“รถ hybrid” ในภาษาไทยหมายถึง “รถไฮบริด”

รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 แสดงสมรรถนะพอใช้ได้บนถนนหิมะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Real Time AWD ที่มากับตัวรถมาตรฐานสามารถกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้าและล้อหลังได้อัตโนมัติ เมื่อทำงานร่วมกับโหมดขับขี่บนหิมะจะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะบนพื้นผิวลื่นได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยางที่ติดตั้งมาจากโรงงานนั้นออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนถนนทั่วไปมากกว่า ดังนั้นหากคุณต้องเดินทางไปยังพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือหรือเขตอากาศหนาวบ่อยๆ แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ยางฤดูหนาวหรือติดโซ่ล้อเพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีหิมะตกน้อย แต่สภาพถนนที่เปียกลื่นในช่วงฤดูฝนที่ยาวนานก็คล้ายกัน CR-V ด้วยระยะความสูงจากพื้นรถ 187 มม. และระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้รถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังในฤดูฝนได้อย่างมั่นคง เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาหรือโตโยต้า RAV4 ที่มีระบบ Dynamic Torque Vectoring AWD อาจทำได้ดีกว่าในสภาพถนนสุดขั้ว แต่ CR-V ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการขับขี่ในเมืองทั่วไปด้วยระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ข้อควรระวังอีกอย่างสำหรับการใช้งานในพื้นที่อากาศหนาวคือความหนืดของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิต่ำ บางเจ้าของรถอาจเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องเกรด 0W-20 เพื่อให้เครื่องยนต์สตาร์ทในอากาศเย็นได้สะดวกขึ้น ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้สำคัญมากโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้งานรถในพื้นที่สูงอย่างเชียงใหม่

รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม โดยข้อมูลจะแตกต่างกันไปตามระบบขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ รุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5T ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมประมาณ 6.4-6.7 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะสิ้นเปลืองมากกว่าหน่อยที่ 6.7-7.0 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นไฮบริด e:HEV จะประหยัดน้ำมันที่สุด โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมเพียง 4.7-5.0 ลิตร/100 กม. เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในเมืองที่รถติดหรือการเดินทางไกล ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ CR-V นี้มาจากเทคโนโลยี Earth Dreams ของฮอนด้าที่รวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบประสิทธิภาพสูงและระบบไฮบริดที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ รวมถึงเกียร์ CVT ที่ทำงานลื่นไหลก็ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย ในตลาดไทย CR-V มีจุดแข็งด้านประหยัดน้ำมันเมื่อเทียบกับรถ SUV รุ่นเดียวกัน โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากในยุคที่ราคาน้ำมันสูง แนะนำให้เลือกรุ่นตามความต้องการใช้งานจริง ถ้าขับในเมืองบ่อยรุ่นไฮบริดจะคุ้มค่ากว่า ส่วนรุ่นเบนซินเหมาะสำหรับคนที่เน้นความแรงและราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้การดูแลรักษาเป็นประจำ เช่น เปลี่ยนไส้กรองอากาศและใช้น้ำมันเครื่องตามที่แนะนำ ก็ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ดีตลอดการใช้งาน

รุ่น Honda CR-V ปี 2022 นั้นมีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ตลาดทั่วโลกรวมถึงไทยให้ความสนใจ ระบบ Real Time AWD ของ CR-V นี้สามารถกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้าและล้อหลังได้อัตโนมัติตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่บนถนนลื่นหรือเส้นทางลุยเล็กน้อย โดยเฉพาะเหมาะสำหรับคนที่มักจะเจอสภาพถนนช่วงฤดูฝนหรือทางขึ้นเขาภาคเหนือ แต่อย่างไรก็ดี ระบบ AWD ของ CR-V นั้นออกแบบมาสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองมากกว่าการลุยแบบออฟโรดตัวยง จุดเด่นคือการบาลานซ์ระหว่างประหยัดน้ำมันและความมั่นคงในการควบคุม รุ่นแข่งอย่าง Toyota RAV4 และ Mitsubishi Outlander ก็มีระบบ 4WD แบบคล้ายๆ แต่การตั้งค่าการทำงานแตกต่างกันไป ถ้าเลือกเวอร์ชั่น AWD จะทำให้รถหนักขึ้นนิดหน่อยและอาจสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นประมาณ 5% แต่ความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นชัดเจน แนะนำให้เลือกตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน ถ้าต้องขับทางไกลหรือเจอถนนหลากหลายสภาพบ่อยๆ AWD ก็คุ้มค่า แต่ถ้าใช้แค่ในเมือง ตัวขับเคลื่อนล้อหน้าก็ประหยัดกว่า ในตลาดมือสอง CR-V ยังคงมูลค่าสูงอยู่ โดยเฉพาะรุ่น AWD ที่เป็นที่ต้องการมาก

รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาปกติอยู่ในระดับกลางค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ SUV คลาสเดียวกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 1.5T เทอร์โบ การบริการพื้นฐานแต่ละครั้ง (เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง) จะเสียค่าบริการประมาณ 2,500-3,500 บาท แนะนำให้ทำทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ส่วนรุ่น 2.0L ไฮบริดที่ต้องมีการตรวจสอบระบบแบตเตอรี่เพิ่มเติม จะมีค่าใช้จ่ายบริการพื้นฐานสูงกว่าเล็กน้อยประมาณ 3,000-4,000 บาท ในระยะการบำรุงรักษาเดียวกัน ควรระวังเรื่องบริการใหญ่เช่นการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และน้ำมันเบรกที่ต้องทำทุก 40,000 กิโลเมตร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000-12,000 บาท ราคาอาจแตกต่างกันไปตามศูนย์บริการและว่าคุณเลือกใช้อะไหล่ของทางโรงงานหรืออะไหล่ภายนอก เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา แนะนำให้เลือกแพ็กเกจบริการที่ได้รับการรับรองจากฮอนด้าโดยตรง เพราะมักจะรวมส่วนลดสำหรับบริการพื้นฐานหลายครั้ง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 15%-20% ในระยะยาว นอกจากนี้ CR-V ยังมีประสิทธิภาพด้านความทนทานที่ดี ถ้าบำรุงรักษาตามกำหนด โอกาสเกิดปัญหากลไกร้ายแรงก่อนระยะ 100,000 กิโลเมตรจะต่ำ ซึ่งส่งผลดีต่อมูลค่าขายต่อเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน CR-V มีระยะการบำรุงรักษาที่ยาวกว่าและค่าบริการที่สมเหตุสมผล ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมยังคงมีความน่าสนใจ

รถยนต์ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีให้เลือก 2 แบบเครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร และระบบไฮบริด 2.0 ลิตร รุ่นดีเซลมาพร้อมเกียร์ออโต้ 9 สปีด ส่วนรุ่นไฮบริดใช้เกียร์ E-CVT แบบไร้ขั้น ทุกรุ่นมาตรฐานมาพร้อมระบบ Honda SENSING ที่มีฟังก์ชั่นช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ตัวรถมีขนาด 4621×1855×1689 มม. ระยะฐานล้อ 2660 มม. และมีตัวเลือกแบบ 7 ที่นั่ง พื้นที่เก็บของในโหมด 5 ที่นั่งจุได้สูงสุดถึง 1108 ลิตร พิเศษตรงที่รุ่นไฮบริดใช้เทคโนโลยี i-MMD รุ่นที่ 3 จาก Honda ที่ประหยัดน้ำมันได้เพียง 4.8 ลิตร/100 กม. ในเมือง เหมาะมากสำหรับคนที่เจอรถติดบ่อย CR-V รุ่นนี้ยังคงใช้แนวคิดการออกแบบห้องโดยสารแบบ MM ที่มีเบาะหลังแบบ Magic Seat พับได้หลายรูปแบบ ช่วยให้เก็บของชิ้นใหญ่ได้ง่าย ระบบมัลติมีเดียรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แต่ไม่มีชาร์จไร้สาย ส่วนรุ่นท็อปมีหลังคาพานอรามาและประตูหลังเปิดอัตโนมัติ คู่แข่งในกลุ่มเดียวกันคือ Toyota RAV4 และ Mazda CX-5 โดยจุดเด่นของ CR-V คือพื้นที่เบาะหลังที่กว้างขวางกว่าและระบบไฮบริดที่พัฒนามาอย่างดี รุ่นปัจจุบันใช้ระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson หลังแบบ Multi Link ที่ตั้งค่าเน้นความนุ่มนวล เหมาะสำหรับครอบครัว