Q

วิธีการใช้ไม้ปัดน้ำฝนด้านหลังรถยนต์ Toyota

ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย การใช้งานที่ถูกต้องของที่ปัดน้ำฝนหลังในรถ Toyota ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างมาก วิธีการใช้งานส่วนใหญ่จะควบคุมผ่านคันบังคับด้านขวาของพวงมาลัย แค่หมุนหรือดันปุ่มที่ปลายคันบังคับก็สามารถเปิดใช้งานได้ รุ่นบางรุ่นเช่น Corolla Cross หรือ Yaris อาจติดตั้งฟังก์ชันควบคุมความเร็วแบบต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะกับระดับฝนที่ต่างกัน ในการทำความสะอาดกระจกหลัง ให้ดึงคันโยกเข้าหาพวงมาลัย แนะนำให้ใช้น้ำยาฉีดกระจกเดิมเพื่อป้องกันการอุดตันของหัวฉีด ซึ่งสำคัญมากในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากอย่างประเทศไทย สิ่งที่ควรสังเกตคือ ยางปัดน้ำฝนหลังควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน เพราะอากาศร้อนชื้นจะเร่งให้เสื่อมสภาพเร็ว ถ้าพบว่ามีรอยขูดเป็นเส้นหรือเสียงผิดปกติควรรีบตรวจสอบทันที การออกแบบกระจกหลังของรถ Toyota แต่ละรุ่นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของที่ปัดน้ำฝน เช่น กระจกหลังแบบเอียงของ SUV จะต้องพึ่งพาที่ปัดน้ำฝนมากกว่ากระจกหลังแบบตั้งตรงของรถเก๋ง การยกใบปัดน้ำฝนขึ้นเมื่อจอดรถช่วยยืดอายุการใช้งานได้ โดยเฉพาะเมื่อจอดตากแดดในที่จอดรถกลางแจ้งของประเทศไทย การเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในการขับขี่ของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการบำรุงรักษารถในช่วงฤดูฝนที่เจ้าของรถยนต์ชาวไทยควรทำความเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้ว การมองเห็นด้านหลังที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการรับมือกับพายุฝนกระทันหันหรือถนนที่มีรถจักรยานยนต์หนาแน่น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
น้ำมันเครื่องสำหรับ Audi Q7 รุ่นปี 2020 ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบ (Full Synthetic Oil)
รถ Audi Q7 รุ่นปี 2020 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรที่ตรงตามมาตรฐาน VW 502 00/505 00 โดยทั่วไปควรเลือกความหนืดระดับ 5W-40 หรือ 0W-40 ซึ่งเป็นเกรดที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนในเขตร้อน ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ต้องใช้งานหนักเป็นเวลานาน ทั้งในเรื่องการหล่อลื่นและการระบายความร้อน เวลาเลือกซื้อควรเน้นยี่ห้อดังเช่นเชลล์ (Shell) โมบิล (Mobil) หรือคาสตรอล (Castrol) และต้องตรวจสอบสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน VW บนกระป๋องน้ำมันเครื่องให้ชัดเจน เพื่อความมั่นใจว่าเหมาะกับรถของคุณ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ แนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าอย่างไหนถึงก่อน แต่ถ้าต้องขับบ่อยในสภาพการจราจรติดขัดหรืออยู่ในพื้นที่อากาศร้อนจัด ควรเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 7,000-8,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ควรใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องแบบเดิมจากผู้ผลิตเพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีกว่า ช่วยปกป้องชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งาน สุดท้ายนี้ต้องระวังว่ารถ Q7 ในปีอื่นหรือรุ่นย่อยอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย ทางที่ดีที่สุดควรตรวจสอบคู่มือการใช้รถหรือปรึกษาตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อขอข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
Q
รถ Audi Q7 ปี 2020 มีขนาดเครื่องยนต์กี่ซีซี?
Audi Q7 รุ่นปี 2020 ในตลาดบ้านเรามีให้เลือกสองแบบด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสปิริตและการรักษ์โลก รุ่นเริ่มอย่าง 45 TFSI ใช้เครื่อง 2.0 ลิตร 4 สูบ ความจุจริง 1984cc ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า เหมาะกับขับขี่ในเมืองและได้เปรียบเรื่องภาษี ส่วนรุ่นสูงอย่าง 55 TFSI ขุมพลัง 3.0 ลิตร V6 ความจุ 2995cc ส่งกำลัง 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร แรงกว่านี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องลากเรือยอร์ชหรือขับทางไกลบ่อยๆ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเกียร์ 8 สปีด Tiptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ช่วยยึดเกาะถนนได้ดีในหน้าฝน พิเศษตรงที่รุ่น 3.0T แม้ความจุจะใกล้ 3000cc แต่ด้วยเทคโนโลยี mild hybrid ของ Audi ทำให้ประหยัดน้ำมันกว่า SUV เครื่องใหญ่แบบเดิมๆ แถมยังผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 6 ด้วย ตอนนี้ทั้งสองรุ่นมีให้เลือกที่โชว์รูมแล้ว แนะนำให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ ถ้าต้องการรถสำหรับครอบครัวหรืออยากได้กำลังมากกว่านี้ รุ่น 3.0T น่าจะตอบโจทย์กว่า
Q
“รถ CR-V ปี 2022 ราคาเท่าไหร่?”
ราคาของ Honda CR-V รุ่นปี 2022 จะแตกต่างกันไปตามสภาพรถ อุปกรณ์เสริม ระยะทางที่ใช้งาน และการรับประกัน โดยรถใหม่ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.3 - 1.8 ล้านบาท ส่วนรถมือสองราคาจะลดลงตามการใช้งาน โดยอยู่ที่ประมาณ 9 แสนถึง 1.4 ล้านบาท CR-V เป็น SUV ยอดนิยมในตลาดไทย เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง ประสิทธิภาพเชื่อถือได้ และค่าบำรุงรักษาไม่สูง เหมาะสำหรับครอบครัวมากๆ ถ้าคิดจะซื้อรถมือสอง แนะนำให้เลือกช่องทางรถมือสองรับรองโดยศูนย์จะดีกว่า เพราะรถพวกนี้ผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดและมักมีบริการรับประกันขยายเวลา ช่วยให้อุ่นใจกว่า ส่วนเรื่องการรักษามูลค่า CR-V ก็ทำได้ดี แม้ใช้ไปนานแล้วยังขายต่อได้ราคาดี นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่หลายคนเลือกเจ้าตัวนี้ ก่อนซื้อลองเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ โชว์รูม และอย่าลืมตรวจสอบประวัติรถกับบันทึกการบำรุงรักษาด้วยนะ จะได้มั่นใจว่าสภาพรถยังดีอยู่
Q
ความแตกต่างระหว่าง CR-V รุ่นปี 2022 และ 2023 คืออะไร?
รุ่นปี 2022 และ 2023 ของ Honda CR-V มีความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่การออกแบบภายนอก อุปกรณ์เทคโนโลยี และการปรับปรุงระบบขับเคลื่อนครับ รุ่น 2023 ออกแบบหน้ารถให้ทันสมัยขึ้นด้วยกรอบกระจังหน้าและไฟหน้า LED ที่ดูคมกริบกว่าเดิม เส้นสายตัวถังก็ลื่นไหลดูสปอร์ตมากขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสาร รุ่นปี 2023 ได้อัพเกรดขนาดหน้าจอควบคุมกลาง และมาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถเวอร์ชั่นล่าสุด รองรับฟังก์ชั่นการเชื่อมต่ออัจฉริยะมากขึ้น เช่น การควบคุมด้วยเสียงและระบบไร้สาย Apple CarPlay/Android Auto ในด้านความปลอดภัย รุ่น 2023 ติดตั้งระบบ Honda Sensing เป็นมาตรฐาน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างระบบจดจำป้ายจราจรและระบบเบรกอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ส่วนระบบขับเคลื่อนยังใช้เครื่องยนต์ 1.5L เทอร์โบและระบบไฮบริด 2.0L เหมือนเดิม แต่มีการปรับแต่งเล็กน้อยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นนิดหน่อย สำหรับคนที่ขับในเมืองติดขัดบ่อยๆ รุ่นไฮบริดจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ชัดเจน ส่วนรุ่นเทอร์โบเหมาะกับคนชอบความแรงตอบสนองดี ที่สำคัญ CR-V เป็นรถที่มูลค่ามันคงสูง ตลาดมือสองก็ดีเสมอ เป็นจุดเด่นสำหรับคนที่คิดจะเปลี่ยนรถในอนาคต
Q
ปัญหาทั่วไปของ Honda CR-V รุ่นปี 2022 มีอะไรบ้าง?
รถยนต์รุ่น CR-V ปี 2022 ที่เป็น SUV ยอดนิยมในท้องตลาด ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานประจำวันมักจะเป็นเรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจมีการแจ้งเตือนผิดพลาดบ้างในบางครั้ง เช่น ระบบตรวจสอบความดันลมยางที่อาจมีการแจ้งเตือนช้าไปนิดหน่อย หรือเกียร์ CVT ที่อาจมีการกระตุกเบาๆ เวลาใช้งานในสภาพการจราจรที่ติดขัดและอากาศร้อนจัด รวมถึงบางเจ้าของรถอาจรู้สึกว่าเสียงรบกวนภายนอกรถเวลาขับความเร็วสูงยังมีอยู่บ้าง แต่ปัญหาทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคันและส่วนใหญ่แล้วสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือการดูแลรักษาตามกำหนด สำหรับในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นแบบไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นและน้ำมันเกียร์บ่อยขึ้นกว่าปกติหน่อย และควรเลือกที่ปัดน้ำฝนที่ทำจากวัสดุยางเกรดดีของทางศูนย์เพื่อความทนทานมากขึ้น ส่วนเครื่องยนต์ 1.5T นั้นใช้งานกับน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใช้น้ำมัน 95 จะช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า แถมยังควรตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เดือนละครั้งด้วยเพราะระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถที่ค่อนข้างเยอะอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าเกิดปัญหาเรื่องหน้าจอคอนโซลกลางค้าง แนะนำให้กดปุ่มปรับระดับเสียงค้างไว้พร้อมกับปุ่มเปิดปิดระบบนาน 10 วินาทีเพื่อรีสตาร์ทระบบ โดยรวมแล้ว CR-V รุ่นนี้ยังคงเป็นรถที่ใช้งานได้ดี มีความประหยัดน้ำมันและพื้นที่ใช้งานภายในกว้างขวาง ถ้าดูแลรักษาอย่างถูกต้องตามกำหนดก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ได้มากเลยทีเดียว
ดูเพิ่มเติม