Q

BYD M6 มีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง?

BYD M6 เป็นรถเอ็มพีวีอเนกประสงค์ที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในที่ยอดเยี่ยมและความประหยัดพื้นที่ เหมาะสมกับการใช้งานของครอบครัวไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดวาง 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์การเดินทางแบบกลุ่มใหญ่ เหมาะสำหรับทริปวันหยุดหรือการเดินทางประจำวันของครอบครัวไทย รถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังการขับขี่ที่ราบรื่นและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล ด้านภายในออกแบบมาเพื่อความสบายด้วยเบาะนั่งที่รองรับสรีระและช่องเก็บของที่ใช้งานได้จริง พร้อมระบบสมาร์ทคอนเนคที่รองรับการควบคุมด้วยเสียงและระบบนำทาง ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่ ด้านความปลอดภัย มาพร้อมระบบ ABS, EBD และถุงลมนิรภัยหลายจุด ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยของตลาดไทย ที่สำคัญ BYD M6 มีราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันในตลาดไทย เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความประหยัดแต่ยังคงได้คุณภาพและความสบาย สำหรับผู้ใช้รถไทย BYD M6 ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้รถในชีวิตประจำวัน แต่ยังให้ประสบการณ์ที่ดีทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันและความยืดหยุ่นของพื้นที่ภายใน นับเป็นรถเอ็มพีวีที่น่าจับตามองจริงๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ขนาดของ BYD M6 คือเท่าไร
BYD M6 เป็นรถ MPV ขนาดกลางที่มีขนาดตัวถังยาว 4,820 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,765 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,960 มิลลิเมตร ขนาดนี้เหมาะมากสำหรับใช้ในเมืองไทยทั้งการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในครอบครัว เพราะให้พื้นที่ภายในกว้างขวางแต่ก็ยังคล่องตัวไม่เกะกะ บรรจุคนได้ 7 ที่นั่ง ดีทั้งสำหรับครอบครัวและรับรองลูกค้า โดยเฉพาะในอากาศร้อนๆ ของไทย ระบบแอร์ที่เย็นฉ่ำและเบาะนั่งที่ออกแบบมาให้สบายช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินในการเดินทาง นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทยที่กำลังมองหารถประหยัดพลังงาน สำหรับคนไทยแล้ว BYD M6 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะขนาดกำลังดีและใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรคับคั่ง ความคล่องตัวและการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพของรุ่นนี้ช่วยตอบสนองความต้องการในการเดินทางได้อย่างดีเยี่ยม
Q
BYD M6 มีที่นั่งกี่ที่
BYD M6 เป็นรุ่นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่มีการจัดเรียงแบบ 2+2+3 แถวที่นั่งสองเป็นแบบอิสระ ออกแบบมาเพื่อความสบายของผู้โดยสาร เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยหรือการใช้งานเพื่อรับรองทางธุรกิจ รุ่นนี้ได้รับความสนใจในตลาดไทยเพราะตอบโจทย์ทั้งความกว้างขวางและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งตรงกับความต้องการของคนไทยที่มองหาทั้งประโยชน์ใช้สัดและความรักษ์โลก ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญรถไฟฟ้าอย่าง BYD นี้ยังทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบแอร์เย็นเร็ว และชุดแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงเพื่อความปลอดภัย เวลาเลือกรถ MPV 7 ที่นั่งในไทย นอกจากจำนวนที่นั่งแล้ว ยังต้องดูเรื่องความสูงของตัวรถเพราะบางพื้นที่ชนบทถนนอาจไม่ดี แต่ BYD M6 ออกแบบระยะชักดินให้เหมาะสมทั้งในเมืองและเส้นทางลูกรังเล็กน้อย ในตลาดไทย MPV รุ่นเดียวกันมักให้ความสำคัญกับระบบความบันเทิงแถวหลังและพื้นที่เก็บของที่ปรับได้ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ครอบครัวไทยให้ความสนใจเวลาเลือกซื้อรถ
Q
คือ BYD M6 แมวหรือเปล่า
ในมาตรฐานการแบ่งประเภทรถยนต์ของไทย CAT A จะหมายถึงรถคอมแพคต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ส่วน BYD M6 ที่เป็นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ทั้งขนาดเครื่องยนต์และตัวถังนั้นเกินเกณฑ์นี้แน่นอน จึงไม่สามารถจัดอยู่ใน CAT A ได้ แต่ควรอยู่ใน CAT B หรือสูงกว่า สำหรับตลาดไทย BYD M6 ได้รับความสนใจจากครอบครัวไทยเพราะมีพื้นที่กว้างขวางและอุปกรณ์ใช้งานได้จริง เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรที่ให้ทั้งแรงขับและประหยัดน้ำมันก็เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและเดินทางไกล เวลาเลือกซื้อรถเอ็มพีวีในไทย นอกจากประเภทรถแล้ว ควรดูปัจจัยอื่นๆ เช่น จำนวนผู้โดยสาร ความจุท้ายรถ และเครือข่ายบริการหลังการขายด้วย BYD ที่กำลังขยายตัวในไทยก็มีการพัฒนาระดับผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น ซึ่งก็นับเป็นจุดเด่นที่ควรพิจารณาเวลาเลือกซื้อรถเช่นกัน
Q
ความดันลมยางสำหรับ BYD M6 คือเท่าไร
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการของ BYD M6 แรงดันลมยางมาตรฐานอยู่ระหว่าง 2.2 ถึง 2.5 บาร์ หรือประมาณ 32 ถึง 36 psi ค่าที่แน่นอนอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปีรุ่น ขนาดยาง หรือภาระบรรทุก แนะนำให้ตรวจสอบจากคู่มือรถหรือสติกเกอร์ที่กรอบประตู ในสภาพอากาศร้อนของไทย แรงดันลมยางอาจสูงขึ้นเล็กน้อยจากความร้อน จึงควรตรวจสอบทุกเดือน โดยวัดตอนเช้าหรือหลังจอดรถนานเพื่อความแม่นยำ การรักษาแรงดันลมยางที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน ยืดอายุการใช้งานของยาง และเพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนในไทย แรงดันที่ถูกต้องช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเปียก หากขับทางไกลบ่อยหรือบรรทุกหนัก สามารถปรับแรงดันล้อหลังให้สูงสุดตามช่วงแนะนำแต่ไม่เกินแรงดันสูงสุดที่ระบุบนยาง การตรวจสอบแรงดันยางยังเป็นโอกาสตรวจสภาพยางเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี
Q
BYD M6 มีถุงลมนิรภัยกี่ใบ
BYD M6 เป็นรถยนต์รุ่น MPV ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้ในครอบครัวและงานธุรกิจ โดยในเรื่องความปลอดภัยนั้นถือว่าทำได้ดี รุ่นต่างๆ มักมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 6 ถุง ประกอบด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้าถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย ซึ่งช่วยปกป้องผู้โดยสารในรถได้อย่างรอบด้านในกรณีเกิดการชน สำหรับสภาพอากาศแบบประเทศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ความปลอดภัยของรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญมาก ระบบถุงลมนิรภัยของ BYD M6 ที่ทำงานร่วมกับโครงสร้างตัวรถที่แข็งแรง จะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้บริโภคไทยนอกจากจะสนใจจำนวนถุงลมนิรภัยแล้ว ยังควรศึกษาระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันของรถด้วย เช่น ระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบ EBD การกระจายแรงเบรก ซึ่งระบบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ประจำวัน เนื่องจากสภาพถนนในประเทศไทยมีความซับซ้อน ทั้งการจราจรติดขัดในเมืองและการเดินทางไกลบนทางหลวง จึงแนะนำให้พิจารณาทั้งระบบความปลอดภัยเชิงรับและเชิงป้องกันของรถยนต์เมื่อซื้อ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของครอบครัวและผู้โดยสาร นอกจากนี้การตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบถุงลมนิรภัยเป็นประจำก็สำคัญมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้นเช่นประเทศไทย ซึ่งความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
Q
คือ BYD M6 MPV
ใช่ BYD M6 เป็น MPV ที่มีพื้นที่ภายในกว้างขวางและการโดยสารสะดวกสบาย เหมาะกับครอบครัวและการรับรองแขกทางธุรกิจ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบปรับอากาศและความสบายของเบาะนั่งช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกเย็นสบาย BYD M6 ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าหรือไฮบริดที่มีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงและช่วยลดการใช้น้ำมัน ตอบโจทย์ความต้องการด้านสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานในตลาดไทย อีกทั้ง MPV ได้รับความนิยมเพราะเหมาะกับการเดินทางหลายคนทั้งในเมืองและการเดินทางไกล หากสนใจสามารถไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อสัมผัสสมรรถนะและความสะดวกสบายของรถ BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าชื่อดังระดับโลก มีเทคโนโลยีและคุณภาพที่เชื่อถือได้ และมีผู้บริโภคในไทยเลือกใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Q
ความเร็วสูงสุดของ BYD M6 km h คือเท่าไหร่
รถยนต์ BYD M6 มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 180 กม./ชม. แม้ว่ารุ่น MPV นี้จะออกแบบมาสำหรับครอบครัวและการใช้งานเชิงธุรกิจเป็นหลัก แต่ในสภาพอากาศร้อนและเส้นทางที่หลากหลายของประเทศไทย ก็ยังคงแสดงสมรรถนะด้านกำลังขับที่มั่นคงได้ดี เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แบบดูดธรรมดาหรือรุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร ล้วนถูกปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในตลาดไทย รถ MPV ขนาดใกล้เคียงอย่าง Toyota Innova หรือ Honda Odyssey ก็มักตั้งค่าความเร็วสูงสุดอยู่ในช่วงเดียวกัน เนื่องจากผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและความสบายในการนั่งมากกว่าความเร็วสูงสุด ที่น่าสนใจคือกฎหมายไทยกำหนดให้ความเร็วสูงสุดบนถนนอยู่ที่ 120 กม./ชม. ดังนั้นแม้รถจะมีความสามารถสูงกว่านี้ก็ควรปฏิบัติตามกฎจราจร สำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทยที่มักต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ประสิทธิภาพระบบแอร์ ความสามารถในการรับมือกับสภาพถนน และความสบายของเบาะนั่งเมื่อขับขี่นานๆ อาจสำคัญกว่าตัวเลขความเร็วสูงสุด ซึ่งทั้งหมดนี้คือจุดที่ BYD M6 ให้ความสำคัญในการปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานในท้องถิ่น
Q
สีของ BYD M6 มีอะไรบ้าง
BYD M6 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกัน ได้แก่ Crystal White สีขาวคลาสสิก, Quantum Black สีดำหรู, Quartz Blue สีน้ำเงินเท่ๆ และ Harbour Grey สีเท่าอันเท่ๆ ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย สีอ่อนอย่าง Crystal White นี่นิยมมากเลยครับ เพราะมันสะท้อนแสงได้ดี แถมยังช่วยลดความร้อนภายในรถได้ ส่วนสีเข้มอย่าง Quantum Black ก็ดูหรูหราเหมาะกับงานธุรกิจสุดๆ BYD ที่เป็นเจ้าใหญ่ในวงการรถพลังงานสะอาดเนี่ย ไม่ได้มีดีแค่การออกแบบสวยๆ เท่านั้น แต่ยังใส่เทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับขี่อัจฉริยะลงไปด้วย ทำให้เริ่มเป็นที่ยอมรับในตลาดไทยมากขึ้น สำหรับคนไทยเวลาจะเลือกซื้อ M6 นี่ นอกจากเรื่องสีสันแล้ว ยังควรดูเรื่องระยะทางต่อการชาร์จและความสะดวกในการชาร์จด้วยนะครับ เพราะปัจจัยเหล่านี้สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดของไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Q
ความสูงจากพื้นถึงตัวถังของ BYD M6 คือเท่าไร
รถยนต์ BYD M6 ทุกรุ่นมีระยะความสูงจากพื้นรถต่ำสุดที่ 170 มม. เท่ากันหมด ระยะความสูงจากพื้นรถต่ำสุดหมายถึงระยะทางจากด้านล่างตัวรถถึงพื้นผิวถนนเมื่อรถบรรทุกน้ำหนักสูงสุด ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการขับขี่ผ่านพื้นที่ขรุขระหรือสภาพถนนที่หลากหลาย โดยทั่วไปแล้ว ถ้าค่านี้ยิ่งมาก รถก็จะยิ่งขับผ่านถนนสภาพยากๆ ได้ดีขึ้น เช่น เวลาเจอหลุมบ่อหรือทางขรุขระ ก็จะไม่ขูดท้องรถง่าย แต่ถ้าค่านี้น้อยกว่ารถก็จะมีความมั่นคงสูงกว่าเมื่อขับด้วยความเร็วสูง การเข้าใจค่าพารามิเตอร์นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้ว่ารถคันนี้เหมาะกับความต้องการในการใช้งานประจำวันของตัวเองหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสภาพถนนที่แตกต่างกันออกไป
Q
BYD M6 หนักเท่าไหร่
BYD M6 มีน้ำหนักประมาณ 1,850 ถึง 1,950 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสเปกรถและความจุแบตเตอรี่ ในฐานะ MPV ไฟฟ้า น้ำหนักส่วนใหญ่เกิดจากชุดแบตเตอรี่และโครงสร้างตัวรถ แต่ BYD ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเพื่อลดภาระโดยยังคงความปลอดภัย การใช้งานในไทยมีประโยชน์สูงเนื่องจากพื้นที่ภายในกว้าง เหมาะกับครอบครัวและเชิงพาณิชย์ อีกทั้งรถไฟฟ้ามีเสียงรบกวนน้อยและปล่อยมลพิษเป็นศูนย์เหมาะกับเมืองคับคั่งอย่างกรุงเทพฯ ผู้บริโภคไทยอาจสนใจเรื่องระยะทางวิ่งและการชาร์จ BYD M6 วิ่งได้มากกว่า 400 กิโลเมตร และระบบชาร์จเร็วสามารถเติมพลังงานได้ในเวลาสั้น ปัจจุบันไทยกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้าต่ำกว่ารถน้ำมัน ใช้งานระยะยาวช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เหมาะกับผู้ใช้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความคุ้มค่า

ข้อดี

ห้องยึดหุ้นกว้างขวางเพื่อการขับขี่ที่สบาย
เทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูงเพื่อการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพ
คุณภาพการสร้างที่น่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานระยะยาว
ประสิทธิภาพดีในการเร่งความเร็วและการควบคุมรถ

ข้อเสีย

ราคาสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์บางรุ่นในประเทศ
สาธารณูปกรณ์การชาร์จจำกัดในประเทศไทย
ค่าไฟสูงในบริบทท้องถิ่น

Q&A ล่าสุด

Q
Subaru เคยผลิต WRX รุ่นแบบแวกอนหรือไม่?
ใช่แล้ว Subaru เคยผลิตรุ่น WRX แบบวากอนมาก่อน โดยเฉพาะในรุ่นที่สอง (ช่วงล่าง GD/GG ปี 2002-2007) และรุ่นที่สาม (ช่วงล่าง GR/GV ปี 2008-2014) ของซีรีส์ Impreza WRX ที่มีรุ่นห้าประตูแบบแฮทช์แบ็ก แม้จะไม่ใช่วากอนแบบดั้งเดิมแต่ก็มีพื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางและใช้งานได้จริง ซึ่งเป็นที่นิยมในไทยทั้งสำหรับขับบนเส้นทางภูเขาและการใช้งานในครอบครัว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสมมาตร (Symmetrical AWD) และเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์ (Boxer Engine) ของ Subaru ทำให้ WRX ให้ความมั่นคงสูงแม้บนถนนลื่นช่วงฤดูฝนหรือทางโค้งแคบในเชียงใหม่ สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดไทยในปัจจุบันมักนำเข้ารุ่นซีดาน (เช่นรุ่น VN ที่วางขายอยู่) แต่ก็ยังสามารถหารุ่นแฮทช์แบ็กมือสองผ่านช่องทางนำเข้าแบบขนานได้ สำหรับคนไทยที่ชอบรถสปอร์ตแต่ยังต้องการความประหยัดพื้นที่ รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แถมวัฒนธรรมแต่งรถในไทยก็คึกคัก ทำให้เครื่องยนต์ EJ20 หรือ FA20 ของ WRX มีอัพเกรดให้เลือกเพียบ ตั้งแต่ท่อไอดี-ไอเสียไปจนถึงปรับแต่ง ECU ให้เหมาะกับสไตล์ส่วนตัว
Q
2023 WRX เป็นแบบทวินเทอร์โบหรือไม่?
รุ่น Subaru WRX 2023 ไม่ได้ใช้ระบบเทอร์โบคู่เหมือนที่หลายคนคาดหวัง แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบคลาสสิกอย่าง 2.4 ลิตรแบบตรงข้ามแนวนอน 4 สูบ (FA24) ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 271 แรงม้า คู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์ CVT ที่เลือกได้ เครื่องยนต์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นแรงบิดต่ำ ทำให้เหมาะกับสภาพถนนในไทยทั้งทางเขาขรุขระและรถติดในเมือง ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD ของ Subaru ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นๆ ในฤดูฝนได้ดี สำหรับคนไทยที่ชอบแต่งรถ WRX ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรอัพเกรดระบบระบายความร้อนและอินเตอร์คูลเลอร์เป็นอันดับแรกเพราะอากาศเมืองไทยร้อนมาก ถ้าอยากได้รุ่นเทอร์โบคู่จริงๆ อาจต้องมองหารถนำเข้าจากญี่ปุ่นแต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายและกฎหมายในการเปลี่ยนพวงมาลัยขวาเป็นซ้ายด้วย สุดท้ายนี้กฎหมายเรื่องไอเสียในไทยเริ่มเข้มงวดขึ้นสำหรับรถสปอร์ต นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ผลิตต้องคิดหนักเวลาเลือกสเปคเครื่องยนต์มาให้เราใช้
Q
“WRX มีแรงม้าเท่าไหร่?”
สำหรับตลาดไทย Subaru WRX ที่วางจำหน่ายจะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ Boxer 2.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดที่ประมาณ 271 แรงม้า คู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์ CVT ที่จำลองอัตราทดได้ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนแบบ Symmetrical AWD ที่เป็นเอกลักษณ์ของสบารุช่วยให้การขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ถนนลื่น แม้สภาพอากาศในไทยจะร้อนจัด แต่ระบบขับเคลื่อนยังทำงานได้อย่างเสถียร ไม่มีสะดุด ส่วนเรื่องมาตรฐานไอเสียที่ไทยควบคุมค่อนข้างเข้มงวดนั้น ทางผู้ผลิตก็มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับกฎหมาย แม้จะทำให้ตัวเลขแรงม้าลดลงบ้างแต่ก็ยังเพียงพอต่อการขับขี่ทั่วไป สำหรับคนไทยที่ชอบแต่งรถ เครื่อง FA24 ของ WRX นั้นถือว่ามีศักยภาพพอตัว แต่แนะนำให้แต่งกับร้านที่เชื่อถือได้และควรเก็บข้อมูล ECU ต้นทางไว้เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์การรับประกัน WRX มีจุดเด่นเฉพาะตัวในการควบคุมที่สนุกสนานและปรับตัวได้ทุกสภาพอากาศ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเพราะภาษีนำเข้าที่ไทยเรียกเก็บ ผู้ซื้ออาจต้องพิจารณาตามความต้องการจริงๆ ของตัวเอง
Q
รถ 2023 WRX สามารถใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถรุ่น Subaru WRX ปี 2023 ถ้าใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม คาดว่าจะวิ่งได้เกิน 200,000 กิโลเมตร และมีอายุการใช้งานถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น รถคันนี้โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์แบบ Boxer และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลา ซึ่งในสภาพถนนฝนตกและทางเขาของไทยแล้ว ให้ความมั่นใจในการควบคุมและความเสถียรที่ดีมาก สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยทำให้ต้องดูแลรถเป็นพิเศษ แนะนำให้เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและตรวจสอบชิ้นส่วนยางเป็นประจำ เครื่องยนต์เทอร์โบของ WRX ต้องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยกว่า แนะนำให้ทำทุก 5,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ถ้าพูดถึงน้ำมันเบนซิน 95 ที่นิยมใช้ในไทย แม้จะใช้ได้แต่แนะนำให้ใช้น้ำมันเลขออกเทนสูงตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด การขับขี่ในชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องสูงเป็นเวลานานเพื่อยืดอายุเครื่องยนต์ ในตลาดไทยอะไหล่ WRX หาได้ค่อนข้างง่าย แต่ชิ้นส่วนแต่งสมรรถนะสูงบางอย่างอาจต้องนำเข้า จากสภาพถนนไทยแนะนำให้ตรวจสอบระบบช่วงล่างและดอกยางบ่อยๆ WRX คันนี้ทนทานต่อสภาพอากาศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดี แต่เจ้าของรถต้องดูแลเรื่องการป้องกันสนิมและการทำความสะอาดภายในรถมากกว่าปกติ
Q
"เครื่องยนต์ของ 2023 WRX มีแรงม้าเท่าไหร่?"
Subaru WRX รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทย มาพร้อมเครื่องยนต์สี่สูบตรงข้ามแนวนอน 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 271 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 349 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเลือกเกียร์ CVT ได้ตามความชอบ ระบบขับเคลื่อนนี้ทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะการขับขี่ในเส้นทางเขาทางชันแถบเชียงใหม่หรือถนนรอบๆ กรุงเทพฯ ที่น่าสนใจคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD ของ WRX ที่ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมในช่วงฤดูฝนที่พื้นถนนลื่น ขณะที่การออกแบบจุดศูนย์ถ่วงต่ำของเครื่องยนต์ตรงข้ามแนวนอนยังช่วยเสริมเสถียรภาพในโอเวอร์ดัด สำหรับคนไทยควรระวังว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้ต้องใช้เชื้อเพลิงเบนซิน 95 ขึ้นไป ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามปั๊มในประเทศ ในกลุ่มรถคล้ายๆ กัน WRX นั้นเป็นรุ่นที่เหมาะกับการแต่งเพิ่มศักยภาพ ซึ่งในไทยก็มีชิ้นส่วนแต่งที่พร้อมรองรับอยู่แล้ว แต่แนะนำให้เลือกชุดแต่งที่ได้รับการรับรองจาก Subaru เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกัน ราคาขายในไทยเริ่มต้นประมาณ 2.35 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระหว่างรถครอบครัวทั่วไปกับรถสปอร์ตเต็มตัว เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความสนุกในการขับและความประหยัดในชีวิตประจำวัน
ดูเพิ่มเติม