Q

Honda City 2015 มีรุ่นอะไรบ้าง

ในปี 2015 Honda City ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยมีทั้งหมด 4 รุ่น โดยทุกรุ่นทั้งก็ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ได้แก่ รุ่น S ระดับเริ่มต้น (เกียร์ธรรมดา) รุ่น SV (เกียร์ CVT พร้อมกุญแจอัจฉริยะ) รุ่น V (มาพร้อมหน้าจอสัมผัสและกล้องถอยหลัง) และรุ่นสูงสุด RS (มีชุดแต่งแอโรไดนามิกและล้อขนาด 16 นิ้ว) รุ่นทั้งหมดมาพร้อมระบบ ECO Assist เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่เน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน โดยรุ่น RS ยังเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ด้วยการติดตั้งพัดเลื่อนเกียร์อีกด้วย จุดที่น่าสนใจคือ Honda City รุ่นปี 2015 นี้ได้ใช้เทคโนโลยี Earth Dreams ล่าสุดจากฮอนด้าในขณะนั้น ด้วยการลดน้ำหนักตัวรถและเพิ่มประสิทธิภาพระบบส่งกำลัง ทำให้สามารถทำระยะทางได้เกิน 15 กม./ลิตร ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในตลาดรถยนต์ระดับเดียวกันช่วงนั้น มีคู่แข่งอย่าง Toyota Vios และ Mazda 2 ที่ต่างก็ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แต่ Honda City ยังคงความโดดเด่นด้วยพื้นที่ขาเท้าเบาะหลังที่กว้างขวางกว่า และความนิยมในแบรนด์ฮอนด้าที่มีอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ยังคงความสามารถในการแข่งขันได้ดี นอกจากนี้ อัตราการรักษามูลค่ารถมือสองของฮอนด้า ซิตี้ ยังติดอันดับ Top 3 ในตลาดรถเก๋งระดับ A ของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Honda City มี CarPlay ไหม?
รุ่นล่าสุดของ Honda City ในตลาดไทยตอนนี้ มีฟีเจอร์ Apple CarPlay มาให้ใช้กันแล้ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันบน iPhone อย่างเช่น แผนที่การนำทาง เพลง หรือแอปติดต่อสื่อสารต่างๆ ผ่านหน้าจอในรถได้สะดวกขึ้น ช่วยอัพเกรดประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ฟังก์ชันนำทางแบบเรียลไทม์ของ CarPlay ถือว่ามีประโยชน์มากๆ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังนิดนึงว่า CarPlay อาจจะไม่ได้มีในทุกรุ่นหรือทุกปีผลิตนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับทางโชว์รูมอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจาก CarPlay แล้ว Honda City ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android ด้วยนะ ถือว่าให้ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่คล้ายกัน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อในรถกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญเวลาซื้อรถ ยี่ห้อต่างๆ จึงพยายามอัพเกรดฟีเจอร์ส่วนนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกและความอัจฉริยะของผู้บริโภค Honda City ในฐานะรถซีดานคอมแพคต์ยอดนิยมของตลาดไทย การที่ Honda คอยอัปเดตฟีเจอร์เทคโนโลยีแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าให้ความสำคัญกับความต้องการของคนไทยจริงๆ ครับ
Q
วิธีสตาร์ทรถ Honda City ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Honda City ต้องแน่ใจว่าเกียร์อยู่ตำแหน่ง P แล้ว จากนั้นใส่กุญแจเข้าไปในช่องสตาร์ท เหยียบแป้นเบรกสำหรับเกียร์ออโต้ หรือแป้นคลัทช์สำหรับเกียร์ธรรมดา แล้วบิดกุญแจตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "START" พอเครื่องยนต์ติดก็ปล่อยกุญแจได้เลย ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องดีครับ ถ้าเป็นรุ่นที่ใช้สมาร์ทคีย์ แค่ถือกุญแจเข้าไปในรถ แล้วเหยียบเบรกกดปุ่มสตาร์ทเครื่องก็ได้แล้ว ใส่ใจกับการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอในการใช้งานประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการเริ่มต้นเนื่องจากไฟฟ้าต่ำ ในฤดูฝนของประเทศไทย หากพบระบบจุดระเบิดที่ชื้นและไม่สามารถสตาร์ทได้ คุณสามารถลองใช้ฟังก์ชั่นกุญแจรีโมทเพื่อปลดล็อก/ล็อกประตูหลายครั้งก่อนเพื่อให้ระบบจดจําสัญญาณใหม่ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ตรวจสอบหน้าสัมผัสสวิตช์จุดระเบิดทุก 2 ปีสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงเช่นกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเกิดออกซิเดชันของหน้าสัมผัสส่งผลกระทบต่อความไวในการเริ่มต้น
Q
ยางรถยนต์สำหรับ Honda City รุ่นปี 2021 มีขนาดเท่าไหร่?
ยางมาตรฐานของ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยมีขนาด 185/55 R16 ซึ่งเป็นขนาดที่ตอบโจทย์ทั้งความนุ่มสบายและความคล่องตัว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชานเมืองของไทย โดยตัวเลข 185 หมายถึงความกว้างของยางมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ส่วน 55 คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างยาง (ร้อยละ 55) และ R16 หมายถึงล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้ว สำหรับสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางแบรนด์ดังอย่างบริจสโตนหรือมิชลินที่มีคุณสมบัติการรีดน้ำดีและทนความร้อนสูง ซึ่งทั้งสองแบรนด์มีรุ่นที่เหมาะกับซิตี้โดยเฉพาะ ข้อควรระวังคือแม้การอัพเกรดไปใช้ยางที่กว้างขึ้นจะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะแต่ก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นและอาจส่งผลต่อความแม่นยำของมาตรวัดระยะทาง ดังนั้นควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญก่อนตัดสินใจเปลี่ยน นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดให้ดอกยางต้องมีความลึกไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. และควรตรวจสอบสภาพดอกยางกับความดันลมยางเป็นประจำ (ปกติลมยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ลมยางหลัง 30 psi) โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกลหรือช่วงเข้าหน้าฝนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
Q
Honda City 2021 ประหยัดน้ำมันหรือไม่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ถือว่าประหยัดน้ำมันมากๆ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและการขับขี่ระยะไกล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC แบบ CVT นั้นวิ่งได้เฉลี่ย 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นไฮบริด e:HEV นั้นยิ่งประหยัดขึ้นไปอีก ทำได้ถึง 27-28 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วยลดค่าน้ำมันได้อย่างชัดเจน รถรุ่นนี้ขายดีในไทยไม่ใช่แค่เพราะความประหยัด แต่ยังเพราะขนาดตัวรถที่กำลังดี ขับลุยในซอยแคบๆ ในกรุงเทพหรือจอดก็ง่าย แถมความทนทานของ Honda ก็ผ่านการทดสอบในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมานานแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมว่าตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ทางบริษัทประกาศอาจแตกต่างจากการใช้งานจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การเปิดแอร์ และสภาพถนนด้วย แนะนำให้คนไทยหมั่นดูแลรถตามกำหนดและขับขี่อย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็ไม่ต้องห่วง เพราะ Honda มีเครือข่ายบริการครอบคลุมทั่วไทย พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2021 คือเท่าไหร่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยทำคะแนนด้านความปลอดภัยได้ดีมาก โดยเวอร์ชันผลิตไทยผ่านการทดสอบชนจากอาเซียน NCAP และได้คะแนนเต็ม 5 ดาว ส่วนหนึ่งมาจากระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาระยะเลนรถ รวมถึงถุงลมนิรภัย 6 ใบ ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องบอกว่ามาตรฐานการทดสอบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NCAP นั้นใกล้เคียงกับสภาพการจราจรจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการเพิ่มการประเมินกรณีชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีรถมอเตอร์ไซค์หนาแน่น เวลาเลือกซื้อรถนอกจากดูเรตติ้งดาวแล้ว ควรพิจารณาว่าฟีเจอร์ปลอดภัยไหนตรงกับความต้องการใช้งาน เช่น ถ้าขับทางไกลบ่อยก็เน้นระบบช่วยเหลือผู้ขับ ขณะที่ขับในเมืองอาจดูผลทดสอบการชนความเร็วต่ำ ส่วนสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็ส่งผลต่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกเป็นประจำเพื่อให้ระบบความปลอดภัยทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
Q
เครื่องยนต์ของ Honda City 2021 คืออะไร?
รถยนต์ Honda City รุ่นปี 2021 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC Turbo 3 สูบเทอร์โบชาร์จ และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC 4 สูบแบบอัตโนมัติ รุ่น 1.0T ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่เน้นประหยัดน้ำมันสุดๆ ส่วนรุ่น 1.5L ยังคงใช้เทคโนโลยี i-VTEC แบบคลาสสิกของ Honda เหมาะกับคนที่ชอบความลื่นไหลและดูแลง่าย ในสภาพอากาศร้อนๆ และถนนซับซ้อนของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกปรับแต่งมาเฉพาะให้การระบายความร้อนและการทนอุณหภูมิสูงทำได้ดีเยี่ยม พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ที่เป็นไปตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมไทย ที่น่าสนใจคือเครื่องยนต์ของ Honda City ใช้เทคโนโลยีลดแรงเสียดทาน ช่วยลดการกินน้ำมันได้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาติดรถติดบนถนนไทยที่เจอกันบ่อยๆ แถมยังมีโหมด ECON ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกขึ้นไป ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงความโดดเด่นในตลาดรถเก๋งคอมแพคต์ของไทย เหมาะทั้งขับขี่ในเมืองและใช้เป็นรถครอบครัว
Q
ฮอนด้าซิตี้ 2024 มีความจุซีซีเท่าไหร่
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรและเครื่องยนต์แบบธรรมดา 1.5 ลิตร โดยเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรมีความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบธรรมดามีความจุ 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกออกแบบมาให้สมดุลระหว่างประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลในไทย ฮอนด้าซิตี้เป็นที่นิยมในตลาดไทยเสมอมาด้วยความน่าเชื่อถือ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง และประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปี 2024 ยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING เข้ามา ทำให้ยิ่งโดดเด่นขึ้น สำหรับลูกค้าชาวไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกเครื่องยนต์ แนะนำว่าเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรเหมาะกับคนที่เน้นประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เครื่อง 1.5 ลิตรแบบธรรมดาจะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลมากกว่า ทั้งสองแบบตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีอยู่แล้ว แค่เลือกให้เหมาะกับสไตล์การขับและงบประมาณของคุณก็พอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2024 คืออะไร
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยแสดงผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีเยี่ยม ด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบพาสซีฟที่ครบถ้วน เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบเบรก ABS ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในกลุ่มรถระดับเดียวกัน จากการทดสอบตามมาตรฐาน NCAP ของไทย คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้คะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่หลากหลาย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าประกันรถด้วย เพราะเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าในไทยมีความพร้อมสูง มีอะไหล่ครบครัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยมักคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเช่นกัน
Q
วิธีเปิดส่วนหน้าของรถ Honda Civic 2024
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารุ่นฮอนด้าซิวิค 2024 สิ่งแรกที่ต้องทำคือนั่งในที่นั่งคนขับ แล้วมองหาคันปลดล็อกฝากระโปรงหน้า ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์อยู่ด้านล่างซ้ายของพวงมาลัย ดึงคันนี้เบาๆจนได้ยินเสียงฝากระโปรงหน้ายกขึ้น จากนั้นเดินไปที่หน้าตัวรถ ใช้มือสอดเข้าไปในช่องกลางฝากระโปรง แล้วหาล็อกนิรภัยตัวที่สองให้เจอ ให้ดันล็อกนี้ไปทางซ้ายหรือขวาพร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกในห้องเครื่องเป็นประจำ เพื่อให้รถทำงานได้ปกติ และควรทำความสะอาดห้องเครื่องด้วย ระวังอย่าให้ใบไม้หรือเศษอุดตันท่อระบายน้ำ ถ้าต้องขับในพื้นที่ติดขัดอย่างกรุงเทพฯ บ่อยๆ ควรเช็กด้วยว่าฟิลเตอร์อากาศอุดตันฝุ่นหรือไม่ เพราะจะช่วยรักษาสมรรถนะเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ ส่วนเวลาปลดล็อกฝากระโปรงถ้าได้ยินเสียงเฮียกที่บานพับ ให้ทาจาระบีเล็กน้อย และเนื่องจากอากาศไทยร้อนจัดทำให้ยางซีลเสื่อมสภาพเร็ว ควรตรวจสอบความแน่นของซีลทุกๆครึ่งปี
Q
ความจุของกระโปรงท้ายรถฮอนด้าซิตี้ 2024 คือเท่าไร
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยมีปริมาตรกระโปรงหลังขนาด 536 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวหรือการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือช้อปปิ้งบ่อยๆ การออกแบบกระโปรงหลังทำได้อย่างสมเหตุสมผล มีช่องเปิดที่กว้าง ทำให้สะดวกในการลำเลียงสิ่งของ นอกจากนี้เบาะหลังยังสามารถพับลงได้ตามสัดส่วน ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก กระโปรงหลังของซิตี้ยังมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี ช่วยปกป้องสิ่งของจากความชื้นหรือความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว ปริมาตรกระโปรงหลังขนาดนี้จัดอยู่ในระดับกลางถึงดี และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า ยาริส แอททีฟแล้วยังได้เปรียบอยู่บ้าง สำหรับผู้ใช้งานไทยที่มักต้องพกพาสิ่งของจำนวนมาก พื้นที่กระโปรงหลังของซิตี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่值得พิจารณา แนะนำให้ไปทดลองบรรจุของที่ตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเองเพื่อความสะดวก และควรเปรียบเทียบกับการออกแบบกระโปรงหลังของรถรุ่นอื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน เพื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
ระบบดีเซลที่มีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี รุ่น RS ยอดนิยมมีชุดสไตล์กีฬารอบคัน RS ซึ่งประกอบด้วยกริดหน้าของรถสีดำและกระจกข้าง กันชนหน้าสไตล์กีฬา ไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไฟวิ่งกลางวันและไฟหมอก LED
ภายในรถเรือนสวยงามและมีอุปกรณ์ครบครัน มีบรรยากาศกีฬาในรถ มีหน้าจอวิทยุชั้นสูงที่สามารถสัมผัสได้ 8 นิ้ว สนับสนุน Apple CarPlay และมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
เครื่องยนต์ที่แข็งแรง DOHC VTEC TURBO ขนาด 1.0 ลิตรแบบ 3 ลูกสูบ 12 วาล์ว ที่ 5500 รอบ/นาทีมีกำลังสูงสุดถึง 122 ม้า ซึ่งเป็นค่าที่สุดในหมวดเดียวกัน

ข้อเสีย

ความสบายและความสะดวกสบายมีข้อจำกัด
ประสิทธิภาพที่ความเร็วต่ำน้อย
ราคาสูงถึง 739000 บาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และคู่แข่งมีระบบที่ไม่เยี่ยมเท่า City
ระบบความปลอดภัยไม่พอ ในด้านความปลอดภัย City แย่กว่าคู่แข่ง รุ่นใหม่ของ City ไม่มีชุด Honda Sensing เท่าที่มีเพียงระบบความปลอดภัยพื้นฐาน

Q&A ล่าสุด

Q
วิธีตรวจสอบอายุการใช้งานน้ำมันเครื่อง Honda CR-V 2022
หากต้องการตรวจสอบอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องของ Honda CR-V รุ่นปี 2022 สามารถทำได้ผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลของรถ โดยเริ่มจากการสตาร์ทรถ จากนั้นใช้ปุ่มควบคุมด้านขวาของพวงมาลัยเพื่อเลือกเมนู "การตั้งค่ารถ" หรือ "การบำรุงรักษา" เมื่อเข้าไปแล้วให้เลือก "อายุการใช้งานน้ำมันเครื่อง" เพื่อดูเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่ ระบบจะคำนวณอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องอัตโนมัติจากระยะทางที่ขับขี่ พฤติกรรมการขับขี่ และสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ แนะนำให้จัดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อเหลือประมาณ 15% นอกจากนี้ การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำก็สำคัญมาก ต้องมั่นใจว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่างของก้านวัด หากพบว่าน้ำมันเครื่องมีสีดำหรือมีสิ่งเจือปน ควรเปลี่ยนก่อนกำหนดแม้ว่ายังไม่ถึงรอบการเปลี่ยนก็ตาม ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนบ่อย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบเพื่อประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนที่ดีกว่า พร้อมทั้งปฏิบัติตามรอบการเปลี่ยนที่แนะนำในคู่มือการบำรุงรักษา ซึ่งปกติจะเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน แต่อย่างไรก็ตามควรยึดตามการแจ้งเตือนของรถเป็นหลัก ระหว่างขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับระยะสั้นบ่อยๆ หรือการเดินเบานานๆ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและส่งผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์
Q
วิธีตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์สำหรับ Honda CR-V ปี 2022
การตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ของ Honda CR-V รุ่นปี 2022 นะครับ ขั้นแรกให้จอดรถบนพื้นระดับแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่ออุ่นเครื่องจนถึงอุณหภูมิทำงานปกติ ปล่อยให้เครื่องเดินเบา จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้ามองหาไม้วัดระดับน้ำมันเกียร์ ดึงออกมาเช็ดให้สะอาดแล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ก่อนจะดึงออกมาอีกครั้ง ตรวจดูว่าระดับน้ำมันอยู่ระหว่างขีด "HOT" บนไม้วัดหรือเปล่า แถมต้องสังเกตสีของน้ำมันเกียร์ด้วยว่าควรเป็นสีแดงสดและไม่มีกลิ่นเหม็นไหม้ ถ้าเห็นน้ำมันสีดำหรือได้กลิ่นไหม้เมื่อไหร่ ต้องเปลี่ยนทันทีเลย สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรานี่ แนะนำให้ตรวจสอบน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 กิโลเมตรหรือทุก 2 ปีครับ เพราะความร้อนสูงนานๆ จะทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ดี ซีอาร์-วีรุ่นใหม่บางรุ่นอาจใช้ระบบเกียร์แบบปิดที่ต้องให้ช่างผู้ชำนาญใช้เครื่องมือเฉพาะทางตรวจสอบระดับน้ำมัน ไม่แนะนำให้ลองตรวจเองเด็ดขาดนะครับ เดี๋ยวจะเสียหายได้ น้ำมันเกียร์นี่ไม่ใช่แค่ช่วยหล่อลื่นเท่านั้น แต่ยังช่วยระบายความร้อนและทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในอีกด้วย การดูแลรักษาสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานเกียร์ได้มากเลยนะ โดยเฉพาะใครที่ขับติดรถบ่อยหรือชอบขึ้นเขาลงเขาเนี่ย ต้องระวังเป็นพิเศษ สุดท้ายนี้ ถ้าเจอว่าระดับน้ำมันเกียร์ลดลงผิดปกติละก็ อาจมีปัญหาเรื่องรอยรั่ว ควรไปที่อู่ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายให้ตรวจสอบให้เร็วที่สุดนะครับ
Q
ความจุน้ำมันเครื่องของ Honda CRV ปี 2022 คือเท่าไหร่?
สำหรับรถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทย ความจุน้ำมันเครื่องจะแตกต่างกันตามประเภทเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (รหัส L15B) ที่นิยมในไทย จะใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อเปลี่ยนพร้อมไส้กรอง แต่ถ้าไม่เปลี่ยนไส้กรองจะใช้ประมาณ 3.5 ลิตร แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรเกรด 0W-20 ตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แล้วแต่ระยะไหนมาถึงก่อน แต่ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยอาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นหน่อย เวลาเลือกน้ำมันเครื่องให้ดูสัญลักษณ์มาตรฐาน API ระดับ SN หรือ SP จะเหมาะกับเครื่องยนต์สมัยใหม่ บางคนอาจเลือกใช้เกรดสูงขึ้นถ้าต้องใช้งานหนักหรือขับทางไกลบ่อยๆ นอกจากนี้เวลาบำรุงรักษาควรตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และน้ำมันเบรคไปด้วย เพราะของเหลวเหล่านี้สำคัญต่อความปลอดภัย ถ้าเห็นว่าน้ำมันเครื่องลดลงเร็วกว่าปกติอาจเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ควรเช็คให้ชัวร์ว่าไม่มีรอยรั่ว
Q
ฉันควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใน Honda CRV ปี 2022 บ่อยแค่ไหน?
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2022 แนะนำให้ปฏิบัติตามที่บริษัทฮอนด้ากำหนดไว้ คือเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ซึ่งมาตรฐานนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดและอากาศร้อนในเมืองไทยโดยเฉพาะ แต่ถ้าใช้รถในสภาพแวดล้อมที่โหดขึ้น เช่น บริเวณที่มีฝุ่นละอองมาก หรือขับแค่ระยะสั้นแล้วจอดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตรเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด ข้อควรระวังคืออากาศร้อนชื้นของไทยทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ACEEA C2/C3 โดยเฉพาะรถเทอร์โบ นอกจากนี้ทุกครั้งที่เข้าศูนย์ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและความสะอาดด้วย ระบบเตือนการเปลี่ยนน้ำมันอัจฉริยะในรถรุ่นใหม่อาจช่วยได้บ้าง แต่การตรวจสอบด้วยมือยังจำเป็น เพราะระบบคำนวณจากระยะทางและภาระเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่สามารถบอกสภาพน้ำมันจริงได้ และหากจอดรถไว้นานๆ ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่องทุก 6 เดือน แม้ว่ายังไม่ถึงระยะทางที่กำหนดก็ตาม เพราะความชื้นอาจทำให้คุณสมบัติน้ำมันเปลี่ยนไป
Q
2022 Honda CR-V ใช้น้ำมันเครื่องเท่าไหร่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ความจุน้ำมันเครื่องจะแตกต่างกันตามประเภทเครื่องยนต์นะครับ สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (รหัส L15B) เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจะใช้ประมาณ 3.7 ลิตร รวมตลับกรองน้ำมันเครื่องแล้ว ถ้าใช้น้ำมันเครื่องเกรดบางอย่างเช่น 0W-20 ที่ตรงตามมาตรฐาน Honda Genuine จะเหมาะกับสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรามากกว่า แนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน ดูอย่างไหนถึงก่อนก็ให้เปลี่ยนตามนั้นได้เลย เวลาไปบริการที่ศูนย์ฯ เขาจะใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แบบ OEM แถมตลับกรองกับค่าแรงรวมๆ แล้วประมาณ 2,500-3,000 บาท แต่ต้องระวังหน่อยนะถ้าต้องขับรถระยะสั้นบ่อยๆ ในอากาศร้อนแบบนี้ น้ำมันเครื่องอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อาจต้องเปลี่ยนถี่หน่อยเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร แล้วก็ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องด้วยตัวเองบ่อยๆ ว่าอยู่ระหว่างขีด MIN กับ MAX สำหรับรถที่ใช้ระบบ i-MMD Hybrid สเปคน้ำมันเครื่องจะเหมือนกันแต่ช่วงเวลาบำรุงรักษาอาจต่างนิดหน่อย ต้องดูคู่มือรถประกอบด้วย เวลาเลือกน้ำมันเครื่องนอกจากจะดูมาตรฐาน API SN/SP แล้ว ควรหาสัญลักษณ์รับรอง ILSAC GF-6 ด้วย เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้จะช่วยปกป้องเครื่องยนต์ดีพิเศษในตอนเย็นและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ดูเพิ่มเติม