Q
วิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจไร้สายแมสด้า 3
ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจ Mazda3 คือ กดปุ่มปลดล็อกด้านข้างเพื่อดึงกุญแจฉุกเฉินออก จากนั้นใช้ไขควงปากแบนหรือเหรียญค่อยๆ งัดร่องตัวกุญแจเพื่อเปิดฝา นำแบตเตอรี่เก่าออกและตรวจสอบรุ่น ซึ่งโดยทั่วไปคือ CR2032 สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านอะไหล่รถยนต์ในไทย เมื่อติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ต้องหันขั้วบวกขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายต่อวงจร สุดท้ายปิดฝากุญแจให้สนิท ใส่กุญแจฉุกเฉินกลับที่เดิม และทดสอบการทำงานของระบบรีโมท ควรดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่แห้งและสะอาดเพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้นเข้าสู่ชิ้นส่วนภายใน เนื่องจากสภาพอากาศในไทยค่อนข้างชื้น แนะนำให้เปลี่ยนในห้องปรับอากาศและหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนกลางแจ้งในช่วงฤดูฝน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสวงจรหรือขั้วแบตเตอรี่โดยตรงเพื่อลดผลกระทบจากไฟฟ้าสถิต กุญแจมีคุณสมบัติกันน้ำในระดับพื้นฐาน แต่หากเปียกน้ำควรรีบเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันการกัดกร่อนของหน้าสัมผัสโลหะ ควรตรวจสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ หากระยะรีโมทสั้นลงหรือปุ่มตอบสนองช้าควรเปลี่ยนทันที หากไม่สะดวกเปลี่ยนเองสามารถนำกุญแจไปที่ศูนย์บริการมาสด้าที่ได้รับอนุญาต ซึ่งช่างผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
ประเภทรถยอดนิยม
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Mazda3 เป็นรถสปอร์ตหรือไม่?
Mazda3 แม้จะไม่ใช่รถสปอร์ตในความหมายดั้งเดิม แต่ก็มีบุคลิกความสปอร์ตอยู่ไม่น้อย ตัวรถมีให้เลือกทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก มาพร้อมดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่เน้นเส้นสายพลิ้วไหว ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ในด้านขุมพลัง Mazda3 บางรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบ กำลังสูงสุดประมาณ 191 แรงม้า และยังมีรุ่นที่สามารถเลือกติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 250 แรงม้า เพื่อประสบการณ์ขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ในแง่ของการควบคุม Mazda3 ให้ความรู้สึกที่มั่นใจและสนุกในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้จัดอยู่ในกลุ่มคอมแพกต์ ซึ่งเน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก พร้อมผสมผสานสมรรถนะในระดับหนึ่ง จึงมีความแตกต่างจากรถสปอร์ตที่เน้นความแรงสูงและน้ำหนักเบาโดยเฉพาะ แต่ถือว่ามีบุคลิกสปอร์ตที่เด่นชัดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน
Q
Mazda 3 มันเป็นการขับที่ราบรื่นหรือไม่?
Mazda3 ขับขี่ได้อย่างราบรื่นเป็นส่วนใหญ่ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบไร้เทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร เครื่องยนต์นี้ให้การส่งกำลังที่เป็นเส้นตรง (linear) ส่งผลให้การเร่งความเร็วเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่สะดุด ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการขับบนทางหลวงหรือในสภาพการจราจรในเมือง ในส่วนของระบบกันสะเทือน Mazda3 ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัทอิสระ และด้านหลังเป็นแบบคานบิดกึ่งอิสระ ซึ่งช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดแรงกระแทกและความไม่เรียบภายในห้องโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย และยังช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวรถ พวงมาลัยของ Mazda3 ตอบสนองได้ไวและให้ฟีดแบ็กที่ดีแก่ผู้ขับขี่ ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้น ส่งผลให้ประสบการณ์การขับขี่ทั้งสนุกและผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถและถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะเดินทาง โดยรวมแล้ว Mazda3 ผสานสมรรถนะของระบบส่งกำลังที่นุ่มนวล ระบบกันสะเทือนที่มีประสิทธิภาพ และระบบบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองฉับไว เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจ
Q
Mazda 3 ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าหรือล้อหลัง?
Mazda3 มีรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับรุ่นปี 2022 ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง Fastback หรือ Sedan ในรุ่นย่อย 2.0 C, 2.0 S และ 2.0 SP ล้วนใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และมีน้ำหนักรถประมาณ 1,354 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ระบบขับเคลื่อนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นปีและสเปกของรถ เช่น ในบางรุ่นของปี 2019 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จะใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หากคุณต้องการทราบข้อมูลระบบขับเคลื่อนของ Mazda3 รุ่นใดรุ่นหนึ่งโดยเฉพาะ แนะนำให้สอบถามข้อมูลโดยตรงจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
Q
Mazda3 เป็นรถหรูหราหรือไม่?
Mazda3 โดยทั่วไปไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับหรู ในด้านการวางตำแหน่งทางแบรนด์ Mazda มุ่งเน้นไปที่สมรรถนะการขับขี่และความโดดเด่นด้านการออกแบบ มากกว่าการแข่งขันในตลาดรถหรู ในส่วนของวัสดุและงานตกแต่งภายใน แม้ว่า Mazda3 จะใช้วัสดุที่มีคุณภาพพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับแบรนด์หรูที่มักใช้หนังแท้ระดับพรีเมียม ลายไม้แท้ หรือวัสดุโลหะตกแต่งที่ประณีตแล้ว ก็ยังถือว่ามีความแตกต่างอยู่พอสมควร ในด้านอุปกรณ์ Mazda3 มีฟีเจอร์พื้นฐานที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัย เซนเซอร์ถอยหลัง ฯลฯ แต่ฟีเจอร์เทคโนโลยีขั้นสูงระดับไฮเอนด์หรือระบบความสะดวกสบายระดับหรูหลายอย่าง ยังไม่ถูกนำมาใส่ไว้ในรุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และสมรรถนะการควบคุมที่ดี Mazda3 จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่มีเสน่ห์ในกลุ่มรถยนต์สำหรับครอบครัว
Q
Mazda3 เป็นรถขนาดเล็กหรือขนาดกลาง?
Mazda3 เป็นรถยนต์นั่งขนาดคอมแพกต์ โดยขนาดตัวถังและลักษณะของรถอยู่ในกลุ่มรถซีดานขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารถขนาดกลาง ทำให้มีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพการจราจรในเมือง Mazda3 รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน และมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป เครื่องยนต์ที่ติดตั้งในรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางไปทำงานหรือใช้งานทั่วไป รถยนต์ประเภทคอมแพกต์ได้รับความนิยมจากผู้ใช้จำนวนมาก เนื่องจากประหยัดน้ำมัน ราคาเข้าถึงได้ง่าย และหาที่จอดรถสะดวก ซึ่ง Mazda3 ก็มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์เหล่านี้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถใช้งานประจำวันซึ่งทั้งใช้งานได้จริงและมีดีไซน์ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือครอบครัวขนาดเล็ก
Q
ฉันควรเปลี่ยนสายจูงเวลา Mazda 3 ของฉันเมื่อไหร่?
เวลาในการเปลี่ยนสายพานของ Mazda3 ไม่ได้กำหนดตายตัว เพราะจะขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ ลักษณะการใช้งาน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้เปลี่ยนสายพานหน้าเครื่อง ทุก 6 ปี หรือเมื่อรถวิ่งถึงประมาณ 100,000 กิโลเมตร สำหรับสายพานไทม์มิ่ง (Timing Belt) หากเป็นรุ่นที่ใช้สายพานชนิดนี้ มักจะแนะนำให้เปลี่ยนทุก 60,000 – 80,000 กิโลเมตร ส่วนสายพานปั๊มน้ำ (Water Pump Belt) โดยมากควรเปลี่ยนทุก 60,000 – 80,000 กิโลเมตรเช่นกัน หรืออย่างน้อยภายใน 3 – 5 ปี หากรถใช้งานไม่หนัก ทั้งนี้ คำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น เจ้าของรถควรหมั่นตรวจสอบสภาพของสายพานอยู่เสมอ หากได้ยินเสียงผิดปกติ เช่น เสียงฝืด เสียงหวีด หรือเสียง "เอี๊ยดอ๊าด" รวมถึงหากพบว่าสายพานมีรอยแตกร้าว ผิวลอก หรือแข็งกรอบเกินไป แม้ยังไม่ถึงระยะที่กำหนด ก็ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็กกับช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน
Q
Mazda3 สนับสนุน CarPlay หรือไม่?
Mazda3 รองรับระบบ Apple CarPlay แบบใช้สาย โดยผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อผ่านสาย Lightning ระหว่าง iPhone กับระบบของรถเพื่อเริ่มใช้งานได้ทันที หลังจากเชื่อมต่อแล้ว หน้าจออินโฟเทนเมนต์ของรถจะแสดงผลในรูปแบบคล้ายกับหน้าจอ iPhone และสามารถใช้งานผู้ช่วยเสียง Siri ได้ ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri เพื่อโทรออก รับสาย ฟังข้อความที่อ่านออกเสียงขณะขับรถ รวมถึงเปิดเพลงหรือใช้ระบบนำทางผ่านเสียงได้อย่างสะดวก ปลอดภัยระหว่างการขับขี่ สำหรับ Mazda3 บางรุ่นใหม่ อาจรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายด้วย หากต้องการทราบว่ารุ่นใดรองรับฟังก์ชันนี้โดยเฉพาะ แนะนำให้สอบถามกับผู้จำหน่าย Mazda ในพื้นที่
Q
ฉันสามารถเริ่มต้น MyMazda 3 ด้วยโทรศัพท์ของฉันได้หรือไม่?
หาก Mazda3 ของคุณรองรับฟังก์ชันการสตาร์ทรถจากระยะไกล (Remote Start) คุณสามารถสตาร์ทรถผ่านสมาร์ตโฟนได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้: เริ่มจากดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน Mazda Connected Services ซึ่งเป็นแอปฯ ทางการของ Mazda รองรับทั้งระบบ iOS และ Android หลังติดตั้งแล้ว ให้ลงทะเบียนบัญชีใหม่หรือเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่มีอยู่ จากนั้นกรอกข้อมูลที่จำเป็นตามคำแนะนำ และผูกบัญชีกับรถของคุณ เมื่อเข้าสู่แอปฯ แล้ว ให้ตรวจสอบว่ารถของคุณรองรับฟังก์ชันการสตาร์ทจากระยะไกลหรือไม่ หากรองรับ ให้เข้าไปที่เมนู “การตั้งค่ารถยนต์” (Vehicle Settings) เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว หลังจากเปิดใช้งานแล้ว คุณสามารถเลือก Mazda3 ของคุณจากในแอปฯ แล้วกดที่ “Remote Start” (สตาร์ทรถจากระยะไกล) จากนั้นใส่รหัสความปลอดภัยที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อยืนยันตัวตน เมื่อยืนยันสำเร็จ รถจะทำการสตาร์ทอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้จำเป็นต้องใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เสถียร ทั้งในสมาร์ตโฟนและตัวรถ และรถต้องจอดอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย พร้อมเงื่อนไขครบถ้วนตามที่ระบบกำหนด หากรถของคุณไม่มีฟังก์ชันนี้ แนะนำให้สอบถามที่ตัวแทนจำหน่ายว่าสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้หรือไม่
Q
Mazda3 ดีสำหรับคนขับใหม่หรือไม่?
รถ Mazda3 เป็นรุ่นที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ใหม่เป็นอย่างดี ประการแรก ขนาดตัวรถมีความพอดี โดยรุ่นแฮทช์แบ็กมีความยาว 4459 มม. กว้าง 1797 มม. สูง 1440 มม. และรุ่นซีดานมีความยาว 4662 มม. กว้าง 1797 มม. สูง 1445 มม. ทำให้การจอดและการควบคุมทำได้ค่อนข้างง่าย ผู้ขับขี่ใหม่สามารถขับขี่ได้สะดวก ประการที่สอง Mazda3 มีสมรรถนะในการควบคุมที่ดี ระบบพวงมาลัยตอบสนองแม่นยำ สามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ใหม่ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยครบครัน ประกอบด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพรถยนต์ และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ซึ่งช่วยอำนวยความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ใหม่ ส่วนกำลังส่งออกของรถมีความราบรื่น เครื่องยนต์แบบดูดอากาศธรรมชาติขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า กำลังสูงสุด 121 กิโลวัตต์ ทำให้ผู้ขับขี่ใหม่ควบคุมได้ง่าย อีกทั้งอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐานอยู่ที่ 6.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร มีความประหยัดน้ำมันดี ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ขับขี่ใหม่ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถใหม่
Q
Mazda 3 มีไวป์เปอร์ด้านหลังหรือไม่?
Mazda3 ไม่มีที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง โดยทั่วไปแล้ว ที่ปัดน้ำฝนหลังมักพบในรถยนต์แบบแฮทช์แบ็กหรือ SUV เพื่อช่วยปัดน้ำฝน ฝุ่น หรือหิมะบนกระจกหลังระหว่างขับขี่ และช่วยให้มองเห็นด้านหลังได้ชัดเจนขึ้น สำหรับ Mazda3 รุ่นซีดาน เนื่องจากโครงสร้างตัวถังและการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้กระจกหลังเปื้อนได้ยาก จึงไม่มีการติดตั้งที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง หากมีความต้องการใช้งาน สามารถติดตั้งเพิ่มเติมภายหลังได้
Q&A ล่าสุด
Q
BYD Seal คุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่ มาทำความรู้จักกับจุดเด่นของรถคันนี้กันที่นี่
BYD Seal เป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าระดับกลางที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Dynamic RWD, Premium RWD และ AWD Performance ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,199,000 บาท 1,399,000 บาท และ 1,499,000 บาทตามลำดับ ตัวรถมีขนาดยาว 4800 มม. กว้าง 1875 มม. สูง 1460 มม. และระยะฐานล้อ 2920 มม. ทำให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางและนั่งสบาย ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยรุ่น Dynamic RWD ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที และวิ่งได้ไกล 510 กม. ส่วนรุ่น Premium RWD ให้กำลัง 313 แรงม้า (230 kW) เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุด 650 กม. ขณะที่รุ่น AWD Performance ให้พลังสูงสุดถึง 530 แรงม้า (390 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที และวิ่งได้ 580 กม. ทั้งสามรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว และในบางรุ่นมีลำโพง Dynaudio ถึง 12 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม
Q
วันที่เปิดตัวของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาระหว่าง 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ในประเทศไทย พร้อมระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal พัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ดีไซน์โดยรวมเน้นความโฉบเฉี่ยวและลู่ลม ให้ความรู้สึกสปอร์ต มาพร้อมขนาดตัวถัง 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. และระยะฐานล้อ 2,920 มม. ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลายชนิด พร้อมฟังก์ชันทันสมัยอย่าง Android Auto และ Apple CarPlay ขณะที่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) ก็ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
Q
วันวางจำหน่ายของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับการใช้งานบนท้องถนนในประเทศไทย พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ที่ให้ภาพลักษณ์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างลงตัวและครบครันด้วยฟังก์ชันล้ำสมัย รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay รวมถึงติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันขั้นสูง (ADAS) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
Q
ความยาวของ BYD Seal คือเท่าไร
BYD Seal มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,800 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ตามแนวยาวที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ตอนหน้า หรือผู้โดยสารตอนหลัง ต่างก็มีพื้นที่วางขาอย่างสบาย แม้ในระหว่างการเดินทางไกลก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป นอกจากนี้ เมื่อรวมกับความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ทำให้การจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารมีความสมดุลและลงตัว ส่งผลให้การนั่งโดยสารมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งขนาดตัวถังเช่นนี้ยังถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เสริมให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นทั้งด้านการใช้งานและความสบายในการเดินทาง
Q
ขนาดแบตเตอรี่ของ BYD Seal คืออะไร
รุ่นต่าง ๆ ของ BYD Seal มีความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น BYD Seal Dynamic RWD 2023 มีความจุแบตเตอรี่ 61.44 kWh และระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนอย่างเป็นทางการสูงสุดถึง 510 กิโลเมตร ส่วนรุ่น BYD Seal Premium RWD 2023 และ BYD Seal AWD Performance 2023 มีความจุแบตเตอรี่เท่ากันที่ 82.56 kWh โดยรุ่น Premium RWD สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 650 กิโลเมตร ขณะที่รุ่น AWD Performance มีระยะทางขับขี่ 580 กิโลเมตร ความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค เช่น ผู้ที่ต้องการเดินทางไกลสามารถเลือกใช้รุ่นที่มีระยะทางขับขี่ได้มากกว่า
ดูเพิ่มเติมข้อมูลล่าสุด

BYD Sealion 6 DM-iมียอดขายทะลุ 8,200 คันในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ กลายเป็นC-SUVที่ขายดีที่สุด
Kevin WongJun 18, 2025

F1 สนามแข่งได้รับการอนุมัติแล้ว การแข่งขันครั้งแรกจะจัดขึ้นในปี 2027
วิรุฬห์Jun 18, 2025

Tesla เตรียมเปิดให้บริการ Robotaxi ในออสติน วันที่ 12 มิถุนายนนี้
AshleyJun 17, 2025

Toyota ในประเทศจีน บริษัท ร่วมทุน GAC-Toyota ประกาศว่าได้ร่วมมือกับ Xiaomi เพื่อนำเสนอ bZ7
วิรุฬห์Jun 17, 2025

Hyundaiประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่วันที่ 15 กรกฎาคม คาดว่า SANTA FE เตรียมวางขายในไทย
พงศธรJun 17, 2025
ดูเพิ่มเติม