Q
มิตซูบิชิ Xpander ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อกิโลเมตร
Mitsubishi Xpander ในตลาดประเทศไทย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร MIVEC โดยมีตัวเลือกระบบส่งกำลังทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพถนน ลักษณะการขับขี่ และน้ำหนักบรรทุกของรถ โดยจากการทดสอบตามมาตรฐานของทางการไทย Xpander มีอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 14–16 กิโลเมตรต่อลิตร หรือเทียบได้กับการใช้น้ำมันประมาณ 0.06–0.07 ลิตรต่อกิโลเมตร ซึ่งหมายความว่า ค่าน้ำมันต่อ 1 กิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 2–2.5 บาท (คำนวณจากราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 ในประเทศไทยปัจจุบัน) ในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง เช่น กรุงเทพฯ อัตราสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้น ส่วนการขับขี่ทางไกลบนทางด่วนที่มีความเร็วคงที่มักจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น หลังจากการเข้ารับบริการครั้งแรก (เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหลังจากระยะทาง 1,000 กิโลเมตรแรก) อัตราสิ้นเปลืองมักจะเริ่มนิ่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้แนะนำให้ดูแลรถอย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศทุก 10,000 กิโลเมตร รวมถึงควรรักษาความดันลมยางให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (ประมาณ 32–35 psi) เพื่อช่วยให้รถใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องใช้งานในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นบ่อยครั้ง เช่น ในกรุงเทพฯ แนะนำให้เริ่มออกตัวอย่างนุ่มนวล และใช้เทคนิคการขับขี่แบบคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อช่วยลดการเร่งและเบรกบ่อยครั้ง ซึ่งสามารถช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
วิธีล็อค Mitsubishi Xpander คืออย่างไร?
Mitsubishi Xpander มีวิธีล็อกรถที่พบได้บ่อยอยู่หลายวิธี ได้แก่:การล็อกรถด้วยกุญแจแบบดั้งเดิม: เสียบกุญแจเข้าไปในรูกุญแจที่ประตูรถหรือฝากระโปรงหลัง หมุนตามเข็มนาฬิกาจนได้ยินเสียง “แกร๊ก” แสดงว่าประตูหรือฝากระโปรงหลังถูกล็อกแล้ว หรือนั่งเข้าภายในรถ แล้วหมุนกุญแจในสวิตช์กุญแจทวนเข็มนาฬิกาจนสุด จะได้ยินเสียงล็อกรถ แสดงว่ารถถูกล็อกเรียบร้อยแล้ว การล็อกรถด้วยกุญแจรีโมต: เป็นวิธีที่พบได้ทั่วไป นำกุญแจรีโมตออกมา ตรวจสอบว่ารถอยู่ในระยะสัญญาณ แล้วกดปุ่มที่มีสัญลักษณ์รูปแม่กุญแจ เมื่อได้ยินเสียงแตรหรือเห็นไฟกระพริบ แสดงว่ารถล็อกสำเร็จ ในบางรุ่น อาจรองรับระบบล็อกรถอัจฉริยะ เช่น กุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) ที่สามารถพกไว้กับตัว เมื่อเดินเข้าใกล้ตัวรถ ประตูจะล็อกโดยอัตโนมัติ หรือสามารถล็อกรถจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน โดยต้องติดตั้งแอปของแบรนด์ที่รองรับและดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบุ เนื่องจากแต่ละรุ่นอาจมีความแตกต่างกันในด้านวิธีการล็อกและฟังก์ชันเพิ่มเติม หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้งาน ควรสอบถามผู้ผลิตหรือศูนย์บริการรถยนต์โดยตรง
Q
Xpander Cross มีที่นั่งกี่ที่?
Xpander Cross มาพร้อมที่นั่ง 7 ที่แบบมาตรฐาน โดยมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ซึ่งให้พื้นที่นั่งโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทุกแถว เบาะนั่งแถวที่สองสามารถพับแยกได้แบบ 60/40 และยังสามารถพับไปข้างหน้าได้ เพื่อให้การเข้า-ออกแถวหลังสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนเบาะนั่งแถวที่สามสามารถพับแยกแบบ 50/50 เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในรถให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารหรือขนสัมภาระ ด้วยการออกแบบที่นั่งทั้ง 7 ที่อย่างยืดหยุ่น ทำให้ Xpander Cross เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัว หรือการเดินทางระยะสั้นแบบหลายคน รองรับทั้งการใช้งานประจำวันและสถานการณ์การเดินทางพิเศษต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว
Q
วิธีการปรับที่นั่ง Xpander?
การปรับเบาะนั่งใน Xpander สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้: สำหรับการปรับเลื่อนหน้า–หลัง ให้มองหาคันโยกที่อยู่ด้านหน้าของเบาะ ใช้มือลาขวาจับคันโยกไว้ มือซ้ายจับพวงมาลัย และเท้าซ้ายเหยียบพื้นรถเพื่อรักษาสมดุล จากนั้นเลื่อนเบาะไปข้างหน้าหรือข้างหลังตามต้องการ ควรปรับให้เมื่อต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกจนสุดแล้ว ขายังมีความโค้งเล็กน้อย ไม่เหยียดตรงหรือหักงอเกินไป เพื่อความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ สำหรับการปรับระดับสูง–ต่ำของเบาะ ควรปรับให้อยู่ในระดับที่มองเห็นกระจกหน้ารถประมาณ 2/3 ส่วนล่างของพื้นที่กระจกด้านหน้า เพื่อให้มุมมองชัดเจนและไม่ถูกบดบัง ช่วยให้สามารถประเมินสภาพถนนด้านหน้าได้อย่างแม่นยำ การปรับพนักพิงหลัง ให้เริ่มจากวางมือทั้งสองข้างที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาและ 9 นาฬิกาของพวงมาลัย โดยให้แขนและแผ่นหลังอยู่ในท่าทางผ่อนคลาย จากนั้นใช้มือซ้ายดึงหรือดันคันปรับด้านซ้ายของพนักพิงเพื่อปรับมุมเอนตามความเหมาะสม ควรปรับให้แผ่นหลังได้รับการรองรับอย่างดี เพื่อลดความเมื่อยล้าขณะขับขี่ นอกจากนี้ การปรับพนักพิงศีรษะก็มีความสำคัญเช่นกัน ควรปรับให้บริเวณด้านหลังศีรษะอยู่ตรงกับจุดกึ่งกลางของพนักพิงศีรษะ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บบริเวณคอหากเกิดการชนท้าย
Q
Mitsubishi Xpander มีที่นั่ง 5 หรือ 7 ที่นั่ง?
Mitsubishi Xpander โดยทั่วไปมาพร้อมเบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่ง แต่ในบางรุ่นก็มีแบบ 5 ที่นั่งเช่นกัน โดยจัดอยู่ในกลุ่มรถ MPV ขนาดคอมแพกต์ ซึ่งการออกแบบให้มี 7 ที่นั่ง ช่วยให้ภายในรถมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางของครอบครัวหรือการโดยสารหลายคน ในรุ่นที่เป็น 7 ที่นั่งทั่วไป จะมีการจัดวางเบาะแบบ 2+3+2 โดยเบาะแถวที่สองสามารถพับแยกแบบ 60/40 และพับไปด้านหน้าได้ ส่วนเบาะแถวที่สามสามารถพับแยกแบบ 50/50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่น เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเมื่อจำเป็น สำหรับรุ่น Mitsubishi Xpander Cross HEV PLAY 2025 จะเป็นรุ่นที่มีเบาะ 5 ที่นั่ง ผู้ใช้งานสามารถเลือกจำนวนที่นั่งให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เช่น จำนวนผู้โดยสารหรือวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์มากที่สุด
Q
Xpander เป็นยานพาหนะประเภทใด
Xpander เป็นรถ MPV ขนาดคอมแพกต์ที่ Mitsubishi เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยวางจำหน่ายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ และตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ โดยมีจุดเด่นคือการผสานลักษณะของ SUV ขนาดเล็กและ MPV เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตัวรถมาพร้อมดีไซน์ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยจัดวางพื้นที่ภายในอย่างเหมาะสม เบาะแถวที่สองสามารถเลื่อนหน้า–หลังและปรับเอนได้ ส่วนเบาะแถวที่สามสามารถพับราบเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ รองรับทั้งการโดยสารและการขนของ ภายในรถยังมีช่องเก็บของหลายจุด ช่วยให้ใช้งานได้สะดวก ในด้านระบบขับเคลื่อน Xpander มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นไฮบริด โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร MIVEC ขณะที่รุ่นไฮบริด เช่น Xpander PLAY รุ่นพิเศษ และ Xpander Cross PLAY รุ่นพิเศษ จะมาพร้อมระบบไฮบริดขนาด 1.6 ลิตร ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ CVT และ E-CVT แล้วแต่รุ่นย่อย ดีไซน์ภายนอก รุ่น Xpander PLAY จะมีชุดแต่งแนวสปอร์ตสำหรับการขับขี่บนถนน ในขณะที่ Xpander Cross PLAY จะดูแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ราวหลังคา ภายในห้องโดยสารติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน หน้าจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว หน้าจอกลางแบบลอยตัว และคันเกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ก็มีอุปกรณ์ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ เซนเซอร์ถอยหลัง และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Q
Xpander Cross มี cruise control หรือไม่?
Xpander Cross มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะของรถยนต์ โดยระบบนี้จะช่วยให้รถสามารถรักษาความเร็วตามที่ผู้ขับขี่ตั้งไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ทางไกล และยังสามารถช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกด้วย ในรุ่นต่าง ๆ ของ Xpander Cross เช่น รุ่นปี 2024 และ 2025 ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน อย่างไรก็ตาม ขณะใช้งานระบบนี้ ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยระบบเหมาะกับการใช้งานบนทางหลวงหรือถนนที่มีการจราจรไม่หนาแน่น และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานขณะฝนตก ถนนลื่น มีหิมะหรือโค้งมาก รวมถึงในช่วงทางลาดชันหรือทางลงเขา เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการควบคุมรถที่ไม่เหมาะสมกับสภาพถนน
Q
Xpander Cross เป็นรถประเภทอะไร
Xpander Cross เป็นรถ MPV แบบ 7 ที่นั่งที่ผสมผสานองค์ประกอบของรถครอสโอเวอร์ โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก Mitsubishi Xpander ซึ่งเป็นรถ MPV ขนาดคอมแพกต์ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 มีสไตล์แบบครอสโอเวอร์ MPV โดยมีระยะความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ รวมเป็น 205 มิลลิเมตร ตัวรถใช้การจัดวางเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ภายในมีพื้นที่กว้าง รองรับความต้องการใช้งานของครอบครัว ด้านระบบขับเคลื่อน มีหลากหลายรุ่นให้เลือก บางรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบ NA จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร;ในขณะที่บางรุ่นมาพร้อมระบบไฮบริดขนาด 1.6 ลิตร โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รถรุ่นนี้วางจำหน่ายหลักในตลาดเกิดใหม่ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาใต้
Q
Xpander Cross มีความจุถังเชื้อเพลิงเท่าไหร่
ความจุถังน้ำมันของ Mitsubishi Xpander Cross แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันในแต่ละเวอร์ชันของรถ โดยในบางรุ่น เช่น Mitsubishi Xpander Cross 1.5 CVT ปี 2022 และ Mitsubishi Xpander Cross Minorchange 1.5 CVT ปี 2023 จะมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 45 ลิตร ขณะที่รุ่น Mitsubishi Xpander Cross HEV PLAY ปี 2025 และ Mitsubishi Xpander Cross HEV ปี 2024 จะมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 40 ลิตร ขนาดของถังน้ำมันมีผลต่อระยะทางในการขับขี่ต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง โดยรถที่มีถังน้ำมันขนาดใหญ่จะสามารถวิ่งได้ไกลขึ้นเมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง ลดความถี่ในการเติม เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ส่วนรถที่มีถังน้ำมันขนาดเล็ก แม้จะมีระยะทางขับขี่ที่สั้นกว่า แต่ก็อาจมีข้อดีในด้านอื่น เช่น น้ำหนักรวมของรถที่เบากว่า หรือการจัดวางพื้นที่ภายในที่เหมาะสมมากขึ้น ผู้ใช้งานสามารถเลือกขนาดถังน้ำมันให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล
Q
Xpander Cross มีระบบเปิดประตูแบบไม่ต้องใช้กุญแจหรือไม่?
Mitsubishi Xpander Cross มาพร้อมระบบ Keyless Entry หรือระบบกุญแจอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดประตูรถได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า เพียงแค่พกกุญแจอัจฉริยะไว้กับตัวแล้วเข้าใกล้ตัวรถ ก็สามารถดึงมือจับประตูเพื่อปลดล็อกได้ทันที ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกนี้มักมาพร้อมกับระบบ Push Start หรือปุ่มสตาร์ตรถ ช่วยให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียบกุญแจ ในฐานะที่เป็นรุ่นอัปเกรด Xpander Cross จึงมาพร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ครบครันมากกว่ารุ่น Xpander ปกติ โดยเฉพาะในด้านประสบการณ์การใช้งานที่เน้นความทันสมัยยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดรุ่นย่อยกับผู้จำหน่ายก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากในบางรุ่นพื้นฐานอาจใช้กุญแจแบบธรรมดาเพื่อควบคุมต้นทุน นอกจากนี้ เนื่องจากระบบ Keyless Entry พึ่งพาสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ จึงแนะนำให้ตรวจสอบแบตเตอรี่ของกุญแจอัจฉริยะอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือสภาพอากาศชื้นของประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบ
Q
Xpander Cross มีความจุเครื่องยนต์เท่าไหร่
ความจุกระบอกสูบของ Mitsubishi Xpander Cross แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันไปตามเวอร์ชันของรถ โดยบางรุ่นมีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 1499 มิลลิลิตร หรือเรียกโดยย่อว่า 1.5 ลิตร เช่น Mitsubishi Xpander Cross 1.5 CVT ปี 2022, Mitsubishi Xpander Cross Minorchange 1.5 CVT ปี 2023 และ 2020 Mitsubishi Xpander 1.5 Cross AT ขณะที่บางรุ่นมีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 1590 มิลลิลิตร หรือเรียกโดยย่อว่า 1.6 ลิตร เช่น Mitsubishi Xpander Cross HEV PLAY ปี 2025 และ Mitsubishi Xpander Cross HEV ปี 2024 ความจุกระบอกสูบถือเป็นหนึ่งในพารามิเตอร์สำคัญของเครื่องยนต์ ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะการขับเคลื่อน และอัตราการประหยัดน้ำมันในระดับหนึ่ง โดย Xpander Cross ที่มีให้เลือกทั้งรุ่น 1.5 ลิตร และ 1.6 ลิตร จึงสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
Q&A ล่าสุด
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ford Ranger 2023 และ 2024 คืออะไร?
รถ Ford Ranger รุ่นปี 2023 และ 2024 มีความแตกต่างกันตรงที่รุ่นปี 2024 ได้รับการอัปเกรดบางส่วน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัยขึ้นอย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้น เช่น จอแสดงผลกลางรถอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นและรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทฟังก์ชันที่ฉลาดขึ้น ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบขับทางไกลและออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในตลาดไทยทั้งสองรุ่นต่างใช้เครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง แต่รุ่นปี 2024 อาจได้รับการปรับปรุงในเรื่องประหยัดน้ำมันและมาตรฐานการปล่อยไอเสียให้ดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยที่เข้มงวดมากขึ้นเวลาซื้อลูกค้าควรเปรียบเทียบว่าคุณสมบัติใหม่ของรุ่นปี 2024 คุ้มค่ากับส่วนต่างราคาหรือไม่ รวมถึงต้องเช็กบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ในประเทศไทยด้วย Ford Ranger ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและสมรรถนะออฟโรด ไม่ว่ารุ่นปี 2023 หรือ 2024 ก็ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้ขับทั้งในเมืองและไปเที่ยวป่าภูเขา แนะนำให้เลือกตามงบประมาณและลักษณะการใช้งานจริงจะดีที่สุด
Q
Ford Ranger 2023 นั่งสบายไหม?
2023 Ford Ranger รุ่นนี้ให้ความสบายในการใช้งานได้ดีมาก โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนและอากาศที่หลากหลายของไทย เก้าอี้ใช้โฟมความหนาแน่นสูงออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิกส์ แม้นั่งขับนานๆ ก็ไม่เหนื่อยง่าย ส่วนเก้าอี้แถวหลังก็ปรับองศาเอียงให้พอดี ช่วยเพิ่มความสบายมากขึ้น ระบบช่วงล่างได้รับการปรับแต่งใหม่ กรองแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งบนถนนในเมืองที่เป็นหลุมเป็นบ่อหรือทางต่างจังหวัดที่ขรุขระ การควบคุมเสียงภายในรถก็ทำได้ดี เสียงลมและเสียงยางเวลาขับความเร็วสูงอยู่ในระดับที่รับได้ แถมระบบแอร์เย็นฉับไว เหมาะกับอากาศร้อน แบบไทย ที่สำคัญยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกหลายแบบ โหมดประหยัดน้ำมันเหมาะกับการใช้งานในเมืองที่รถติด ช่วยลดการสิ้นเปลืองได้ดี ส่วนดีไซน์ตัวรถสูงก็เป็นจุดแข็งสำหรับคนไทย ช่วยให้ขับผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังในฤดูฝนได้สบายๆ โดยรวมแล้ว 2023 เรนเจอร์ ถือว่าจัดการได้ดีทั้งความสบายและความใช้งานได้จริง ทั้งตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวและยังพอไปลุยทางออฟโรดแบบเบาๆ ได้ด้วย
Q
2023 Ford Ranger จะใช้งานได้นานแค่ไหน
อายุการใช้งานของรถยนต์นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การใช้งาน พฤติกรรมการขับขี่ การดูแลรักษา รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ดังนั้นจึงยากที่จะระบุอายุการใช้งานที่แน่นอนของ Ford Ranger รุ่นปี 2023 ได้ หากเจ้าของรถสามารถดูแลรักษารถตามคู่มือการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ขับขี่อย่างเหมาะสม และชิ้นส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพตามปกติ รถคันนี้สามารถใช้งานได้ถึง 200,000 - 300,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 10 - 15 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงอายุการใช้งานทั่วไป อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงค่าประมาณเท่านั้น อายุการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยที่กล่าวมา รถที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอาจใช้งานได้นานกว่านั้น ในขณะที่รถที่ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและขาดการบำรุงรักษาอาจมีอายุการใช้งานสั้นลง
Q
Ford Ranger ปี 2023 เร็วไหม?
Ford Ranger 2023 ในเรื่องความเร็วและการเร่งนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก อย่าง Ford Ranger Stormtrak 2.0 Bi-Turbo 10AT 4×2 2023 และ Ford Ranger Stormtrak 2.0 Bi-Turbo 10AT 4×4 2023 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Twin Turbo ให้แรงม้าสูงสุดถึง 210 แรงม้า กำลังสูงสุด 155 กิโลวัตต์ ที่ความเร็วรอบ 3750 rpm ทำให้การเร่งค่อนข้างสดชื่น ส่วนรุ่นอื่นอย่าง Ford Ranger XLS Double Cab 2.0 Turbo 6AT 4×2 2023 จะใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Turbo แบบเดียว ให้แรงม้าสูงสุด 170 แรงม้า กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ ที่ความเร็วรอบ 3500 rpm ซึ่งแรงน้อยกว่าหน่อย สรุปคือไม่สามารถบอกว่า Ford Ranger 2023 เร็วหรือไม่เร็วตายตัว เพราะแต่ละรุ่นถูกออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบความเร็วและกำลังที่แตกต่างกันนั่นเอง
Q
2023 Ford Ranger มีแรงม้าเท่าไหร่
รถ Ford Ranger ปี 2023 แต่ละรุ่นมีกำลังม้าแตกต่างกันไปนะครับ เช่น รุ่น Ford Ranger Stormtrak 2.0 Bi-Turbo ไม่ว่าจะเป็นแบบ 4×2 หรือ 4×4 ต่างก็มีกำลังสูงสุดที่ 210PS แบบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 155kW แรงบิดสูงสุด 500N·m และให้แรงบิดสูงสุดที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ 1750-2000rpm ส่วนรุ่นอื่นๆ เช่น Ford Ranger XLS Double Cab 2.0 Turbo 6AT 4×2 ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0T บางรุ่น จะมีกำลังสูงสุดที่ 170PS กำลังสูงสุด 125kW แรงบิดสูงสุด 405N·m และให้แรงบิดสูงสุดที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ 1750-2500rpm รุ่นต่างๆ ที่มีกำลังม้าแตกต่างกันนี้ จะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั้งในเรื่องความแรงและการใช้งานในสภาวะที่ต่างกันออกไป
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์รวมรถยนต์กรุงเทพฯ: MITSUBISHI XPANDER CROSS มีราคา 946000 บาทที่เซี่ยงไฮ้
Kevin WongMar 26, 2024

มิตซูบนเวทีงาน Bangkok International Motor Show 2024 ด้วยรถ Xpander และ Xpander Cross HEV
Kevin WongMar 15, 2024

Mitsubishiปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีลง 30% เนื่องจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันทั่วโลก
ธนวัฒน์Aug 28, 2025

Mitsubishi ผงาดคว้าแชมป์ AXCR 2025 เหนือโตโยต้า
ธนวัฒน์Aug 21, 2025

Mitsubishi รุ่นต่อไปของ Pajero อาจสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถกระบะ Triton
วิรุฬห์Aug 5, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย