Q

Toyota Prius มือสองดีไหม

Toyota Prius ถือเป็นรถไฮบริดที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของวงการเลยทีเดียว ในตลาดมือสองประเทศไทยได้ชื่อว่าคุ้มค่ามากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ เพราะความประหยัดน้ำมันของพริอุสนั้นเด่นมาก (ตามข้อมูลทางการกินน้ำมันแค่ 3.7L/100km) ช่วยลดค่าน้ำมันได้ชัดเจน แถมรัฐบาลไทยยังมีภาษีลดให้สำหรับรถไฮบริดอีกด้วย ส่วนค่าดูแลรักษาก็ถูกกว่ารถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เวลาซื้อมือสองต้องเช็กให้ดีเรื่องสภาพแบตเตอรี่ (แนะนำให้ตรวจกับศูนย์โตโยต้าจะดีที่สุด) และประวัติการซ่อมบำรุง รุ่นที่สามหลังจากปี 2016 มีความทนทานของแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น ส่วนอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นนิดหน่อย แต่แบตเตอรี่ตัวเดิมมักจะใช้งานได้นาน 8-10 ปี ปัจจุบันตลาดมือสองไทยเริ่มยอมรับรถไฮบริดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Prius ค่อนข้างทรงตัวเรื่องมูลค่ารถ ถ้าเป็นรถมือสองที่ผ่านการรับรองจากโชว์รูมหรือมีประวัติการเซอร์วิสครบจะน่าเชื่อถือกว่า แนะนำให้ทดลองขับก่อนซื้อเพื่อเช็กความเรียบร้อยเวลาสลับระหว่างระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ส่วนเรื่องอะไหล่นั้นไม่ต้องห่วงเพราะพริอุสเป็นรถขายดีทั่วโลก มีอะไหล่พร้อมให้บริการในไทยแน่นอน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A ล่าสุด

Q
วิธีอ่านข้อมูลสตรีมของ Mazda CX-30
เกี่ยวกับวิธีการอ่านสตรีมข้อมูลของ Changan Mazda CX-30 ในประเทศไทยสามารถดําเนินการผ่านเครื่องมือวินิจฉัย OBD-II มืออาชีพ ก่อนอื่นต้องเสียบอุปกรณ์เข้ากับอินเทอร์เฟซ OBD ของรถ (มักจะอยู่ใต้พวงมาลัย) จากนั้นใช้ซอฟต์แวร์ที่เข้ากันได้ เช่น Mazda IDS หรือเครื่องมือวินิจฉัยของบริษัทอื่น เช่น Torque Pro เพื่ออ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลความเร็วรอบเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง รหัสความผิดปกติ เป็นต้น ผู้ใช้ในประเทศไทยต้องใส่ใจในการเลือกซอฟต์แวร์ที่รองรับอินเทอร์เฟซภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเพื่อให้การทํางานราบรื่น ในขณะเดียวกัน ขอแนะนําให้ทําการวินิจฉัยอย่างมืออาชีพที่จุดบํารุงรักษาปกติหรือร้าน 4S เพื่อหลีกเลี่ยงการทํางานผิดพลาด นอกจากนี้ ข้อมูลพื้นฐาน เช่น การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและระยะทางสามารถดูได้ผ่านระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์ในการขับขี่ประจําวัน แต่การวินิจฉัยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต้องใช้อุปกรณ์ระดับมืออาชีพ การตรวจเช็คสภาพระบบทำความเย็นและแบตเตอรี่อย่างสม่ําเสมอเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนและชื้นของประเทศไทย ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถได้รับผ่านเครื่องมือ OBD เพื่อช่วยให้เจ้าของรถสามารถบํารุงรักษารถยนต์ได้ดีขึ้น
Q
Mazda CX-30 ใช้น้ํามันเบนซินชนิดใด
สำหรับรถ Mazda CX-30 ในตลาดไทย แนะนำให้ใช้เบนซินหมายเลข 95 (ออกเทน 95 ขึ้นไป) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ออกแบบมาให้ทำงานได้เต็มที่ด้วยอัตราส่วนการอัดที่สูง ช่วยเพิ่มทั้งประหยัดน้ำมันและพลังการขับขี่ ปั๊มน้ำมันในไทยทั่วไปจะมีเบนซิน 91 95 และ E20 (แอลกอฮอล์ 20%) แต่แนะนำให้เลือกเบนซิน 95 เป็นหลักเพื่อการทำงานที่สมูทของเครื่องยนต์ หากจำเป็นต้องเติมเบนซิน 91 ชั่วคราวก็ทำได้ แต่ถ้าใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องยนต์ไม่ค่อยมีแรงหรือสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ข้อควรรู้คือในบางพื้นที่ของไทย เบนซิน 95 อาจเป็นแกโซฮอล์ 95 ที่ผสมแอลกอฮอล์ 10% ซึ่งใช้งานกับ CX-30 ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องจอดรถไว้นานๆ แนะนำให้เลือกเบนซินแบบไม่ผสมแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันปัญหาความชื้นสะสม ส่วนรุ่นเทอร์โบ (ถ้ามี) ต้องใช้เบนซิน 95 ขึ้นไปเท่านั้น เทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าสามารถปรับตัวกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีอยู่แล้ว แต่การเติมน้ำยาทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงที่ศูนย์แนะนำเป็นประจำจะช่วยบำรุงระบบฉีดน้ำมันโดยตรงให้ทำงานได้ดีขึ้น เจ้าของรถในไทยสามารถสอบถามศูนย์บริการเกี่ยวกับโปรแกรมดูแลรถที่เหมาะสมได้
Q
Mazda CX-30 มีแรงม้าเท่าไหร่
Mazda CX-30 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งรุ่นเบนซินและดีเซล โดยรุ่นเบนซินใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร แบบสูบธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ส่วนรุ่นดีเซลใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-D ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลัง 116 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ขึ้นชื่อในเรื่องประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองที่รถติดเยอะและการเดินทางไกลบนทางหลวงของไทย เทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ทำให้ได้ทั้งกำลังเครื่องที่ดีขึ้นและลดการสิ้นเปลืองน้ำมันกับมลพิษ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับคนไทยที่ต้องเผชิญกับราคาน้ำมันสูงและเริ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ CX-30 ยังติดตั้งระบบ G-Vectoring Control (GVC) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการเข้าโค้ง โดยเฉพาะเวลาขับบนเส้นทางภูเขาหรือถนนลื่นช่วงหน้าฝนของไทย ถ้าอยากได้เครื่องยนต์แรงกว่านี้ คอยติดตามรุ่นเทอร์โบที่มาสด้าอาจจะนำเข้ามาไทยในอนาคต แต่ตอนนี้เครื่องสูบธรรมดาก็ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ประจำวันและความประหยัดได้ดีอยู่แล้ว
Q
Mazda CX-30 ใช้น้ำมันประเภทไหน
สำหรับรถ Mazda CX-30 ในตลาดประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว 95 (RON 95) เพราะเป็นน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ออกแบบมาสำหรับประสิทธิภาพสูง ช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์เรียบเนียนและประหยัดน้ำมันได้ดี ปั้มน้ำมันทั่วไปในประเทศไทยก็มีบริการน้ำมันระดับนี้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความสะดวกในการเติม ส่วนบางรุ่นอาจจะใช้น้ำมัน 91 (RON 91) ได้ แต่ถ้าใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องยนต์เสี่ยงต่อการน็อคและประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย การใช้น้ำมัน 95 จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและจัดการความร้อนได้ดีที่สุด นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังออกแบบอัตราส่วนการอัดที่สูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ เมื่อใช้ร่วมกับน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ก็จะช่วยลดการปล่อยไอเสียได้อีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้น้ำมัน 91 ในกรณีฉุกเฉิน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับแบบหนักและเติมน้ำมัน 95 กลับเข้าไปให้เร็วที่สุดเพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาทำงานในสภาวะปกติ
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรง Mazda CX 30
เวลาเปิดกระโปรงหลังรถ Mazda CX-30 เรามีวิธีทำได้หลายแบบ วิธีแรกที่ง่ายสุดก็คือกดปุ่มเปิดกระโปรงหลังที่รีโมทคีย์ค้างไว้สักครึ่งก็ปลดล็อคแล้ว หรือไม่ก็มองหาปุ่มเปิดกระโปรงหลังแถวๆ ด้านซ้ายของที่นั่งคนขับในรถ กดเบาๆ แค่นี้ก็เปิดได้แล้ว ถ้ารุ่นคุณเป็นแบบประตูกระโปรงไฟฟ้า ก็อาจจะมีฟังก์ชันเปิดอัตโนมัติเมื่อรู้สึกการเคลื่อนไหวที่ใต้ท้ายรถหรือเมื่อกุญแจสมาร์ทคีย์อยู่ใกล้ๆ ซึ่งช่วยได้มากเวลาที่มือเราถือของเต็มทั้งสองข้างเลย โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนแบบนี้ ควรตรวจสอบแกนไฮดรอลิกที่คอยรับน้ำหนักกระโปรงหลังเป็นประจำ เพราะความร้อนอาจทำให้ชิ้นส่วนเสื่อมสภาพเร็ว กระโปรงหลังของ CX-30 นี่ออกแบบมาใช้งานได้ดี มีความจุประมาณ 430 ลิตร เหมาะสำหรับการเดินทางหรือช้อปปิ้งทั้งครอบครัว แต่ถ้าเกิดเปิดไม่ขึ้นเมื่อไหร่ ลองเช็คก่อนว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อครึเปล่า หรือไม่ก็เปิดดูในคู่มือว่ามีวิธีเปิดกรณีฉุกเฉินยังไง เช่น อาจจะมีสายดึงปลดล็อคด้านในผ่านบริเวณที่นั่งหลัง แค่นี้ก็ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันในไทยสะดวกขึ้นเยอะ
ดูเพิ่มเติม