Q
mazda 3 วิธีการเปิดฝากระโปรง
วิธีเปิดฝากระโปรงรถ Mazda 3 ที่ใช้ในประเทศไทยทำได้ดังนี้ ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่ารถดับเครื่องแล้วและดึงเบรกมือขึ้น จากนั้นนั่งที่เบาะคนขับแล้วมองไปทางด้านซ้ายล่าง จะเห็นคันดึงที่มีสัญลักษณ์ฝากระโปรง ให้ดึงออกมาจะได้ยินเสียง “ก๊อก” แสดงว่าฝากระโปรงเปิดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นสอดมือเข้าไปบริเวณด้านหน้ากลางของฝากระโปรง จะมีตัวล็อกเล็กๆ ให้กดหรือเลื่อนไปด้านซ้ายหรือขวา (ขึ้นอยู่กับปีรุ่น) แล้วจึงยกฝากระโปรงขึ้น ในสภาพอากาศร้อนและชื้นของไทย กลไกตัวล็อกฝากระโปรงอาจขึ้นสนิมได้ ควรหมั่นทาน้ำมันหล่อลื่น หากเปิดยากไม่ควรดึงแรงๆ ควรติดต่อศูนย์บริการมาสด้าแทน Mazda 3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทย ห้องเครื่องค่อนข้างแน่น เวลาเช็กน้ำมันเครื่องหรือน้ำยาหล่อเย็นต้องระวังการใช้ค้ำยันฝากระโปรงให้ถูกต้อง บางรุ่นใหม่มีโช้คอัพไฮดรอลิกช่วยยก ทำให้สะดวกขึ้น หากใช้งานในพื้นที่ชายฝั่ง ควรตรวจสอบตัวล็อกทุก 6 เดือนเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากไอเกลือ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา
อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด
นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย
อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก
ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic
Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ
ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ
ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น
ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode)
Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น
เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม.
ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่
การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง
แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย
Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป
คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้
Q&A ล่าสุด
Q
Defender จะมีการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 หรือไม่?
ในปี 2025 นี้ Defender มีการอัปเดตหลายอย่าง โดยเริ่มจากระบบขับเคลื่อนที่มีการเปลี่ยนแปลง นำเสนอเครื่องยนต์ D350 แทนรุ่น D300 เดิม ซึ่ง D350 นี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบแบบแถวเรียง พร้อมระบบไฮบริดแบบไฮบริดอ่อนให้กำลังสูงถึง 345 แรงม้าและแรงบิด 700Nm เพิ่มขึ้นจากรุ่น D300 ถึง 50 แรงม้าและ 50Nm แถมยังช่วยให้รถผ่านมาตรฐาน Euro 6e ของยุโรปอีกด้วย ส่วนตัวเลือกรุ่นนั้น ทางผู้ผลิตเตรียมไว้ให้เลือกทั้งแบบ S, X-Dynamic SE, X-Dynamic HSE, X และ V8 พร้อมทั้งรูปแบบตัวถังทั้ง 90, 110 และ 130 ให้เลือกตามความชอบ นอกจากนี้ยังมีเซต Signature Interior Pack ให้อัพเกรดด้วย ซึ่งในรุ่น 130 จะมีเก้าอี้แบบ เก้าอี้กัปตัน ส่วนรุ่น 110 ก็จะมีแบบ Sedona พิเศษ ช่วยเพิ่มความหรูหราและความสบายขึ้นอีกระดับ จนทำให้ Defender ใกล้เคียงกับ Range Rover ในบางฟังก์ชันและการใช้งานเลยทีเดียว
Q
“Toyota Prado 2025 มีขนาดเท่าไหร่?”
รถยนต์ Toyota Land Rover Defender รุ่นปี 2025 มีขนาดความยาว 4,925 มม. กว้าง 1,980 มม. และสูง 1,920 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,850 มม. ขนาดตัวรถที่ใหญ่แบบนี้ทำให้ Defender มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง นั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นแถวหน้าหรือแถวหลัง ก็มีพื้นที่สำหรับศีรษะและขาที่เพียงพอ แถมตัวรถใหญ่และระยะฐานล้อที่ยาวยังช่วยให้รถวิ่งได้มั่นคงมากขึ้น โดยรวมแล้ว Land Rover Defender รุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องพื้นที่และการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะกับทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือทางวิบาก
Q
Fortuner 2025 จะใช้งานได้นานแค่ไหน
รถ Fortuner 2025 ของ Toyota เป็น SUV ที่เน้นความทนทานเป็นหลัก ในสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนซับซ้อนของประเทศไทย แค่ดูแลรักษาตามกำหนดและขับขี่อย่างเหมาะสม ก็สามารถใช้งานได้มั่นคงเกิน 2 แสนกิโลเมตร หรือประมาณ 15 ปี เครื่องยนต์และเกียร์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาวนาน แพ็คเกจบริการจากโชว์รูม Toyota ในประเทศไทยช่วยยืดอายุรถได้ดี แนะนำให้ทำบริการพื้นฐานทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องระบบแอร์และการป้องกันสนิมใต้ท้องรถ ส่วนถนนที่มีน้ำขังบ่อยในไทย แนะนำให้ติดตั้งแผ่นป้องกันใต้เครื่อง หากใช้ไบโอดีเซล B20 ที่ได้มาตรฐานต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์น้ำมันเชื้อเพลิงตามกำหนด กรณีจอดรถนานๆควรถอดขั้วแบตเตอรี่ด้านลบออก SUV โครงสร้างแบบแบ็คบอนนี้ในตลาดมือสองของไทยยังคงมูลค่าสูง แม้ใช้งานมา 10 ปี หากสภาพดีก็ยังคงมูลค่าได้ประมาณ 50% และสิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบข้อมูลการเรียกคืนสินค้าเป็นประจำบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโตโยต้าประเทศไทย
Q
ความสามารถในการลากจูงของ Defender ปี 2025 คือเท่าไหร่?
สำหรับรุ่น Defender 2025 ความสามารถในการลากจูงจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและแบบเครื่องยนต์ โดยรุ่น Defender 110 แบบดีเซลสามารถลากจูงได้สูงสุดถึง 3,720 กิโลกรัม ส่วนรุ่นเบนซินลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม ซึ่งข้อมูลนี้ใช้ได้ในตลาดไทยเหมือนกัน เหมาะกับการใช้งานลากจูงทั่วไป เช่น เรือยอร์ช รถบ้าน หรืออุปกรณ์หนักต่างๆ ในไทยด้วยสภาพพื้นที่ที่หลากหลาย ทั้งในเมือง ภูเขา หรือแม้แต่ชายหาด การลากจูงเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญและ Defender ก็ตอบโจทย์นี้ได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องการกระจายน้ำหนักของสิ่งของที่ลากจูง ระบบเบรกที่ต้องใช้งานร่วมกัน รวมถึงกฎหมายไทยที่กำหนดให้น้ำหนักรถพ่วงรวมต้องไม่เกิน 1.5 เท่าของน้ำหนักรถที่ลงทะเบียน และต้องมีระบบเบรกแยกต่างหาก นอกจากนี้การลากจูงหนักเป็นประจำอาจส่งผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และระบบหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ สำหรับใครที่ต้องลากจูงบ่อยๆ สามารถเลือกติดตั้งชุดอุปกรณ์ลากจูงจากศูนย์ ซึ่งรวมถึงระบบช่วงล่างเสริมและระบบควบคุมความมั่นคง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่
Q
ความสูงจากพื้นถึงท้องรถของ Defender รุ่นปี 2025 คือเท่าไหร่
รถยนต์ Land Rover Defender รุ่นปี 2025 มีระยะความสูงจากพื้นรถที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น โดยรุ่นมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 291 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นที่ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบอากาศ (Air Suspension) เมื่ออยู่ในโหมดขับขี่ออฟโรดจะสามารถเพิ่มความสูงได้ถึง 330 มิลลิเมตร ซึ่งดีไซน์นี้ช่วยให้รถสามารถรับมือกับสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทยได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือเส้นทางออฟโรดในเขตภูเขาทางภาคเหนือ ระยะความสูงจากพื้นรถถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสามารถออฟโรดที่สำคัญ โดย Defender ที่มีระยะความสูงจากพื้นรถมาก พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลา (All-Wheel Drive) และระบบ Terrain Response ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานตามสภาพถนน ทำให้รถคันนี้มีสมรรถนะในการขับขี่ผ่านเส้นทางต่างๆ ได้ดีเยี่ยม เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายของประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับผู้บริโภคไทยที่กำลังมองหา SUV นอกเหนือจากระยะความสูงจากพื้นรถแล้ว ยังควรให้ความสนใจกับมุมเข้า (Approach Angle) มุมออก (Departure Angle) และความสามารถในการขับผ่านน้ำ (Wading Depth) ด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อสมรรถนะออฟโรดในทางปฏิบัติ ซึ่ง Defender ก็ทำได้ดีในทุกด้าน เช่น ความสามารถในการขับผ่านน้ำที่สูงถึง 900 มิลลิเมตร เพียงพอสำหรับการรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันหรือทางน้ำตื้นในประเทศไทย นอกจากนี้ โครงสร้างช่วงล่างที่แข็งแรงและความทนทานของ Defender ยังทำให้รถคันนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลหรือการผจญภัยกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการลุยป่าลุยเขาก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazda 3 ดูดี แต่ไม่ตอบโจทย์? เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายไม่ดี
ธนวัฒน์Sep 10, 2024

Mazda 3 Hatchback ราคาเริ่มต้นที่ 166,059 ริงกิต จะเลือกทั้งสองรุ่นนี้อย่างไรดีนะ?"
AshleyJul 15, 2024

Mazda 3 มีราคาตั้งแต่ THB 979,000 เป็นรถเก๋งซี-เซกเมนต์สง่างามที่สุดไหม?
LienJun 12, 2024

สงครามระหว่าง Sedan C-segment ในไทย: Honda Civic RS ปะทะ Toyota Corolla Altis ปะทะ Mazda 3
LienApr 15, 2024

Mazdaออสเตรเลียกล่าวว่าในปัจจุบันจะไม่มีการเปิดตัว BT-50 รุ่นไฟฟ้า
ธนวัฒน์Aug 28, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย