Q

ไปศูนย์ Honda แพงไหม

สำหรับศูนย์บริการ Honda ในประเทศไทย ค่าบำรุงรักษารถถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงค่อนข้างสูง ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ประเภทบริการ และชิ้นส่วนที่เลือก โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมตรวจเช็ครถทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญอาจสูงถึง 5,000-10,000 บาทหรือมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของศูนย์บริการฮอนด้าคือการใช้ชิ้นส่วนแท้และช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่ช่วยให้รถของคุณอยู่ในสภาพดีที่สุด แถมยังมักมีโปรโมชั่นตามฤดูกาลหรือส่วนลดสำหรับสมาชิก เช่น ตรวจเช็คฟรีหรือลดค่าบริการ แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์หรือสาขาอยู่เสมอ นอกจากนี้ แม้ว่าร้านซ่อมรถทั่วไปนอกศูนย์บริการอาจมีราคาถูกกว่า แต่เรื่องคุณภาพชิ้นส่วนและความเชี่ยวชาญอาจเทียบเท่าศูนย์บริการแท้ไม่ได้ โดยเฉพาะรถที่ยังอยู่ในระยะประกัน การใช้บริการนอกเครือข่ายอาจทำให้ประกันเสียหายได้ ดังนั้นควรพิจารณาตามงบประมาณและสภาพรถของตัวเอง ถ้ามีงบพอและอยากได้คุณภาพการดูแลรถในระยะยาว ศูนย์บริการ Honda ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถืออยู่ดี
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
ราคา Mercedes C-Class 2024 เท่าไหร่?
รถ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท แต่ราคาสุดท้ายอาจแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์ ชุดอุปกรณ์เสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ยกตัวอย่างเช่น รุ่น C 200 Avantgarde แบบพื้นฐาน กับรุ่น C 300 AMG Line แบบเต็มเครื่องอาจมีส่วนต่างราคาสูงถึง 6-8 แสนบาท รุ่นนี้มาพร้อมระบบ MBUX รุ่นที่ 2 ที่อัปเกรดแล้ว ส่วนรุ่นท็อปยังมีตัวเลือกแบบปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ราว 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ข้อแนะนำคือลองสอบถามตัวแทนเรื่องโปรโมชั่นผ่อนสบายๆ ดอกเบี้ยถูกๆ หรือแพ็กเกจบริการหลังการขาย บางสาขาอาจแถมฟิล์มกรองแสงให้ฟรีๆ ด้วย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series หรือ Audi A4 แล้ว รุ่น C-Class ราคาอาจสูงกว่าประมาณ 10-15% แต่จุดเด่นคือมูลค่าซื้อขายต่อยังดีมาก แม้ผ่านไป 3 ปีก็ยังคงมูลค่าได้ถึง 65% เลยทีเดียว สำหรับใครที่แวะไปทดลองขับที่โชว์รูมช่วงนี้ ยังได้ลองระบบขับช่วยอัจฉริยะรุ่นล่าสุด ทั้งระบบจอดอัตโนมัติและช่วยขับในรถติดอีกด้วย
Q
"Mercedes C-Class 2024 สามารถวิ่งได้กี่ไมล์ต่อแกลลอน?"
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามระบบขับเคลื่อน สำหรับรุ่น C 200 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร จะกินน้ำมันประมาณ 8.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (หรือประมาณ 28 ไมล์ต่อแกลลอน) เมื่อขับในเมือง แต่ถ้าขับทางไกลบนทางหลวงจะลดลงเหลือ 5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (ประมาณ 40 ไมล์ต่อแกลลอน) ส่วนรุ่นไฮบริดแบบปลั๊กอินอย่าง C 300e สามารถวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน และมีอัตราสิ้นเปลืองรวมต่ำสุดเพียง 1.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม อัตราน้ำมันจริงอาจขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุด-บ่อยครั้งหรือการขับขี่ทางไกลบนทางหลวง แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ในตลาดรถระดับเดียวกัน เทคโนโลยีไฮบริดกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ขับในเมืองบ่อยๆ เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างชัดเจน ส่วนระบบ EQ Boost ของ Mercedes ยังช่วยเก็บพลังงานขณะเบรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
Q
เครื่องยนต์ที่อยู่ใน Mercedes C-Class 2024 คืออะไร?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class ได้ออกแบบระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายตามตลาดเป้าหมาย โดยรวมทั้งเครื่องยนต์สันดาปประสิทธิภาพสูงและระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดานั้นใช้เครื่องยนต์เบนซิน M254 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ คู่กับระบบไมล์ด์ไฮบริด 48V ที่ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้าและแรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งตอบโจทย์ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นไฮบริดแบบปลั๊กอินใช้เครื่องยนต์ 2.0T ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้วิ่งได้ราว 100 กิโลเมตรด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก สำหรับตลาดไทย ระบบไมล์ด์ไฮบริดช่วยลดปัญหาการสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดได้ดี ส่วนรุ่นปลั๊กอินยังได้สิทธิประโยชน์ตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดอีกด้วย แถมดีไซน์เครื่องยนต์แบบโมดูลาร์ของ Mercedes ยังดูแลรักษาง่าย พร้อมเครือข่ายศูนย์บริการและอะไหล่ที่พร้อมสุดในไทย ถ้าพูดถึงรถหรูระดับกลางคันอื่นในตลาด BMW 3 Series หรือ Audi A4 ก็มีระบบขับเคลื่อนคล้ายๆ กัน แต่จุดขายของ C-Class อยู่ที่ความล้ำสมัยของห้องโดยสารและระบบช่วยขับขี่ โดยเฉพาะระบบ MBUX รุ่นล่าสุดที่รองรับการควบคุมด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
Q
รถ Pajero Sport 2022 ราคาเท่าไหร่?
รถยนต์ Mitsubishi Pajero Sport รุ่นปี 2022 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,199,000 ถึง 1,599,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่ายหรืออุปกรณ์เสริมที่เพิ่มเข้าไป รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง (4WD) และขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) โดยรุ่นท็อปยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II ของมิตซูบิชิที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน ด้านในตกแต่งด้วยจอทัชสกรีน 8 นิ้ว แอร์อัตโนมัติแบบสองโซน เก้าอี้หนัง รวมถึงระบบความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบเตือนจุดบอด และกล้องถอยหลัง Pajero Sport เป็น SUV ขนาดกลางที่โดดเด่นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ รถคู่แข่งในระดับเดียวกันมีทั้ง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ Pajero Sport มีความโดดเด่นในด้านของการเก็บเสียงและการปรับแชสซีส์ หากพิจารณาซื้อแนะนำให้ทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่าย พร้อมติดตามข้อเสนอทางการเงินที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการหรือแคมเปญ Exchange Official
Q
เครื่องยนต์ใน Pajero Sport 2022 คืออะไร?
Pajero Sport รุ่นปี 2022 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร MIVEC Turbo กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ให้แรงบิดสูงขณะขับขี่ในรอบต่ำ เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและออฟโรด ทั้งยังประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีคลีนดีเซลของ Mitsubishi ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษยูโร 5 และยังมีประสิทธิภาพที่ดีในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ Pajero Sport เป็นรถเอสยูวีสายพันธุ์แกร่ง มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทราย ดินโคลน หิมะ และอื่นๆ เพื่อรองรับทุกสภาพถนนที่ซับซ้อน สำหรับเจ้าของรถที่ชื่นชอบการขับแบบออฟโรด ทั้งมุมใกล้ มุมออก และช่องว่างจากพื้นของรถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ขับผ่านได้ดี การใช้งานในชีวิตประจำวัน Pajero Sport ยังมีการกำหนดค่าความสะดวกสบายที่มากมาย เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอขนาดใหญ่ควบคุมกลาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ฯลฯ ที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย หากคุณสนใจในรถยนต์ดีเซลความน่าเชื่อถือและความทนทานของเครื่องยนต์นี้ได้รับการพิสูจน์ในตลาดและค่าบำรุงรักษาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลและเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณา
ดูเพิ่มเติม