Q

รถ Rolls-Royce Ghost ปี 2020 ราคาเท่าไหร่?

ราคาของ Rolls-Royce Ghost รุ่นปี 2020 ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น สเปค สภาพรถ และภาษี โดยราคาขายใหม่มักอยู่ที่ประมาณ 25-35 ล้านบาท ส่วนรถมือสองราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางและสภาพการดูแลรักษา ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 18-28 ล้านบาท ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดรถหรูสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเก็บภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทำให้ราคารถในไทยสูงกว่าที่ประเทศอังกฤษอย่างเห็นได้ชัด Rolls-Royce Ghost ได้รับการยกย่องในเรื่องงานฝีมือระดับเทพ ความสะดวกสบายอันยอดเยี่ยม และเครื่องยนต์ V12 อันทรงพลัง ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มคนชั้นสูงและผู้ประสบความสำเร็จในไทย การซื้อรถหรูระดับนี้ในไทยมักจะมีบริการปรับแต่งเพิ่มเติม เช่น การออกแบบภายในตามความชอบหรือสีรถพิเศษ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายอีกด้วย ต้องบอกว่าวัฒนธรรมรถหรูในไทยค่อนข้างเข้มข้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มักจะเห็นรถหรูรุ่นต่างๆ มากมาย และ Rolls-Royce ก็เป็นสัญลักษณ์ของสถานะและรสนิยมที่ไม่มีใครเทียบได้
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
2020 Wraith ราคาเท่าไร?
ราคาของรถ Rolls-Royce Wraith รุ่นปี 2020 ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า อุปกรณ์เสริมเลือกเพิ่ม และภาษีต่างๆ โดยราคาขายรวมภาษีของรถใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 25-35 ล้านบาท แต่เพื่อความแม่นยำควรสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ หรือพัทยา เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถหรูในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถยนต์นำเข้าประเภทนี้ต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตในอัตราที่สูง ทำให้ราคาสูงกว่าตลาดยุโรปหรืออเมริกาอย่างเห็นได้ชัด สำหรับ Wraith นั้นเป็นรถคูเป้ 2 ประตูสุดคลาสสิกของ Rolls-Royce ใช้เครื่องยนต์ 6.6 ลิตร V12 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงถึง 624 แรงม้า พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่ทำด้วยมือและบริการปรับแต่งเฉพาะเช่น "Star Canopy" ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนชั้นสูงของไทย อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฮบริดและไฟฟ้าในปีที่ผ่านมา แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปขนาดใหญ่เช่น Wraith ยังคงต้องเสียภาษีเต็มอัตรา ข้อแนะนำคือควรซื้อผ่านช่องทางทางการเพื่อให้ได้รับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากศูนย์ Rolls-Royce ประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการบริการประจำปีและการช่วยเหลือบนถนน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการดูแลรถหรูในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย
Q
ทำไม Rolls-Royce ถึงถูกเรียกว่า Wraith?
ชื่อของ Rolls-Royce Wraith มาจากคำภาษาอังกฤษว่า "Wraith" ที่แปลว่า "วิญญาณ" หรือ "ภาพลวงตา" ซึ่งชื่อนี้สะท้อนถึงความลึกลับและความหรูหราของรถรุ่นนี้ Wraith ในฐานะรถคูเป้หรูสองประตูของรอลส์-รอยซ์ ได้สืบทอดดีเอ็นเอความหรูหราของแบรนด์ พร้อมกับดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากขึ้น ในตลาดไทย รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคระดับสูงที่ชื่นชอบความเป็นเอกลักษณ์ เพราะมันผสมผสานระหว่างความหรูหราแบบอังกฤษกับประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจได้อย่างลงตัว ที่น่าสนใจคือรอลส์-รอยซ์มักจะตั้งชื่อรถตามตำนานเทพนิยายและคำศัพท์เชิงกวี เช่น Phantom (ภาพลวงตา) Ghost (โกสต์) ซึ่งล้วนเป็นปรัชญาการตั้งชื่อที่สื่อถึงความพิเศษของรถ และยังอุปมาอุปมัยถึงถึงความหายากและมีค่าดั่งงานศิลป์ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบแอร์และเทคโนโลยีกันเสียงขั้นสูงของ Wraith ยังคงรักษาความสบายภายในรถให้เหมือนอยู่ในคฤหาสน์อังกฤษ นี่คือสิ่งที่ Rolls-Royce ทุ่มเทในทุกรายละเอียดอย่างสมบูรณ์แบบ
Q
Rolls-Royce Wraith หายากไหม?
Rolls-Royce Wraith นับเป็นคูปองหรูที่หายากมากๆ ในตลาดไทย ด้วยดีไซน์สปอร์ตที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ แถมยังผลิตจำกัดปีละไม่เกิน 1,500 คันทั่วโลก สำหรับเมืองไทยนี่หายากยิ่งกว่า แทบจะนับคันได้เลยเพราะแต่ละปีผ่านโชว์รูมหลักที่กรุงเทพฯ แค่ประมาณ 20 คันเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระบวนการผลิตแบบแฮนด์เมดและราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาทขึ้นไป พูดถึงสเปคแล้ว Wraith ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ความจุ 6.6 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 624 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังแบบดาวเทียมช่วย ทำให้การขับขี่บนเส้นทางเขียวอย่างเส้นเชียงใหม่-ปายลื่นไหลไม่เหมือนใคร แม้แต่ประตูแบบ suicide doors อันเป็นเอกลักษณ์ก็ยังเปิดปิดได้เนียนเสมอแม้ในอากาศร้อนจัดของไทย นี่แหละที่พิสูจน์ว่าวิศวกร Rolls-Royce ปรับแต่งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้น แม้ตอนนี้ Wraith จะทยอยถูกแทนที่ด้วยรุ่น Spectre ที่เป็นไฟฟ้าแล้ว แต่ในตลาดมือสอง Wraith สภาพดียังเป็นที่ล่าของนักสะสมไทย โดยเฉพาะรถโชว์ที่เคยลงงานมอเตอร์โชว์ที่ภูเก็ต มักมีมูลค่าสูงกว่าปกติถึง 15% เลยทีเดียว
Q
Rolls-Royce Wraith เร็วไหม?
รถยนต์หรูหราอย่าง Rolls-Royce Wraith นั้นถือเป็นคูปองสปอร์ตระดับเทพที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์ V12 6.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ให้กำลังสูงถึง 624 แรงม้าและแรงบิด 870 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ซึ่งสมรรถนะระดับนี้ทำให้ขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวทั้งบนถนนในเมืองหรือทางหลวงของไทย โดยเฉพาะบนทางหลวงรอบกรุงเทพฯ ที่ Wraith จะแสดงความเหนือชั้นทั้งในเรื่องแรงขับอันทรงพลังและความเงียบสงบ ให้ความรู้สึกขับขี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด สิ่งที่น่าสนใจคือ Wraith ไม่เพียงเร่งได้แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างอากาศและโครงสร้างตัวถังที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลบนสภาพถนนที่หลากหลายของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือการจราจรที่ติดขัดในเมือง ก็ยังคงรักษาความสง่างามในการขับขี่ได้อย่างดี นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังตกแต่งด้วยหนังแท้และไม้เนื้อสูง พร้อมกับหลังคากล้องดาวสไตล์ Rolls-Royce ที่สร้างประสบการณ์ความหรูหราอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ให้กับผู้บริโภคไทย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มองหาประสบการณ์ยานยนต์ระดับสูงสุดทั้งในด้านคุณภาพและสมรรถนะ
Q
"รถ Rolls-Royce Wraith ราคาเท่าไหร่?"
ราคาของ Rolls-Royce Wraith ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 30-35 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับสเปค ออปชั่นเพิ่มเติม และอัตราแลกเปลี่ยน รถคันนี้เป็นรุ่นที่ออกแบบมาในสไตล์สปอร์ตหรูหราของ Rolls-Royce พร้อมเครื่องยนต์ 6.6 ลิตร V12 เทอร์โบคู่ ที่ให้พลังขับเคลื่อนสูงสุดและตกแต่งภายในอย่างประณีตด้วยงานแฮนด์เมดระดับพรีเมียม ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของการกำหนดแบบเฉพาะตัว สำหรับตลาดไทย รถหรูอย่าง Wraith มักจะต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ค่อนข้างสูง นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราคาสูง แต่สำหรับคนที่มองหาความพิเศษและประสบการณ์การขับขี่ระดับท็อปแล้ว Wraith ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ตลาดรถหรูในไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ก็มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย Rolls-Royce ที่พร้อมให้บริการครบวงจร ทั้งให้คำปรึกษาก่อนการซื้อและบริการหลังการขาย รวมถึงออปชั่นบริการกำหนดแบบเฉพาะตัว เช่น สีรถ วัสดุภายในรถ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไทย นอกจากนี้ Wraith ยังเป็นรถที่มูลค่าการขายต่อค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถหรูรุ่นอื่นๆ ซึ่งก็นับเป็นปัจจัยที่นักลงทุนหรือผู้ซื้อควรพิจารณาในการถือครองระยะยาว

ข้อดี

ส่วนภายในที่หรูหราโดยใช้วัสดุระดับสูง
เครื่องยนต์ V12 ที่แรงและราบรื่นเพื่อประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม
การออกแบบภายนอกที่งดงามและเป็นสัญลักษณ์ทำให้คนต่างหากสังเกต
การทำงานฝีมือยอดเยี่ยมปรากฏอยู่ในทุกรายละเอียด
มีทางเลือกในการปรับแต่งให้เป็นรถที่ไม่เหมือนใครมากมาย

ข้อเสีย

ราคาสูง ทำให้ไม่เหมาะสำหรับทุกกลุ่มผู้ใช้งาน
ขนาดตัวรถใหญ่ อาจจอดหรือขับในที่แคบได้ยาก
ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถทั่วไป
ดีไซน์อาจดูดั้งเดิมเกินไปสำหรับบางคน

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Porsche 718 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางมีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีในด้านความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ตรงข้ามแนวนอนได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แม้ว่าหากขับแบบแรงๆ หรือใช้รอบเครื่องสูงอาจมีปัญหาเรื่องการสึกหรอบ้าง แต่ถ้าละเลียดดูแลตามกำหนดก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย แนะนำให้ใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องระบบระบายความร้อนและน้ำมันเกียร์ โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Porsche ที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ อะไหล่ของ 718 ในไทยก็มีพร้อมพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามค่าซ่อมบำรุงสำหรับรถสปอร์ตนำเข้าย่อมสูงอยู่แล้ว ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวก่อนตัดสินใจ ส่วนตัวรถขนาดกะทัดรัดของ 718 นั้นเหมาะทั้งขับเลียบชายทะเลไทยหรือลัดเลาะภูเขา แถมยังได้เปรียบในถนนกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ ถ้ามีงบเพียงพอ การเลือกแพ็กเกจประกันจาก Porsche โดยตรงจะช่วยให้อุ่นใจกว่า ในระดับเดียวกันนี้ 718 ถือว่าคงมูลค่าได้ดี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่อยากได้ทั้งความมันส์ในการขับและความมั่นใจในแบรนด์
Q
“718 นั่งสบายไหม?”
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องกลางนั้น เรื่องความสะดวกสบายต้องดูจากสภาพการใช้งานจริงในไทย ระบบช่วงล่างของ 718 นั้นปรับสมดุลระหว่างสปอร์ตกับความนุ่มสบายได้ดี ระบบ PASM ที่มาสแตนดาร์ดจะปรับแรงดันตามสภาพถนนอัตโนมัติ ทำให้ขับทั้งในเมืองและเส้นทางเขาชานเมืองของไทยได้อย่างมั่นใจ เบาะรองรับได้ดีแต่วัสดุเติมค่อนข้างแข็ง อาจรู้สึกเหนื่อยในการขับทางไกล แต่สำหรับอากาศร้อนแบบไทย เบาะระบายอากาศที่มาสแตนดาร์ดถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง เรื่องเสียงในห้องโดยสาร 718 ควบคุมได้ดีกว่ารถสปอร์ตระดับเดียวกัน แต่บางเส้นทางในไทยที่ผิวถนนไม่เรียบอาจมีเสียงถนนรบกวนบ้าง ที่ต้องระวังคือตัวรถต่ำ ทำให้การขึ้นลงต้องปรับตัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ต้องขึ้นลงรถบ่อยอาจไม่สะดวกนัก หากใช้ระบบอัพเกรดพวงมาลัยเพาเวอร์ที่แนะนำเป็นหลักในกรุงเทพฯ นอกจากนี้เครือข่ายหลังการขายในประเทศไทยสามารถให้การบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพ แต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่า ควรพิจารณาสัญญาต่อประกันเพิ่มเติม สำหรับคนไทยที่มองหาความมันส์ในการขับขี่แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ 718 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าชอบความสบายเป็นหลักอาจลองทดสอบขับรถรุ่น GT ในระดับเดียวกันเปรียบเทียบดู
Q
Porsche 718 จะมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่?
พอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Porsche 718 อายุการใช้งานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาประจำวัน นิสัยการขับขี่ รวมถึงสภาพอากาศและถนนในไทย ถ้าใช้อย่างถูกต้องและบำรุงรักษาสม่ำเสมอ เครื่องยนต์และเกียร์ของ 718 สามารถวิ่งได้เกิน 2 แสนกิโลเมตรอย่างสบายๆ โครงสร้างตัวถังก็แข็งแรงทนทานได้ในระยะยาว สภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยทำให้ต้องดูแลรถเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันสนิมและการเปลี่ยนชิ้นส่วนยางตามระยะ ควรนำรถไปบริการที่ศูนย์ Porsche ทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือ 12 เดือน พร้อมใช้อะไหล่แท้จากศูนย์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสมรรถนะของรถ การบริการจากศูนย์ Porsche ในไทยจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ดี เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์ฮอริซอนทัลของ 718 นั้นมีความเสถียรและน่าเชื่อถือ แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นตามกำหนด เครื่องยนต์ก็จะอยู่กับเราไปนานๆ สำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพนฯ ที่รถติดบ่อย ควรตรวจสอบคลัตช์และเบรคบ่อยกว่าปกติ ส่วนใครที่ชอบขับบนถนนภูเขาในไทย ต้องคอยเช็คสภาพช่วงล่างโดยเฉพาะโช้คอยู่เสมอ แม้ 718 จะเป็นรถสปอร์ตแต่การตั้งค่าช่วงล่างก็ออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานประจำวัน ถ้าไม่ขับแบบกระโชกโฮกฮากเกินไป ชิ้นส่วนช่วงล่างก็ใช้งานได้นาน ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถที่อาจได้รับผลจากความร้อนและความชื้นในไทย ควรตรวจสอบวงจรไฟฟ้าและเซ็นเซอร์เป็นประจำ สรุปแล้ว 718 สามารถใช้งานในไทยได้อย่างสบายๆ 15-20 ปี แม้ในตลาดมือสองรุ่นเก่าที่สภาพดียังคงมีมูลค่าดี ซึ่งพิสูจน์ถึงความทนทานของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี
Q
718 ยังคงผลิตอยู่หรือไม่?
ปัจจุบันรถรุ่น Porsche 718 ซีรีส์ยังคงอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยรุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกของแบรนด์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์กลางตัวถัง ในตลาดไทยก็ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยเฉพาะกับเส้นทางขับขี่ในเขตภูเขาที่เต็มไปด้วยทางโค้งหรือถนนเลียบชายทะเล ซีรีส์ 718 มีทั้งรุ่นคูเป้ออย่าง Cayman และรุ่นเปิดประทุนอย่าง Boxster พร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบเทอร์โบชาร์จ 4 สูบและแบบแอตโมสเฟียร์ 6 สูบ โดยเฉพาะรุ่น GTS 4.0 ที่ใช้เครื่อง 6 สูบจะให้ประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบกว่า ในไทย 718 ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถสปอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพเหมาะสำหรับการแข่ง ขนาดที่กะทัดรัดยังเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองอย่างกรุงเทพฯ อีกด้วย ที่น่าสนใจคือรุ่น 718 ที่นำเข้าไทยมักมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อน เช่น ระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกป้องกันรังสียูวี เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้ากำลังมาแรง Porsche ก็ประกาศว่าจะเปิดตัวรุ่น 718 แบบไฟฟ้าในอนาคต แต่รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปยังคงผลิตต่อไปจนกว่าจะถึงช่วงเปลี่ยนรุ่น สำหรับคนไทยที่สนใจตอนนี้ยังสามารถสั่งซื้อรุ่นล่าสุดได้และยังได้รับบริการปรับแต่งรถตามความต้องการจากแบรนด์อีกด้วย
Q
ควรนำ Porsche 718 เข้ารับการตรวจเช็กหรือให้บริการทุกปีหรือไม่?
สำหรับคำถามที่ว่าควรนำรถ Porsche 718 เข้ารับบริการประจำปีหรือไม่นั้น คำตอบคือจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย การบริการตามระยะเป็นเรื่องสำคัญมาก Porsche แนะนำอย่างเป็นทางการว่ารถรุ่น 718 ควรเข้ารับบริการทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน ซึ่งจากสภาพการขับขี่ทั่วไปในไทย ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะขับใกล้หรือเกินระยะนี้ในแต่ละปี ดังนั้นการบริการปีละครั้งจึงสมเหตุสมผล สภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงของไทยส่งผลให้น้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมทั้งฝุ่นทรายและน้ำฝนอาจกระทบต่อตัวกรองอากาศและระบบเบรก การเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ตามระยะจะช่วยให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเสมอ นอกจากนี้ Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูง มีโครงสร้างเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การตรวจสอบช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนและเกียร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับสภาพถนนในไทยที่ค่อนข้างหลากหลาย สำหรับเจ้าของรถในไทย การเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Porsche จะทำให้ได้อะไหล่แท้และเข้าถึงอุปกรณ์วินิจฉัยมาตรฐาน ซึ่งสำคัญต่อคุณภาพการบริการ อีกจุดที่ควรคำนึงคือการทำตามกำหนดการบริการอย่างเคร่งครัดจะช่วยรักษามูลค่ารถไว้ได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากคิดจะขายรถในอนาคต และหากคุณขับแบบสปอร์ตหรือใช้รถในกรุงเทพที่การจราจรหนาแน่นบ่อยครั้ง อาจต้องเข้ารับบริการบ่อยกว่าปกติเล็กน้อย
ดูเพิ่มเติม