Q

Rolls-Royce Phantom มีความหรูหราหรือไม่

Rolls-Royce Phantom คือยนตรกรรมสุดหรูอย่างแท้จริง รุ่นมาตรฐานมีราคาประมาณห้าสิบสามล้านห้าแสนบาท รุ่นฐานล้อยาวราคาห้าสิบเก้าล้านห้าแสนบาท สะท้อนสถานะอันเหนือระดับ รูปลักษณ์ภายนอกสง่างาม กระจังหน้าทรงวิหารพาร์เธนอนและสัญลักษณ์เทพีแห่งความสุขโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ประตูแบบเปิดสวนกันช่วยให้ผู้โดยสารขึ้นลงได้อย่างสง่างาม ห้องโดยสารหรูหราในทุกมิติ เบาะหนังแท้ตัดเย็บด้วยมือ แผงไม้แท้ตกแต่งด้วยโลหะคุณภาพสูง หลังคาดาวสร้างบรรยากาศโรแมนติก แผงหน้าปัดสามารถฝังงานศิลปะได้สะท้อนรสนิยมผู้ครอบครอง ด้านสมรรถนะมาพร้อมเครื่องยนต์สิบสองสูบขนาดหกลิตรเจ็ดสี่เก้าพร้อมเกียร์อัตโนมัติ ให้พลังแรงพร้อมความนุ่มนวลและเงียบสงบในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นมรดกของแบรนด์ ระดับของอุปกรณ์หรือความประณีตในการผลิต Rolls Royce Phantom คือนิยามของยนตรกรรมหรูระดับสูงสุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถ Rolls-Royce Phantom จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
Rolls-Royce Phantom ถือเป็นรถยนต์หรูระดับท็อปที่แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าดูแลรักษาอย่างมืออาชีพตามกำหนด รถมักจะวิ่งได้เกิน 300,000 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำตามช่วงเวลาบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ทั้งร้อนและชื้นแบบประเทศไทย ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการตรวจสอบระบบแอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และการป้องกันสนิมของตัวรถ ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯ มีศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Rolls-Royce โดยตรง ซึ่งสามารถให้บริการบำรุงรักษาที่ได้มาตรฐานของโรงงาน แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาอย่างเต็มรูปแบบทุก 12 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร ข้อควรระวังคือรถหรูนำเข้าในประเทศไทยต้องใส่ใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง แนะนำให้ใช้เบนซิน 98 เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด แม้ว่าค่าซ่อมแซมฟานทอมจะค่อนข้างสูง แต่ด้วยฝีมือการผลิตชั้นเยี่ยมและวัสดุคุณภาพสูงทำให้ความทนทานเหนือกว่ารถทั่วไปมาก ในเมืองไทยมักจะเห็น Phantom อายุเกิน 15 ปีที่ยังคงสภาพสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยม สำหรับเจ้าของรถในประเทศไทย การเลือกซื้ออะไหล่แท้จากช่องทางทางการและหลีกเลี่ยงอะไหล่เทียมคือกุญแจสำคัญที่จะยืดอายุรถคู่ใจให้ยาวนานขึ้น
Q
รถยนต์ Rolls-Royce Phantom มีความเร็วเท่าไหร่?
Rolls-Royce Phantom ถือเป็นสุดยอดรถยนต์หรูระดับตำนาน ที่มาพร้อมสมรรถนะอันน่าประทับใจ ด้วยเครื่องยนต์ V12 6.75 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 571 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. (จำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมที่น่าทึ่งสำหรับรถหรูที่มีน้ำหนักกว่า 2.7 ตัน ไม่ว่าจะบนทางด่วนกรุงเทพฯ หรือถนนเลียบชายทะเลที่ชลบุรี Phantom ก็พร้อมมอบพลังขับเคลื่อนอันราบรื่นเสมอ สิ่งที่ควรสังเกตคือสภาพอากาศร้อนของไทยที่ท้าทายระบบระบายความร้อนของรถประสิทธิภาพสูง แต่ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะของ Phantom สามารถรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับเหมาะสมตลอดเวลา นอกจากนี้ระบบช่วงล่าง "แมจิค คาร์เพท" ยังเหมาะเป็นพิเศษกับถนนบางสายในไทยที่ขรุขระ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การจราจรติดขัดในเมืองไทยจะจำกัดโอกาสในการใช้ความเร็วสูง แต่จุดขายที่แท้จริงของ Phantom อยู่ที่ความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร ห้องโดยสารประดิษฐ์มือหรูหรา และประสบการณ์การขับขี่แบบ "ฟลายติ้ง สเปอร์" ที่ไม่เหมือนใคร ล้วนทำให้มันเป็นรถยนต์ในฝันของชนชั้นสูงไทย
Q
Rolls-Royce Phantoms สามารถผลิตได้กี่คันต่อปี?
รถยนต์หรูหราระดับสูงอย่าง Rolls-Royce Phantom ถือเป็นรถที่การผลิตต่อปีถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ตามกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ยึดถือมาโดยตลอด โดยปกติแล้วทั่วโลกจะผลิตเพียงไม่กี่ร้อยคันต่อปีเท่านั้น ตัวเลขที่แน่นอนจะปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาดและระยะเวลาการผลิตแบบสั่งทำมือเฉพาะตัว สำหรับตลาดไทย ด้วยเหตุที่ภาษีนำเข้ารถหรูค่อนข้างสูงและกลุ่มลูกค้าเป็นคนกลุ่มเล็ก จึงมีการนำเข้า Phantom ผ่านช่องทางทางการประมาณ 10-20 คันต่อปี ส่วนใหญ่จะให้บริการลูกค้าระดับไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ข้อที่น่าสนใจคือ Phantom ทุกคันผลิตด้วยมือทั้งหมด ใช้เวลากว่า 800 ชั่วโมงต่อคัน โดยลูกค้าสามารถปรับแต่งตามความต้องการได้อย่างเต็มได้ที่บูติก Rolls-Royce ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นผ้าซิ่นไหมไทยตกแต่งภายใน หรือแม้แต่ตราสัญลักษณ์พระราชวงศ์แบบเฉพาะตัว เทียบกับรุ่นมาตรฐานแล้ว ลูกค้าชาวไทยมักนิยมรุ่นเวอร์ชั่นยาว (long wheelbase) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านธุรกิจ นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีบริการปรับตั้งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้รถแสดงประสิทธิภาพได้ดีแม้อยู่ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้น แม้ว่าตลาดรถหรูในไทยจะเติบโตขึ้นทุกปี ทำให้เห็นรถเรือธงอย่าง Phantom บนท้องถนนบ่อยขึ้น แต่ Rolls-Royce ยังคงยึดมั่นในแนวคิด "ผลิตน้อยแต่ต้องดีที่สุด" อย่างเคร่งครัด
Q
รถ Rolls-Royce Phantom สังกัดแบรนด์ใด
ปัจจุบันรถยนต์หรูหราระดับตำนานอย่าง Rolls-Royce Phantom นั้นอยู่ภายใต้การถือหุ้นเต็มรูปแบบโดยกลุ่มบริษัท BMW หลังจากที่ BMW เข้าซื้อกิจการแบรนด์ Rolls-Royce เสร็จสิ้นในปี 2003 รถยนต์สุดพิเศษคันนี้ก็กลายเป็นเรือธงของผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ที่น่าสนใจคือแม้ Rolls-Royce จะเป็นแบรนด์หรูคลาสสิกของอังกฤษ แต่เทคโนโลยีหลักอย่างเครื่องยนต์ได้ผสานความสุดยอดของฝีมือจาก BMW แล้ว ในตลาดไทย Phantom เป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์และเศรษฐีระดับสูง เราอาจเห็นดีไซน์ประตูเปิดแบบสวนทางและตุ๊กตาสัญลักษณ์สปิริตออฟเอ็กซ์แตลันซ์บนถนนกรุงเทพฯ บ้างเป็นครั้งคราว รถระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีแบบนี้เมื่อนำเข้าไทยจะต้องเสียภาษีรวมสูงถึง 328% ทำให้ราคาจริงอาจเกิน 500 ล้านบาท ส่งผลให้การเป็นเจ้าของ Phantom กลายเป็นสัญลักษณ์สถานะสำคัญของสังคมชั้นสูงไทย สำหรับผู้บริโภคไทยนอกจาก Phantom แล้ว ยังมีคู่แข่งที่น่าสนใจในตลาดซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีอย่าง Bentley Muchamp และ Mercedes-Maybach S-Class ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเสน่ห์ของแบรนด์และจุดเด่นทางเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
Q
เจ้าของของ Rolls-Royce เป็น BMW หรือไม่?
Rolls-Royce คือแบรนด์รถหรูภายใต้กลุ่ม BMW ตั้งแต่ปี 1998 ที่ BMW เข้าซื้อกิจการและดูแลการผลิตและการตลาดทั่วโลก สำหรับตลาดไทย Rolls-Royce ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดย BMW ประเทศไทย เช่น โชว์รูมในกรุงเทพฯ ที่มีรถทุกรุ่นทั้ง Phantom Ghost ฯลฯ แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของ BMW แต่ Rolls-Royce ยังคงความเป็นแบรนด์อิสระ ด้วยการผลิตแบบแฮนด์เมดที่โรงงานกู๊ดวูดในอังกฤษ ใช้เทคโนโลยีเฉพาะตัวเช่นโครงสร้างอลูมิเนียมของ Rolls-Royce เอง ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มของ BMW สำหรับคนไทย Rolls-Royce คือสัญลักษณ์ความหรูหราสุดยอด มักเห็นได้ตามโรงแรมระดับห้าดาวและย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ การดูแลจาก BMW ช่วยให้ Rolls-Royce มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถหรูระดับสูงได้อย่างมั่นคง
Q
ราคาของรถ Rolls-Royce Phantom อยู่ที่เท่าไหร่?
Rolls-Royce Phantom คือตัวแทนของรถหรูระดับไฮเอนด์โดยแท้ สำหรับรุ่นปี 2020 ในไทยนั้น ตัวถังมาตรฐานความยาวฐานล้อ 6.7 เมตร ราคาอยู่ที่ 53.5 ล้านบาท ส่วนรุ่นพิเศษที่ยาวกว่าก็มาในราคา 59.5 ล้านบาท ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.7 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้สมรรถนะสูง ที่ให้ทั้งความแรงและความนุ่มนวลในการขับขี่ เหมาะสมทั้งการใช้งานในเมืองหรือท่องเที่ยวทางไกลในไทย Phantom โดดเด่นด้วยห้องโดยสารกว้างขวางจุผู้โดยสารได้ 5 คน พร้อมถังน้ำมันความจุสูงและระบบความปลอดภัยครบครัน ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหายากที่ผ่านการทำมืออย่างประณีต สร้างประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษไม่ว่าจะเป็นทริปธุรกิจในกรุงเทพฯ หรือพักผ่อนที่ภูเก็ต สิ่งที่ควรกล่าวถึงเป็นพิเศษคือระบบปรับอากาศอัจฉริยะและเทคโนโลยีกันเสียงที่ออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทำให้ภายในรถเย็นสบายและเงียบสงบตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายในไทยยังมีบริการแบบกำหนดเองพิเศษให้เลือกสีนอก-ในและวัสดุตกแต่งตามความชอบส่วนตัว ทำให้ Phantom เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าระดับสูงของไทย เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสถานะและรสนิยมอันเลอค่า
Q
รถ Rolls-Royce Phantom เป็นรถที่หายากไหม?
Rolls-Royce Phantom เป็นรถหรูระดับตำนานที่หายากมาก ยอดผลิตทั้งโลกต่อปีมีเพียงไม่กี่ร้อยคัน ตลาดอย่างไทยยิ่งพบเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาสูงและรูปแบบการผลิตที่กำหนดเอง จึงทำให้เป็นรถคันโปรดของเศรษฐีระดับท็อปเท่านั้น ในไทย เจ้าของ Phantom มักเป็นนักธุรกิจชื่อดังหรือสมาชิกราชวงศ์ อาจจะพอมีโอกาสเห็นตัวเป็นๆ แถวโรงแรมหรูหรือย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องงานคราฟต์แฮนด์เมดระดับมาสเตอร์พีซ ความเงียบสงบในห้องโดยสารที่เหมือนตัดเสียงจากโลกภายนอก และระบบช่วงล่าง "เมจิกคาร์เปทรายด์" ที่เลื่องชื่อ ภายในตกแต่งด้วยหนังแท้และไม้แกะสลักเกรดพรีเมียม แถมยังสามารถปรับแต่งตามความชอบส่วนตัวได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ แม้ Phantom จะหายากในไทย แต่รุ่นอื่นๆ อย่าง Ghost หรือ Cullinan จะเห็นบ่อยกว่า เพราะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยมากกว่า สำหรับคอรถไทยที่สนใจรถหรูระดับนี้ นอกจาก Rolls-Royce แล้ว อาจจะมองหารถแบรนด์อื่นอย่าง Bentley หรือ Maybach ก็ได้ เพราะในไทยก็มีฐานคนใช้พอสมควร แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์และเทคโนโลยีเฉพาะตัวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
Q
Phantom เป็นแบรนด์หรูหรือไม่?
Phantom ไม่ใช่แบรนด์รถหรูที่แยกออกมาต่างหาก แต่คือซีรี่ย์รถสุดหรูภายใต้แบรนด์ Rolls-Royce ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนของรถหรูระดับสูงสุดในตลาดไทย Rolls-Royce Phantom เป็นที่รู้จักจากงานฝีมือระดับมาสเตอร์พีซ การออกแบบประตูเปิดแบบสวนทางที่กลายเป็นสัญลักษณ์ และบริการปรับแต่งเองที่ครบวงจร มักเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์และสมาชิกราชวงศ์ของไทย บางครั้งก็สามารถพบเห็นบนท้องถนนกรุงเทพฯ ได้บ้าง สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดรถหรูในไทยนั้นถูกครองโดยแบรนด์เยอรมันเป็นหลัก อย่างเช่น Mercedes-Benz S-Class หรือ BMW 7 Series ที่พบเห็นได้บ่อยกว่า แต่ Phantom ก็ยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดสุดหรูด้วยความหายากและมูลค่าของแบรนด์ เวลาชาวไทยเลือกซื้อรถหรูนอกจากจะดูที่ประวัติศาสตร์ของแบรนด์แล้ว ยังคำนึงถึงเครือข่ายบริการหลังการขายและมูลค่าซากด้วย ซึ่งก็คล้ายกับตลาดอื่นๆ ในสภาพอากาศร้อนของไทย รถระดับนี้มักจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในท้องถิ่น
Q
"รถ Phantom และ Bentley เป็นรุ่นที่จากแบรนด์ต่างกันไหม"
ใช่แล้ว รถ Rolls-Royce Phantom กับ Bentley เป็นรุ่นรถหรูจากสองแบรนด์ที่แตกต่างกัน โดย Phantom เป็นรถของแบรนด์ Rolls-Royce ส่วน Bentley ก็มีรุ่นเรือธงของตัวเองเช่น Mulsanne และ Flying Spur แม้ว่า Rolls-Royce และ Bentley จะมีต้นกำเนิดจากอังกฤษและต่างก็โดดเด่นในเรื่องความหรูหราระดับสูงและงานฝีมือชั้นเลิศ แต่ทั้งสองแบรนด์เป็นอิสระจากกัน ปัจจุบันอยู่ภายใต้กลุ่ม BMW และ Volkswagen Group ตามลำดับ ในตลาดไทย แบรนด์ทั้งสองได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อรถหรูในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มักจะเห็นรถ Rolls-Royce Phantom และ Bentley Flying Spur ถูกใช้งานเป็นรถระดับไฮเอนด์สำหรับธุรกิจหรือรถต้อนรับแขกประจำ รถ Rolls-Royce Phantom โดดเด่นด้วยกริลล์ทรงแพนธีนอนที่เป็นเอกลักษณ์และการขับขี่ที่เน้นความนุ่มนวลราวกับพรมวิเศษ ส่วน Bentley จะเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างสปอร์ตกับความหรูหรา อย่างรุ่น Continental GT ที่ทั้งแรงและยังคงความสบายไว้ได้อย่างลงตัว ตลาดรถหรูระดับสูงในไทยมีความต้องการรถซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีแบรนด์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ แถมดีลเลอร์หลายเจ้ายังมีบริการปรับแต่งพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนระดับสูงที่ต้องการความพิเศษและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
Q
2025 Phantom ราคาเท่าไหร่?
ปัจจุบันราคาอย่างเป็นทางการของ Rolls-Royce Phantom รุ่นปี 2025 ในประเทศไทยยังไม่มีการประกาศ อย่างไรก็ตามหากอ้างอิงราคาปัจจุบันของ Phantom ในตลาดไทยซึ่งเริ่มต้นที่ประมาณ 45 ล้านบาท พร้อมกับธรรมเนียมการอัปเดตรุ่นของรถหรู คาดว่ารุ่นปี 2025 จะมีราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียง โดยอาจมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ออปชั่นเสริมที่เลือก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอากรขาเข้าของไทย (ประมาณ 80%-200%) ประเทศไทยถือเป็นตลาดรถหรูสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับรถซุปเปอร์ลักชัวรี่ระดับแฟนท่อมส่วนใหญ่นำเข้าแบบเต็มรูปแบบ และเมื่อซื้อยังต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 7% พร้อม VAT 10% แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ หรือพัทยาเพื่อขอใบเสนอราคาแบบเฉพาะตัว สิ่งที่น่าสนใจคือความต้องการรถระดับ Phantom ในกลุ่มผู้บริโภคไฮเอนด์ของไทยยังคงทรงตัว โดยจุดขายสำคัญอย่างห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยมือและเครื่องยนต์ 6.75 ลิตร V12 ยังเป็นที่ดึงดูดใจในตลาดท้องถิ่น นอกจากนี้นโยบายลดภาษีสำหรับรถไฮบริด/ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยอาจส่งผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีของรถซุปเปอร์ลักชัวรี่ในอนาคตด้วย
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ห้องบังคับโดยสารหรูหราโดยใช้วัสดุระดับสูง
การทำงานช่างยอดเยี่ยมทำให้เกิดความรู้สึกละอุ่น
การขับรถราบรื่นและเงียบสงบเพื่อความสบายสูงสุด
เครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่ส่งประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง
การออกแบบที่โดดเด่นที่แพร่ร่ายความสง่างามและสถานะ

ข้อเสีย

ราคาซื้อและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
ขนาดใหญ่อาจทำให้การจอดรถเป็นเรื่องยาก
การใช้เชื้อเพลิงค่อนข้างสูง
บางคนอาจรู้สึกว่าสไตล์เป็นแบบดั้งเดิมเกินไป

Q&A ล่าสุด

Q
2022 Subaru WRX มีระบบส่งกำลังแบบใด
สำหรับรุ่นปี 2022 ของ Subaru WRX ในตลาดไทย มีให้เลือก 2 แบบเกียร์ คือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์ออโต้ Sport Lineartronic CVT ที่จำลอง 8 สปีด ซึ่งทั้งสองแบบทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD อันเป็นเอกลักษณ์ของซูบารุ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในไทยที่มักมีฝนและความชื้นสูง เกียร์ธรรมดาจะตอบโจทย์คนรักการขับขี่ที่ต้องการสัมผัสการควบคุมอย่างเต็มที่ ส่วนเกียร์ CVT เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เพราะให้ความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ที่น่าสนใจคือ CVT ของซูบารุใช้ระบบส่งกำลังแบบโซ่แทนสายพานแบบทั่วไป ทำให้ทนทานกว่าโดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทย นอกจากนี้ผู้ใช้ในไทยยังสามารถเลือกติดตั้งระบบ SI-DRIVE เพื่อปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นถนนคดเคี้ยวในเชียงใหม่หรือเส้นทางเลียบชายทะเลพัทยา แถมระบบช่วงล่างของ WRX ในตลาดไทยยังได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพถนนท้องถิ่นอีกด้วย
Q
มูลค่าคงเหลือของ Hyundai Santa Fe ปี 2024 คืออะไร
สำหรับรุ่น Hyundai Santa Fe 2024 ที่วางขายในตลาดไทย คาดว่ามูลค่าคงเหลือหลังจากใช้งาน 3 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 60%-65% ของราคาเดิม และอาจลดลงเหลือประมาณ 50% เมื่อใช้งานครบ 5 ปี ซึ่งข้อมูลนี้มาจากประวัติการรักษามูลค่าของรถ Hyundai ในตลาดอาเซียนรวมถึงความนิยมในรถ SUV ขนาดกลางที่ค่อนข้างทรงตัวในไทย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคไทยควรทราบว่ามูลค่าคงเหลือได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การเลือกรุ่นดีเซลหรือไฮบริด (ซึ่งเป็นรุ่นที่พบได้ทั่วไปในตลาดไทย) ประวัติการบริการที่ครบถ้วน หรือการซื้อผ่านช่องทางทางการ (เช่น โครงการรถมือสองรับประกันจาก Hyundai ประเทศไทยที่จะช่วยรักษามูลค่าได้ดีกว่า) เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากญี่ปุ่นในระดับเดียวกันแล้ว Santa Fe ยังมีความได้เปรียบในตลาดมือสองจากพื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่าและฟีเจอร์สมาร์ทที่ทันสมัยกว่า (เช่น ระบบเก้าอี้ระบายอากาศที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทย) แต่ในแง่ของความนิยมในแบรนด์อาจสู้ไม่ได้เลยทีเดียว แนะนำให้เจ้าของรถในไทยเก็บเอกสารการซ่อมบำรุงให้ครบถ้วนและใช้บริการผ่านศูนย์บริการทางการเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าตอนขายต่อได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอาจส่งผลต่อมูลค่าคงเหลือของรุ่นไฮบริดในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้สนใจซื้อควรจับตามองไว้ด้วย
Q
Hyundai Santa Fe 2024 มีประสิทธิภาพแค่ไหน
รถยนต์ Hyundai Santa Fe รุ่นปี 2024 ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะไกลในประเทศไทย ชุดเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบดูดอากาศธรรมชาติร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 12-14 กิโลเมตรต่อลิตรในสภาพถนนแบบผสม หากเลือกรุ่นไฮบริดจะประหยัดน้ำมันได้ถึง 15-18 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วยลดต้นทุนการใช้รถในสภาวะน้ำมันราคาสูงของไทยได้อย่างชัดเจน รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Smartstream ล่าสุดจาก Hyundai ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดแรงเสียดทานเครื่องยนต์เพื่อสมดุลระหว่างพลังและความประหยัด นอกจากนี้ระบบ Start-Stop อัจฉริยะที่มาพร้อมกับรถในสภาพอากาศร้อนของไทยยังช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะ idle อีกด้วย ที่น่าสนใจคือผู้บริโภคไทยควรพิจารณารุ่นไฮบริดเป็นอันดับแรก เพราะรัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบไฮบริดยังแสดงจุดเด่นในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยครั้ง เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว Santa Fe ยังให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ภายในและการตั้งค่าตัวถังที่สมดุลระหว่างความสบายและความมั่นคงในการขับขี่ เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายของไทย แนะนำให้ทดลองขับจริงโดยเน้นตรวจสอบประสิทธิภาพระบบแอร์และระบบไฮบริดในสภาพอากาศร้อน ซึ่งเป็นรายละเอียดสำคัญสำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทย
Q
เครื่องยนต์แบบใดที่อยู่ใน 2024 Santa Fe
รุ่น 2024 Santa Fe ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตรแบบดูดธรรมดา และระบบไฮบริด 1.6 ลิตรเทอร์โบชาร์จ โดยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรให้กำลังสูงสุด 191 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เหมาะสำหรับคนที่ชอบการขับขี่เน้นความลื่นไหล ส่วนระบบไฮบริด 1.6T ให้กำลังรวมสูงถึง 230 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในสภาพการขับขี่ที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ แบบในกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ของไทยเรียบร้อยแล้ว จุดเด่นของรุ่นไฮบริดคือการใช้เทคโนโลยี TMED ไฮบริดอันล้ำสมัยจาก Hyundai ที่ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ได้อย่างชาญฉลาด นอกจากช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว ยังคงสมรรถนะการขับขี่ระดับ SUV ที่ทรงพลัง ซึ่งตอบโจทย์ในสภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงแบบปัจจุบัน ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC ที่มาพร้อมในรุ่นนี้ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นๆ ในช่วงฤดูฝนได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานในเมืองทั่วไป ตัวเลือกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าถือว่าเพียงพอและคุ้มค่ากว่าในแง่ราคา
Q
Is Santa Fe 2024 4WD?
รุ่น Hyundai Santa Fe ปี 2024 บางรุ่นมีการติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อย่างเช่น Hyundai Santa Fe Exclusive 1.6 Turbo Hybrid AWD 2024 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ระบบนี้จะช่วยกระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างเหมาะสมในสภาพถนนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่น โคลน หรือเวลาขึ้นเนิน ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับผ่านและความมั่นคงให้กับรถ ส่วนรุ่น Hyundai Santa Fe Premium 1.6 Turbo Hybrid FWD 2024 จะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ดังนั้นถ้าคุณต้องการรถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ เวลาเลือกซื้อต้องดู specs ของรุ่นให้ดี ๆ เลยนะครับ จะได้เลือกรถที่เหมาะกับการใช้งานและสภาพถนนที่คุณต้องเจอจริง ๆ
ดูเพิ่มเติม