Q

BYD Seal เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียได้ที่นี่

BYD Seal มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดโดยข้อดีคือมาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยเช่นโครงสร้างตัวถังรวมแบตเตอรี่แบบ CTB ระบบควบคุมการยึดเกาะ iTAC ระบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อนสี่ล้อและช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยนุ่มนวลและควบคุมได้ดี ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลายทั้งอัลคันทาราหนังแท้และพลาสติกนุ่มให้ความรู้สึกหรูหราและมีคุณภาพ มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง ADAS รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay มีให้เลือกสามรุ่นกำลังขับพร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 650 กิโลเมตรรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ส่วนข้อจำกัดคือผู้ใช้บางรายพบว่าระยะทางวิ่งจริงอาจน้อยกว่าที่ระบุอย่างเป็นทางการช่วงล่างที่ค่อนข้างต่ำอาจทำให้เกิดการขูดพื้นระบบช่วยขับบางฟังก์ชันยังไม่ฉลาดมากกระจกหลังมีขนาดเล็กให้มุมมองจำกัดและระบบเครื่องเสียงอาจไม่ถูกใจผู้ใช้งานทุกคน โดยรวมแล้ว BYD Seal เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีล้ำสมัยดีไซน์ภายในสวยงามและสมรรถนะดีแต่หากเน้นระยะทางวิ่งจริงที่ยาวกว่าทัศนวิสัยด้านหลังที่ชัดเจนหรือระบบช่วยขับที่ฉลาดยิ่งขึ้นควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ BYD Seal
BYD Seal แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อด้อยบางจุด ในด้านภายในห้องโดยสารงานฝีมือในรายละเอียดยังต้องปรับปรุง รอยเย็บและข้อต่อไม่ละเอียดพอ การออกแบบมีความซับซ้อนเกินไปไม่เน้นความเรียบง่าย และแผงคอนโซลกลางที่ใช้ภาษาการออกแบบแบบมหาสมุทรศาสตร์เมื่อมองเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าทางสายตาและดูวุ่นวาย ระบบเสียงแม้ว่าบางรุ่นจะติดตั้งลำโพง Dynaudio แต่ฟังนานๆ แล้วยังขาดความน่าฟัง ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงอาจไม่พอใจ ด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ระบบ Infotainment DiLink ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 690 ที่ประสิทธิภาพทั่วไปทำให้ระบบทำงานไม่เสถียรและไม่ลื่นไหล การสั่งงานด้วยเสียงยังขาดความยืดหยุ่น ประสบการณ์ระบบช่วยขับไม่ดี และเซ็นเซอร์ถอยหลังบางครั้งไม่ไวพอ การออกแบบกระจกหน้าต่างมีข้อจำกัดโดยเฉพาะกระจกหลังที่มีขนาดเล็กและไม่สามารถเลื่อนลงได้เต็มที่ส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งาน หลังคาพาโนรามิคไม่สามารถเปิดได้ทุกรุ่นในฤดูร้อนที่มีแสงแดดจ้าอาจทำให้ภายในรถร้อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเสียงแอร์ดัง เบาะนั่งยุบ ระบบเครือข่ายรถยนต์ไม่ดี ระยะทางวิ่งไฟฟ้าสั้น เบาะนั่งเป็นสนิม มือจับประตูเสีย หลอดไฟแผงบังแดดเสียง่าย และช่วงล่างต่ำทำให้รถเสี่ยงถูกขูดขีดบ่อยครั้ง
Q
BYD Seal จัดอยู่ในกลุ่มเซกเมนต์ใด
BYD Seal จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับ D ซึ่งหมายความว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางถึงใหญ่ รุ่นในระดับนี้มักมีขนาด ตัวเลือกอุปกรณ์ และสมรรถนะที่สูงกว่ารุ่นทั่วไป เพื่อมอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ที่หลากหลาย และประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม จากสเปกรถ BYD Seal มีความยาว 4800 มิลลิเมตร ความกว้าง 1875 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2920 มิลลิเมตร สร้างความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร ด้านสมรรถนะรุ่นต่างๆ มีการตอบสนองที่ดี เช่น รุ่น AWD Performance ที่เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที นอกจากนี้รถยังติดตั้งระบบความปลอดภัยล้ำสมัยและอุปกรณ์ภายในที่เน้นความสะดวกสบายครบครัน ตอบโจทย์มาตรฐานสูงของรถระดับ D และความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรถขนาดกลางถึงใหญ่ในทุกด้าน
Q
มูลค่าการขายต่อของ BYD Seal คืออะไร
BYD Seal ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นล่าสุดของ BYD มีมูลค่าตลาดรถมือสองในประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเนื่องจากความน่าเชื่อถือทางเทคโนโลยีในด้านพลังงานสะอาดการยอมรับในตลาดสูงและการรับประกันแบตเตอรี่จากทางบริษัทเป็นระยะเวลา 8 ปีหรือ 160000 กิโลเมตรช่วยรับประกันคุณภาพการใช้งานในรถมือสองได้ดี เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นเดียวกัน รถ EV ในตลาดมือสองไทยกำลังเติบโต โดยเฉพาะรุ่น Seal ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใบมีดและระบบช่วยขับ DiPilot ที่ครบครันได้รับความสนใจสูง ข้อมูลจากแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองในไทยแสดงให้เห็นว่ารถใช้ประมาณ 1 ปีจะมีอัตราการลดราคาประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งสูงกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป 2-3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรุ่นสูงหรือรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีอัตราการรักษามูลค่าที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามราคามือสองจริงขึ้นอยู่กับสภาพรถระยะทางใช้งานสุขภาพแบตเตอรี่และช่องทางจำหน่ายที่ได้รับการรับรองแนะนำให้ใช้บริการประเมินราคาจากศูนย์ BYD ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย นอกจากนี้มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีซื้อ ยังช่วยเพิ่มมูลค่ารถมือสองอีกด้วยซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับผู้ที่ต้องการขายต่อในไทย
Q
ประเภทเกียร์ของ BYD Seal คืออะไร
เกียร์ของ BYD Seal เป็นแบบ EV มีจำนวนเกียร์ 1 จัดเป็นเกียร์อัตราทดคงที่ ซึ่งมีโครงสร้างเรียบง่ายและประสิทธิภาพการส่งกำลังสูง ช่วยถ่ายทอดแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าไปยังล้อได้โดยตรง ลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ส่งผลให้รถเร่งความเร็วได้ดีและเพิ่มระยะทางวิ่งได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ซับซ้อนเหมือนเกียร์ธรรมดา ทำให้การส่งกำลังระหว่างขับขี่ราบรื่นและนุ่มนวล มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ง่ายและสบาย เกียร์ประเภทนี้จึงนิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าเพราะสามารถทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยดึงศักยภาพของรถไฟฟ้าออกมาได้อย่างเต็มที่
Q
ขนาด PCD ของ BYD Seal คืออะไร?
สำหรับชาวไทยที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับการอัพเกรดหรือเปลี่ยนล้อให้กับ BYD Seal นะครับ ขอแจ้งสเปกล้อมาตรฐานของรุ่นนี้ให้ทราบกันก่อน PCD (ระยะห่างรูสลัก) ของ Seal จะอยู่ที่ 5x114.3 ซึ่งเป็นขนาดที่เราคุ้นเคยกันดีในตลาดเมืองไทย เพราะไปตรงกับรถญี่ปุ่นหลายรุ่นอย่าง Honda Accord หรือ Toyota Camry เลยทำให้หาล้อเปลี่ยนได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นล้อแบบ OEM หรือล้อแต่งจากแบรนด์หลังตลาดก็มีให้เลือกเพียบ อีกเรื่องที่ต้องเช็คให้ชัวร์คือขนาด Center Bore (รูกลางล้อ) ของ BYD Seal จะอยู่ที่ 64.1 มม. ส่วนขนาดสลักที่แนะนำคือ M12x1.5 細節พวกนี้สำคัญมากนะครับ ถ้าไม่ตรงเป๊ะอาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้ สำหรับเพื่อนๆ คนไทยที่อยู่เมืองร้อนแบบเรา ขอแนะนำให้เลือกล้ออัลลอยแบบน้ำหนักเบานะครับ เพราะช่วยเรื่องการระบายความร้อนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือติดรถในกรุงเทพฯ จะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจน แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย!
Q
BYD Seal มี Apple CarPlay ไหม
BYD Seal รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบันรองรับการใช้งาน Apple CarPlay โดยสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายและผ่านสาย USB ช่วยให้ผู้ขับเข้าถึงแอปนำทางเพลงและการสื่อสารบน iPhone ได้สะดวกขณะขับขี่โดยเฉพาะการใช้ Google Maps หรือ Apple Maps ที่เหมาะกับสภาพจราจรที่ซับซ้อนในกรุงเทพฯ อย่างมาก ทั้งนี้รถบางล็อตในช่วงแรกอาจต้องอัปเกรดระบบผ่าน OTA เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันอย่างสมบูรณ์จึงแนะนำให้ตรวจสอบเวอร์ชันซอฟต์แวร์กับศูนย์บริการขณะซื้อรถเพิ่มเติม ระบบอัจฉริยะ DiLink ของ BYD ยังผสานการทำงานกับแอปท้องถิ่นและระบบสั่งงานด้วยเสียงอย่างลึกซึ้งนอกจากจะรองรับ CarPlay แล้ว ยังมอบประสบการณ์ความบันเทิงภายในรถที่ครบครัน สำหรับผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้งานสมาร์ตโฟนเป็นหลัก การรองรับ CarPlay ทำให้ BYD Seal มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านความทันสมัยและความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ BYD Seal คืออะไร
BYD Seal ที่จำหน่ายในประเทศไทยติดตั้งยางสมรรถนะสูงจากโรงงานโดยหลักเป็นยี่ห้อ Continental หรือ Michelin แล้วแต่รุ่นย่อยและล็อตการผลิต โดยรุ่นที่พบได้บ่อยคือ Continental EcoContact 6 และ Michelin Pilot Sport 4 ซึ่งเน้นความต้านทานการหมุนต่ำและความเงียบขณะขับขี่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกในไทยรวมถึงการใช้งานบนถนนในเมืองเป็นหลัก เจ้าของรถในไทยควรให้ความสำคัญกับสมรรถนะในการรีดน้ำของยางในช่วงฤดูฝนโดยยางทั้งสองยี่ห้อให้แรงยึดเกาะที่ดีบนถนนเปียกลดความเสี่ยงการลื่นไถลจากฝนตกบ่อยโดยเฉพาะในกรุงเทพ หากต้องการเปลี่ยนยางสามารถเลือกยางระดับใกล้เคียงที่หาซื้อได้ง่ายในไทยเช่น Bridgestone Turanza หรือ Goodyear EfficientGrip แต่ควรรักษาขนาดตามที่โรงงานระบุไว้คือ 235 45 R19 หรือ 245 40 R20 เพื่อให้ระยะทางขับขี่และการควบคุมรถคงประสิทธิภาพที่ดี การตรวจเช็กลมยางเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับรถไฟฟ้าแนะนำให้ตรวจอย่างน้อยเดือนละครั้งในช่วงอากาศร้อนของไทยลมยางมักเพิ่มขึ้นเองตามอุณหภูมิ ควรรักษาระดับที่ 24 ถึง 25 บาร์ขณะยางเย็นเพื่อสมดุลทั้งความสบายและประสิทธิภาพพลังงาน
Q
ความกว้างของ BYD Seal คือเท่าไร
BYD Seal มีความกว้างตัวถังอยู่ที่ 1875 มิลลิเมตรซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มรถระดับ D ทำให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่แนวนอนกว้างขวางช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังที่มีพื้นที่ช่วงไหล่และข้อศอกมากขึ้น นอกจากนี้ความกว้างตัวถังที่เหมาะสมประกอบกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่โฉบเฉี่ยวยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่สง่างามและสปอร์ต พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ขณะใช้ความเร็วหรือเข้าโค้งทำให้ลดการเอียงตัวของรถและเพิ่มการยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
Q
ราคาภาษีถนนของ BYD Seal คืออะไร และวิธีการคำนวณ
การคำนวณภาษีถนนของ BYD Seal แตกต่างจากรถน้ำมันทั่วไปเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าในไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยมีอัตราที่ต่ำกว่ารถน้ำมันในระดับเดียวกัน ตามข้อกำหนดล่าสุดของกรมการขนส่งทางบกการคำนวณภาษีถนนของรถไฟฟ้าคือภาษีรายปีเท่ากับน้ำหนักรถสุทธิคูณอัตราภาษีโดยปกติรถไฟฟ้ามีอัตราภาษีอยู่ที่ 50 ถึง 100 บาทต่อตันซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับ BYD Seal ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 22 ตัน ภาษีถนนรายปีจะอยู่ที่ประมาณ 110 ถึง 220 บาทซึ่งต่ำกว่ารถน้ำมันขนาดใกล้เคียงกันที่มักจะเกิน 1000 บาทต่อปี นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าโดยให้การยกเว้นหรือสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงปี 2023 ถึง 2025 โดยรถใหม่บางคันอาจได้รับสิทธิยกเว้นภาษีปีแรก เจ้าของรถสามารถตรวจสอบจำนวนเงินที่ต้องชำระได้ที่กรมการขนส่งทางบกหรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue โดยต้องใช้เล่มทะเบียนรถและบัตรประชาชนในการดำเนินการ
Q
ราคา BYD Seal มือสองคือเท่าไร ตรวจสอบราคารถมือสองได้ที่นี่
ราคารถมือสอง BYD Seal ในตลาดขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานระยะทางที่วิ่งอุปกรณ์ภายในและสภาพรถ โดยรุ่นปี 2023 แบบเริ่มต้นเช่น Dynamic มีราคาประมาณ 11 ถึง 13 แสนบาท ขณะที่รุ่นสูงกว่าเช่น Premium หรือ Performance อาจอยู่ที่ 14 ถึง 17 แสนบาท ทั้งนี้ขึ้นกับว่ามีการรับประกันจากโรงงานเดิมหรือไม่สุขภาพของแบตเตอรี่เป็นอย่างไรและทำเลที่ซื้อขายเช่นกรุงเทพหรือเชียงใหม่ซึ่งอาจมีราคาสูงกว่า เนื่องจากรถไฟฟ้า BYD Seal มีอัตราการรักษามูลค่าต่ำกว่ารถน้ำมันเล็กน้อยหากมีอายุใช้งานเกิน 1 ปีและวิ่งเกิน 2 หมื่นกิโลเมตรอาจมีอัตราการลดราคาสูงถึง 15 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ แนะนำให้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่หรือ SOH โดยสามารถขอรายงานจากผู้ขายและเช็กประวัติการชาร์จเร็ว พร้อมยืนยันว่ารับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 1.5 แสนกิโลเมตรจาก BYD ประเทศไทยยังคงมีผล หากต้องการประเมินราคาอย่างแม่นยำสามารถตรวจสอบราคาล่าสุดผ่านแพลตฟอร์มรถมือสองในไทยเช่น Kaidee หรือ One2Car หรือเลือกซื้อผ่านช่องทางรับรองอย่างเป็นทางการของ BYD ซึ่งราคาจะสูงกว่าแต่มีความมั่นใจด้านการรับประกันมากกว่า

ข้อดี

รูปลักษณ์ทันสมัยและมีพลัง
ประสิทธิภาพของพลังงานยอดเยี่ยม
การตั้งค่าที่หลากหลายและมีความรู้สึกทางเทคโนโลยี

ข้อเสีย

พื้นที่เก็บของภายในรถจำกัด
พื้นที่หัวส่วนหลังค่อนข้างแคบนิดหน่อย
ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เรียบหรูยังคงต้องการการสร้าง

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Ferrari 296 GTB เป็นรถที่ดีไหม
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่โดดเด่นมากๆ ด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ประสิทธิภาพแรงสุดๆ เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที แถมระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมได้ดี เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ รุ่นนี้ใช้การออกแบบแอโรไดนามิกล่าสุดจากเฟอร์รารี่ ขับเคลื่อนแม่นยำให้ความสนุกสุดเหวี่ยง ส่วนภายในตกแต่งอย่างประณีต พร้อมเทคโนโลยีครบครัน มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่สำคัญยังให้ความสบายแม้ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย อีกหนึ่งจุดเด่นคือการเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในไทย ทำให้คุ้มค่าเงินกว่าคู่แข่ง ต้องบอกเลยว่าระบบไฮบริดนี่เหมาะมากกับสภาพรถติดบ่อยๆ ของไทย เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังที่เนียนๆ ในความเร็วต่ำ แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีก สำหรับคนไทยที่มองหาทั้งความแรงและความรักษ์โลก 296 GTB นับเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง เพราะทั้งขับใช้ในเมืองได้สบายๆ และโชว์สปีดบนสนามแข่งได้อย่างสตรองไม่แพ้ใคร
Q
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซุปเปอร์คาร์หรือไม่
เฟอร์รารี่ 296 GTB นี่คือซูเปอร์คาร์ตัวจริงครับ! ขุมพลังแบบไฮบริดปลั๊กอินที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสูงถึง 830 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที แม้แต่ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบไฮบริดของ 296 GTB ก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพโดดเด่น ทั้งให้แรงบิดที่ฉับไวและยังสามารถขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ช่วยลดมลพิษได้อย่างดี นอกจากนี้การออกแบบแอโรไดนามิกส์ล่าสุดจากเฟอร์รารี่ยังช่วยให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้อุณหภูมิจะสูง สำหรับตลาดรถหรูของไทยแล้ว 296 GTB ไม่เพียงนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุด แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของซูเปอร์คาร์ยุคใหม่ที่รวมเอาประสิทธิภาพสูงเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว นับเป็นรถสปอร์ตระดับตำนานที่ตอบโจทย์ทั้งความเร็วและไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างครบสูตร
Q
คุณสามารถขับรถ Ferrari 296 GTB ทุกวันได้ไหม
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอินที่สามารถขับขี่ในชีวิตประจำวันของประเทศไทยได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การใช้งาน รถคันนี้มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบผสมระหว่างเครื่องยนต์ 3.0T V6 และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า แม้จะมีสมรรถนะที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยระบบไฮบริดทำให้สามารถขับเคลื่อนในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 25 กิโลเมตรในสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันในเมือง สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาด้วยระบบแอร์อัตโนมัติและเบาะนั่งระบายอากาศที่มาพร้อมกับรถ แต่ต้องระวังเรื่องความสูงจากพื้นรถเพียง 12 เซนติเมตรที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการขับขี่ในบางจังหวัดที่มีสภาพถนนไม่ดี แนะนำให้เลือกติดตั้งระบบยกช่วงล่างหน้าสำหรับใช้ในประเทศไทย โดยเฉพาะในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าที่มักมีทางลาดชัน เทียบกับซูเปอร์คาร์ทั่วไปแล้ว ระบบไฮบริดของ 296 GTB ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน แต่ด้วยการออกแบบห้องเครื่องกลาง ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีเพียงพอสำหรับกระเป๋าใบเล็กๆ เท่านั้น และยังต้องเข้าศูนย์บริการเฉพาะสำหรับการซ่อมบำรุง สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย หากเน้นการขับขี่ในเมืองและยอมรับข้อจำกัดด้านพื้นที่ได้ รถคันนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน แต่แนะนำให้มีรถครอบครัวไว้สำหรับการเดินทางไกลหรือการเดินทางแบบกลุ่มด้วย เพราะสุดท้ายแล้วการออกแบบซูเปอร์คาร์ยังคงเน้นที่ความสนุกสนานในการขับขี่เป็นหลัก
Q
ทำไม Ferrari 296 GTB ถึงเร็วมาก
เฟอร์รารี่ 296 GTB ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณระบบขับเคลื่อนที่ล้ำสมัยและการออกแบบแอโรไดนามิกขั้นสูง มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่รวมกันเป็นระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า ทำให้แม้อยู่ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพที่ทรงพลังและมั่นคง แถมการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยให้แรงบิดในความเร็วต่ำดีขึ้นอีก เหมาะมากสำหรับการเร่งแซงในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ 296 GTB ยังใช้เทคโนโลยีแอโรไดนามิกล่าสุดจากเฟอร์รารี่ รวมทั้งสปอยเลอร์ที่ปรับได้และเครื่องสร้างกระแสวนใต้ท้องรถ แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทั้งร้อนและชื้นของไทย ก็ยังให้แรงกดลงที่ยอดเยี่ยม และที่เด็ดกว่านั้น การตั้งค่าตัวถังของรถคันนี้ได้ баланสระหว่างสมรรถนะบนสนามแข่งและความสบายในการขับขี่ประจำวัน แม้เจอกับถนนบางสายในไทยที่สภาพไม่ค่อยดี ก็ยังรับมือได้อย่างมั่นคง สำหรับแฟนๆ รถไทย 296 GTB ไม่เพียงเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีไฮบริดล่าสุดจากเฟอร์รารี่ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของซูเปอร์คาร์ในสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้มันมีความได้เปรียบเฉพาะตัวในตลาดซูเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์ของไทย
Q
เฟอร์รารี 296 เป็นรถระดับเอนทรี่หรือไม่
เฟอร์รารี่ 296 ไม่ใช่รุ่นเอนทรี่เลเวลของแบรนด์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์สปอร์ตคาร์เครื่องกลาง V6 ไฮบริด โดยมีตำแหน่งอยู่ระหว่าง Portofino M และ SF90 Stradale ในตลาดไทยราคาเริ่มต้นประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารุ่นเริ่มอย่าง Roma (ประมาณ 15 ล้านบาท) แต่ก็ยังเข้าถึงง่ายกว่า Supercar ระดับเรือธงอย่าง SF90 (ประมาณ 25 ล้านบาท) รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดที่ผสานเครื่องยนต์ 2.9T V6 กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ซึ่งเหนือกว่ารุ่นสปอร์ตคาร์ระดับเอนทรี่ทั่วไป แถมดีไซน์แบบปลั๊กอินไฮบริดยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในไทยอีกด้วย ที่น่าสนใจคือไลน์อัพของเฟอร์รารี่ในไทยจะปรับตามความต้องการของตลาด โดยรุ่น GT แบบเครื่องหน้ายอดนิยมอย่าง Roma มักถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ส่วน 296 นั้นถือเป็นหนึ่งในผลงานสำคัญของยุทธศาสตร์รถไฟฟ้า แกลเลอรี่เฟอร์รารี่ในกรุงเทพฯ มักจัดแสดงรุ่นนี้คู่กับรุ่นเครื่อง V8 แบบคลาสสิกอย่าง F8 Tributo สำหรับคนไทยที่สนใจรถสปอร์ตไฮบริดสมรรถนะสูงแบบนี้ ต้องคำนึงถึงปัจจัยเรื่องสภาพอากาศร้อนที่อาจส่งผลต่อการดูแลระบบแบตเตอรี่ รวมถึงปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ที่อาจทำให้การชาร์จรถแบบปลั๊กอินไม่สะดวกนัก
ดูเพิ่มเติม