Q
Hyundai H1 มีลักษณะอย่างไร
现代 H1 เป็นรถมัลติเพอร์พสส utility รูปทรงกล่องแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับใช้เป็นรถรับส่งพนักงานหรือรถท่องเที่ยวครอบครัวในตลาดไทย ด้านหน้ามีกริลล์แบบตระกูล Hyundai พร้อมไฟหน้า Halogen ขนาดใหญ่ ด้านข้างตัวถังมีเส้นสายเรียบง่าย ติดตั้งประตูสไลด์อำนวยความสะดวกในการขึ้นลง หลังคามีดีไซน์เรียบร้อยติดตั้งไฟท้ายแนวตั้ง ในไทยมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ที่เหมาะสมกับสภาพถนนและความนิยมน้ำมันดีเซลของท้องถิ่น ภายในตกแต่งด้วยเบาะผ้าเอนกประสงค์และแผงพลาสติกทนสภาพอากาศร้อน รุ่นสูงอาจมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกันอย่าง Toyota Commuter แล้ว H1 มักได้เปรียบเรื่องราคาที่คุ้มค่ากว่า แม้ทั้งคู่จะเน้นประโยชน์ใช้สอยและความทนทานเหมือนกัน ในตลาดมือสองของไทยก็พบ H1 บ่อยครั้ง ด้วยค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง และมีศูนย์บริการ Hyundai กระจายทั่วประเทศ ที่สำคัญสำหรับผู้ต้องการรถขนาดใหญ่แต่มีงบประมาณจำกัด รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของ Hyundai H1 เป็นอย่างไร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Hyundai H1 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระบบขับเคลื่อน โดยรุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซินจะสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 9-11 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นดีเซลจะประหยัดกว่าคือประมาณ 7-9 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ตัวเลขจริงอาจขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกด้วย ในสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดแบบเมืองไทย แนะนำให้ดูแลรถอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจสอบลมยางให้เหมาะสม ใช้น้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ Hyundai H1 เป็นรถเอ็มพีวีอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มครอบครัวและนักธุรกิจไทย ด้วยจุดขายคือความกว้างขวางและประโยชน์ใช้สอยสูง ถ้าอยากประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจเลือกรุ่นดีเซลหรือมองหาเทคโนโลยีไฮบริดที่ Hyundai เปิดตัวในปีหลังๆ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองโดยยังคงสมรรถนะที่ดี นอกจากนี้เวลาซื้อรถในไทยอาจดูนโยบายพลังงานของแต่ละจังหวัดด้วย เพราะบางพื้นที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถดีเซล ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว
Q
ไฮุนได H1 ใช้น้ำมันกี่ลิตร?
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Hyundai H1 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร CRDi จะใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 7.5 ลิตร (รวมเปลี่ยนไส้กรอง) ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 4.3 ลิตร สำหรับสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรเกรด API SN/SP หรือมาตรฐาน ACEA C3 โดยเลือกความหนืด 5W-30 หรือ 10W-40 เพื่อให้เหมาะสมกับอุณหภูมิสูง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (ตามระยะใดถึงก่อน) โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนของไทย ควรตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพราะความชื้นในอากาศอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ผู้จำหน่ายอย่าง Hyundai Mobility Bangkok หรือ Sri Trang Glazier ที่ได้รับอนุญาตในไทย มีบริการน้ำมันเครื่องแท้และแพ็คเกจดูแลรถที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อนโดยเฉพาะ หากต้องการเปลี่ยนเองควรใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องที่ตรงกับสเปคของผู้ผลิต เช่น อะไหล่แท้จากเกาหลีหรือยี่ห้อระดับโลกอย่าง Mann Filter เพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีที่สุด
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Hyundai H1 คืออะไร?
สำหรับการประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ Hyundai H1 Modern ในประเทศไทย สามารถอ้างอิงผลทดสอบจาก ASEAN NCAP ซึ่งรุ่นนี้ได้คะแนน 4 ดาวจากเต็ม 5 ดาวในการทดสอบปี 2019 โดยมาพร้อมกับอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ถุงลมนิรภัยคู่ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการทั่วไปของตลาดอาเซียน ในสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีฝนชุกและความชื้นสูง รวมถึงสภาพถนนที่ค่อนข้างซับซ้อน ขอแนะนำให้เจ้าของรถดูแลรักษายางรถยนต์และระบบเบรกเป็นพิเศษ นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังแนะนำให้ติดตั้งกล้องถอยหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ตามตรอกซอกซอยแคบๆ ที่สำคัญคือ มาตรฐานการทดสอบของ ASEAN NCAP จะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการขับขี่ในเขตร้อนเป็นพิเศษ เช่น การประเมินสถานการณ์ที่มีรถจักรยานยนต์ปะปนอยู่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไทยควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อเลือกซื้อรถยนต์ประเภท MPV เนื่องจากบนท้องถนนไทยมีสัดส่วนรถจักรยานยนต์สูง จึงต้องการรถที่มีความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ดีเป็นพิเศษ
Q
ความจุของถังน้ำมันของ H1 คือเท่าไร
สำหรับ Hyundai H1 รุ่นปัจจุบัน ความจุถังน้ำมันจะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยมาตรฐานจะอยู่ที่ 75 ลิตร ส่วนบางรุ่นที่ปรับแต่งพิเศษอาจมีความจุแตกต่างไปเล็กน้อย ถือว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูงเมื่อเทียบกับรถ MPV ทั่วไปในตลาดไทย ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั้งการเดินทางไกลหรือการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว ในสภาพอากาศร้อนและเส้นทางหลากหลายของไทย แนะนำให้ผู้ขับขี่รักษาระดับน้ำมันเชื้อเพลิงไว้อย่างน้อย 1/4 ของถังเสมอ เพื่อป้องกันปั๊มน้ำมันร้อนเกินไป ส่วนสถานีบริการน้ำมันในไทยนั้นมีทั้งเบนซิน 91/95 และไบโอดีเซล B7/B20 ให้เลือกเติม โดยเครื่องยนต์ของ H1 สามารถใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ควรเลือกเลขออกเทนตามที่คู่มือผู้ใช้แนะนำเพื่อประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด ข้อควรรู้คือในจังหวัดทางเหนืออย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายที่มีเส้นทางภูเขาค่อนข้างมาก การมีถังน้ำมันความจุสูงจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเติมน้ำมันในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังแนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของถังน้ำมันทุก 2 ปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นเข้าไปในระบบเชื้อเพลิง
Q
รถ Hyundai H1 เป็นดีเซลหรือไม่?
ใช่แล้ว รุ่น H1 Modern ในตลาดประเทศไทยมีเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือก เครื่องยนต์เป็นแบบ 2.5 ลิตร CRDi เทอร์โบชาร์จ ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันและแรงบิดสูง เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภูเขาและการเดินทางไกลในไทย แถมรถดีเซลยังได้รับความนิยมในหมู่ครอบครัวและผู้ใช้เชิงพาณิชย์เนื่องจากค่าการประหยัดน้ำมันที่ต่ำ รถ MPV อย่าง H1 Modern นั้นไม่เพียงแต่มีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสำหรับครอบครัว แต่ยังนิยมใช้ในงานรับรองทางธุรกิจอีกด้วย โดยเวอร์ชั่นดีเซลในไทยมีจำนวนการใช้งานค่อนข้างสูง มีเครือข่ายบริการซ่อมบำรุงครอบคลุมและอะไหล่พร้อมจำหน่าย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยมีกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับรถดีเซล ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลของ H1 Modern นั้นผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสียของไทยเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ ส่วนเรื่องการสตาร์ทเครื่องในอากาศเย็นอาจมีผลต่อรถดีเซล แต่ในสภาพอากาศร้อนอย่างไทยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถ H1 Modern เวอร์ชั่นดีเซลถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารหรือสัมภาระบ่อยๆ จะเห็นถึงประสิทธิภาพด้านกำลังและความประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Q
ไมล์สะสมของ Hyundai H1 คืออะไร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Hyundai H1 นั้นแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ สำหรับรุ่นเบนซินในเมืองจะกินน้ำมันประมาณ 8-9 ลิตร/100 กม. แต่ถ้าขับบนทางด่วนจะลดลงเหลือ 7-8 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นดีเซลนั้นประหยัดกว่าครับ ในเมืองจะอยู่ที่ 7-8 ลิตร/100 กม. พอขึ้นทางด่วนจะประหยัดยิ่งขึ้นเหลือแค่ 6-7 ลิตร/100 กม. เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ต้องขับทางไกลหรือใช้ประจำวัน ในตลาดไทย Hyundai H1 ได้รับความนิยมจากทั้งครอบครัวและคนทำงานเพราะความกว้างขวางและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะรุ่นดีเซลที่ประหยัดกว่าในสภาพน้ำมันราคาสูงของไทย แต่จริงๆ แล้วการประหยัดน้ำมันยังขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ถนน และการดูแลรถด้วย ควรบริการตามกำหนดและขับอย่างนุ่มนวลจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แถมอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ ที่ต้องเปิดแอร์บ่อยก็อาจทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะงั้นเวลาจะเลือกซื้อก็ลองดูความต้องการของตัวเองดีๆ ว่าจะเหมาะกับรุ่นไหนครับ
Q
รถ Hyundai H1 เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือล้อหลัง
รถยนต์ Hyundai H1 ในตลาดประเทศไทยมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางประจำวันมากกว่า เพราะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเหมาะกับสภาพถนนที่ซับซ้อนอย่างทางภาคเหนือของไทยหรือช่วงฤดูฝน ที่ต้องการแรงเกาะถนนที่ดีกว่า ในไทย รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะค่าบำรุงรักษาถูกกว่าและเหมาะกับการขับขี่ในเมืองทั่วไป แต่ถ้าคุณต้องเดินทางไปยังพื้นที่ภูเขาบ่อยๆ เช่น เชียงใหม่หรือเชียงราย การเลือกรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะปลอดภัยกว่า Hyundai H1 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสารและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ทั้งจากครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ ไม่ว่าจะเลือกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าหรือสี่ล้อก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน แนะนำให้เลือกตามสภาพการใช้งานจริงของคุณจะดีที่สุด
Q
Hyundai H1 มีกี่ลิตร
Hyundai H1 ในตลาดประเทศไทยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน โดยรุ่นดีเซลมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร CRDi เทอร์โบชาร์จ (ความจุจริง 2,497 ซีซี) ส่วนรุ่นเบนซินใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร MPI (ความจุจริง 2,359 ซีซี) ซึ่งทั้งสองแบบผ่านมาตรฐานการระบายไอเสียของไทยและประหยัดน้ำมันเหมือนกัน ที่สำคัญคนไทยเน้นเรื่องความทนทานและการใช้งานจริง ซึ่ง H1 ตอบโจทย์ด้วยการออกแบบภายในกว้างขวางนั่งได้ 9 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ปรับเปลี่ยนได้เหมาะทั้งสำหรับครอบครัวใหญ่หรือใช้รับส่งผู้โดยสาร รวมถึงระยะความสูงจากพื้นรถที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนชนบทได้สบายๆ ส่วนค่าบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการของ Hyundai ในไทยก็ใกล้เคียงกับคู่แข่งจากญี่ปุ่น แถมยังมีประกันยาวถึง 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดขายเด่นสำหรับคนไทยที่คิดถึงการใช้รถในระยะยาว ถ้าพูดถึงตลาดมือสอง รุ่นปี 2015 เป็นต้นมายังคงมูลค่าดี โดยเฉพาะรุ่นดีเซลที่คนนิยมกว่าเพราะเหมาะกับการเดินทางไกล
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Hyundai H1
Hyundai H1 ในตลาดไทยมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลสองรุ่นคือ 2.5 ลิตร CRDi และ 2.6 ลิตร D4BH เทอร์โบ โดยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร CRDi ใช้เทคโนโลยีคอมมอนเรลโดยตรงของ Hyundai ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 392 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำเหมาะกับการเดินทางไกลและใช้ในครอบครัว ส่วนเครื่องยนต์ 2.6 ลิตร D4BH ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงต่ำ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มรถเชิงพาณิชย์ของไทย เครื่องยนต์ดีเซล Hyundai ระบายความร้อนได้ดีในสภาพอากาศร้อน ช่วงล่างสูงเหมาะกับถนนไม่เรียบ และเมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติทั่วไปในไทย สามารถรับมือกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพได้ Hyundai H1 รุ่นจำหน่ายในไทยมาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่และระบบ ABS ตามมาตรฐานความปลอดภัย เหมาะทั้งเป็นรถ MPV อเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวและปรับเป็นรถรับรองธุรกิจได้
Q
Hyundai H-1 เร็วแค่ไหน?
รถ Hyundai H-1 รุ่นปัจจุบันในประเทศไทยมีความเร็วสูงสุดประมาณ 170 กม./ชม. แต่ความสามารถจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการปรับแต่ง โดยตัวรถรุ่นนี้ในตลาดไทยเน้นจุดขายเรื่องความประหยัดและพื้นที่ใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับครอบครัวหรือใช้ทำงาน ส่วนเรื่องความเร็วขนาดนี้บนถนนในเมืองหรือทางด่วนของไทยก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานประจำวันอยู่แล้ว แถมยังประหยัดน้ำมันดีเพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเหมาะกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายนะ เพราะกฎหมายไทยจำกัดความเร็วบนทางด่วนไว้ที่ 120 กม./ชม. เท่านั้น ควรขับขี่ตามกฎจะดีที่สุด ส่วนเรื่องพื้นที่ภายในรถ H-1 นั้นจัดว่าใช้งานได้หลากหลาย ทั้งจัดวางเบาะนั่งและพื้นที่เก็บของได้ดี จุดนี้ทำให้หลายคนในไทยเลือกซื้อรถรุ่นนี้ แต่ถ้าอยากได้รถที่ขับสนุกกว่านี้ อาจลองดูรถ SUV หรือรถเก๋งรุ่นอื่นๆ ของ Hyundai ในไทยก็ได้นะ
Q&A ล่าสุด
Q
ราคา BYD SEALION 7 เท่าไหร่
รถ BYD Sealion 7 เป็นรุ่น SUV ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจาก BYD ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดไทย ตอนนี้ยังไม่มีประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าดูจากนโยบายการตั้งราคาของ BYD ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงสเปกของรถรุ่นนี้ คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความจุแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี e-platform 3.0 ล่าสุดจาก BYD ที่ให้ระยะทางวิ่งมากกว่า 500 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) และรองรับระบบชาร์จเร็ว ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถไฟฟ้าระยะทางไกลและชาร์จสะดวก ในตลาดไทย BYD Sealion 7 จะแข่งกับรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เช่น Tesla Model Y และ MG Marvel R แต่ BYD ได้เปรียบเรื่องการผลิตในประเทศที่อาจทำให้ราคาดีกว่าและมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ค่อนข้างดี ทั้งการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยให้ราคารถถูกลงอีก ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการรถยนต์อีโคคาร์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงอย่าง BYD Sealion 7 คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
Q
BYD SEALION 7 มีที่นั่งกี่ที่
BYD SEALION 7 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมา 5 ที่นั่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวไทยหรือการออกทริปกับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ยังมีพื้นที่ด้านหลังและกระโปรงหลังที่กว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวหรือต้องขนสัมภาระจำนวนมาก รถรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี Hybrid แบบ Plug-in (DM-i Super Hybrid) ของ BYD ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โหมด EV ก็เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง ส่วนเรื่องที่สำคัญคือ ตลาดไทยกำลังเติบโตในเรื่องรถพลังงานสะอาด ซึ่ง Sealion 7 เป็น Plug-in Hybrid ที่ได้สิทธิประโยชน์เหมือนรถ EV แถมยังไม่ต้องกังวลกับสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ อีกทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศแรงๆ สำหรับเมืองร้อน และระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ ที่สำคัญแบตเตอรี่มีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 ทนสภาพฝนตกชุกของไทยได้ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 ที่ก็เป็น 5 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ Sealion 7 โดดเด่นกว่าในเรื่องเทคโนโลยีเชื่อมต่อและนวัตกรรมพลังงานสะอาด อย่างไรก็ตามผู้ซื้อควรเลือกตามความต้องการและงบประมาณที่มี เพราะตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนนโยบาย EV 3.5 ทำให้ SUV ประหยัดพลังงานแบบนี้จะเป็นทางเลือกยอดนิยมของครอบครัวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
Q
Isuzu MU-X 1.9 ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
ในประเทศไทย ภาษีของรถ Isuzu MU-X 1.9 จะประกอบไปด้วยภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจริงจะขึ้นอยู่กับราคา CIF ของรถ (รวมค่าการขนส่งและประกัน) รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นขนาดเครื่องยนต์ ตามนโยบายภาษีของไทย รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรจะถูกจัดอยู่ในอัตราภาษีสรรพสามิต 20% และต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% โดยรวมแล้วภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 30% ของราคา CIF แต่จำนวนสุดท้ายต้องรอการประเมินจากศุลกากร นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยถ้า Isuzu MU-X 1.9 ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องดีเซลสามารถผ่านมาตรฐาน Euro ก็อาจจะได้รับส่วนลดภาษีบางส่วน ควรระวังไว้ว่ารัฐบาลไทยอาจมีการปรับอัตราภาษีรถยนต์เป็นครั้งคราว ดังนั้นก่อนซื้อควรสอบถามข้อมูลล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายหรือหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่ สุดท้ายแล้ว Isuzu MU-X 1.9 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยเนื่องจากความทนทานและประหยัดน้ำมัน แม้ว่าภาษีจะเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการซื้อรถ แต่ในระยะยาวการประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำก็ช่วยให้เจ้าของรถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
Q
รีโมทคอนโทรลของ Isuzu MU-X รุ่นอะไร?
สำหรับรถยนต์ Isuzu MU-X ในตลาดไทย รีโมทคีย์ที่นิยมใช้จะเป็นยี่ห้อ 4D-TECH ซึ่งมักเป็นรุ่น 4D-60 หรือ 4D-63 ขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและระดับเครื่องของรถ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบป้ายด้านหลังของกุญแจหรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายอีซูสุอย่างเป็นทางการในไทยเพื่อความถูกต้อง ส่วนการเปลี่ยนหรือตั้งค่ารีโมทคีย์ในประเทศไทย ต้องทำผ่านช่องทางมืออาชีพโดยเฉพาะรถที่ติดตั้งระบบอิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer) ควรเลือกบริการศูนย์บริการทางการของอีซูสุหรืออู่ที่ได้รับการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและความเข้ากันได้ของระบบ นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรีโมท (ปกติใช้แบตเตอรี่รุ่น CR2032) ถ้ารีโมททำงานไม่ดีหรือกดแล้วไม่ค่อยตอบสนอง ลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ดูก่อน สำหรับการดูแลรักษารีโมทคีย์ในชีวิตประจำวัน ควรหลีกเลี่ยงการวางทิ้งไว้ในที่ร้อนเช่นแผงหน้าปัด และระวังไม่ให้น้ำเข้า เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรีโมทได้ หากต้องการทำกุญแจเพิ่ม ในไทยมีร้านค้าชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่เช่น Zeer Rangsit หรือร้านอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์เฉพาะทางที่ให้บริการได้ แต่ต้องมั่นใจว่าชิปที่ใช้เข้ากันได้กับของเดิมเพื่อป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยของรถทำงานล็อกโดยไม่จำเป็น
Q
ยางขนาด 18 นิ้ว Isuzu MU-X ควรเลือกแบบไหน?
สำหรับรถ SUV อย่าง Isuzu MU-X การเลือกยางขนาด 18 นิ้วต้องคำนึงถึงสภาพอากาศในไทยที่ฝนชุกและถนนหลากหลายรูปแบบ แนะนำให้ใช้ยางออฟโรด (AT) หรือยางสำหรับ SUV แบบทางเรียบ (HT) ถ้าขับในเมืองบ่อย ยาง HT เช่น Bridgestone Dueler H/P Sport หรือ Michelin Primacy SUV+ จะให้ความรู้สึกเงียบกว่าและเกาะถนนดีเวลาฝนตก เหมาะกับฤดูฝนของไทย แต่ถ้าต้องเจอทางลูกรังหรือโคลนบ้างเป็นครั้งคราว ยาง AT อย่าง Toyo Open Country A/T หรือ Pirelli Scorpion ATR จะทนทานกว่าและเหมาะกับการขับออฟโรดเล็กน้อย อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อการระบายความร้อนของยาง แนะนำให้เลือกยางที่มีมาตรฐานรับความร้อนสูง (เช่น TEMP ระดับ A) และตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ (ควรอยู่ที่ 32-35 psi ตามที่ผู้ผลิตกำหนด) นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดว่าดอกยางต้องเหลือไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. ช่วงก่อนฝนควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อการระบายน้ำที่ดี ส่วนขนาดยางที่เหมาะกับกระทะล้อ 18 นิ้วของ MU-X จะเป็น 255/60R18 ต้องเช็คดัชนีรับน้ำหนัก (Load Index) อย่างน้อย 110 ขึ้นไปเพื่อให้รับน้ำหนักรถได้ และอัตราความเร็ว (Speed Rating) อย่างน้อยระดับ H (210km/h) เพื่อให้เหมาะสมกับการขับบนทางด่วนในไทย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

All NEW Hyundai SANTA FEเปิดตัว ราคา 1,599,000-1,749,000 บาท
ธนวัฒน์Jul 16, 2025

Hyundaiประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่วันที่ 15 กรกฎาคม คาดว่า SANTA FE เตรียมวางขายในไทย
พงศธรJun 17, 2025

Hyundai Staria ล้ำด้วยเทคโนโลยี เปิดมิติใหม่แห่งการเดินทาง
สุรเดชMay 13, 2025

เจ้าของรถเกาหลีขับ Ioniq 5 ไปถึง 58 หมื่นกิโลเมตร แบตเตอรี่ยังมีสุขภาพดีถึง 87.7%
AshleyMay 6, 2025

Hyundai เปิดตัวระบบไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ เมื่อเทียบกับ Toyota THS มีข้อได้เปรียบอะไรบ้าง?
Kevin WongApr 22, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย