Q

Mazda 3 ถูกต้นทุนในการใช้งานหรือไม่?

ต้นทุนการใช้งานของ Mazda 3 ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำในหลายด้าน โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลจากผู้ผลิตอยู่ที่ 6.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งแสดงถึงความประหยัดน้ำมัน และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการบำรุงรักษา เช่น การเข้ารับบริการครั้งแรกที่ระยะทาง 10,000 กิโลเมตร และหลังจากนั้นจะมีการบำรุงรักษาตามระยะทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร โดยมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ซึ่งส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาท อะไหล่บางรายการก็มีต้นทุนการเปลี่ยนที่ไม่สูง เช่น หัวเทียนสามารถเปลี่ยนได้ที่ระยะ 120,000 กิโลเมตร และน้ำยาหล่อเย็นเครื่องยนต์ (Coolant) ก็สามารถเปลี่ยนครั้งแรกได้ที่ระยะ 200,000 กิโลเมตร หรือภายใน 10 ปี อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการใช้งานจริงยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการใช้งาน หากขับขี่อย่างนุ่มนวลและดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ ต้นทุนการใช้งานโดยรวมก็จะอยู่ในระดับที่ประหยัด โดยรวมแล้ว Mazda 3 เป็นรถที่ให้ความสมดุลระหว่างสมรรถนะและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode) Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม. ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่ การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้

ข้อดี

ภายในรถมีการตกแต่งที่ดี ด้วยโทนสีดำที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสปอร์ตหรู คุณภาพของวัสดุภายในรถดี การออกแบบทำให้รถดูหรูหราและขั้นสูง การจัดวางแผงอุปกรณ์สะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งสบาย การออกแบบที่นั่งตรงกับร่างกาย รองรับด้านข้างที่ดีสำหรับคนขับและผู้โดยสาร สามารถนั่งนานๆ โดยไม่รู้สึกเหนื่อย และที่นั่งขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทางโดยใช้ไฟฟ้า
ฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ดี มีจอภาพที่คนขับสามารถดูได้ สามารถแสดงความเร็วในการเร่งและการใช้น้ำมัน มีกล้องทั่วรถที่ติดตั้งอย่างดี
สมรรถนะทางการจับคืนดินเป็นอย่างดี ระบบความแข็งแรงกับที่อยู่ใต้รถดีเยี่ยม สมรรถนะทางการจับคืนดินสูงในระหว่างการเลี้ยวหรือในส่วนที่อยู่ใต้รถที่เดินทาง ขับเคลื่อนไม่อย่างรวดเร็ว การเร่งและหมุนกำลังไม่เปลี่ยนแปลงมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น

ข้อเสีย

การปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารไม่ตรงกัน ที่นั่งของคนขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทาง แต่ที่นั่งของผู้โดยสารไม่สามารถเติมเต็ม 10 ทิศทาง ฟีเจอร์ที่นั่งไม่ได้ตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่
แต่ฟังก์ชั่นของระบบควบคุมการท่องเที่ยวไม่เพียงพอ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วของรถและตามรถที่อยู่ด้านหน้าผ่านเส้นทางที่กว้าง แต่ไม่มีฟังก์ชั่น Stop-and-go
พื้นที่ภายในรถไม่สะกดกว่าผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน มาสด้ามักมีข้อเสียด้านพื้นที่ที่นั่งด้านหลังในแทบทุกรุ่น แต่รุ่น Mazda 3 Sedan ปี 2019 กว้างขึ้นเล็กน้อยกว่าที่ผ่านมา แต่ยังไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน
ความสบายของชานเส้นไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่ราบหรือถนนที่มีลูกรัง คุณจะรู้สึกถึงการสั่น โดยมีความรู้สึกว่ามีการสั่นสะเทือนจากพื้นผิวที่ยางกระทบ

Q&A ล่าสุด

Q
รัศมีวงเลี้ยวของ Honda Accord ปี 2023 คือเท่าไร?
รถ Honda Accord 2023 มีรัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปในรุ่นรถซีดานขนาดกลางด้วยกัน ทำให้ขับเคลื่อนในสภาพถนนเมืองและซอยแคบๆ แบบไทยได้สะดวก รัศมีวงเลี้ยวเป็นตัวชี้วัดความคล่องตัวของรถ ยิ่งตัวเลขน้อยเท่าไหร่ ยิ่งเลี้ยวกลับรถหรือจอดในที่จำกัดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ สำหรับตลาดไทย Accord ตอบโจทย์ด้วยระบบช่วงล่างนุ่มสบายและพวงมาลัยแม่นยำ ที่ช่วยให้รับมือกับสภาพถนนหลากหลาย ทั้งถนนเมืองที่วุ่นวายหรือทางโค้งในเขตท่องเที่ยวได้อย่างมั่นใจ นอกจากเรื่องวงเลี้ยวแล้ว Accord 2023 ยังมาพร้อมระบบ Honda SENSING รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับทางไกลหรือบนทางด่วนของไทย สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถซีดานขนาดกลาง แอคคอร์ดถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้สมดุลระหว่างสมรรถนะและความสะดวกในการขับขี่ โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองและการเดินทางพร้อมครอบครัวที่ทำได้ดีเยี่ยม
Q
ความหนาของกันชนหลังของ Honda Accord ปี 2023 คือเท่าไร
2023 Honda Accord มีความหนาของกันชนหน้า-หลังที่แตกต่างกันไปตามการออกแบบและมาตรฐานความปลอดภัย โดยทั่วไปจะใช้โครงสร้างแบบหลายชั้น ชั้นนอกเป็นพลาสติกเพื่อลดการบาดเจ็บของผู้ถูกชน ภายในอาจติดตั้งโฟมดูดซับพลังงานหรือคานเหล็กเสริมเพื่อปรับปรุงการป้องกันการชนที่ความเร็วต่ำ รุ่นที่ขายในไทยก็ทำตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกเหมือนกัน ในสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก วัสดุกันชนต้องทนต่อการเสื่อมสภาพจากแสง UV และป้องกันการกัดเกาะด้วย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่รถญี่ปุ่นขายดีในไทย แต่ต้องเข้าใจว่าความหนากันชนไม่ใช่ตัววัดความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว รถสมัยใหม่เน้นการออกแบบโครงสร้างดูดซับพลังงานแบบองค์รวม อย่างเทคโนโลยีตัวถัง ACE ของ Honda ที่ช่วยกระจายพลังงานจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาซื้อรถในไทย ลองดูคะแนน ASEAN NCAP ที่ออกแบบทดสอบมาเฉพาะสำหรับสภาพถนนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรุ่น 2023 Accord ทำผลงานได้ดีมาก นอกจากนี้ กฎหมายไทยยังมีข้อกำหนดเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของผู้เดินถนน ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบกันชนด้วย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสภาพตัวยึดกันชนเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังฤดูฝน เพื่อให้มั่นใจว่ายังทำงานได้ปกติ
Q
ค่าใช้จ่ายในการประกันภัยสำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ปี 2023 คือเท่าไหร่?
เบี้ยประกันรถยนต์ Honda Accord รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปเบี้ยประกันปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 3%-5% ของราคารถ ซึ่ง Accord ในไทยมีราคาประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ดังนั้นเบี้ยประกันเต็มรูปแบบต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 45,000-100,000 บาท ตัวเลขที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอายุผู้ขับขี่ ประวัติการขับรถ ความครอบคลุมของกรมธรรม์ (เช่น ประกันชั้น 1 ที่รวมความเสี่ยงไฟไหม้และโจรกรรม) และโปรโมชั่นจากบริษัทประกัน เช่น คนขับวัยหนุ่มสาวหรือคนที่อาศัยในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ อาจต้องจ่ายเบี้ยสูงกว่า ประกันรถยนต์ที่นิยมในไทยมีทั้งประกันภาคบังคับ (พรบ.) และประกันภาคสมัครใจ ซึ่งประกันภาคสมัครใจยังแบ่งเป็นประกันรถชนและประกันครอบคลุม แนะนำให้ผู้สนใจเช็คเบี้ยประกันที่แน่นอนผ่านเว็บไซต์บริษัทประกันชั้นนำในไทยเช่นไทยเจเนอรัลหรือวิริยะ นอกจากนี้ควรรู้ว่าบริษัทประกันบางแห่งในไทยมีโปรโมชั่น "ไม่เคลมลดเบี้ย" ถ้าขับรถปลอดภัยติดต่อกันหลายปีก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม ส่วนรุ่น Hybrid อาจมีเบี้ยประกันสูงกว่านิดหน่อยเนื่องจากค่าซ่อมที่แพงกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบบริการเสริมอย่างบริการช่วยเหลือฉุกเฉินและประสิทธิภาพในการเคลมของแต่ละบริษัทประกันด้วย
Q
Nissan Almera 2024 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
Nissan Almera 2024 ในตลาดไทยถือเป็นรถเก๋งคอมแพคต์ที่ควรจับตามอง ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและแรงขับเคลื่อน เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและการเดินทางไกล ข้อมูลทางการระบุว่าค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันดีมาก พร้อมฟีเจอร์ใช้งานสะดวกอย่างกุญแจอัจฉริยะและหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว รุ่นท็อปยังมีกล้องรอบคันช่วยเหลือผู้ขับมือใหม่ได้ดี การผลิตในประเทศไทยทำให้มั่นใจได้ว่าต้นทุนการบำรุงรักษาหลังการขายจะค่อนข้างต่ำและมีอะไหล่สำรองที่เชื่อถือได้มากกว่า ผลตอบรับจากตลาดบ่งชี้ว่า Almera มอบพื้นที่ใช้สอยที่ยอดเยี่ยม ด้วยพื้นที่วางขาด้านหลังที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกัน และปริมาตรห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ 420 ลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัว ประสิทธิภาพการปรับอากาศและความเย็นได้รับการยกย่องอย่างสูงในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย และแชสซีส์ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยให้สามารถขับขี่บนพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหารถซีดานญี่ปุ่นที่ราคาไม่แพง ใช้งานได้จริง และดูแลรักษาง่าย Almera 2024 ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เราขอแนะนำให้คุณเยี่ยมชมโชว์รูมนิสสันใกล้บ้านคุณเพื่อทดลองขับ เพื่อสัมผัสคุณภาพการขับขี่และความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยตนเอง
Q
แรงบิดของ Toyota Vios 2020 คือเท่าไร
รถโตโยต้า Vios รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE ขนาด 1.5 ลิตร ให้แรงบิดสูงสุดที่ 140 นิวตันเมตร (ประมาณ 14.3 กิโลกรัมเมตร) ซึ่งจะเข้าถึงจุดแรงบิดสูงสุดที่ความเร็ว 4,000 รอบ/นาที เมื่อทำงานร่วมกับเกียร์ CVT จะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลในเมือง เหมาะสมกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆในกรุงเทพฯ แรงบิดเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บอกความสามารถในการเร่งและปีนเขาของรถ โดย Vios ถูกตั้งค่าให้เน้นประหยัดน้ำมันและใช้งานในชีวิตประจำวัน แรงบิดที่ตอบสนองดีในรอบต่ำทำให้ขับขี่สะดวกทั้งในสภาพการจราจรติดขัดหรือการเดินทางระยะสั้นที่พบได้บ่อยในไทย หากผู้ขับขี่ต้องการพลังมากขึ้น สามารถเลือกรุ่น GR-S ที่เป็นเวอร์ชั่นสปอร์ต (หากมีจำหน่าย) แต่ควรตรวจสอบรายละเอียดเพราะข้อมูลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีและรุ่นย่อย ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้บำรุงรักษาระบบเกียร์และระบบระบายความร้อนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาประสิทธิภาพ และควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำอย่าง 0W-20 ที่เหมาะสมกับภูมิอากาศร้อนเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีขึ้น
ดูเพิ่มเติม