Q

วิธีการขับรถโตโยต้ายาริสครอส

วิธีการขับขี่ของ Toyota Yaris Cross คล้ายกับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติส่วนใหญ่ ก่อนเริ่มขับขี่ให้ปรับเบาะที่นั่งและกระจกมองหลังให้เหมาะสมและสบาย พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย ใส่กุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ท แล้วเปลี่ยนเกียร์ไปที่ D จากนั้นเหยียบคันเร่งเพื่อขับเคลื่อนรถ ในการชะลอความเร็วและจอดรถจะใช้แป้นเบรก ในการเลี้ยวให้ใช้พวงมาลัยและควบคุมมุมเลี้ยวให้เหมาะสม ขณะขับขี่ต้องใส่ใจในการปฏิบัติตามกฎจราจร สภาพถนน และรักษาระยะห่างจากรถคันอื่น พร้อมทั้งควบคุมความเร็วให้เหมาะสม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีการขับรถโตโยต้ายาริสครอสไฮบริดอัตโนมัติ
Toyota Yaris Cross Hybrid รุ่นเกียร์อัตโนมัติขับขี่ได้ง่าย เริ่มต้นด้วยการเสียบกุญแจและสตาร์ทรถ เหยียบเบรกเข้าเกียร์ D แล้วปล่อยเบรกเพื่อให้รถเคลื่อนที่ ค่อยๆ เหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว และเหยียบเบรกเบาๆ เพื่อลดความเร็ว เมื่อต้องการจอดรถให้เหยียบเบรกเข้าเกียร์ P และดับเครื่องยนต์ ขณะขับขี่ควรรักษาระยะห่างที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎจราจร รุ่นนี้มาพร้อมระบบไฮบริดที่ให้การส่งกำลังที่ราบรื่นและประหยัดน้ำมัน
Q
วิธีล็อกโตโยต้ายาริสครอส
วิธีการล็อกรถของโตโยต้า ยาริส ครอส โดยทั่วไปจะใช้ปุ่มล็อกรถบนรีโมทกุญแจ เพียงกดปุ่มก็สามารถล็อกรถได้ บางรุ่นยังมาพร้อมกับระบบเข้า-ออกโดยไม่ต้องใช้กุญแจ เมื่อคุณเดินห่างจากรถในระยะหนึ่ง รถจะล็อคโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถล็อกรถได้จากปุ่มล็อกรถภายในตัวรถ วิธีการล็อกรถอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าของรถ
Q
Toyota Yaris Cross 2023 มีสีอะไรบ้าง
Yaris Cross มีตัวเลือกสีมากมาย โดยมีสีเดียว 6 สี ได้แก่ ATTITUDE BLACK, URBAN METAL, METAL STREAM METALLIC, PLATINUM WHITE PEARL, SPICY SCARLET, DARK TURQUOISE นอกจากนี้ยังมีสีสองสี 4 ชุด ได้แก่ METAL STREAM METALLIC /BLACK ROOF, PLATINUM WHITE PEARL/ BLACK ROOF, SPICY SCARLET/ BLACK ROOF, DARK TURQUOISE/BLACK ROOF
Q
โตโยต้า ยาริส ครอส มีที่นั่งกี่ที่
โตโยต้า ยาริส ครอส มักมาพร้อมกับที่นั่ง 5 ที่นั่ง รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดไทย โดยการออกแบบที่นั่งมีความเหมาะสม สามารถตอบสนองความต้องการในการเดินทางประจำวันของครอบครัวและบุคคลทั่วไป การจัดที่นั่ง 5 ที่นั่งช่วยให้ผู้โดยสารได้รับพื้นที่นั่งที่สะดวกสบาย
Q
Toyota Yaris Cross ทำในประเทศอะไร
Toyota Yaris Cross ในตลาดไทยเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย ผสมผสานกับสไตล์ของครอบครัว Toyota มีเส้นสายที่ไหลลื่นและดูสปอร์ต ส่วนในด้านพลังงาน รุ่นที่พบเห็นทั่วไปมีการส่งกำลังที่เพียงพอเพื่อตอบสนองกับสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ภายในรถมีอุปกรณ์ครบครันและใช้งานได้จริง เน้นความสะดวกสบายและความสะดวกในการใช้งาน ราคาของรถรุ่นนี้ในประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง ให้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก
Q
ราคาโตโยต้ายาริสครอสเท่าไหร่
ราคา Toyota Yaris Cross ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามการเลือกอุปกรณ์และตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปแล้วราคาจะอยู่ในช่วง 789,000 - 899,000 บาท
Q
Toyota Yaris Cross ผลิตอยู่ที่ไหน
รถยนต์ Toyota Yaris Cross ในประเทศไทยผลิตที่โรงงาน Gateway ในจังหวัดหนองคาย
Q
โตโยต้า ยาริส ครอสส์ มีสีอะไรบ้าง
โตโยต้า ยาริส ครอส มีตัวเลือกสีมากมาย โดยมีสีเดียวทั้งหมด 6 สี ได้แก่ ATTITUDE BLACK, URBAN METAL, METAL STREAM METALLIC, PLATINUM WHITE PEARL, SPICY SCARLET, DARK TURQUOISE นอกจากนี้ยังมีสีทูโทน 4 แบบ ได้แก่ METAL STREAM METALLIC /BLACK ROOF, PLATINUM WHITE PEARL/ BLACK ROOF, SPICY SCARLET/ BLACK ROOF, DARK TURQUOISE/BLACK ROOF
Q
วิธีขับรถโตโยต้ายาริสครอสไฮบริดอัตโนมัติ
วิธีการขับขี่ Toyota Yaris Cross Hybrid รุ่นเกียร์อัตโนมัติมีดังนี้ เริ่มต้นโดยการเสียบกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทรถ และให้แน่ใจว่าได้คาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว กดแป้นเบรกและเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D แล้วปลดเบรกมือ จากนั้นเหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนที่ ขณะเบรกให้ค่อยๆ กดแป้นเบรกเพื่อหยุดรถอย่างนุ่มนวล ขณะที่ขับขี่ต้องรักษาความสนใจและปฏิบัติตามกฎจราจรในท้องถิ่น
Q
วิธีการล็อคโตโยต้ายาริสครอส
การล็อกรถ Toyota Yaris Cross ปกติจะทำได้โดยการกดปุ่มล็อกรถที่กุญแจรถ หรือกดปุ่มล็อกรถที่มือจับประตูด้านขับขี่ บางรุ่นที่มีการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษอาจรองรับการล็อกรถโดยอัตโนมัติผ่านระบบกุญแจอัจฉริยะเมื่ออยู่ในระยะที่กำหนด

ข้อดี

ขับได้สบายในพื้นที่
ระบบขับเคลื่อนประหยัดน้ำมันรถวิ่งแบบไหลลื่นบนถนนในเมืองที่สภาพถนนไม่ดี,สามารถผ่านทางน้ำที่สะสมอยู่เล็กน้อย
สามารถนำของหายนะหลายตัวไปได้โดยที่ไม่ต้องขูดสระ
ไม่มีคู่แข่งที่เทียบเท่าในชั้นเดียวกันมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์
มาตรฐานด้วยกล้องถ่ายภาพหน้าและหลังบนรถ

ข้อเสีย

พื้นที่สำหรับสัมภาระอาจมากขึ้น
ราคาสูงเมื่อเทียบกับพลังงานและข้อมูลจำเพาะ
พลาสติกของภายในมากเกินไป
ระบบความปลอดภัยน้อยลง ไม่มีระบบความปลอดภัยริเริ่ม
เครื่องเสียงไม่รองรับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ไม่มีแผนที่ภายใน

Q&A ล่าสุด

Q
BYD Seal คุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่ มาทำความรู้จักกับจุดเด่นของรถคันนี้กันที่นี่
BYD Seal เป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าระดับกลางที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Dynamic RWD, Premium RWD และ AWD Performance ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,199,000 บาท 1,399,000 บาท และ 1,499,000 บาทตามลำดับ ตัวรถมีขนาดยาว 4800 มม. กว้าง 1875 มม. สูง 1460 มม. และระยะฐานล้อ 2920 มม. ทำให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางและนั่งสบาย ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยรุ่น Dynamic RWD ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที และวิ่งได้ไกล 510 กม. ส่วนรุ่น Premium RWD ให้กำลัง 313 แรงม้า (230 kW) เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุด 650 กม. ขณะที่รุ่น AWD Performance ให้พลังสูงสุดถึง 530 แรงม้า (390 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที และวิ่งได้ 580 กม. ทั้งสามรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว และในบางรุ่นมีลำโพง Dynaudio ถึง 12 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม
Q
วันที่เปิดตัวของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาระหว่าง 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ในประเทศไทย พร้อมระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal พัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ดีไซน์โดยรวมเน้นความโฉบเฉี่ยวและลู่ลม ให้ความรู้สึกสปอร์ต มาพร้อมขนาดตัวถัง 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. และระยะฐานล้อ 2,920 มม. ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลายชนิด พร้อมฟังก์ชันทันสมัยอย่าง Android Auto และ Apple CarPlay ขณะที่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) ก็ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
Q
วันวางจำหน่ายของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับการใช้งานบนท้องถนนในประเทศไทย พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ที่ให้ภาพลักษณ์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างลงตัวและครบครันด้วยฟังก์ชันล้ำสมัย รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay รวมถึงติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันขั้นสูง (ADAS) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
Q
ความยาวของ BYD Seal คือเท่าไร
BYD Seal มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,800 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ตามแนวยาวที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ตอนหน้า หรือผู้โดยสารตอนหลัง ต่างก็มีพื้นที่วางขาอย่างสบาย แม้ในระหว่างการเดินทางไกลก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป นอกจากนี้ เมื่อรวมกับความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ทำให้การจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารมีความสมดุลและลงตัว ส่งผลให้การนั่งโดยสารมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งขนาดตัวถังเช่นนี้ยังถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เสริมให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นทั้งด้านการใช้งานและความสบายในการเดินทาง
Q
ขนาดแบตเตอรี่ของ BYD Seal คืออะไร
รุ่นต่าง ๆ ของ BYD Seal มีความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น BYD Seal Dynamic RWD 2023 มีความจุแบตเตอรี่ 61.44 kWh และระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนอย่างเป็นทางการสูงสุดถึง 510 กิโลเมตร ส่วนรุ่น BYD Seal Premium RWD 2023 และ BYD Seal AWD Performance 2023 มีความจุแบตเตอรี่เท่ากันที่ 82.56 kWh โดยรุ่น Premium RWD สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 650 กิโลเมตร ขณะที่รุ่น AWD Performance มีระยะทางขับขี่ 580 กิโลเมตร ความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค เช่น ผู้ที่ต้องการเดินทางไกลสามารถเลือกใช้รุ่นที่มีระยะทางขับขี่ได้มากกว่า
ดูเพิ่มเติม