Q

Honda City คืออะไร นี่คือคำแนะนำแบบเต็มๆ ให้คุณ

Honda City เป็นรถยนต์สำคัญของฮอนด้าที่จำหน่ายในตลาดไทย อยู่ในกลุ่ม C-Segment มีหลายรุ่นเครื่องยนต์ทั้งแบบน้ำมันและไฮบริด รุ่นน้ำมันความจุ 988 มิลลิลิตร ใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า กำลังไฟ 90 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลืองอย่างเป็นทางการ 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นไฮบริดมีเครื่องยนต์ความจุ 1498 มิลลิลิตร ระบบดูดอากาศธรรมดา กำลังสูงสุดเครื่องยนต์ 98 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 109 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 205 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองอย่างเป็นทางการ 3.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ด้านอุปกรณ์ ฮอนด้า ซิตี้ มีความครบครัน ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพระบบเตือนออกนอกเลน ระบบเบรกอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยสูงสุด 6 จุด บางรุ่นมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ไฟหน้าอัตโนมัติ เป็นมาตรฐาน บางรุ่นเสริมแอร์หลังและหลังคาซันรูฟ ด้านดีไซน์ รุ่นปรับโฉม City Hatchback เน้นความสปอร์ต มีการปรับหน้ากระจังและกันชน รุ่น RS เพิ่มความโดดเด่นด้วยชิ้นส่วนตกแต่งเฉพาะ ราคา 2024 อยู่ระหว่าง 599000 ถึง 799000 บาท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลายกลุ่ม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda City คืออะไร
Honda City แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง ผู้ใช้บางส่วนให้ความเห็นว่าการออกแบบภายในดูธรรมดา ขาดความแปลกใหม่และความหรูหราในด้านวัสดุและรายละเอียดการผลิต ระบบเครื่องเสียงและเชื่อมต่อต่าง ๆ ยังขาดความเสถียร โดยในบางครั้งเกิดปัญหาสัญญาณหลุดหรือค้าง โดยเฉพาะเมื่อชาร์จมือถือในช่วงฤดูร้อนที่มีความร้อนสูง ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อการเล่นเพลงและฟังก์ชันอื่น ๆ ระบบช่วงล่างทำงานได้ตามมาตรฐานทั่วไป เมื่อผ่านถนนขรุขระหรือทางลดความเร็ว รถจะมีอาการโยกคลอนชัดเจน ส่งผลต่อความสบายในการขับขี่และโดยสาร อย่างไรก็ตาม ข้อด้อยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและความต้องการของแต่ละบุคคล ผู้ซื้อควรพิจารณาตามความชอบและความสำคัญส่วนตัวในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ
Q
ฮอนด้า ซิตี้ อยู่ในเซกเมนต์ไหน
Honda City จัดอยู่ในกลุ่มตลาด C-Segment รุ่นนี้มีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัดโดยมีความยาว 4580 หรือ 4589 มิลลิเมตร ความกว้าง 1748 มิลลิเมตร ความสูง 1467 หรือ 1480 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2589 มิลลิเมตร ออกแบบเพื่อเน้นความคุ้มค่าในการใช้พื้นที่และความสะดวกสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มีตัวเลือกขุมพลังหลายแบบทั้งเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ด้านอุปกรณ์มาตรฐานมีระบบความปลอดภัยอย่าง ABS และระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ บางรุ่นยังติดตั้งระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายระดับสูง ราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 599000 ถึง 799000 บาท โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวทั่วไปและผู้ที่ต้องการรถใช้งานประจำวันในเมืองอย่างคุ้มค่า
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda City คืออะไร
Honda City ในฐานะรถยนต์ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมสูง มักมีอัตราการรักษามูลค่ารถมือสองที่ดี ตัวอย่างเช่น รุ่นปี 2020 Honda City RS เมื่อใช้งานปกติและระยะทางไม่เกิน 5 หมื่นกิโลเมตร หลังผ่านไป 3 ปี มีอัตรามูลค่าคงเหลือประมาณ 65 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่ารถที่มีราคาต้นทางราว 8 แสนบาท ยังสามารถขายต่อได้ในราคา 5 ถึง 5.6 แสนบาท มูลค่าคงเหลือขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ระยะทางการใช้งาน ประวัติการดูแลรักษา และสภาพรถ รุ่นไฮบริด (e HEV) มักรักษามูลค่าได้ดีกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินประมาณ 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลจากสมาคมประเมินราคายานยนต์ไทยหรือ TAVA ระบุว่า รถ Honda City ที่มีอายุ 5 ปี ยังรักษามูลค่าได้ประมาณ 50 ถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ดีกว่ารถในกลุ่มเดียวกันรุ่นอื่น ๆ
Q
Honda City มีกี่ซีซี
Honda City รุ่นต่างๆ มีขนาดความจุกระบอกสูบแตกต่างกันไปบางรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมีความจุ 988 มิลลิลิตร และบางรุ่นไฮบริด eHEV มีความจุ 1498 มิลลิลิตรโดยทั่วไปขนาดความจุกระบอกสูบจะส่งผลต่อสมรรถนะและอัตราการใช้น้ำมันเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่าเช่น 988 มิลลิลิตรจะเน้นความประหยัดน้ำมันเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงขณะที่เครื่องยนต์ขนาด 1498 มิลลิลิตรให้กำลังที่มากกว่าเหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการแรงบิดสูงเช่นการเร่งแซงหรือขึ้นทางชันผู้บริโภคจึงควรเลือกขนาดเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการและรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันของตน
Q
เครื่องยนต์ของ Honda City คืออะไร
Honda City มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลายรุ่นบางรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 10 ลิตร VTEC Turbo แบบ 3 สูบพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ที่ 5500 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตรที่ 4500 รอบต่อนาทีอีกรุ่นคือ eHEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 15 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศหรือเครื่องอัดอากาศแบบตามธรรมชาติให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้ากำลังสูงสุด 72 กิโลวัตต์ที่ 6400 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 5000 รอบต่อนาทีเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้สมรรถนะโดยรวมที่ทรงพลังยิ่งขึ้นเครื่องยนต์เหล่านี้มีเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีโดยบางรุ่นยังผสานนวัตกรรมที่เน้นทั้งสมรรถนะและการประหยัดพลังงานควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Q
เกียร์ของ Honda City เป็นแบบไหน
Honda City ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบันมีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบตามประเภทของขุมพลังรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 15 ลิตรเช่นรุ่น SV และ RS มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่พัฒนาโดย Honda ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลในการเร่งความเร็วและประหยัดน้ำมันเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯส่วนรุ่นไฮบริด eHEV ใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติแบบ ECVT ที่ทำงานต่างจาก CVT ทั่วไปโดยอาศัยการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวและเครื่องยนต์เพื่อควบคุมการจ่ายกำลังซึ่งเป็นจุดแข็งของเทคโนโลยีไฮบริดจาก Honda ผู้บริโภคในไทยควรทราบว่าไม่ว่าจะเป็นเกียร์ CVT หรือ ECVT ทาง Honda แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40000 กิโลเมตรหรือทุก 2 ปีตามสภาพอากาศร้อนในไทยและในช่วงฤดูฝนควรตรวจสอบการซีลของระบบเกียร์เป็นพิเศษเพราะจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของเกียร์และมูลค่าขายต่อของรถในอนาคตโดยตรง
Q
PCD Size ของ Honda City คืออะไร
Honda City ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นไฮบริดใช้ล้อแม็กที่มีค่า PCD หรือระยะรูน็อตเป็น 4x1143 หมายถึงมีรูน็อต 4 รูเรียงบนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1143 มิลลิเมตรซึ่งเป็นสเปกเดียวกับรถญี่ปุ่นรุ่นนิยมในไทยอย่าง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage ทำให้สะดวกในการเลือกเปลี่ยนล้อหรือยางอะไหล่สำหรับเจ้าของรถในประเทศไทยนอกจากค่า PCD แล้วควรตรวจสอบค่าหลักอื่นๆ ได้แก่รูดุมล้อหรือ Center Bore ขนาด 641 มิลลิเมตรเกลียวน็อตขนาด M12x15 และค่า Offset ที่แนะนำให้อยู่ในช่วงบวก 40 ถึง 50 เนื่องจากถนนในหลายจังหวัดของไทยมีสภาพไม่ราบเรียบแนะนำให้เลือกล้อแม็กขนาด 15 ถึง 16 นิ้ว J6 ถึง J7 แบบน้ำหนักเบาหรือฟอร์จเพื่อให้เหมาะสมกับระบบช่วงล่างและรองรับถนนในฤดูฝนได้ดียิ่งขึ้นหากต้องการเปลี่ยนแม็กในไทยควรซื้อจากร้านค้าที่จำหน่ายล้อที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ TISI เช่นแบรนด์ Racing Star หรือ RS Wheels เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการตรวจสภาพรถประจำปี
Q
รถ Honda City มี Apple Carplay ไหม
Honda City ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นไฮบริด eHEV ในรุ่นกลางถึงรุ่นท็อปเช่นรุ่น RS มาพร้อมฟังก์ชัน Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยสามารถเชื่อมต่อ iPhone แบบไร้สายผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานแผนที่เพลงและโทรศัพท์ได้สะดวกมากขึ้นในสภาพการจราจรที่หนาแน่นของประเทศไทยCarPlay ต้องใช้ iPhone ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 90 ขึ้นไประบบรถยนต์ในเวอร์ชันไทยยังรองรับเมนูภาษาไทยและมีตัวเลือกแผนที่ที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานในประเทศสำหรับรุ่นล่างอย่าง SV ที่ไม่มี CarPlay จากโรงงานสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ที่ร้านอัปเกรดรถยนต์เฉพาะทางในเมืองใหญ่เช่นศูนย์เครื่องเสียงใน Fortune Town กรุงเทพหรือร้านประดับยนต์ในเชียงใหม่เนื่องจากอากาศร้อนในไทยอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แนะนำให้ใช้ที่ยึดโทรศัพท์กับช่องแอร์เพื่อช่วยระบายความร้อนและตรวจสอบความเสถียรของพอร์ต USB ที่ศูนย์บริการฮอนด้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ใช้งาน CarPlay ได้อย่างราบรื่นหากต้องขับในพื้นที่ห่างไกลเป็นเวลานานควรดาวน์โหลดแผนที่แบบออฟไลน์ล่วงหน้าเนื่องจากบางพื้นที่ชนบทอาจไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4G ครอบคลุมเพียงพอ
Q
รถ Honda City เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
Honda City เป็นรถที่น่าสนใจและมีจุดเด่นหลายด้านด้านดีไซน์ภายนอกเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นโดยเฉพาะรุ่น City Hatchback ที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Honey Comb กันชนหน้าใหม่และแถบตกแต่ง Honda Solid Wing สีดำแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กลงไฟท้ายแบบสามมิติรมดำพร้อมสปอยเลอร์ดีไซน์สปอร์ตและล้อสีดำทั้งชุดให้ความรู้สึกดุดันภายในห้องโดยสารมีการเพิ่มรายละเอียดการตัดเย็บบริเวณแผงประตูพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรุ่นย่อยบางรุ่นรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายพร้อมแท่นชาร์จไร้สายอุปกรณ์ความปลอดภัยจัดเต็มทุกรุ่นด้วยระบบ Honda Sensing ที่มีฟังก์ชันช่วยขับขี่เช่นกล้องมองหลังและระบบเตือนรถออกนอกเลนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานแต่อาจมีข้อจำกัดบางประการเช่นพื้นที่ภายในไม่ได้กว้างขวางเท่ารุ่นที่เน้นเรื่องความจุเป็นหลักและระบบเกียร์ CVT บางรุ่นอาจตอบสนองได้ไม่ทันใจในจังหวะขับขี่แบบเร่งเร้าโดยรวมแล้ว Honda City เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันและเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าน่าพิจารณา
Q
ราคาภาษีรถยนต์ของ Honda City คือเท่าไหร่ วิธีการคำนวณอย่างไร
การคำนวณภาษีรถยนต์สำหรับ Honda City ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับความจุกระบอกสูบและอายุการใช้งานตามหลักเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินจะคิดภาษีโดย 1000cc แรกคิดที่ 2 บาทต่อ cc และส่วนที่เกิน 1000cc ถึง 1500cc คิดที่ 3 บาทต่อ cc ดังนั้นรุ่นเครื่องยนต์ 15 ลิตรหรือ 1497cc จะเสียภาษีปีละ 1000 คูณ 2 เท่ากับ 2000 บวก 497 คูณ 3 เท่ากับ 1491 รวมเป็น 3491 บาทสำหรับรุ่นไฮบริด eHEV ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 15 ลิตรเช่นกันจะได้รับส่วนลดภาษี 20 เปอร์เซ็นต์ตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานใหม่ทำให้จ่ายจริงเพียง 2792 บาทภาษีรถยนต์ต้องชำระก่อนวันครบอายุทะเบียนในแต่ละปีที่สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หากล่าช้าจะมีค่าปรับวันละ 1 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมาไทยมีนโยบายเพิ่มภาษีตามอายุรถกรณีรถมีอายุมากกว่า 10 ปีอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได 5 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ผู้ใช้รถในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM25 สูงเช่นกรุงเทพฯควรเก็บเอกสารผลตรวจไอเสียผ่านมาตรฐานไว้เพื่อแสดงเมื่อมีการตรวจสอบแม้อัตราภาษีจะเท่ากันทั่วประเทศแต่การจดทะเบียนในชื่อบริษัทสามารถใช้เป็นเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มได้บางส่วน

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
ระบบดีเซลที่มีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี รุ่น RS ยอดนิยมมีชุดสไตล์กีฬารอบคัน RS ซึ่งประกอบด้วยกริดหน้าของรถสีดำและกระจกข้าง กันชนหน้าสไตล์กีฬา ไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไฟวิ่งกลางวันและไฟหมอก LED
ภายในรถเรือนสวยงามและมีอุปกรณ์ครบครัน มีบรรยากาศกีฬาในรถ มีหน้าจอวิทยุชั้นสูงที่สามารถสัมผัสได้ 8 นิ้ว สนับสนุน Apple CarPlay และมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
เครื่องยนต์ที่แข็งแรง DOHC VTEC TURBO ขนาด 1.0 ลิตรแบบ 3 ลูกสูบ 12 วาล์ว ที่ 5500 รอบ/นาทีมีกำลังสูงสุดถึง 122 ม้า ซึ่งเป็นค่าที่สุดในหมวดเดียวกัน

ข้อเสีย

ความสบายและความสะดวกสบายมีข้อจำกัด
ประสิทธิภาพที่ความเร็วต่ำน้อย
ราคาสูงถึง 739000 บาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และคู่แข่งมีระบบที่ไม่เยี่ยมเท่า City
ระบบความปลอดภัยไม่พอ ในด้านความปลอดภัย City แย่กว่าคู่แข่ง รุ่นใหม่ของ City ไม่มีชุด Honda Sensing เท่าที่มีเพียงระบบความปลอดภัยพื้นฐาน

Q&A ล่าสุด

Q
รถ E-Class ปลอดภัยหรือไม่?
Mercedes-Benz E-Class ในตลาดประเทศไทยเป็นรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูงมากติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยหลายรายการเช่นระบบ PRE-SAFE ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่โดยเฉพาะในสภาพจราจรที่ซับซ้อนอย่างกรุงเทพมหานคร ระบบความปลอดภัยเชิงรุกช่วยลดความเสี่ยงจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ E-Class ได้รับคะแนนระดับห้าดาวจากการทดสอบการชน Euro NCAP โครงสร้างตัวถังแข็งแรงและติดตั้งถุงลมนิรภัยครบถ้วนเพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ระบบเบรกและโปรแกรมควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพถนนเปียกชื้นของประเทศไทย เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ สำหรับผู้บริโภคไทยที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย E-Class เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและมีสมรรถนะความปลอดภัยเป็นผู้นำในกลุ่มรถระดับเดียวกันทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
Q
Is E-Class เป็นรถที่เชื่อถือได้หรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ในฐานะรถยนต์หรูขนาดกลางใหญ่ที่วางขายในตลาดไทย มีความน่าเชื่อถือในภาพรวมค่อนข้างดี เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จและเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะที่ใช้ในรุ่นนี้เป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการพัฒนามาอย่างดีแล้ว โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทยได้เป็นอย่างดี ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอี-คลาสในรุ่นปีหลังๆ นั้นมีความเสถียรมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดสในไทยก็ครอบคลุม พร้อมนโยบายประกันจากโรงงานที่ให้ความคุ้มครอง 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องการบำรุงรักษาในระยะยาวได้ดี อย่างไรก็ตาม สภาพความชื้นสูงของไทยอาจเป็นปัจจัยที่กระทบต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถหรู แนะนำให้ตรวจสอบวงจรไฟฟ้าเป็นประจำ ส่วนสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองไทยอาจทำให้รุ่นไฮบริดอย่าง E 300e มีความเหมาะสมมากขึ้น ในกลุ่มรถระดับเดียวกัน อี-คลาสมีอัตราการถือครองที่มั่นคงในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ แต่ควรระวังเรื่องระยะเวลารออะไหล่สำหรับบางรุ่นที่นำเข้า โดยรวมแล้ว หากดูแลรักษาตามคู่มืออย่างเคร่งครัด อี-คลาสจะให้ประสบการณ์การใช้งานที่คุ้มค่าตามมาตรฐานรถหรู แนะนำให้ผู้ใช้ในไทยเลือกรุ่นดีเซลหรือปลั๊ก-อินไฮบริดที่ประกอบในประเทศ เพราะให้ความประหยัดและเหมาะกับสภาพการใช้งานในไทยมากกว่า
Q
เมอร์เซเดส อี-คลาส ทนทานไหม?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสอี ในตลาดไทยแสดงความทนทานในระยะยาวได้ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นผลมาจากงานฝีมือมาตรฐานเยอรมันและการออกแบบที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ระบบระบายความร้อนที่เสริมความแข็งแกร่งและการป้องกันสนิม สภาพอากาศที่ร้อนและฝนชุกของไทยถือเป็นการทดสอบที่หนักหนาสำหรับชิ้นส่วนโลหะและระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรุ่นอี แต่รถที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอมักจะวิ่งได้เกิน 300,000 กิโลเมตร สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามช่วงเวลาบำรุงรักษาที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแนะนำ โดยเฉพาะการตรวจสอบระบบแอร์ แบตเตอรี่ และชิ้นส่วนยาง ถนนไทยมีความซับซ้อน แนะนำให้เลือกแบบที่มีระบบกันสะเทือนลมเพื่อเพิ่มความทนทานของช่วงล่าง อะไหล่แท้จากตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทยและน้ำมันเครื่องที่ปรับสูตรสำหรับอากาศร้อนสามารถยืดอายุเครื่องยนต์ได้อย่างเห็นได้ชัด อัตราการรักษามูลค่ารถมือสองของคลาสอีในตลาดรถหรูไทยยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ สำหรับเจ้าของที่ต้องการใช้งานระยะยาว แนะนำให้ซื้อรถมือสองที่ผ่านการรับรองจากทางบริษัทและเพิ่มบริการรับประกันระยะยาว พร้อมทั้งระวังการสึกหรอของเกียร์จากการขับ停สลับกันบ่อยในเมืองอย่างกรุงเทพฯ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์บ่อยขึ้นจะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
Q
E-Class บำรุงรักษาสูงหรือไม่?
Mercedes-Benz E-Class ในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอยู่ในระดับกลางถึงสูง แม้ว่าชิ้นส่วนและค่าบำรุงรักษาจะสูงกว่ารถทั่วไปแต่ความน่าเชื่อถือโดยรวมดีและค่าใช้จ่ายระยะยาวยังคงควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในประเทศไทยตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดสเบนซ์อย่างเป็นทางการมีแพ็กเกจบำรุงรักษารายระยะที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายแนะนำให้เจ้าของรถปฏิบัติตามคู่มือบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองทุก 10000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายซ่อมแซมที่สูงจากการละเลย สภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยางจึงควรตรวจสอบระบบปรับอากาศ ผ้าเบรกและสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ในไทยมีความครบครันโดยเฉพาะในเมืองหลักเช่นกรุงเทพ เชียงใหม่และภูเก็ต ทำให้เจ้าของรถเข้าถึงอะไหล่แท้และบริการมืออาชีพได้สะดวก หากงบประมาณจำกัดสามารถเลือกใช้บริการขยายประกันอย่างเป็นทางการหรือศูนย์ซ่อมที่เชื่อถือได้โดยใช้ชิ้นส่วนทดแทนที่มีมาตรฐานแต่ควรระวังว่าการเลือกใช้วิธีนี้อาจส่งผลต่อมูลค่าขายต่อ เมื่อเทียบกับแบรนด์หรูในระดับเดียวกัน E-Class มีช่วงเวลาบำรุงรักษาที่ยาวนานและมีจำนวนรถในตลาดไทยมากช่วยลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่อเนื่อง
Q
รถ Mercedes E-Class คงมูลค่าได้ดีหรือไม่
เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสอี ในตลาดประเทศไทยมีอัตราการรักษามูลค่ารถที่ค่อนข้างดี สาเหตุหลักมาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มั่นคง และความต้องการในตลาดที่สูง โดยเฉพาะในตลาดรถหรูของไทย คลาสอีได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเนื่องจากสามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเชิงธุรกิจและครอบครัวได้เป็นอย่างดี อัตราการรักษามูลค่ารถหลังจาก 3 ปีมักจะอยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของรถในระดับเดียวกัน ในตลาดไทยยังมีการยอมรับรุ่นดีเซลของคลาสอีค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ทำให้รถดีเซลมีสภาพคล่องในตลาดมือสองมากกว่า ส่วนรุ่นไฮบริดก็ได้รับความนิยมจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับรถเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อัตราการรักษามูลค่ารถจะขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง การใช้งาน ระดับอุปกรณ์ และประวัติการบำรุงรักษา ดังนั้นควรซื้อขายผ่านช่องทางรถมือสองรับรองโดยทางการเพื่อให้ได้มูลค่าคงเหลือที่สูงกว่า หากมองในภาพกว้าง ผู้บริโภคไทยเมื่อซื้อรถหรูมือสองมักให้ความสำคัญกับการรับประกันจากศูนย์และประวัติการบริการตามระยะ ดังนั้นรถที่มีเอกสารบริการจากศูนย์ครบถ้วนจะรักษามูลค่าได้ดีกว่า นอกจากนี้เทคโนโลยีช่วยขับขี่ของคลาสอีอย่าง Distronic ก็ช่วยเพิ่มมูลค่าในตลาดมือสองได้ แต่ต้องระวังเรื่องผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ ควรตรวจสอบระบบแอร์และป้องกันสนิมเป็นประจำเพื่อรักษาสภาพรถให้ดีที่สุด
ดูเพิ่มเติม