลรักษาต่ำ
ผู้บริโภคในกลุ่ม A-segment ของไทยมักให้ความสำคัญกับพื้นที่ศีรษะและความสูงจากพื้นถนน ทำให้รถรุ่นอย่าง March มักจะมีการออกแบบให้ตัวรถสูงกว่ารุ่นที่ขายในตลาดอื่น และมีการปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนที่ขรุขระของไทย แม้ว่าในอนาคตจะมีทางเลือกในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นตามนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาล แต่ในปัจจุบัน Nissan March ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเชื่อถือได้ ด้วยระบบบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
Q
มูลค่าขายต่อของ Nissan March เท่าไหร่?
ราคาขายต่อของรถมือสอง Nissan March จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถ, อายุรถ, ระยะทางที่ใช้งาน, และความต้องการในตลาด ตัวอย่างราคาสำหรับรุ่นปี 2020 เช่น รุ่น 1.2L S MT ราคา 420,000 บาท, รุ่น 1.2L E MT ราคา 480,000 บาท, รุ่น 1.2L E CVT ราคา 495,000 บาท, และรุ่น 1.2L EL CVT ราคา 510,000 บาท ถ้ารถสภาพดี ใช้งานน้อย อายุไม่มาก ราคาขายต่อก็จะสูง อาจใกล้เคียงกับราคาเดิมในสัดส่วนหนึ่ง แต่ถ้ารถสภาพไม่ดี ระยะทางมาก อายุเยอะ ราคาก็จะตกฮวบได้เหมือนกัน ถ้าตลาดมีความต้องการสูง ราคาขายต่อก็อาจจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีรถรุ่นเดียวกันในตลาดเยอะ ราคาก็อาจจะลดลงได้ เว้าซื้อรถมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบประวัติรถให้ดี ว่ามีประวัติอุบัติเหตุหรือน้ำท่วมหรือเปล่า แล้วก็ลองเช็คราคาในแพลตฟอร์มขายรถมือสองในพื้นที่เพื่อเปรียบเทียบราคา จะได้รู้แนวทางไม่เสียเปรียบ
Q
Nissan March มีกี่ซีซี
Nissan March ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,198 ซีซี ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ A-Segment ขนาดเล็ก เครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้มีสมรรถนะเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมกับความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ไม่ใหญ่เกินไป ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันในระยะยาว
แม้ว่าจะมีหลายรุ่นย่อยให้เลือก แต่ทุกรุ่นของ Nissan March จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,198 ซีซี เท่ากัน ซึ่งให้พละกำลังที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไปบนถนนในเมือง ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานประจำวันได้อย่างมั่นใจ ทั้งในเรื่องของความคล่องตัวและความคุ้มค่าด้านการดูแลรักษา
Q
Nissan March ใช้เครื่องยนต์อะไร
รถ Nissan March ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัสเครื่อง 1198mL เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบแบบเรียง ความเรียบของเครื่องดี ให้กำลังพอเหมาะกับการใช้งานในเมืองประจำวัน จุดเด่นของเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบนี้คือประหยัดน้ำมัน ช่วยให้เจ้าของรถลดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันได้อีกด้วย แถมโครงสร้างยังไม่ซับซ้อน ทำให้ดูแลรักษาได้ง่ายและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็ไม่สูงด้วย รุ่นต่างๆของ Nissan March จะมีสเปกและราคาแตกต่างกันไป แต่ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ตัวนี้เหมือนกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณได้ตามสะดวก
Q
“Nissan March มีเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์ออโต้
รถ Nissan March มีให้เลือกทั้งเกียร์ MT (เกียร์ธรรมดา) และเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแบบต่อเนื่อง) สำหรับรุ่นปี 2020 นั้น รุ่น 1.2L S MT และ 1.2L E MT จะมาแบบเกียร์ธรรมดา ที่ให้ความรู้สึกสนุกกว่าเวลาขับ เพราะคนขับสามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ตามต้องการ ช่วยให้ควบคุมความเร็วและกำลังเครื่องได้อย่างเต็มที่ ส่วนรุ่น 1.2L E CVT และ 1.2L EL CVT จะใช้เกียร์ CVT ที่เปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ไม่สะดุด ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่ต้องขับ停ขับบ่อยๆ เกียร์ CVT จะช่วยลดอาการกระตุกเวลเปลี่ยนเกียร์ได้ดีกว่า ทำให้ขับสบายกว่าในชีวิตประจำวัน
Q
PCD Nissan March เท่าไหร่
รถ Nissan March มีขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลัก) แบบ 4x100 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของล้อรถขนาดเล็กที่นิยมใช้ในตลาดไทย เหมาะสำหรับล้อขนาด 14 หรือ 15 นิ้ว ในไทยรถหลายรุ่นที่ฮิตๆ เช่น Honda Jazz หรือ Toyota Yaris ก็ใช้ขนาด PCD แบบเดียวกันนี้ ทำให้เจ้าของรถหาล้อที่เข้ากันได้ง่ายขึ้นหรือจะอัพเกรดก็สะดวก PCD นี่เป็นพารามิเตอร์สำคัญเวลาติดตั้งล้อ เลือกขนาดให้ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยเวลาขับขี่ แนะนำว่าเวลาจะเปลี่ยนล้อควรตรวจสอบค่าอื่นๆ ด้วย เช่น Center Bore (CB) และ Offset (ET) เพื่อให้ล้อเข้าได้พอดี สภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกแบบนี้ต้องใส่ใจเรื่องความทนทานของยางและล้อเป็นพิเศษ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่มีการรับรอง และตรวจสอบการยึดสลักболท์อย่างสม่ำเสมอ สำหรับคนที่ชอบแต่งรถให้สวยโดนใจ ในไทยมีร้านขายล้อมืออาชีพหลายเจ้า ที่มีล้อขนาด 4x100 ให้เลือกเพียบ ทั้งล้ออัลลอยน้ำหนักเบาไปจนถึงล้อดีไซน์สวยๆ แต่ต้องอย่าลืมว่าหลังแต่งล้อแล้วต้องผ่านมาตรฐานการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกด้วยนะ
Q
Nissan March รองรับ Apple Carplay หรือไม่?
สำหรับ Nissan March ในตลาดไทย รุ่นท็อปบางรุ่นมีการรองรับระบบ Apple CarPlay แล้วนะ แต่รายละเอียดอาจแตกต่างกันไปตามปีและรุ่นที่เลือก แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายโดยตรงก่อนซื้อเพื่อความชัดเจน เพราะบางทีสเปคอาจมีการอัปเดต Apple CarPlay เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานแอปจาก iPhone บนหน้าจอรถได้สะดวกมากๆ โดยเฉพาะในเมืองไทยที่รถติดบ่อย แบบนี้จะใช้แผนที่ ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ก็ง่ายไปเลย นอกจาก Nissan March แล้ว รุ่นอื่นๆ ในตลาดอย่าง Toyota Yaris หรือ Honda City ก็เริ่มมีฟีเจอร์นี้กันมากขึ้น แสดงว่าเดี๋ยวนี้คนไทยเน้นความสะดวกสบายด้านคอนเนคติวิตี้พอสมควร แต่ละค่ายระบบอาจใช้งานต่างกันนิดหน่อย แนะนำให้ลองใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุด เพราะอนาคตไทยกำลังขับเคลื่อนสู่สมาร์ทซิตี้และรถ EV ฟีเจอร์เชื่อมต่อแบบนี้คงกลายเป็นมาตรฐานของรถรุ่นใหม่ๆ แน่นอน
Q
ยางติดรถ Nissan March ใช้ยี่ห้ออะไร?
ในตลาดประเทศไทย Nissan March แต่ละรุ่นและแต่ละออปชันจะมียี่ห้อยางที่ติดรถแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะใช้ยางแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น Bridgestone และ Dunlop รวมถึงแบรนด์ที่นิยมในไทยอย่าง Deestone และ Vee Rubber ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นในด้านความทนทานและการยึดเกาะถนนเปียก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย
เวลาซื้อยาง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าขนาดและสเปกตรงกับที่โรงงานกำหนดไว้ เช่น ขนาดยอดนิยมคือ 165/70 R14 หรือ 175/60 R15 สามารถดูได้จากคู่มือรถหรือตรงสติกเกอร์ที่กรอบประตูด้านคนขับ
นอกจากนี้ คนขับในไทยอาจพิจารณาคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างความประหยัดน้ำมันและความเงียบในการขับขี่ เพราะสภาพการจราจรในเมืองค่อนข้างติดขัด ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ขับสบายมากขึ้น หากต้องการเปลี่ยนยาง แนะนำให้เลือกซื้อกับตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการที่เชื่อถือได้ เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย และควรตรวจสอบแรงดันลมและสภาพยางเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
Q
รถ Nissan March เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
รถยนต์ Nissan March เป็นรถขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง ข้อดีของ March คือ ประหยัดน้ำมันมาก ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรและ 1.5 ลิตร ที่วิ่งในสภาพการจราจรติดขัดของไทยได้อย่างคุ้มค่า ค่าบำรุงรักษาไม่สูง ชิ้นส่วนอะไหล่มีพร้อมและราคาไม่แรง ขนาดตัวรถกะทัดรัด ขับเคลื่อนคล่องตัวในซอยแคบๆของกรุงเทพหรือลานจอดรถที่คับคั่ง ภายในห้องโดยสารออกแบบเรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง มีอุปกรณ์พื้นฐานเช่นแอร์และระบบเสียงที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน แถมยังตั้งราคาเหมาะสม ให้ความคุ้มค่า เหมาะกับผู้บริโภคที่ต้องการความประหยัด
อย่างไรก็ตาม March ก็มีข้อด้อยบ้าง เช่น พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างจำกัด อาจไม่สะดวกสบายในการเดินทางไกล ระบบกันเสียงไม่ค่อยดี เวลาขับความเร็วสูงจะได้ยินเสียงลมค่อนข้างชัด ส่วนระบบความปลอดภัยก็เรียบง่าย รุ่นเริ่มต้นมีแถมแค่ถุงลมนิรภัยและ ABS เท่านั้น ดูจะขาดความทันสมัยเมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ในระดับเดียวกัน
ในตลาดไทย March เหมาะกับหนุ่มสาวออฟฟิศหรือครอบครัวเล็กที่มองหาความประหยัดและใช้งานจริง หากต้องการความสบายหรืออุปกรณ์ครบครันกว่า อาจลองเปรียบเทียบกับ Honda Brio หรือ Toyota Yaris แต่ March ก็ยังคงมีความแข่งแกร่งในเรื่องความทนทานและต้นทุนการใช้ต่ำ แนะนำให้ทดลองขับก่อนซื้อ และพิจารณาตามความต้องการส่วนตัวให้ดี
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
Q&A ล่าสุด
Q
"รถที่มีราคาสูงที่สุดในโลกในปี 2024 คืออะไร?"
ในปี 2024 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้น Rolls-Royce Boat Tail รุ่นคัสตอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ราคาพุ่งไป 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเรือยอร์ชโบราณ ตัวถังทาสีเมทัลลิกที่ขัดมืออย่างประณีต ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยอุปกรณ์สุดหรูเช่น ตู้เย็นเก็บแฮมพาร์มาและชุดเครื่องเงินสำหรับคาเวียร์ ตามมาติดๆ คือ Bugatti La Voiture Noire รถซุปเปอร์คาร์สัญชาติฝรั่งเศสที่ราคา 18.5 ล้านดอลลาร์ มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 420 กม./ชม. สำหรับในตลาดรถไทย เราอาจจะเคยเห็น Rolls-Royce Phantom หรือ Lamborghini รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันวิ่งอยู่แถวกรุงเทพฯบ้าง ซึ่งรถระดับนี้มักจะมีระบบป้องกันฝุ่นพิเศษ สําหรับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมรถยนต์ นอกจากการให้ความสําคัญกับราคาแล้ว ควรเข้าใจศักยภาพในการรักษามูลค่าของรถยนต์เหล่านี้มากขึ้น เช่น ราคาของ Ferrari 250 GTO ในการประมูลเพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านเป็น 70 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ความขาดแคลนนี้จึงเป็นคุณค่าหลักของรถยนต์หรูหราชั้นนํา
Q
อะไรทำให้ Revuelto มีราคาแพงขนาดนี้?
ราคาสูงลิ่วของ Lamborghini Revuelto เกิดจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอินรุ่นแรกของแบรนด์ พร้อมด้วยคุณสมบัติการผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชัน ที่มาพร้อมระบบไฮบริดซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 แบบดูดธรรมชาติและมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงถึง 1,015 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที สมรรถนะระดับนี้ต้องพึ่งพาวัสดุลดน้ำหนักจากคาร์บอนไฟเบอร์และระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาในระดับมาตรฐานการบิน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถขับเคลื่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อนระอุของประเทศไทย ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะและจานเบรกเซรามิกจะช่วยรักษาความเสถียรระหว่างขับขี่แบบสุดเหวี่ยง ส่วนกรรมวิธีการผลิตแบบทำมือในอิตาลีทำให้ผลผลิตต่อเดือนไม่ถึง 100 คัน ความหายากนี้เองที่ดันราคาให้สูงขึ้น
ซูเปอร์คาร์ระดับนี้ส่วนใหญ่จะผลิตแบบออร์เดอร์เมด (สั่งทำตามใบสั่ง) โดยบริการปรับแต่งพิเศษเช่นสีรถเฉพาะหรือหนังหุ้มเบาะภายในย่อมเพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก ในขณะที่ระบบไฮบริดซึ่งซับซ้อนกว่าซูเปอร์คาร์ทั่วไปก็ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระยะยาวด้วย
ที่น่าสนใจคือ ไฮเปอร์คาร์ในระดับราคานี้มักมาพร้อมเทคโนโลยีระดับสนามแข่ง อย่างระบบแอคทีฟแอโรไดนามิกส์หรือระบบกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) ซึ่งต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่สูงลิบเหล่านี้จะถูกเฉลี่ยเข้ากับแต่ละคันที่ผลิต ทำให้รถสมรรถนะขั้นสุดแบบนี้กลายเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มโดยธรรมชาติ
Q
มียอดขายรถ Lamborghini ในปี 2024 จำนวนเท่าไร?
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับยอดขายทั่วโลกของ Lamborghini ในปี 2024 แต่จากผลงานในปีที่ผ่านมาของแบรนด์นี้ พบว่ายอดขายต่อปีมักจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 ถึง 10,000 คัน โดยรุ่น Urus เป็นตัวหลักที่ทำยอดขายเกิน 60% ของทั้งหมด ในตลาดท้องถิ่น Lamborghini มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์ครบทุกรุ่นทั้ง Huracán Aventador รุ่นต่อเนื่อง และ Urus ซึ่งรุ่น Urus นั้นได้รับความนิยมเป็นพิเศษเพราะตอบโจทย์ทั้งความแรงและความประหยัดพื้นที่ ที่น่าสนใจคือแบรนด์ซูเปอร์คาร์ในยุคนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า Lamborghini เองก็ประกาศแล้วว่าจะเปิดตัว Revuelto รุ่นไฮบริดแรก ซึ่งนับเป็นการเริ่มปรับตัวตามเทรนด์พลังงานสะอาด แต่ยังคงรักษาลักษณะเฉพาะของเครื่องยนต์ความจุสูงไว้ แนวทางนี้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นที่อยากได้ทั้งสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ที่สนใจซื้อ นอกจากจะดูตัวเลขยอดขายแล้ว ควรให้ความสำคัญกับระยะเวลารอคอยและการบริการปรับแต่งเฉพาะตัวของรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันเหล่านี้ ซึ่งปกติต้องติดต่อล่วงหน้ากับตัวแทนจำหน่ายอย่างน้อยหลายเดือนเพื่อกำหนดสเปค
Q
รถยนต์ที่ขายเร็วที่สุดในปี 2024 คือรุ่นใด
รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปี 2024 คือ Toyota Hilux Revo ซึ่งเป็นรถปิคอัพที่ครองใจผู้บริโภคด้วยความทนทาน ประหยัดน้ำมัน และความสามารถในการขับขี่บนทุกสภาพถนน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องขนของหรือเดินทางไกลบ่อยๆ Hilux Revo ไม่เพียงแต่มีโครงสร้างแข็งแรงและระบบเครื่องยนต์อันล้ำสมัย แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ นอกจากรถปิคอัพแล้ว รถไฟฟ้าอย่าง BYD ATTO 3 ก็มาแรงไม่แพ้กัน ด้วยราคาคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำ ดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ยอดขายรถไฮบริดและรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มยอมรับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิมหรือรถพลังงานใหม่ สิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเวลาซื้อรถคือความคุ้มค่า ความทนทาน และค่าบำรุงรักษา ขณะที่การบริการหลังการขายและการจัดหาอุปกรณ์เสริมที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ
Q
รถที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในปี 2024 คืออะไร?
คาดว่าในปี 2024 รถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ Toyota bZ4X และ BYD ATTO 3 ที่ผสมผสานระหว่างความใช้งานได้จริงกับเทคโนโลยีรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากด้วยต้นทุนการประหยัดพลังงานและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนรถปิกอัพอย่าง Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-MAX ยังคงเป็นที่นิยมสูงเนื่องจากความทนทานและความหลากหลายในการใช้งานที่เหมาะกับสภาพถนนและไลฟ์สไตล์ของคนไทย นอกจากนี้รถหรูแบรนด์ดังอย่าง Mercedes-Benz EQ Series และ BMW iX ก็ยังครองใจกลุ่มตลาดบนด้วยภาพลักษณ์แบรนด์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟและการเพิ่มความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยานพาหนะเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมยังคงสามารถแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด แนะนำให้ทดลองขับรถและเปรียบเทียบค่าบำรุงรักษาและประสิทธิภาพความทนทานของพลังงานประเภทต่าง ๆ ก่อนที่จะซื้อรถเพื่อให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคล
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan Kicks e-POWER ผ่อนครั้งแรก 25% ขั้นต่ำ 9,xxx บาทต่องวด
ณัฐวุฒิNov 20, 2025

มันเคยแข็งแกร่งพอ ๆ กับ Hilux แต่ว่าตอนนี้ต้องหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับ Hilux
พงศธรNov 18, 2025

ตารางผ่อนล่าสุด Nissan Almera ขั้นต่ำ 6, xxx บาท ต่องวด
พงศธรNov 17, 2025

2025 รถมือสอง 10 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในการซื้อ
พงศธรNov 10, 2025

เปิดจอง Nissan Leaf B7 ในญี่ปุ่นแล้ว เตรียมเปิดตัว Leaf B5 รุ่นใหม่ราคาย่อมเยา ปี 2026
AshleyOct 31, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย