Q

รถ Hyundai H1 เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือล้อหลัง

รถยนต์ Hyundai H1 ในตลาดประเทศไทยมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางประจำวันมากกว่า เพราะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเหมาะกับสภาพถนนที่ซับซ้อนอย่างทางภาคเหนือของไทยหรือช่วงฤดูฝน ที่ต้องการแรงเกาะถนนที่ดีกว่า ในไทย รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะค่าบำรุงรักษาถูกกว่าและเหมาะกับการขับขี่ในเมืองทั่วไป แต่ถ้าคุณต้องเดินทางไปยังพื้นที่ภูเขาบ่อยๆ เช่น เชียงใหม่หรือเชียงราย การเลือกรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะปลอดภัยกว่า Hyundai H1 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสารและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ทั้งจากครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ ไม่ว่าจะเลือกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าหรือสี่ล้อก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน แนะนำให้เลือกตามสภาพการใช้งานจริงของคุณจะดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของ Hyundai H1 เป็นอย่างไร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Hyundai H1 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระบบขับเคลื่อน โดยรุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซินจะสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 9-11 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นดีเซลจะประหยัดกว่าคือประมาณ 7-9 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ตัวเลขจริงอาจขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกด้วย ในสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดแบบเมืองไทย แนะนำให้ดูแลรถอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจสอบลมยางให้เหมาะสม ใช้น้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ Hyundai H1 เป็นรถเอ็มพีวีอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มครอบครัวและนักธุรกิจไทย ด้วยจุดขายคือความกว้างขวางและประโยชน์ใช้สอยสูง ถ้าอยากประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจเลือกรุ่นดีเซลหรือมองหาเทคโนโลยีไฮบริดที่ Hyundai เปิดตัวในปีหลังๆ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองโดยยังคงสมรรถนะที่ดี นอกจากนี้เวลาซื้อรถในไทยอาจดูนโยบายพลังงานของแต่ละจังหวัดด้วย เพราะบางพื้นที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถดีเซล ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว
Q
ไฮุนได H1 ใช้น้ำมันกี่ลิตร?
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Hyundai H1 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร CRDi จะใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 7.5 ลิตร (รวมเปลี่ยนไส้กรอง) ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 4.3 ลิตร สำหรับสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรเกรด API SN/SP หรือมาตรฐาน ACEA C3 โดยเลือกความหนืด 5W-30 หรือ 10W-40 เพื่อให้เหมาะสมกับอุณหภูมิสูง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (ตามระยะใดถึงก่อน) โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนของไทย ควรตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพราะความชื้นในอากาศอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ผู้จำหน่ายอย่าง Hyundai Mobility Bangkok หรือ Sri Trang Glazier ที่ได้รับอนุญาตในไทย มีบริการน้ำมันเครื่องแท้และแพ็คเกจดูแลรถที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อนโดยเฉพาะ หากต้องการเปลี่ยนเองควรใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องที่ตรงกับสเปคของผู้ผลิต เช่น อะไหล่แท้จากเกาหลีหรือยี่ห้อระดับโลกอย่าง Mann Filter เพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีที่สุด
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Hyundai H1 คืออะไร?
สำหรับการประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ Hyundai H1 Modern ในประเทศไทย สามารถอ้างอิงผลทดสอบจาก ASEAN NCAP ซึ่งรุ่นนี้ได้คะแนน 4 ดาวจากเต็ม 5 ดาวในการทดสอบปี 2019 โดยมาพร้อมกับอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ถุงลมนิรภัยคู่ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการทั่วไปของตลาดอาเซียน ในสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีฝนชุกและความชื้นสูง รวมถึงสภาพถนนที่ค่อนข้างซับซ้อน ขอแนะนำให้เจ้าของรถดูแลรักษายางรถยนต์และระบบเบรกเป็นพิเศษ นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังแนะนำให้ติดตั้งกล้องถอยหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ตามตรอกซอกซอยแคบๆ ที่สำคัญคือ มาตรฐานการทดสอบของ ASEAN NCAP จะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการขับขี่ในเขตร้อนเป็นพิเศษ เช่น การประเมินสถานการณ์ที่มีรถจักรยานยนต์ปะปนอยู่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไทยควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อเลือกซื้อรถยนต์ประเภท MPV เนื่องจากบนท้องถนนไทยมีสัดส่วนรถจักรยานยนต์สูง จึงต้องการรถที่มีความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ดีเป็นพิเศษ
Q
ความจุของถังน้ำมันของ H1 คือเท่าไร
สำหรับ Hyundai H1 รุ่นปัจจุบัน ความจุถังน้ำมันจะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยมาตรฐานจะอยู่ที่ 75 ลิตร ส่วนบางรุ่นที่ปรับแต่งพิเศษอาจมีความจุแตกต่างไปเล็กน้อย ถือว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูงเมื่อเทียบกับรถ MPV ทั่วไปในตลาดไทย ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั้งการเดินทางไกลหรือการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว ในสภาพอากาศร้อนและเส้นทางหลากหลายของไทย แนะนำให้ผู้ขับขี่รักษาระดับน้ำมันเชื้อเพลิงไว้อย่างน้อย 1/4 ของถังเสมอ เพื่อป้องกันปั๊มน้ำมันร้อนเกินไป ส่วนสถานีบริการน้ำมันในไทยนั้นมีทั้งเบนซิน 91/95 และไบโอดีเซล B7/B20 ให้เลือกเติม โดยเครื่องยนต์ของ H1 สามารถใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ควรเลือกเลขออกเทนตามที่คู่มือผู้ใช้แนะนำเพื่อประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด ข้อควรรู้คือในจังหวัดทางเหนืออย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายที่มีเส้นทางภูเขาค่อนข้างมาก การมีถังน้ำมันความจุสูงจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเติมน้ำมันในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังแนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของถังน้ำมันทุก 2 ปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นเข้าไปในระบบเชื้อเพลิง
Q
Hyundai H1 มีลักษณะอย่างไร
现代 H1 เป็นรถมัลติเพอร์พสส utility รูปทรงกล่องแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับใช้เป็นรถรับส่งพนักงานหรือรถท่องเที่ยวครอบครัวในตลาดไทย ด้านหน้ามีกริลล์แบบตระกูล Hyundai พร้อมไฟหน้า Halogen ขนาดใหญ่ ด้านข้างตัวถังมีเส้นสายเรียบง่าย ติดตั้งประตูสไลด์อำนวยความสะดวกในการขึ้นลง หลังคามีดีไซน์เรียบร้อยติดตั้งไฟท้ายแนวตั้ง ในไทยมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ที่เหมาะสมกับสภาพถนนและความนิยมน้ำมันดีเซลของท้องถิ่น ภายในตกแต่งด้วยเบาะผ้าเอนกประสงค์และแผงพลาสติกทนสภาพอากาศร้อน รุ่นสูงอาจมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกันอย่าง Toyota Commuter แล้ว H1 มักได้เปรียบเรื่องราคาที่คุ้มค่ากว่า แม้ทั้งคู่จะเน้นประโยชน์ใช้สอยและความทนทานเหมือนกัน ในตลาดมือสองของไทยก็พบ H1 บ่อยครั้ง ด้วยค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง และมีศูนย์บริการ Hyundai กระจายทั่วประเทศ ที่สำคัญสำหรับผู้ต้องการรถขนาดใหญ่แต่มีงบประมาณจำกัด รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
Q
รถ Hyundai H1 เป็นดีเซลหรือไม่?
ใช่แล้ว รุ่น H1 Modern ในตลาดประเทศไทยมีเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือก เครื่องยนต์เป็นแบบ 2.5 ลิตร CRDi เทอร์โบชาร์จ ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันและแรงบิดสูง เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภูเขาและการเดินทางไกลในไทย แถมรถดีเซลยังได้รับความนิยมในหมู่ครอบครัวและผู้ใช้เชิงพาณิชย์เนื่องจากค่าการประหยัดน้ำมันที่ต่ำ รถ MPV อย่าง H1 Modern นั้นไม่เพียงแต่มีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสำหรับครอบครัว แต่ยังนิยมใช้ในงานรับรองทางธุรกิจอีกด้วย โดยเวอร์ชั่นดีเซลในไทยมีจำนวนการใช้งานค่อนข้างสูง มีเครือข่ายบริการซ่อมบำรุงครอบคลุมและอะไหล่พร้อมจำหน่าย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยมีกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับรถดีเซล ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลของ H1 Modern นั้นผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสียของไทยเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ ส่วนเรื่องการสตาร์ทเครื่องในอากาศเย็นอาจมีผลต่อรถดีเซล แต่ในสภาพอากาศร้อนอย่างไทยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถ H1 Modern เวอร์ชั่นดีเซลถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารหรือสัมภาระบ่อยๆ จะเห็นถึงประสิทธิภาพด้านกำลังและความประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Q
ไมล์สะสมของ Hyundai H1 คืออะไร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Hyundai H1 นั้นแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ สำหรับรุ่นเบนซินในเมืองจะกินน้ำมันประมาณ 8-9 ลิตร/100 กม. แต่ถ้าขับบนทางด่วนจะลดลงเหลือ 7-8 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นดีเซลนั้นประหยัดกว่าครับ ในเมืองจะอยู่ที่ 7-8 ลิตร/100 กม. พอขึ้นทางด่วนจะประหยัดยิ่งขึ้นเหลือแค่ 6-7 ลิตร/100 กม. เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ต้องขับทางไกลหรือใช้ประจำวัน ในตลาดไทย Hyundai H1 ได้รับความนิยมจากทั้งครอบครัวและคนทำงานเพราะความกว้างขวางและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะรุ่นดีเซลที่ประหยัดกว่าในสภาพน้ำมันราคาสูงของไทย แต่จริงๆ แล้วการประหยัดน้ำมันยังขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ถนน และการดูแลรถด้วย ควรบริการตามกำหนดและขับอย่างนุ่มนวลจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แถมอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ ที่ต้องเปิดแอร์บ่อยก็อาจทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะงั้นเวลาจะเลือกซื้อก็ลองดูความต้องการของตัวเองดีๆ ว่าจะเหมาะกับรุ่นไหนครับ
Q
Hyundai H1 มีกี่ลิตร
Hyundai H1 ในตลาดประเทศไทยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน โดยรุ่นดีเซลมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร CRDi เทอร์โบชาร์จ (ความจุจริง 2,497 ซีซี) ส่วนรุ่นเบนซินใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร MPI (ความจุจริง 2,359 ซีซี) ซึ่งทั้งสองแบบผ่านมาตรฐานการระบายไอเสียของไทยและประหยัดน้ำมันเหมือนกัน ที่สำคัญคนไทยเน้นเรื่องความทนทานและการใช้งานจริง ซึ่ง H1 ตอบโจทย์ด้วยการออกแบบภายในกว้างขวางนั่งได้ 9 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ปรับเปลี่ยนได้เหมาะทั้งสำหรับครอบครัวใหญ่หรือใช้รับส่งผู้โดยสาร รวมถึงระยะความสูงจากพื้นรถที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนชนบทได้สบายๆ ส่วนค่าบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการของ Hyundai ในไทยก็ใกล้เคียงกับคู่แข่งจากญี่ปุ่น แถมยังมีประกันยาวถึง 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดขายเด่นสำหรับคนไทยที่คิดถึงการใช้รถในระยะยาว ถ้าพูดถึงตลาดมือสอง รุ่นปี 2015 เป็นต้นมายังคงมูลค่าดี โดยเฉพาะรุ่นดีเซลที่คนนิยมกว่าเพราะเหมาะกับการเดินทางไกล
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Hyundai H1
Hyundai H1 ในตลาดไทยมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลสองรุ่นคือ 2.5 ลิตร CRDi และ 2.6 ลิตร D4BH เทอร์โบ โดยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร CRDi ใช้เทคโนโลยีคอมมอนเรลโดยตรงของ Hyundai ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 392 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำเหมาะกับการเดินทางไกลและใช้ในครอบครัว ส่วนเครื่องยนต์ 2.6 ลิตร D4BH ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงต่ำ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มรถเชิงพาณิชย์ของไทย เครื่องยนต์ดีเซล Hyundai ระบายความร้อนได้ดีในสภาพอากาศร้อน ช่วงล่างสูงเหมาะกับถนนไม่เรียบ และเมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติทั่วไปในไทย สามารถรับมือกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพได้ Hyundai H1 รุ่นจำหน่ายในไทยมาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่และระบบ ABS ตามมาตรฐานความปลอดภัย เหมาะทั้งเป็นรถ MPV อเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวและปรับเป็นรถรับรองธุรกิจได้
Q
Hyundai H-1 เร็วแค่ไหน?
รถ Hyundai H-1 รุ่นปัจจุบันในประเทศไทยมีความเร็วสูงสุดประมาณ 170 กม./ชม. แต่ความสามารถจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการปรับแต่ง โดยตัวรถรุ่นนี้ในตลาดไทยเน้นจุดขายเรื่องความประหยัดและพื้นที่ใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับครอบครัวหรือใช้ทำงาน ส่วนเรื่องความเร็วขนาดนี้บนถนนในเมืองหรือทางด่วนของไทยก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานประจำวันอยู่แล้ว แถมยังประหยัดน้ำมันดีเพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเหมาะกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายนะ เพราะกฎหมายไทยจำกัดความเร็วบนทางด่วนไว้ที่ 120 กม./ชม. เท่านั้น ควรขับขี่ตามกฎจะดีที่สุด ส่วนเรื่องพื้นที่ภายในรถ H-1 นั้นจัดว่าใช้งานได้หลากหลาย ทั้งจัดวางเบาะนั่งและพื้นที่เก็บของได้ดี จุดนี้ทำให้หลายคนในไทยเลือกซื้อรถรุ่นนี้ แต่ถ้าอยากได้รถที่ขับสนุกกว่านี้ อาจลองดูรถ SUV หรือรถเก๋งรุ่นอื่นๆ ของ Hyundai ในไทยก็ได้นะ

ข้อดี

หรูหราอย่างมากในภายนอก ด้านหน้าผ่านการออกแบบใหม่เพื่อทำให้เด่นและทันสมัยมากขึ้น ติดตั้งเกร็ดโครเมียมแนวนอนใหม่ ไลน์ตรงมันสามารถเข้ากันได้กับไฟหน้าทำให้ดูหรูหรามาก
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีมาก มีเครื่องยนต์ดีเซล CRDI 16 วาล์ว 4 กระบอก 2.5 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จเรขาคณิตแบบเปลี่ยนแปลงได้ VGT Intercooler กำลังมากที่สุด 175 แรงม้า การเร่งความเร็วดี ไม่มีปัญหาเลยเมื่อต้องแซง ระบบ Sequential shift สามารถทำงานร่วมกับกล่องเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดได้สละสลวย
ประหยัดน้ำมัน แม้ว่ารถจะมีน้ำหนักมาก แต่พอเทียบกับขนาดและน้ำหนัก โชว์ว่าการใช้น้ำมันดี ประมาณ 11-12 กิโลเมตร/ลิตร
มีระบบ Smart View System ที่ให้ภาพ 360 องศาด้วย 4 กล้อง ช่วยในการขับขี่และจอดรถ โดยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
ความยืดหยุ่นในการขับขี่ในเมืองดี

ข้อเสีย

การจอดและถอยรถยากเนื่องจากร่างคันใหญ่ การหาที่จอดรถยาก การถอยรถต้องใช้ทักษะและการปรับตัวที่เหมาะสม แม้จะมีระบบ Smart View ที่ช่วยสนับสนุนก็ยังมีความยาก
มีจำนวนศูนย์บริการที่น้อย แบรนด์ได้ทำตลาดในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการลงทุนโดยตรงจากบริษัทแม่ ทำให้มีสินค้าที่น้อย และการแสดงห้องและจำนวนศูนย์บริการที่น้อย
เทคโนโลยีที่เก่าเกินไป โดยมีการปรับปรุงและแนะนำรูปแบบพิเศษที่เล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดทั้งในภายนอกและภายใน ระบบเครื่องยนต์ ระบบชั้นล่าง เทคโนโลยีและนวัตกรรมยังไม่ได้เรียบเรียงตามการพัฒนาทางยุค
ชั้นล่างไม่เพียงพอ ขณะขับขี่บนถนนที่ขรุขระ ความสั่นสะเทือนภายในรถมาก

Q&A ล่าสุด

Q
วิธีดูกล้องสดบนรถยนต์ Tesla Model 3
เมื่อคุณใช้ฟังก์ชันดูภาพสดจากกล้องของ Tesla Model 3 ในประเทศไทย คุณสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Tesla บนมือถือได้ง่ายๆ โดยก่อนอื่นต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในโหมดพร้อมใช้งานและเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เสถียร หลังจากเปิดแอปให้เลือกเมนู "ความปลอดภัย" เพื่อเข้าถึงภาพสดจากกล้องในรถ ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์มากในสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของไทย ช่วยให้คุณตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบรถได้ตลอดเวลา เช่น ตรวจดูว่ามีสัตว์เล็กๆ หลบร้อนใต้รถหรือไม่ หรือยืนยันตำแหน่งจอดรถว่าปลอดภัย ระบบกล้องของ Model 3 ใช้เลนส์มุมกว้างและเซ็นเซอร์ความไวสูง แม้ในเวลากลางคืนหรือในที่จอดรถใต้ดินที่แสงน้อยก็ยังให้ภาพที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ของไทยอาจเกิดปัญหาสัญญาณเน็ตเวิร์กไม่คงที่ซึ่งส่งผลต่อความลื่นไหลของการส่งภาพ แนะนำให้ทดสอบการเชื่อมต่อล่วงหน้าในสถานการณ์สำคัญ นอกจากนี้โหมด Sentry ของ Tesla ที่ทำงานร่วมกับกล้องยังช่วยบันทึกเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายไทยที่รับรองหลักฐานดิจิทัล ทำให้การรักษาความปลอดภัยของรถเป็นสองชั้น สำหรับการใช้งานประจำวัน การทำความสะอาดเลนส์กล้องอย่างสม่ำเสมอในการใช้งานประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงฝนหรือฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของภาพเป็นมาตรการบำรุงรักษาที่จำเป็น
Q
วิธีปิดการขับขี่ด้วยเพียงเท้าเดียวบนรถ Tesla Model 3
หากคุณต้องการปิดโหมดขับขี่ด้วยคันเร่งเดียว (Single Pedal Driving) ในรถ Tesla Model 3 สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่หน้าจอกลางรถ เลือกเมนู "ควบคุม" จากนั้นเลือก "คันเร่งและพวงมาลัย" แล้วไปที่การตั้งค่า "โหมดหยุด" แล้วเปลี่ยนเป็น "โหมดครีป" หรือ "โหมดปล่อยไหล" แค่นี้รถก็จะทำงานเหมือนรถน้ำมันทั่วไปที่เมื่อคุณปล่อยคันเร่ง รถจะค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าเอง โหมดขับขี่ด้วยคันเร่งเดียวของ Tesla นี้ทำงานผ่านระบบกักเก็บพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ แต่ยังลดการสึกหรอของผ้าเบรกอีกด้วย เหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยที่รถติดบ่อย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีฝนตกชุก ถนนอาจลื่นได้ เราแนะนำให้ผู้ขับขี่มือใหม่ควรเริ่มจากการใช้โหมดขับขี่ปกติก่อนก่อน หากคุณต้องขับรถในเมืองที่มีรถติดมากๆ อย่างกรุงเทพฯ ลองค่อยๆปรับตัวใช้โหมดคันเร่งเดียวดู จะช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ได้มากนะ ไม่ว่าคุณจะเลือกโหมดไหน ขอให้ระมัดระวังรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่นมากๆ
Q
ต้องใช้กี่กิโลวัตต์ชั่วโมงในการชาร์จ Tesla Model 3 ปี 2022
สำหรับ Tesla Model 3 รุ่นปี 2022 ในประเทศไทย ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการชาร์จจะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 50-75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รุ่น Standard Range เมื่อชาร์จเต็มจะใช้ไฟประมาณ 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนรุ่น Long Range ต้องการประมาณ 75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แต่การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยเช่นประสิทธิภาพการชาร์จและอุณหภูมิแวดล้อม ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ชาร์จในที่ร่มเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากความร้อนของแบตเตอรี่ และการใช้สถานี Supercharger ของ Tesla (เช่นในกรุงเทพหรือพัทยา) จะช่วยลดเวลาชาร์จลงได้มาก โดยทั่วไปใช้เวลาเพียง 30 นาทีเพื่อชาร์จไฟได้ถึง 80% ควรทราบว่าค่าไฟสำหรับการชาร์จที่บ้านจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) อยู่ที่ประมาณ 4-6 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง การชาร์จเต็มสำหรับรุ่น Standard Range จึงมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200-300 บาท ซึ่งช่วยประหยัดได้มากกว่า 60% เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หากวางแผนจะติดตั้งที่ชาร์จที่บ้าน ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟรองรับกำลังไฟมากกว่า 7 กิโลวัตต์ และควรสมัครมิเตอร์ไฟฟ้าเฉพาะจาก PEA เพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราค่าไฟช่วงเวลากลางคืนที่ถูกลง ปัจจุบันในไทยมีสถานีชาร์จสาธารณะกว่า 500 แห่งครอบคลุมเมืองหลักๆ และสามารถตรวจสอบจุดชาร์จที่ว่างได้แบบเรียลไทม์ผ่านระบบนำทางของ Tesla สำหรับการเดินทางไกล แนะนำให้เลือกใช้สถานีชาร์จที่ร่วมมือกับ Central Group หรือการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ของระบบ
Q
Tesla Model 3 เปิดตัวเมื่อไหร่
Tesla Model 3 ปรากฏตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2019 ตอนนั้น Tesla เพิ่งเริ่มเปิดตัวในตลาดไทยและเริ่มรับจองอย่างเป็นทางการ ส่วนการส่งมอบรถจริงๆเริ่มทยอยกันมาตั้งแต่ปี 2020 รุ่นนี้ดึงดูดผู้บริโภคไทยจำนวนมากด้วยระยะขับขี่ที่เยี่ยมยอด ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอันล้ำสมัย และการออกแบบภายในที่เรียบหรู โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ เพราะรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าทั้งลดภาษีและให้เงินสนับสนุน ทำให้ Model 3 กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ขายดีในไทย สำหรับตลาดไทย Tesla เสนอ Model 3 แบบสองขับเคลื่อนพร้อมแบตเตอรี่ระยะมาตรฐานกับแบบสี่ขับเคลื่อนพร้อมแบตเตอรี่ระยะยาว ที่ให้ระยะขับขี่ได้ประมาณ 400 กม. และมากกว่า 500 กม. ตามลำดับ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนเมืองและการเดินทางใกล้ๆ ในไทย แถม Tesla ยังขยายเครือข่ายซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทั่วประเทศ ช่วยให้เจ้าของรถชาร์จไฟได้สะดวกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรัฐบาลไทยยังเดินหน้านโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าต่อไป เทสลาคาดว่าจะนำรุ่นอื่นๆ เข้ามาในตลาดไทยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย พร้อมๆ กับช่วยพัฒนาระบบสาธารณูปโภคสำหรับรถไฟฟ้าในประเทศให้ดีขึ้น
Q
Tesla Model 3 มีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่
สำหรับ Tesla Model 3 ที่วางขายในตลาดไทย ความจุแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (Standard Range Plus) จะใช้แบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate (LFP) ความจุประมาณ 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนรุ่น Long Range และ Performance จะใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ NCA หรือ NCM ความจุประมาณ 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งความจุจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างตามปีที่ผลิตและสเปคของรถ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ทำงานมีประสิทธิภาพดี แต่แนะนำให้เจ้าของรถหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยกำลังขยายตัวเร็วมาก โดยมีทั้ง Supercharger ของ Tesla และสถานีชาร์จของบริษัทอื่นครอบคลุมทั้งในเมืองใหญ่และเขตท่องเที่ยว สะดวกสำหรับการเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงที่รถวิ่งได้จะขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การใช้แอร์ และสภาพถนน เช่น การติดขัดในกรุงเทพอาจทำให้กินไฟมากขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แบบ LFP นั้นเหมาะกับการใช้งานในไทยที่ต้องชาร์จบ่อย เพราะทนความร้อนได้ดีและอายุการใช้งานยาวนานกว่า รัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถ EV ทำให้ Model 3 ได้รับการลดหย่อนภาษีนำเข้า จึงมีราคาจับต้องง่ายขึ้นในตลาดไทย อีกทั้ง Tesla ยังอัปเดตระบบจัดการแบตเตอรี่ผ่าน OTA เป็นประจำ ผู้ใช้ไม่ต้องไปศูนย์บริการก็ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นได้เลย
ดูเพิ่มเติม