Q

วิธีล็อคโตโยต้ายาริสครอส

วิธีล็อกรถ Toyota Yaris Cross ขึ้นอยู่กับรุ่นและการตั้งค่าอุปกรณ์ของรถ โดยทั่วไป สามารถใช้กุญแจรถล็อกได้ เพียงกดปุ่มล็อกบนกุญแจก็สามารถล็อกรถได้ทันที รุ่นที่มีอุปกรณ์ขั้นสูงอาจมาพร้อมกับระบบ Keyless Entry และสตาร์ท เพียงแค่นำกุญแจเข้าใกล้รถแล้วแตะบริเวณที่กำหนดบนที่จับประตูเพื่อทำการล็อกรถ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris Cross มีอะไรบ้าง?
Toyota Yaris Cross มีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น พื้นที่ภายในรถค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะสำหรับคนตัวสูง หากผู้ขับมีความสูงมาก อาจปรับเบาะให้นั่งสบายได้ยาก และหากมีผู้โดยสารที่สูงเกิน 180 ซม. นั่งด้านหน้า คนที่นั่งเบาะหลังจะรู้สึกอึดอัด ในด้านสมรรถนะ รถรุ่นนี้ไม่ได้เน้นความแรง การเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไม่ได้โดดเด่น และไม่ค่อยให้ความรู้สึก “แรงดึงหลัง” เท่าไหร่ ภายในห้องโดยสารใช้พลาสติกแข็งค่อนข้างมาก ทำให้ความรู้สึกของวัสดุและคุณภาพสัมผัสดูธรรมดา นอกจากนี้ การใช้งานบางฟังก์ชันก็ไม่สะดวก เช่น การปิดบางระบบต้องเข้าไปตั้งค่าลึกในเมนูหน้าจอ บางเมนูใช้งานได้เฉพาะตอนรถจอดเท่านั้น และบางฟังก์ชันต้องทำตามขั้นตอนตามข้อกำหนดของยุโรปทุกครั้งที่ใช้งาน
Q
Toyota Yaris Cross อยู่ใน Segment ไหน?
Toyota Yaris Cross เป็นรถในระดับ C-Segment หรือก็คือรถคอมแพคที่มีขนาดกำลังดี ความยาว 4,310 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. ทำให้ขับขี่ในชีวิตประจำวันได้สะดวกและจอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5L แบบธรรมชาติ (NA) ให้กำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร และยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลัง ทำให้ระบบรวมให้กำลังสูงถึง 82 กิโลวัตต์ เพียงพอต่อการขับขี่ทั่วไป ราคาอยู่ที่ 789,000 ถึง 899,000 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่เหมาะสมสำหรับหลายครอบครัวที่กำลังมองหารรถสักคัน นอกจากนี้ Toyota Yaris Cross ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ ถุงลมนิรภัย 6 ตัน แอร์หลัง ให้ความสบายทุกที่นั่ง เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง ท่องเที่ยวใกล้ๆ หรือใช้เป็นรถครอบครัวในชีวิตประจำวัน
Q
ราคารถมือสองของ Toyota Yaris Cross ประมาณเท่าไหร่?
ราคารถมือสองของ Toyota Yaris Cross ขึ้นอยู่กับรุ่น ปีที่ผลิต สภาพรถ และระยะทางที่ใช้งาน ปัจจุบันรุ่นปี 2023 เช่น Yaris Cross HEV Smart มีราคาประมาณ 789,000 บาท, รุ่น HEV Premium ราคา 849,000 บาท และรุ่น HEV Premium Luxury ราคา 899,000 บาท ส่วนรุ่นปี 2020 ยังไม่มีข้อมูลการขายชัดเจน ถ้ารถปีใหม่ สภาพดี และวิ่งน้อย ราคาขายต่อก็จะสูงกว่า แต่ถ้ารถเก่า มีรอยหรือวิ่งมาเยอะ ราคาจะลดลงมาก โดยทั่วไปแล้วรถที่ใช้งานไปแล้ว ราคาขายต่อจะลดลงจากราคาป้ายแดงพอสมควร ซึ่งราคาที่แน่นอนควรให้ผู้ประเมินรถมือสองเป็นคนดูโดยตรงเพื่อความแม่นยำ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris Cross มีความจุกี่ซีซี?
Toyota Yaris Cross ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,496 ซีซี หรือที่เรียกกันว่า 1.5 ลิตร เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซินธรรมดา 4 สูบ ระบบดูดอากาศเป็นแบบธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีรุ่นไฮบริดที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังเพียงพอต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และมาพร้อมเกียร์ E-CVT ที่ช่วยให้ขับขี่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันอีกด้วย.
Q
Toyota Yaris Cross ใช้เครื่องยนต์แบบไหน?
Toyota Yaris Cross มีหลายรุ่นให้เลือก โดยบางรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบธรรมดา (NA) เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า (67 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที นอกจากนี้ยังมีรุ่นไฮบริด ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวรซิงโครนัส ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้า (59 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้งระบบแล้ว ให้กำลังรวม 111 แรงม้า และแรงบิดรวม 121 นิวตันเมตร การจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์และระบบไฮบริดนี้ ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน ขับขี่นุ่มนวล เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและขับทางไกล ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
Q
เกียร์ของ Toyota Yaris Cross เป็นแบบไหน?
Toyota Yaris Cross ใช้เกียร์แบบ E-CVT ซึ่งเป็นเกียร์ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การส่งกำลังนุ่มนวล ประหยัดน้ำมัน และขับขี่สบาย เกียร์ E-CVT ยังสามารถปรับอัตราทดได้ตามสภาพถนนและความต้องการของผู้ขับขี่ ช่วยให้รถตอบสนองได้ดีในทุกสถานการณ์ รุ่นต่างๆ ของ Yaris Cross เช่น Smart, Premium และ Premium Luxury ก็ใช้เกียร์แบบนี้ทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจในสมรรถนะที่มั่นคงของตัวรถ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris Cross คือเท่าไหร่?
Toyota Yaris Cross ที่วางขายในไทยใช้ล้อที่มีขนาด PCD 5×100 (หมายถึงมีรูน็อต 5 รู วัดระยะวงกลมได้ 100 มม.) ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานเดียวกับรถ SUV ขนาดเล็กหลายรุ่น เช่น Honda HR-V หรือ Toyota Corolla Cross ก็ใช้ขนาดนี้เช่นกัน ถ้าคิดจะเปลี่ยนล้อแม็ก แนะนำให้ตรวจสอบขนาดรูดุมกลาง (CB) และค่า Offset (ET) ให้เหมาะสมด้วย ร้านแต่งรถในไทยส่วนใหญ่จะแนะนำล้อที่ผ่านมาตรฐาน JWL/VIA เพื่อความปลอดภัย และมักแนะนำแบรนด์ดัง เช่น Enkei หรือ Rays ที่เป็นล้อแบบน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนล้อที่มีขนาดแตกต่างมากจากเดิม อาจกระทบระบบช่วงล่างหรือเงื่อนไขการรับประกันของศูนย์ แนะนำให้ปรึกษาศูนย์บริการ Toyota ในไทยก่อนตัดสินใจเปลี่ยนครับ
Q
Toyota Yaris Cross มีฟังก์ชัน Apple CarPlay ไหม?
Toyota Yaris Cross รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถ โดยทั่วไปแล้ว รุ่นปี 2022 ขึ้นไปจะมาพร้อม CarPlay แบบไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone ผ่านหน้าจอกลางเพื่อใช้งานแผนที่ ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ได้ทันที แต่สำหรับรุ่นก่อนหน้าหรือรุ่นย่อยบางรุ่นอาจต้องเชื่อมต่อผ่านสาย USB แนะนำให้ตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่าย Toyota ในประเทศไทยก่อนตัดสินใจซื้อ หากพบปัญหาในการเชื่อมต่อ สามารถนำรถเข้ารับบริการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ศูนย์บริการ Toyota ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้ฟรีภายในระยะเวลารับประกัน เพื่อให้ระบบรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เต็มรูปแบบ.
Q
ยางติดรถ Toyota Yaris Cross ใช้ยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Toyota Yaris Cross จะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและออปชั่นที่เลือก โดยส่วนใหญ่ใช้ยี่ห้อระดับโลก เช่น Bridgestone หรือ Dunlop รุ่นยอดนิยมก็เช่น Bridgestone Ecopia หรือ Dunlop Enasave ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและเงียบขณะขับขี่ ขนาดยางที่พบได้บ่อยคือ 215/60 R17 หรือ 215/55 R18 แล้วแต่รุ่น เวลาจะเปลี่ยนยาง แนะนำให้เลือกยี่ห้อและขนาดเดียวกับของเดิม โดยเฉพาะถ้าขับบ่อยช่วงหน้าฝน อาจเลือกยางที่รีดน้ำดีอย่าง Michelin Primacy 4 ก็ได้ แต่หลังเปลี่ยนควรตั้งค่าระบบตรวจเช็คลมยาง (TPMS) ใหม่ และควรหมุนสลับยางตามระยะที่ศูนย์บริการ Toyota เพื่อลดการสึกหรอ เพราะสภาพอากาศร้อนในไทยทำให้ยางเสื่อมเร็ว.
Q
Toyota Yaris Cross เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันเลย
Toyota Yaris Cross ถือว่าเป็นรถที่ดีรุ่นหนึ่ง มีข้อดีหลายด้าน โดยตัวรถถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA เป็น SUV ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหญ่และไฟหน้า LED ที่ดูเฉียบคม กันชนหน้าเสริมมิติให้รถดูสปอร์ตมากขึ้น ด้านความปลอดภัยก็จัดเต็ม มาพร้อม ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบไฮบริด ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 3.8 ลิตรต่อ 100 กม. เหมาะกับการใช้งานในเมือง ภายในออกแบบลงตัว พื้นที่ใช้สอยพอเหมาะ ระยะฐานล้อ 2,620 มม. และความสูง 1,615 มม. เพียงพอต่อการใช้งานประจำวัน อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดที่ควรพิจารณา เช่น สมรรถนะเครื่องยนต์อาจยังไม่ตอบโจทย์การเร่งแซงบนทางด่วน และวัสดุบางจุดในห้องโดยสารอาจไม่หรูหรามากนัก อาจไม่ถูกใจสายเน้นพรีเมียม.

ข้อดี

ขับได้สบายในพื้นที่
ระบบขับเคลื่อนประหยัดน้ำมันรถวิ่งแบบไหลลื่นบนถนนในเมืองที่สภาพถนนไม่ดี,สามารถผ่านทางน้ำที่สะสมอยู่เล็กน้อย
สามารถนำของหายนะหลายตัวไปได้โดยที่ไม่ต้องขูดสระ
ไม่มีคู่แข่งที่เทียบเท่าในชั้นเดียวกันมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์
มาตรฐานด้วยกล้องถ่ายภาพหน้าและหลังบนรถ

ข้อเสีย

พื้นที่สำหรับสัมภาระอาจมากขึ้น
ราคาสูงเมื่อเทียบกับพลังงานและข้อมูลจำเพาะ
พลาสติกของภายในมากเกินไป
ระบบความปลอดภัยน้อยลง ไม่มีระบบความปลอดภัยริเริ่ม
เครื่องเสียงไม่รองรับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ไม่มีแผนที่ภายใน

Q&A ล่าสุด

Q
วันที่วางจำหน่ายของ Ford Everest คือเมื่อไร?
Ford Everest ที่จำหน่ายในประเทศไทยมักมีการเปลี่ยนโฉมและอัปเดตรุ่นพร้อมกับตลาดโลก โดยรุ่นใหม่ล่าสุดได้เปิดตัวในปี 2022 และวางขายอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว สำหรับรุ่นที่มีขายอยู่ในปัจจุบันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามปีผลิต (Year Model) ทาง Ford Thailand ยังมีการปรับแต่งรุ่นย่อยหรือออกเวอร์ชันพิเศษตามความนิยมของผู้บริโภคในไทย เช่น รุ่นตกแต่งพิเศษ หรือปรับออปชันประจำปีให้ตอบโจทย์มากขึ้น หากใครสนใจซื้อ แนะนำให้เข้าไปที่โชว์รูม Ford ที่ได้รับอนุญาต เพื่อสอบถามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรุ่นและโปรโมชั่น หรือสามารถติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ทางการของ Ford Thailand และโซเชียลมีเดียของแบรนด์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น ผู้ผลิตรถยนต์จึงมักมีการปรับแต่งระบบระบายความร้อน ระบบแอร์ และการเคลือบกันสนิมเพิ่มเติม เพื่อให้ตัวรถทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและชื้นได้ดียิ่งขึ้น.
Q
วันที่เปิดตัวของ Ford Everest คือเมื่อไร?
Ford Everest ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีการอัปเดตและเปลี่ยนโฉมใกล้เคียงกับตลาดโลก โดยรุ่นใหม่ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2022 และเข้ามาขายในไทยเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม รุ่นที่ขายในปัจจุบันอาจมีการปรับรายละเอียดตามปีผลิต (Year Model) ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทาง Ford ประเทศไทยมักจะมีการปรับแต่งรุ่นย่อยหรือเพิ่มรุ่นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย เช่น การตกแต่งภายในเฉพาะรุ่น สีพิเศษ หรือชุดแต่งเพิ่มเติม ผู้ที่สนใจซื้อควรติดต่อศูนย์จำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Ford เพื่อสอบถามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรุ่น ปี และราคา หรือสามารถติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ทางการของ Ford Thailand และช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัท เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น รถที่ขายในไทยจึงมักมีการปรับปรุงระบบระบายความร้อน ระบบแอร์ และการป้องกันสนิมเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงของบ้านเรา ทำให้ใช้งานได้ทนทานยิ่งขึ้น.
Q
Ford Everest คุ้มค่าจะซื้อไหม?
Ford Everest ถือเป็นรถ SUV ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั้งทางออฟโรดและครอบครัว ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยอย่างมาก ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบแชสซีส์ (ไม่ใช่แบบโมโนค็อก) และระบบ Terrain Management ที่ช่วยให้ขับผ่านถนนลูกรังหรือในฤดูฝนได้อย่างมั่นใจ ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,923 มม. ทำให้มีที่นั่งแบบ 3 แถว รองรับการใช้งานของครอบครัวใหญ่ได้สบาย โดยเฉพาะในการเดินทางไกลหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ด้านเครื่องยนต์ Ford Everest ใช้เครื่องดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและมีพละกำลังเพียงพอในการลากจูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ในไทยให้ความสำคัญ ระบบความบันเทิง SYNC 4 ยังรองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย และแผนที่นำทางที่อัปเดตสำหรับการใช้งานในประเทศ โดยรวมถือว่าใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ในกลุ่มรถระดับเดียวกัน Everest มีจุดเด่นตรงความสามารถในการลุยน้ำลึกถึง 800 มม. ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งหลายรุ่น อีกทั้งศูนย์บริการของ Ford ก็ครอบคลุมแทบทุกจังหวัด ทำให้เรื่องการซ่อมบำรุงไม่ใช่ปัญหา สำหรับผู้ที่สนใจ แนะนำให้ลองขับจริง โดยเฉพาะบนเส้นทางภูเขาอย่างที่เชียงใหม่ เพื่อดูประสิทธิภาพของระบบช่วยควบคุมการไต่เขา และอย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดด้านการตรวจสภาพรถดีเซลตามกฎหมายไทย โดยรวมแล้ว Ford Everest เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เหมาะกับคนที่ต้องการรถใช้งานอเนกประสงค์แบบลุยได้ และยังมีราคาขายต่อที่ดีเมื่อเทียบกับรถแนวเมืองทั่วไป แต่ก็ควรดูแลระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้พร้อมใช้งานเสมอ.
Q
Ford Everest กินน้ำมันเท่าไหร่?
ประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Ford Everest ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ โดยทั่วไปรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 9-10 ลิตร/100 กม. ในสภาพการขับขี่ในเมือง และอาจลดลงเหลือ 7-8 ลิตร/100 กม. เมื่อขับบนทางหลวง ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าเล็กน้อย ข้อมูลที่แน่นอนสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลรับรองอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและมีการจราจรติดขัดบ่อยครั้ง แนะนำให้เจ้าของรถบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำความสะอาดไส้กรองอากาศและรักษาความดันลมยางให้เหมาะสม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ นอกจากนี้ ในประเทศไทยมีสถานีบริการบางแห่งที่จำหน่ายเชื้อเพลิงไบโอดีเซล B7 หรือ B20 ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลของ Ford Everest สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทนี้ได้ แต่ควรเลือกใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ หากต้องการลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ลองขับด้วยความเร็วคงที่และคาดการณ์สถานการณ์การจราจรเพื่อหลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน ซึ่งเทคนิคการขับขี่เหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นเช่นกรุงเทพฯ
Q
ขนาดล้อของ Ford Everest คือเท่าไหร่?
Ford Everest ที่จำหน่ายในตลาดประเทศไทยมีขนาดล้อที่แตกต่างกันตามรุ่นและออปชัน โดยทั่วไปจะมีขนาด 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว ซึ่งบางรุ่นที่เป็นตัวท็อปอาจมาพร้อมล้อที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลาย ในบริบทของประเทศไทยที่มีทั้งภูเขาและถนนในชนบท ล้อขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ (ground clearance) ทำให้ขับผ่านทางขรุขระได้ดีขึ้น แต่ก็อาจส่งผลให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลงเล็กน้อย ดังนั้นควรเลือกขนาดล้อให้เหมาะกับการใช้งานจริง หากขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ล้อขนาด 17 นิ้ว จะให้ความสบายในการขับขี่และประหยัดน้ำมันมากกว่า ส่วนล้อขนาด 18 นิ้ว จะเหมาะกับคนที่ชอบรูปลักษณ์สปอร์ตและอาจขับรถลุยเป็นครั้งคราว ในช่วงฤดูฝนของไทย ควรให้ความสำคัญกับดัชนีความทนทานของยาง (treadwear rating) และประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยาง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนเปียก ผู้แทนจำหน่าย Ford ที่ได้รับอนุญาตมักจะมีบริการอัปเกรดล้อแท้จากโรงงาน ซึ่งรับประกันความเข้ากันได้และความปลอดภัย นอกจากนี้ควรตรวจเช็คลดการสึกของยาง และทำการตั้งศูนย์ล้ออย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาความปลอดภัยในการขับขี่.
ดูเพิ่มเติม