Q
BMW 3 Series มีความประหยัดในการใช้เชื้อเพลิงหรือไม่
BMW 3 Series มีความประหยัดน้ำมันโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามข้อมูลจากผู้ผลิตจะแตกต่างกันในแต่ละรุ่น เช่น 320d Sport ปี 2024 มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 4.4 ลิตร/100 กม. ส่วน 330e M Sport ปี 2025 ซึ่งเป็นรุ่นปลั๊กอินไฮบริด มีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 1.4 ลิตร/100 กม. ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันในการใช้งานประจำวันได้อย่างมีนัยสำคัญ ความประหยัดนี้เกิดจากการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและการออกแบบที่คำนึงถึงประสิทธิภาพ เช่น ในบางรุ่นมีระบบชาร์จพลังงานกลับขณะเบรกหรือชะลอความเร็ว เพื่อชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ระบบส่งกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (8AT) ก็ทำงานประสานกันได้ดี ช่วยให้การส่งแรงขับมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดอัตราสิ้นเปลือง นอกจากนี้ ในบางรุ่นยังมีระบบกระจังหน้าแบบไตคู่ที่เปิด-ปิดได้อัตโนมัติเพื่อควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ลดแรงต้านลม ลดภาระของเครื่องยนต์ และส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันโดยรวม อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองจริงยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพเส้นทาง และน้ำหนักบรรทุก หากขับขี่อย่างนุ่มนวลและในสภาพการจราจรที่คล่องตัว ก็จะสามารถเห็นถึงข้อได้เปรียบด้านความประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
3 ซีรีส์เป็นรถที่ดีหรือไม่?
ด้านสมรรถนะ มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร และ 3.0 ลิตร ให้กำลังที่ตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะรุ่น M340i xDrive ปี 2025 ที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.3 วินาที รองรับการขับขี่บนทางด่วนและการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ ด้านการควบคุม ถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ พวงมาลัยมีความแม่นยำ ช่วงล่างเซ็ตมาอย่างลงตัว ให้ความเสถียรในการเข้าโค้งและความมั่นใจในการขับขี่ที่ความเร็วสูง ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างประณีต ใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้และแถบตกแต่งโลหะ พร้อมติดตั้งระบบเสียง Harman Kardon ที่ช่วยสร้างบรรยากาศการเดินทางที่หรูหราและผ่อนคลาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบครัน เช่น ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เบาะนั่งปรับอุณหภูมิ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม BMW 3 Series ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น พื้นที่เบาะหลังอาจคับแคบสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการพื้นที่มาก ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่ค่อนข้างสูง และมีบางรายงานจากผู้ใช้งานเกี่ยวกับเสียงรบกวนจากเพลาขับ พวงมาลัย หรือระบบเบรก รวมถึงอาการกระตุกของเกียร์อัตโนมัติขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ โดยรวมแล้ว หากคุณมองหารถที่มอบความสนุกในการขับขี่ สมรรถนะดีเยี่ยม พร้อมภาพลักษณ์แบรนด์พรีเมียม และมีงบประมาณเพียงพอ BMW 3 Series ถือเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา
Q
BMW 3 Series เป็นรถเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ?
BMW 3 Series มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะแบบ Steptronic ซึ่งไม่ใช่เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป แต่เป็นระบบที่ผสมผสานคุณสมบัติของเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นและความสะดวกสบายมากกว่า ในโหมดอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเปลี่ยนเกียร์ตามสภาพการขับขี่และความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ ส่วนในโหมดแมนนวล ผู้ขับสามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้เองผ่านคันเกียร์หรือปุ่มเปลี่ยนเกียร์ภายในรถ เพื่อสัมผัสความสนุกของการขับแบบเกียร์ธรรมดา ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดาแบบดั้งเดิม เกียร์แบบ Steptronic ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลมากกว่า และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน ตัวอย่างเช่น ขณะขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัดสามารถใช้โหมดอัตโนมัติได้อย่างสะดวก ส่วนบนถนนภูเขาหรือเส้นทางที่ต้องการความรู้สึกการควบคุมมากขึ้น ก็สามารถสลับไปใช้โหมดแมนนวลได้ตามความเหมาะสม
Q
ปีไหนของ BMW 3 Series ที่ดีที่สุด?
ยากที่จะระบุได้ว่า BMW 3 Series รุ่นปีใดดีที่สุด เนื่องจากขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนบุคคล หากเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและสมรรถนะ รุ่นปี 2025 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่น 330e M Sport ปี 2025 ซึ่งเป็นรุ่นปลั๊กอินไฮบริด มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลผู้ผลิตเพียง 1.4 ลิตร/100 กม. วิ่งด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 101 กม. และมีกำลังรวมทั้งระบบ 215 กิโลวัตต์ ส่วน M340i xDrive ปี 2025 มีความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที ให้พละกำลังที่จัดจ้าน หากให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์ รุ่นก่อนหน้าอย่างปี 2022 บางรุ่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีในด้านราคาและความเสถียรของคุณภาพ โดยยังคงมีอุปกรณ์ครบถ้วนเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและตอบโจทย์ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ รุ่นคลาสสิกอย่าง E46 (ผลิตระหว่างปี 1997–2006) ยังคงไว้ซึ่งสัดส่วนตัวถังที่กะทัดรัดและแนวคิดการออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ส่วน E30 มีเส้นสายตัวถังที่เรียบง่าย ใช้ระบบกันสะเทือนแบบอิสระที่ให้ความสบายในการขับขี่ และยังเป็นต้นกำเนิดของรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง M3 ดังนั้น การเลือกรุ่นปีของ BMW 3 Series ควรพิจารณาจากงบประมาณ ความต้องการด้านสมรรถนะ และระดับอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล
Q
ทุกรุ่นของ BMW 3 Series มีที่นั่งทำจากหนังหรือไม่?
ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทุกรุ่นของ BMW 3 Series ที่ใช้เบาะหนังทั้งหมด วัสดุของเบาะนั่งในแต่ละรุ่นและแต่ละปีของ BMW 3 Series มีความแตกต่างกัน โดยบางรุ่นใช้วัสดุหนังเทียม ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียมมากกว่าเบาะผ้า และมีรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น ขณะที่บางรุ่นใช้เบาะแบบผสมระหว่างหนังและผ้า ซึ่งนอกจากให้สัมผัสที่ดีแล้ว ยังมีข้อดีในด้านการระบายอากาศที่ดีกว่า ตัวอย่างเช่น BMW 3 Series รุ่นปี 2023 ทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนังคุณภาพสูงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุหนังสังเคราะห์ Sensatec ทั้งหมด และมีตัวเลือกสีภายในที่หลากหลาย เบาะที่ใช้วัสดุต่างกันย่อมมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการ เช่น ความสบายในการระบายอากาศ ความทนทาน หรือความสวยงามของห้องโดยสาร
Q
BMW 3 Series มีเกียร์กี่เกียร์?
BMW 3 Series โดยทั่วไปมาพร้อมเกียร์เดินหน้า 8 จังหวะ ประเภทเกียร์คือ AT (เกียร์อัตโนมัติ) เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะนี้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างราบรื่น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมือง การขับทางไกลบนทางด่วน หรือการขับขี่แบบสปอร์ต โดยสามารถปรับให้เหมาะสมกับความเร็วและโหลดที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจาก 8 เกียร์เดินหน้าแล้ว ยังมีตำแหน่งเกียร์สำคัญอื่น ๆ เช่น R (เกียร์ถอยหลัง สำหรับถอยรถ) N (เกียร์ว่าง) D (เกียร์เดินหน้า สำหรับการขับขี่ปกติ) และในบางรุ่นยังมีโหมดเพิ่มเติม เช่น M (โหมดแมนนวล ผู้ขับควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เอง โดยปกติเชื่อมกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย) S (โหมดสปอร์ต ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนเกียร์ที่เน้นสมรรถนะมากขึ้น) โหมดและตำแหน่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลายตามความต้องการของผู้ขับขี่
Q
BMW 3 Series ทำที่ไหน
BMW 3 Series มีฐานการผลิตในหลายประเทศทั่วโลก โรงงานหลักในเยอรมนี ได้แก่ โรงงานมิวนิก ซึ่งรับหน้าที่ผลิตรุ่นซีดานและทัวริ่ง, โรงงานดิงกอลฟิงผลิตรุ่น 3 Series GT, โรงงานเรเกนสบวร์กผลิตรุ่นทัวริ่งและคูเป้ รวมถึงโรงงานไลพ์ซิกซึ่งเคยผลิตรุ่นซีดานในอดีต ในภูมิภาคเอเชีย โรงงานระยองของไทยถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสำคัญของ BMW Group ในเอเชีย และรับหน้าที่ผลิต BMW 3 Series ด้วย ส่วนโรงงานเชนไนในอินเดียเคยผลิต BMW 3 Series ในรูปแบบ CKD (Completely Knocked Down) สำหรับตลาดท้องถิ่น โรงงานเสิ่นหยาง เขตเถียซี ประเทศจีน เป็นผู้ผลิตรุ่น 3 Series ปัจจุบันสำหรับตลาดจีน ในภูมิภาคอเมริกา โรงงานซานลูอิสโปโตซีในเม็กซิโก และโรงงานอารากัวรีในบราซิล เคยมีสายการผลิต BMW 3 Series เช่นเดียวกับโรงงานรอสลินในแอฟริกาใต้ที่เคยรับหน้าที่ผลิตในอดีต ฐานการผลิตกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคทั่วโลก ทำให้สามารถรองรับความต้องการของตลาด BMW 3 Series ได้อย่างทั่วถึง
Q
BMW 3 หรือ 4 Series ดีกว่ากัน?
BMW 3 Series และ 4 Series ต่างก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว จึงยากที่จะตัดสินได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นใดดีกว่า ในด้านรูปแบบตัวถัง 3 Series มีให้เลือกทั้งรุ่นฐานล้อยาวแบบ 4 ประตู และรุ่นฐานล้อมาตรฐาน ส่วน 4 Series มีตัวเลือกหลากหลายกว่า เช่น รุ่นเปิดประทุน คูเป้ 2 ประตู และกรันคูเป้ 4 ประตู ด้านการออกแบบ 3 Series มีภาพลักษณ์เรียบง่าย สุขุม เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิกและลงตัว ส่วน 4 Series เน้นความโดดเด่นและแฟชั่นมากกว่า ด้วยดีไซน์ด้านหน้าที่ดุดันและให้อารมณ์สปอร์ตชัดเจน ในด้านราคา 4 Series อยู่ในระดับที่สูงกว่า 3 Series ตามตำแหน่งทางการตลาด ด้านพื้นที่ภายใน รุ่นฐานล้อยาวของ 3 Series มีความได้เปรียบชัดเจน ขณะที่รุ่นฐานล้อมาตรฐานของ 3 Series และ 4 Series มีขนาดใกล้เคียงกัน โดย 3 Series จะมีพื้นที่แนวขวางกว้างกว่าเล็กน้อย และความลึกของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็เหนือกว่า ในขณะที่เบาะหลังของ 4 Series สามารถพับได้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ด้านขุมพลัง 4 Series มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลายมากกว่า ทั้งรุ่นกำลังต่ำและกำลังสูงของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รวมถึงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตรเทอร์โบ ส่วน 3 Series มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายน้อยกว่า หากคุณให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และการใช้งานในชีวิตประจำวัน 3 Series จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าคุณมองหาความโดดเด่น สมรรถนะ และสไตล์สปอร์ตที่ชัดเจน 4 Series จะตอบโจทย์มากกว่า
Q
ระยะเวลาที่ส่งกำลังวาง BMW 3 Series ทนแค่ไหน
ระบบขับเคลื่อนของ BMW 3 Series แตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อย สำหรับรุ่นปลั๊กอินไฮบริด เช่น BMW 3 Series Sedan 330e M Sport ปี 2025 ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ความจุแบตเตอรี่ 22.3 kWh ระยะทางที่วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนตามข้อมูลจากผู้ผลิตอยู่ที่ 101 กิโลเมตร เวลาในการชาร์จแบบปกติ (AC) อยู่ที่ประมาณ 2.25 ชั่วโมง ในสภาวะใช้งานปกติ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 8–10 ปี โดยตามมาตรฐานการรับประกันของ BMW จะรับประกันแบตเตอรี่เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป เช่น 320d Sport และ M340i xDrive ระยะทางขับขี่ขึ้นอยู่กับความจุถังน้ำมันและอัตราสิ้นเปลือง เช่น 320d Sport มีถังน้ำมันขนาด 59 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามข้อมูลผู้ผลิตอยู่ที่ 4.4 ลิตร/100 กม. ส่วน M340i xDrive ไม่มีการระบุความจุถังน้ำมันอย่างชัดเจน แต่อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ลิตร/100 กม. ทั้งนี้ ระยะทางขับขี่จริงอาจแตกต่างไปตามลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
Q
ปีที่ดีที่สุดในการซื้อ BMW 3 Series คือปีใด?
ปีไหนของ BMW 3 Series ที่คุ้มค่ากับการซื้อมากที่สุด ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล หากคุณให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและฟีเจอร์ล่าสุด รุ่นปี 2025 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่น BMW 3 Series Sedan 330e M Sport 2025 ซึ่งเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด มีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนตามข้อมูลผู้ผลิตสูงถึง 101 กิโลเมตร กำลังรวมของระบบ 215 กิโลวัตต์ แรงบิดรวม 420 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.8 วินาที พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายขั้นสูงหลากหลายรายการ หรือ BMW 3 Series Sedan M340i xDrive 2025 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 387 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. และมีอุปกรณ์มาตรฐานครบครันเช่นกัน แต่หากคุณมีงบประมาณจำกัด รุ่นเก่าก็ยังมีข้อดี เช่น BMW 3 Series Sedan 320d Sport ปี 2024 ราคา THB 2,799,000 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 4.4 ลิตร/100 กม. เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมัน ดังนั้นควรพิจารณาจากงบประมาณ สมรรถนะ และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง รวมถึงสามารถสอบถามดีลเลอร์เพื่อดูข้อเสนอและสต๊อกของแต่ละปีเพิ่มเติมได้เช่นกัน
Q
BMW 3 Series มีปริมาณเท่าไหร่ในหน่วยลิตร?
ที่คุณกล่าวถึงอาจเป็นความจุถังน้ำมันหรือพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ สำหรับ BMW 3 Series ส่วนใหญ่แล้ว ความจุถังน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 59–60 ลิตร ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางระยะกลางถึงไกลโดยไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อย ๆ ส่วนพื้นที่ท้ายรถก็แตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น เช่น บางรุ่นมีพื้นที่เก็บสัมภาระราว 375 ลิตร ขณะที่บางรุ่นขยายได้ถึงประมาณ 480 ลิตร ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นขนของ ช้อปปิ้ง หรือเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหา
Q&A ล่าสุด
Q
ซีรีส์ What ของ Navara ปี 2020 คืออะไร
รถปิคอัพ Nissan Navara รุ่นปี 2020 เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ D23 ที่ขายดีในประเทศไทย ด้วยโครงสร้างช่วงล่างแกร่งและสมรรถนะที่ตอบโจทย์สภาพถนนไทยแบบครบเครื่อง Navara 2020 มีให้เลือกทั้งแบบห้องโดยสารเดี่ยวและห้องโดยสารคู่ พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์ 6 สปีดมือถือหรือเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ช่วยตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย แถมยังติดตั้งระบบความปลอดภัยเพียบ ทั้งระบบช่วยออกรถบนทางลาดชัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ทำให้ขับขี่มั่นใจขึ้น Navara เป็นที่นิยมทั้งการใช้งานในครอบครัวและการขนส่งสินค้า ด้วยความสามารถในการบรรทุกสูงและ性能ออฟโรดที่โดดเด่น เหมาะสมทั้งถนนในเมืองและเส้นทางต่างจังหวัดของไทย สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถปิคอัพดีๆ Nissan Navara 2020 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงแค่ความน่าเชื่อถือจากแบรนด์ Nissan แต่ยังใช้งานได้หลากหลายตามสไตล์ชีวิตของคุณ
Q
2020 Nissan Navara มีพลังเท่าไหร่
รถยนต์ Nissan Navara รุ่นปี 2020 ในตลาดไทยมีให้เลือกสองแบบเครื่องยนต์ แบบที่นิยมมากกว่าคือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 190 แรงม้าและแรงบิด 450 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเทอร์โบแบบ可变几何涡轮 ที่ช่วยให้มีแรงบิดต่ำที่เพียงพอเหมาะกับสภาพพื้นที่ภูเขาและการบรรทุกของในไทย ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลหรือการขับออฟโรด ส่วนอีกแบบเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบปกติ ให้กำลัง 169 แรงม้า เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมากกว่า ที่น่าสนใจคือช่วงล่างของ Navara ถูกปรับแต่งเป็นพิเศษ โดยใช้ระบบช่วงหลังแบบหลายข้อต่อ ช่วยให้การขับขี่บนถนนขรุขระแบบไทยนุ่มสบายขึ้น แถมยังมีระบบล็อกดิฟเฟอเรนเชียลแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ถนนเป็นโคลน สำหรับคนไทยแล้ว Navara ถือเป็นหนึ่งในรถกระบะขายดีที่สุด เพราะประหยัดน้ำมันและความทนทานอยู่ในระดับดี ขนาดกระบะและความสามารถในการบรรทุกก็ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ของคนไทยได้ครบ ถือเป็นรถใช้งานได้ทั้งงานและครอบครัวอย่างแท้จริง
Q
เครื่องยนต์ของ Nissan Navara ปี 2020 มีขนาดเท่าไร
รถยนต์ Nissan Navara รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลหลัก 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ YD25DDTi ขนาด 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จคู่ขนาด 2.3 ลิตร โดยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ 2.3 ลิตรมีทั้งแบบปรับแต่งกำลังสูงและกำลังต่ำ แบบกำลังสูงให้กำลัง 190 แรงม้าและแรงบิด 450 นิวตันเมตร ส่วนแบบกำลังต่ำให้กำลัง 163 แรงม้าและแรงบิด 403 นิวตันเมตร ทั้งคู่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพภูมิประเทศหลากหลายของไทย ทั้งการขับขี่ในเมืองและการขนส่งระยะไกล
Navara ได้รับความนิยมในไทยเนื่องจากความทนทานและระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อน รวมถึงการตั้งค่าตัวถังที่คำนึงถึงสภาพถนนในไทย ทั้งถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือถนนหินทรายขรุขระ สำหรับผู้บริโภคไทยที่เน้นความใช้งานได้จริง Navara มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่ยืดหยุ่น เหมาะทั้งสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันและการขนส่งเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Nissan ในไทยที่ครอบคลุมยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับรถปิคอัพรุ่นนี้อีกด้วย
Q
นิสสันปี 2020 น่าเชื่อถือไหม?
รถยนต์ Nissan รุ่นปี 2020 มีความน่าเชื่อถือในระดับปานกลางถึงดี โดยเฉพาะรุ่นที่นิยมในตลาดไทยอย่าง Nissan Almera และ Nissan Kicks ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์และเกียร์ที่พัฒนามาอย่างดี ค่าบำรุงรักษาก็ไม่สูงมาก เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถ Nissan ค่อนข้างเสถียร แอร์เย็นแรง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้ดีสำหรับคนไทย อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาสม่ำเสมอและการขับขี่ที่ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ถนนไทยค่อนข้างหลากหลายทั้งเรียบและขรุขระ จึงควรตรวจสอบช่วงล่างและระบบกันสะเทือนเป็นพิเศษเพื่อความทนทานของรถ นอกจากนี้ Nissan ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย หาอะไหล่และซ่อมบำรุงได้สะดวก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ควรพิจารณาหากต้องการซื้อรถ Nissan ส่วนใครที่กำลังมองหารถมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบประวัติการบริการอย่างละเอียดและเลือกรถที่วิ่งน้อยๆ จะช่วยให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของรถได้มากขึ้น
Q
เศรษฐกิจเชื้อเพลิงของ Nissan Navara ปี 2020 เป็นอย่างไร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Nissan Navara รุ่นปี 2020 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและระบบขับเคลื่อน จากข้อมูลทางการ รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร (ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ) มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 13-14 กม./ลิตร (หรือประมาณ 7.1-7.7 ลิตร/100 กม.) ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้ออาจประหยัดกว่าเล็กน้อยที่ 14-15 กม./ลิตร (ประมาณ 6.7-7.1 ลิตร/100 กม.) แต่ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ถนน และน้ำหนักบรรทุก ในสภาพอากาศร้อนและถนนแบบผสมของไทย แนะนำให้ดูแลเปลี่ยนไส้กรองอากาศและระบบเชื้อเพลิงสม่ำเสมอเพื่อรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันดีเซลในไทยมีคุณภาพสูงซึ่งช่วยเสริมจุดแข็งของเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกลหรือการบรรทุกของ ส่วนเรื่องภาษี รถปิกอัพในไทยได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่ดีกว่ารถเก๋ง นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Navara ขายดีในบ้านเรา ถ้าอยากประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ลอง присмотรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี ProPILOT ซึ่งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันบนทางหลวงได้อีกด้วย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีไซน์ล้ำสมัยและการควบคุมที่แม่นยำ มอบความสนุกในการขับขี่ให้กับ BMW 3 Series Sedan
ธนวัฒน์Apr 21, 2025

BMW i3 ลดราคา 50% เหรอ? บริษัทรถยนต์ร่วมทุนถูกบังคับให้ลดราคาเพื่อความอยู่รอดในจีน
AshleyJun 12, 2024

แท่งเหล็กกันโคลงในรถยนต์คืออะไร? และมันมีผลอะไรกับรถยนต์?
พงศธรSep 11, 2025

BMW รุ่นใหม่ iX3 ยืนยันเปิดตัววันที่ 5 กันยายน สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Neue Klasse
ณัฐวุฒิSep 1, 2025

BMW จะนำ Neue Klasse iX3 และ JCW Concept Car มาที่ IAA Mobility
พงศธรAug 7, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย