Q

Toyota Yaris Cross มีสีอะไรบ้าง

Toyota Yaris Cross มีตัวเลือกสีทั้งแบบสองสีและสีเดียว ตัวเลือกสีแบบสองสีประกอบด้วย DARK TURQUOISE / BLACK ROOF, SPICY SCARLET / BLACK ROOF, PLATINUM WHITE PEARL / BLACK ROOF, METAL STREAM METALLIC / BLACK ROOF ส่วนสีเดียวมี DARK TURQUOISE, SPICY SCARLET, PLATINUM WHITE PEARL, METAL STREAM METALLIC, URBAN METAL, ATTITUDE BLACK MICA
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris Cross มีอะไรบ้าง?
Toyota Yaris Cross มีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น พื้นที่ภายในรถค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะสำหรับคนตัวสูง หากผู้ขับมีความสูงมาก อาจปรับเบาะให้นั่งสบายได้ยาก และหากมีผู้โดยสารที่สูงเกิน 180 ซม. นั่งด้านหน้า คนที่นั่งเบาะหลังจะรู้สึกอึดอัด ในด้านสมรรถนะ รถรุ่นนี้ไม่ได้เน้นความแรง การเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไม่ได้โดดเด่น และไม่ค่อยให้ความรู้สึก “แรงดึงหลัง” เท่าไหร่ ภายในห้องโดยสารใช้พลาสติกแข็งค่อนข้างมาก ทำให้ความรู้สึกของวัสดุและคุณภาพสัมผัสดูธรรมดา นอกจากนี้ การใช้งานบางฟังก์ชันก็ไม่สะดวก เช่น การปิดบางระบบต้องเข้าไปตั้งค่าลึกในเมนูหน้าจอ บางเมนูใช้งานได้เฉพาะตอนรถจอดเท่านั้น และบางฟังก์ชันต้องทำตามขั้นตอนตามข้อกำหนดของยุโรปทุกครั้งที่ใช้งาน
Q
Toyota Yaris Cross อยู่ใน Segment ไหน?
Toyota Yaris Cross เป็นรถในระดับ C-Segment หรือก็คือรถคอมแพคที่มีขนาดกำลังดี ความยาว 4,310 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. ทำให้ขับขี่ในชีวิตประจำวันได้สะดวกและจอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5L แบบธรรมชาติ (NA) ให้กำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร และยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลัง ทำให้ระบบรวมให้กำลังสูงถึง 82 กิโลวัตต์ เพียงพอต่อการขับขี่ทั่วไป ราคาอยู่ที่ 789,000 ถึง 899,000 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่เหมาะสมสำหรับหลายครอบครัวที่กำลังมองหารรถสักคัน นอกจากนี้ Toyota Yaris Cross ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ ถุงลมนิรภัย 6 ตัน แอร์หลัง ให้ความสบายทุกที่นั่ง เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง ท่องเที่ยวใกล้ๆ หรือใช้เป็นรถครอบครัวในชีวิตประจำวัน
Q
ราคารถมือสองของ Toyota Yaris Cross ประมาณเท่าไหร่?
ราคารถมือสองของ Toyota Yaris Cross ขึ้นอยู่กับรุ่น ปีที่ผลิต สภาพรถ และระยะทางที่ใช้งาน ปัจจุบันรุ่นปี 2023 เช่น Yaris Cross HEV Smart มีราคาประมาณ 789,000 บาท, รุ่น HEV Premium ราคา 849,000 บาท และรุ่น HEV Premium Luxury ราคา 899,000 บาท ส่วนรุ่นปี 2020 ยังไม่มีข้อมูลการขายชัดเจน ถ้ารถปีใหม่ สภาพดี และวิ่งน้อย ราคาขายต่อก็จะสูงกว่า แต่ถ้ารถเก่า มีรอยหรือวิ่งมาเยอะ ราคาจะลดลงมาก โดยทั่วไปแล้วรถที่ใช้งานไปแล้ว ราคาขายต่อจะลดลงจากราคาป้ายแดงพอสมควร ซึ่งราคาที่แน่นอนควรให้ผู้ประเมินรถมือสองเป็นคนดูโดยตรงเพื่อความแม่นยำ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris Cross มีความจุกี่ซีซี?
Toyota Yaris Cross ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,496 ซีซี หรือที่เรียกกันว่า 1.5 ลิตร เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซินธรรมดา 4 สูบ ระบบดูดอากาศเป็นแบบธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีรุ่นไฮบริดที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังเพียงพอต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และมาพร้อมเกียร์ E-CVT ที่ช่วยให้ขับขี่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันอีกด้วย.
Q
Toyota Yaris Cross ใช้เครื่องยนต์แบบไหน?
Toyota Yaris Cross มีหลายรุ่นให้เลือก โดยบางรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบธรรมดา (NA) เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า (67 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที นอกจากนี้ยังมีรุ่นไฮบริด ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวรซิงโครนัส ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้า (59 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้งระบบแล้ว ให้กำลังรวม 111 แรงม้า และแรงบิดรวม 121 นิวตันเมตร การจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์และระบบไฮบริดนี้ ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน ขับขี่นุ่มนวล เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและขับทางไกล ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
Q
เกียร์ของ Toyota Yaris Cross เป็นแบบไหน?
Toyota Yaris Cross ใช้เกียร์แบบ E-CVT ซึ่งเป็นเกียร์ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การส่งกำลังนุ่มนวล ประหยัดน้ำมัน และขับขี่สบาย เกียร์ E-CVT ยังสามารถปรับอัตราทดได้ตามสภาพถนนและความต้องการของผู้ขับขี่ ช่วยให้รถตอบสนองได้ดีในทุกสถานการณ์ รุ่นต่างๆ ของ Yaris Cross เช่น Smart, Premium และ Premium Luxury ก็ใช้เกียร์แบบนี้ทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจในสมรรถนะที่มั่นคงของตัวรถ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris Cross คือเท่าไหร่?
Toyota Yaris Cross ที่วางขายในไทยใช้ล้อที่มีขนาด PCD 5×100 (หมายถึงมีรูน็อต 5 รู วัดระยะวงกลมได้ 100 มม.) ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานเดียวกับรถ SUV ขนาดเล็กหลายรุ่น เช่น Honda HR-V หรือ Toyota Corolla Cross ก็ใช้ขนาดนี้เช่นกัน ถ้าคิดจะเปลี่ยนล้อแม็ก แนะนำให้ตรวจสอบขนาดรูดุมกลาง (CB) และค่า Offset (ET) ให้เหมาะสมด้วย ร้านแต่งรถในไทยส่วนใหญ่จะแนะนำล้อที่ผ่านมาตรฐาน JWL/VIA เพื่อความปลอดภัย และมักแนะนำแบรนด์ดัง เช่น Enkei หรือ Rays ที่เป็นล้อแบบน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนล้อที่มีขนาดแตกต่างมากจากเดิม อาจกระทบระบบช่วงล่างหรือเงื่อนไขการรับประกันของศูนย์ แนะนำให้ปรึกษาศูนย์บริการ Toyota ในไทยก่อนตัดสินใจเปลี่ยนครับ
Q
Toyota Yaris Cross มีฟังก์ชัน Apple CarPlay ไหม?
Toyota Yaris Cross รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถ โดยทั่วไปแล้ว รุ่นปี 2022 ขึ้นไปจะมาพร้อม CarPlay แบบไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone ผ่านหน้าจอกลางเพื่อใช้งานแผนที่ ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ได้ทันที แต่สำหรับรุ่นก่อนหน้าหรือรุ่นย่อยบางรุ่นอาจต้องเชื่อมต่อผ่านสาย USB แนะนำให้ตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่าย Toyota ในประเทศไทยก่อนตัดสินใจซื้อ หากพบปัญหาในการเชื่อมต่อ สามารถนำรถเข้ารับบริการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ศูนย์บริการ Toyota ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้ฟรีภายในระยะเวลารับประกัน เพื่อให้ระบบรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เต็มรูปแบบ.
Q
ยางติดรถ Toyota Yaris Cross ใช้ยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Toyota Yaris Cross จะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและออปชั่นที่เลือก โดยส่วนใหญ่ใช้ยี่ห้อระดับโลก เช่น Bridgestone หรือ Dunlop รุ่นยอดนิยมก็เช่น Bridgestone Ecopia หรือ Dunlop Enasave ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและเงียบขณะขับขี่ ขนาดยางที่พบได้บ่อยคือ 215/60 R17 หรือ 215/55 R18 แล้วแต่รุ่น เวลาจะเปลี่ยนยาง แนะนำให้เลือกยี่ห้อและขนาดเดียวกับของเดิม โดยเฉพาะถ้าขับบ่อยช่วงหน้าฝน อาจเลือกยางที่รีดน้ำดีอย่าง Michelin Primacy 4 ก็ได้ แต่หลังเปลี่ยนควรตั้งค่าระบบตรวจเช็คลมยาง (TPMS) ใหม่ และควรหมุนสลับยางตามระยะที่ศูนย์บริการ Toyota เพื่อลดการสึกหรอ เพราะสภาพอากาศร้อนในไทยทำให้ยางเสื่อมเร็ว.
Q
Toyota Yaris Cross เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันเลย
Toyota Yaris Cross ถือว่าเป็นรถที่ดีรุ่นหนึ่ง มีข้อดีหลายด้าน โดยตัวรถถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA เป็น SUV ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหญ่และไฟหน้า LED ที่ดูเฉียบคม กันชนหน้าเสริมมิติให้รถดูสปอร์ตมากขึ้น ด้านความปลอดภัยก็จัดเต็ม มาพร้อม ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบไฮบริด ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 3.8 ลิตรต่อ 100 กม. เหมาะกับการใช้งานในเมือง ภายในออกแบบลงตัว พื้นที่ใช้สอยพอเหมาะ ระยะฐานล้อ 2,620 มม. และความสูง 1,615 มม. เพียงพอต่อการใช้งานประจำวัน อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดที่ควรพิจารณา เช่น สมรรถนะเครื่องยนต์อาจยังไม่ตอบโจทย์การเร่งแซงบนทางด่วน และวัสดุบางจุดในห้องโดยสารอาจไม่หรูหรามากนัก อาจไม่ถูกใจสายเน้นพรีเมียม.

ข้อดี

ขับได้สบายในพื้นที่
ระบบขับเคลื่อนประหยัดน้ำมันรถวิ่งแบบไหลลื่นบนถนนในเมืองที่สภาพถนนไม่ดี,สามารถผ่านทางน้ำที่สะสมอยู่เล็กน้อย
สามารถนำของหายนะหลายตัวไปได้โดยที่ไม่ต้องขูดสระ
ไม่มีคู่แข่งที่เทียบเท่าในชั้นเดียวกันมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์
มาตรฐานด้วยกล้องถ่ายภาพหน้าและหลังบนรถ

ข้อเสีย

พื้นที่สำหรับสัมภาระอาจมากขึ้น
ราคาสูงเมื่อเทียบกับพลังงานและข้อมูลจำเพาะ
พลาสติกของภายในมากเกินไป
ระบบความปลอดภัยน้อยลง ไม่มีระบบความปลอดภัยริเริ่ม
เครื่องเสียงไม่รองรับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ไม่มีแผนที่ภายใน

Q&A ล่าสุด

Q
รหัสรุ่นของ BMW M5 Touring คืออะไร?
รุ่น BMW M5 Touring ที่มีรหัสว่า G99 นี่คือครั้งแรกที่ BMW ขยายซีรีส์ M5 ประสิทธิภาพสูงออกมาในรูปแบบสเตชันวากอน คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2024 พร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ เหมือนกับรุ่น M5 ปัจจุบัน ให้กำลังสูงสุดถึง 718 แรงม้า สำหรับตลาดไทยแล้ว สเตชันวากอนสมรรถนะสูงรุ่นนี้จะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความประหยัดพื้นที่ควบคู่ไปกับความสนุกในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายและความต้องการใช้งานในครอบครัวของคนไทย ประเทศไทยในฐานะตลาดรถสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการรถสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง และการมาของ M5 Touring จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในประเทศ แม้ว่ารถสเตชันวากอนในไทยจะยังไม่เป็นที่นิยมเท่า SUV แต่ด้วยพื้นที่กระเป๋าหลังที่กว้างขวางและการควบคุมที่คมชัดไม่แพ้รถเก๋ง กำลังเริ่มได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นไลฟ์สไตล์ แนวโน้มในอนาคตเมื่อเทรนด์รถไฟฟ้ามาแรง ตลาดไทยอาจได้เห็นสเตชันวากอนสมรรถนะสูงแบบไฮบริดหรือไฟฟ้ามากขึ้น แต่สำหรับ M5 Touring ที่ยังเป็นตัวแทนของรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม ก็ยังคงมีความพิเศษในแบบของมันเอง
Q
BMW M5 Touring ใช้น้ำมันดีเซลไหม?
ปัจจุบัน BMW M5 Touring ยังไม่มีรุ่นดีเซลออกมา โดยรถยนต์สมรรถนะสูงประเภทเอสเตทคันนี้ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดปลั๊กอิน ซึ่งให้ทั้งพลังทำเนียบแรงและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระดับหนึ่ง สำหรับตลาดไทย รถดีเซลเริ่มลดความนิยมลง ขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้รถสมรรถนะสูงแบบไฮบริดอย่าง M5 Touring น่าจะได้รับความสนใจมากกว่า เวลาคนไทยเลือกซื้อรถเอสเตทสมรรถนะสูง นอกจากจะดูเรื่องแรงแล้ว ก็ยังต้องคำนึงถึงความประหยัดน้ำมันและเรื่องภาษีด้วย ซึ่งระบบไฮบริดของ M5 Touring นี่แหละที่ตอบโจทย์ได้ครบ นอกจากนี้สภาพถนนและไลฟ์สไตล์การขับขี่ในไทยก็เหมาะกับความอเนกประสงค์ของรถเอสเตท ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ M5 Touring ก็ให้ทั้งประสบการณ์การขับที่ดีย์และความใช้งานได้จริง สำหรับคนไทยที่ชอบแบรนด์ BMW และต้องการรถที่มีพื้นที่กว้างขวาง M5 Touring ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้จะไม่ใช่รุ่นดีเซล แต่ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ครบครัน ก็ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ระดับไฮเอนด์ได้อยู่หมัด
Q
M5 Touring มีกี่แรงม้า?
BMW M5 Touring มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที แสดงความแรงแบบสุดๆ ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและการตั้งค่าตัวถังแบบพิเศษของ M5 Touring ช่วยรับมือกับทั้งอุณหภูมิสูงและถนนคดเคี้ยวได้ดี แถมยังมีห้องโดยสารหรูและพื้นที่กว้างขวาง เหมาะทั้งสำหรับครอบครัวและการเดินทางไกล สำหรับคนไทยแล้ว M5 Touring ไม่ใช่แค่รถเอสเตทสปอร์ตแต่ยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันและความสนุกในการขับขี่ เป็นตัวเลือกที่ลงตัวระหว่างความเร็วกับความ практиจริงๆ นอกจากนี้วัฒนธรรมแต่งรถในไทยค่อนข้างเฟื่องฟู และพื้นฐานความแรงของ M5 Touring ก็เปิดโอกาสให้อัพเกรดต่อได้อีก แต่แนะนำให้แต่งกับศูนย์บริการอย่างเป็นทางการเพื่อความปลอดภัยและรักษาสิทธิ์การรับประกันไว้
Q
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน BMW M5 Touring เท่าไหร่?
BMW M5 Touring เป็นรถเอสเตทสมรรถนะสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด 48V ที่ช่วยให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ประมาณ 10.5-12.3 ลิตร/100 กม. อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้อาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อากาศร้อนและมีการจราจรหนาแน่นอย่างในกรุงเทพฯ อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้ใช้โหมด Eco Pro เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น รุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive และเกียร์ 8 สปีด Steptronic ที่ตอบโจทย์ทั้งความแรงและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการเดินทางไกลในไทย ถ้าอยากประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ระบบไฮบริดช่วยปรับการทำงานช่วงเร่งเครื่องและเก็บพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนในไทยรถสปอร์ตสมรรถนะสูงแบบนี้ควรเติมน้ำมันเบนซินเกรด 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีที่สุด
Q
BMW M5 Touring เป็นรถไฟฟ้าหรือเปล่า?
ปัจจุบัน BMW ยังไม่ได้เปิดตัวรุ่น M5 Touring แบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่จากแผนกลยุทธ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจมีการพัฒนารถสเตชั่นแวกอนสมรรถนะสูงแบบไฟฟ้าออกสู่ตลาด ซึ่งตลาดในไทยเองก็เริ่มมีความต้องการรถแนวนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการรถใช้งานเอนกประสงค์ควบคู่กับสมรรถนะสูง ในประเทศไทย ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายสนับสนุนด้านภาษี ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงน่าสนใจยิ่งขึ้น สำหรับรุ่น i4 M50 และ iX M60 ที่ BMW จำหน่ายในไทยก็มียอดตอบรับดี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ BMW ในด้านเทคโนโลยีรถไฟฟ้าระดับสูง หากในอนาคตมีการเปิดตัว M5 Touring รุ่นไฟฟ้า ก็มีแนวโน้มว่าจะมาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้ารุ่นล่าสุด และแบตเตอรี่สมรรถนะสูง ที่ให้ทั้งพลังในการขับขี่และระยะทางวิ่งที่ดี ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ซึ่งถือว่าเหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการรถขับสนุก ใช้ได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยที่เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายของ BMW ในไทยก็มีความพร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบถ้วน
ดูเพิ่มเติม