Q

วิธีเชื่อมต่อบลูทูธกับ Mazda 3

ก่อนอื่นให้เปิดระบบไฟรถและหน้าจอกลางให้พร้อม จากนั้นเข้าไปที่เมนูตั้งค่า เลือก "จัดการอุปกรณ์บลูทูธ" กด "เพิ่มอุปกรณ์ใหม่" พร้อมกับเปิดบลูทูธบนมือถือไว้ ส่องหาชื่ออุปกรณ์ "Mazda3" ในลิสต์แล้วจับคู่ โดยต้องใส่รหัสยืนยันที่แสดงบนหน้าจอรถให้ตรงกัน ข้อควรระวังคืออากาศร้อนๆ แบบไทยอาจทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำงานไม่เสถียร ถ้าเจอปัญหาลองรีสตาร์ทระบบรถหรือปิด-เปิดบลูทูธมือถือดู นอกจากใช้ฟังเพลงแล้ว บลูทูธยังช่วยคุยโทรศัพท์แบบไม่ต้องถือได้ โดยเฉพาะเวลาขับในกรุงเทพฯ รถติดหรือเดินทางไกล รุ่น Mazda 3 แต่ละปีอาจใช้โมดูลบลูทูธต่างกันนิดหน่อย ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไปจะรองรับบลูทูธ 5.0 ที่เสถียรกว่า แนะนำให้อัพเดตระบบรถผ่านเว็บ Mazda ประเทศไทยบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่เปลี่ยนมาใช้มือถือรุ่นใหม่ ถ้าพบว่าบลูทูธมีปัญหาบ่อยเกินไป สามารถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ Mazda ได้ ทุกเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพ เชียงใหม่ทั้งก็มีบริการครบวงจร
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode) Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม. ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่ การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้

ข้อดี

ภายในรถมีการตกแต่งที่ดี ด้วยโทนสีดำที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสปอร์ตหรู คุณภาพของวัสดุภายในรถดี การออกแบบทำให้รถดูหรูหราและขั้นสูง การจัดวางแผงอุปกรณ์สะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งสบาย การออกแบบที่นั่งตรงกับร่างกาย รองรับด้านข้างที่ดีสำหรับคนขับและผู้โดยสาร สามารถนั่งนานๆ โดยไม่รู้สึกเหนื่อย และที่นั่งขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทางโดยใช้ไฟฟ้า
ฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ดี มีจอภาพที่คนขับสามารถดูได้ สามารถแสดงความเร็วในการเร่งและการใช้น้ำมัน มีกล้องทั่วรถที่ติดตั้งอย่างดี
สมรรถนะทางการจับคืนดินเป็นอย่างดี ระบบความแข็งแรงกับที่อยู่ใต้รถดีเยี่ยม สมรรถนะทางการจับคืนดินสูงในระหว่างการเลี้ยวหรือในส่วนที่อยู่ใต้รถที่เดินทาง ขับเคลื่อนไม่อย่างรวดเร็ว การเร่งและหมุนกำลังไม่เปลี่ยนแปลงมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น

ข้อเสีย

การปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารไม่ตรงกัน ที่นั่งของคนขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทาง แต่ที่นั่งของผู้โดยสารไม่สามารถเติมเต็ม 10 ทิศทาง ฟีเจอร์ที่นั่งไม่ได้ตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่
แต่ฟังก์ชั่นของระบบควบคุมการท่องเที่ยวไม่เพียงพอ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วของรถและตามรถที่อยู่ด้านหน้าผ่านเส้นทางที่กว้าง แต่ไม่มีฟังก์ชั่น Stop-and-go
พื้นที่ภายในรถไม่สะกดกว่าผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน มาสด้ามักมีข้อเสียด้านพื้นที่ที่นั่งด้านหลังในแทบทุกรุ่น แต่รุ่น Mazda 3 Sedan ปี 2019 กว้างขึ้นเล็กน้อยกว่าที่ผ่านมา แต่ยังไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน
ความสบายของชานเส้นไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่ราบหรือถนนที่มีลูกรัง คุณจะรู้สึกถึงการสั่น โดยมีความรู้สึกว่ามีการสั่นสะเทือนจากพื้นผิวที่ยางกระทบ

Q&A ล่าสุด

Q
ที่ใดที่ควรใส่น้ำหล่อเย็นใน Volvo s60
สำหรับรถ Volvo S60 จุดเติมน้ำยาหล่อเย็นจะอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถด้านข้างขวาใกล้กับไฟหน้าครับ คุณจะเห็นถังพักน้ำยาหล่อเย็นสีขาวแบบกึ่งโปร่งแสง ที่มีคำว่า "Coolant" และขีดวัดระดับ MIN/MAX ระบุไว้ เวลาเติมต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นตัวก่อน แล้วเติมให้ระดับน้ำยาอยู่ระหว่างระดับต่ำสุดและสูงสุด แนะนำให้ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่โวลโว่แนะนำโดยเฉพาะ สำหรับสภาพอากาศร้อนแบบไทยแนะนำให้เปลี่ยนทุก 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี รุ่นปีต่าง ๆ ของ S60 อาจมีการออกแบบระบบหล่อเย็นที่แตกต่างกันนิดหน่อย โดยรุ่นหลังปี 2018 ที่ใช้แพลตฟอร์ม SPA ถังน้ำยาจะอยู่ใกล้ผนังด้านหลังเครื่องยนต์มากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้งานในไทยคืออัตราส่วนการผสมน้ำยาควรอยู่ที่ 50% น้ำยาหล่อเย็นกับ 50% น้ำกลั่น เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนจัด จะได้ไม่เจอปัญหาจุดเดือดต่ำถ้าเติมน้ำมากเกินไป หรือประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลงถ้าเข้มข้นเกินไป ถ้าเห็นว่าน้ำยาหล่อเย็นลดลงผิดปกติ ควรตรวจสอบปั๊มน้ำ ท่อน้ำยาหล่อเย็นด้วย โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อยๆ การสตาร์ทเครื่องบ่อยจะทำให้ระบบหล่อเย็นทำงานหนัก การตรวจสอบเป็นประจำจึงสำคัญมาก
Q
Volvo S60 ระยะทางที่วิ่งได้กี่กิโลเมตร
ระยะทางของ Volvo S60 จะขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบขับเคลื่อนที่เลือก ในตลาดไทยตอนนี้มีทั้งแบบ Plug-in Hybrid (Recharge T8) และ Mild Hybrid (B4/B5) สำหรับรุ่น Plug-in Hybrid ถ้าใช้โหมดไฟฟ้าล้วนจะวิ่งได้ประมาณ 80-90 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) แต่ถ้าใช้ร่วมกับเครื่องยนต์จะวิ่งได้ไกลถึง 700 กม. ส่วนรุ่น Mild Hybrid ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ประมาณ 850-950 กม. แต่จริงๆ แล้วระยะทางอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับอากาศร้อนๆ ของไทย การจราจรติดขัดในกรุงเทพ หรือสไตล์การขับของแต่ละคน แถมตอนนี้รัฐบาลไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาดอย่าง EV 3.5 ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับรถ Plug-in Hybrid ด้วย ถ้าคุณขับรถระยะสั้นบ่อยๆ รุ่น Plug-in Hybrid จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มาก แต่ถ้าชอบขับทางไกล รุ่น Mild Hybrid อาจจะเหมาะกว่า แนะนำให้เลือกตามการใช้งานประจำวัน และอย่าลืมดูแลแบตเตอรี่กับลมยางให้ดีๆ เพื่อรักษาระยะทางให้คงที่ Volvo ในไทยยังมีบริการรับประกันแบตเตอรี่เฉพาะด้วย
Q
Volvo S60 มีความจุกี่แกลลอน
ความจุถังน้ำมันของ Volvo S60 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 54-60 ลิตร (ประมาณ 14.3-15.9 แกลลอน) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางไกลของคนไทย ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปจะมีบริการน้ำมันเบนซิน 91/95 และดีเซล ซึ่งทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินซีรีส์ T และเครื่องยนต์ดีเซลซีรีส์ D ของ S60 สามารถใช้งานได้ดีกับคุณภาพน้ำมันที่จำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานของ Volvo อย่างระบบ 48V Mild Hybrid ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำมันจากการระเหย และด้วยศูนย์บริการ Volvo ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และอื่นๆ ทำให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษาจากศูนย์บริการอย่างสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน S60 ยังโดดเด่นด้วยระบบความปลอดภัยอย่าง City Safety ที่ช่วยรับมือกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สนใจรุ่นไฮบริด สามารถติดตามนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยได้อีกด้วย
Q
Volvo S60 ใช้น้ำมันประเภทใด
สำหรับรถ Volvo S60 ในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซินมาตรฐานตามที่ผู้ผลิตกำหนดคือ แก๊สโซฮอล์ 95 หรือ 91 แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ เช่น รุ่นเทอร์โบชาร์จ T5/T6 ควรใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรุ่นพื้นฐานอย่าง T4 ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ได้ แต่ต้องระวังเพราะบางพื้นที่ของไทยน้ำมันเบนซิน 91 เป็นแบบ E20 (มีเอทานอล 20%) ต้องตรวจสอบว่ารถรองรับเชื้อเพลิงเอทานอลหรือไม่ โดยรถ Volvo ทุกรุ่นสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ 95 E10 (มีเอทานอล 10%) ที่มีจำหน่ายทั่วไปในไทยได้ ส่วนการใช้น้ำมันเบนซิน 98 แม้ไม่ทำลายเครื่องยนต์แต่ไม่คุ้มค่ากับราคา ที่สำคัญในสภาพอากาศร้อนแบบไทย แนะนำเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำและดูแลระบบเชื้อเพลิงให้สะอาด เพราะความร้อนและความชื้นสูงอาจทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว โดยเฉพาะรถรุ่นเทอร์โบชาร์จ นอกจากนี้เครื่องยนต์ Drive-E ของ Volvo ที่ใช้เทคโนโลยี Direct Injection ค่อนข้างไวต่อคุณภาพน้ำมัน ควรเลือกเติมสถานีบริการที่น่าเชื่อถือเช่น ปตท. หรือบางจาก เพื่อความมั่นใจในคุณภาพน้ำมัน หากต้องเก็บรถไว้เป็นเวลานานอาจพิจารณาใช้สารรักษาความคงตัวของน้ำมันเพื่อป้องกันท่อน้ำมันอุดตัน
Q
Suzuki Swift GLX และ GLX Navi แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Suzuki Swift รุ่น GLX กับ GLX Navi อยู่ที่ระบบนำทางครับ โดยรุ่น GLX Navi จะมีระบบนำทางในตัวให้ในขณะที่รุ่น GLX ไม่มี ส่วนคุณสมบัติหลักอื่นๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ ความปลอดภัย ทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน เหมาะสำหรับคนไทยที่ใช้ขับขี่ในเมืองหรือท่องเที่ยวระยะสั้นครับ ในตลาดไทย Swift ได้รับความนิยมจากขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัด รถขนาดเล็กแบบนี้จะขับเคลื่อนได้คล่องตัวกว่าในซอยแคบๆ สำหรับคนที่เน้นความประหยัด รุ่น GLX ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันได้อยู่แล้ว ส่วน GLX Navi จะเหมาะกับคนที่ใช้งานระบบนำทางบ่อยๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ถนนหนทางซับซ้อนหรือเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ ทั้งสองรุ่นยังคงความแข็งแรงของเครื่องยนต์และค่าบำรุงรักษาต่ำเหมือนรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Swift ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดรถขนาดเล็กประหยัดน้ำมันในไทย ข้อควรระวังคือสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้นอาจกระทบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ แนะนำให้ทดลองใช้งานระบบนำทางจริงก่อนซื้อครับ ตรวจสอบความลื่นไหลของระบบและปัญหาแสงสะท้อนบนหน้าจอให้แน่ใจว่าเหมาะกับการใช้งานของเรา
ดูเพิ่มเติม