Q
ราคาในการเปลี่ยนกระจกข้างของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
ราคาการเปลี่ยนกระจกหน้าต่างด้านข้างของ Mazda3 ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามปีของรุ่นรถและการเลือกใช้ชิ้นส่วนแท้หรืออะไหล่เทียบเท่า โดยทั่วไป หากเลือกใช้กระจกแท้จากโรงงาน (ไม่รวมฟิล์มกรองแสง) ราคาชิ้นส่วนจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 8,000 บาท และหากเปลี่ยนผ่านศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Mazda รวมค่าแรงแล้ว ราคาทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 12,000 บาท ในกรณีที่เลือกใช้กระจกเทียบคุณภาพดีจากตลาดหลัง ราคาชิ้นส่วนอาจเริ่มต้นที่ 3,500 – 5,000 บาท อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (TISI) เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพด้านการเก็บเสียง ควรตรวจสอบรางกระจกของชุดยกกระจกหลังจากการเปลี่ยนกระจกว่าอยู่ในแนวที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะหากไม่ตรง อาจส่งผลต่อการใช้งานในระยะยาว ในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ควรตรวจสอบสภาพของยางขอบกระจกด้วย เพราะเป็นจุดที่เจ้าของรถหลายรายมักละเลย แนะนำให้สอบถามราคาล่าสุดผ่านระบบออนไลน์ของ Mazda Thailand หรือศูนย์บริการแต่ละจังหวัด เนื่องจากราคาจากผู้แทนจำหน่ายอาจแตกต่างกันเล็กน้อย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา
อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด
นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย
อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก
ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic
Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ
ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ
ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น
ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode)
Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น
เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม.
ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่
การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง
แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย
Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป
คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้
Q&A ล่าสุด
Q
รถยนต์ Lamborghini Countach ชนในภาพยนตร์เรื่องอะไร
แลมโบร์กินี Countach มีฉากชนรถที่โด่งดังในภาพยนตร์เรื่อง The Cannonball Run ปี 1981 ซึ่งนำแสดงโดย เบิร์ต เรย์โนลด์ส Countach ในหนังเป็นรถสปอร์ตที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และสมรรถนะ แม้เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำแต่กลับช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้รุ่นนี้ สำหรับแฟนรถในไทย Countach ถือเป็นหนึ่งในรุ่นคลาสสิกที่สุดของแลมโบร์กินี ด้วยประตูกรรไกรและตัวถังทรงลิ่มที่มีอิทธิพลต่อซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ บางครั้งก็มีให้เห็นในงานแสดงรถหรูหรือคอลเลกชันของเศรษฐีในไทย สภาพอากาศร้อนจัดในไทยทำให้การดูแลรักษารถคลาสสิกนี้ต้องพิถีพิถัน โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์และการดูแลสีรถ แนะนำให้เก็บในโรงรถมืออาชีพและสตาร์ทเครื่องเป็นประจำเพื่อรักษาสภาพ แม้แลมโบร์กินีรุ่นใหม่อย่าง Aventador จะสืบทอดภาษาการออกแบบจาก Countach แต่ความบริสุทธิ์ทางกลไกของ Countach ดั้งเดิมยังคงเป็นที่หมายปองของนักสะสมในไทยจำนวนมาก
Q
ทำไมแลมโบร์กินีจึงนำ Countach กลับมา
การที่แลมโบร์กีนีนำรุ่น Countach กลับมาอีกครั้งนั้น ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อรถคลาสสิกยุค 1970 อย่างแท้จริง พร้อมไปกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ที่หลงใหลในการผสมผสานระหว่างดีไซน์วินเทจกับเทคโนโลยีล้ำยุค แม้จะยังคงรักษาองค์ประกอบ iconic อย่างรูปทรงลิ่มแบบดั้งเดิมไว้ แต่ Countach รุ่นใหม่นี้ก็ได้เพิ่มระบบไฮบริดและเทคโนโลยีร่วมสมัยอื่นๆ เข้าไป ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องประวัติศาสตร์ แต่ยังแสดงถึงความสามารถด้านนวัตกรรมของแบรนด์อีกด้วย สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้เหมาะเป็นพิเศษกับกลุ่มผู้บริโภคระดับสูงที่มองหาความแตกต่าง โดยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงยังช่วยรับประกันสมรรถนะที่เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย ที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมซูเปอร์คาร์ในไทยนั้นกำลังเฟื่องฟู โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มักมีการจัดแสดงรถคลาสสิกบ่อยครั้ง ทำให้ Countach รุ่นใหม่นี้ซึ่งมาพร้อมทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสมรรถนะสมัยใหม่ สามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ รถไทยได้ไม่ยาก คล้ายกับที่ Countach รุ่นแรกเคยโด่งดังไปทั่วโลกผ่านโปสเตอร์ในอดีต รุ่นใหม่นี้อาจกลายเป็นรถในฝันของคนรักรถรุ่นใหม่ในไทยได้เช่นกัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอีกด้วย
Q
พวกเขาทำลายรถ Lamborghini Countach ของจริงใน Wolf of Wall Street หรือเปล่า?
ในภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street มีฉากที่รถแลมโบร์กินี Countach ถูกทำลายจริงแต่ทีมงานไม่ได้ทำลายรถจริงใช้รถจำลองและเทคนิคพิเศษแทนซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในวงการหนังเพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงและปกป้องรถคลาสสิกมีค่าจำนวนมากแลมโบร์กินี Countach คือซูเปอร์คาร์ที่โดดเด่นในยุค 1970 ถึง 1990 มีดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมและประตูปีกนกในประเทศไทยก็มีผู้สะสมรถรุ่นนี้ไม่น้อยแต่เนื่องจากความหายากและราคาสูงจึงต้องดูแลบำรุงรักษาอย่างพิถีพิถันสภาพอากาศร้อนชื้นในไทยเป็นความท้าทายสำคัญในการเก็บรักษารถคลาสสิกแนะนำให้เจ้าของควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงรถอย่างเคร่งครัดและตรวจสอบยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำเพื่อรักษาสภาพรถให้ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังการใช้รถจำลองในหนังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของวงการภาพยนตร์ในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมเพราะรถคลาสสิกอย่าง Countach ไม่ใช่แค่พาหนะแต่ยังเป็นพยานทางประวัติศาสตร์ของวงการรถยนต์อีกด้วย
Q
คุณสามารถขับแลนซ์คาวน์ทัชทุกวันได้ไหม
การขับลัมโบร์กินี Countach ในชีวิตประจำวันที่ไทยเป็นไปได้ในทางทฤษฎีแต่ไม่เหมาะสม รถซูเปอร์คาร์คลาสสิกรุ่นนี้ออกแบบเพื่อสมรรถนะในสนามแข่งไม่ใช่ความสะดวกสบายในการเดินทางประจำวัน ประตูกรรไกรที่เป็นเอกลักษณ์มักติดขัดในที่จอดแคบของกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ V12 ใช้น้ำมันสูงมากในเมืองอาจต่ำกว่า 5 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมัน 95 ในไทยสูงมาก ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกทำงานได้จำกัดในสภาพจราจรติดขัด อากาศร้อนชื้นในไทยทำให้แอร์เครื่องจักรกลใน Countach รุ่นเก่ามีประสิทธิภาพต่ำ การดัดแปลงแอร์สมัยใหม่อาจกระทบมูลค่ารถสะสม ทั้งนี้ภาษีนำเข้ารถซูเปอร์คาร์ในไทยสูงถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคาขายสูงกว่าตลาดโลกมาก การซ่อมบำรุงต้องพึ่งพาช่องทางนำเข้าเฉพาะ รออะไหล่แท้บางครั้งนานเป็นเดือน เมื่อเทียบกับรถสมรรถนะสูงประกอบในไทยเช่น BMW M ซีรีส์ หรือ Porsche 911 ที่ปรับระบบระบายความร้อนสำหรับภูมิอากาศร้อนและมีศูนย์บริการครบครัน การใช้ Countach เป็นรถประจำวันแนะนำรุ่นครบรอบ 25 ปีที่ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับถนนขรุขระของไทยได้ดีขึ้นแต่ต้องระวังน้ำท่วมในฤดูฝนซึ่งเป็นปัญหาหนักในทุกปี
Q
แลมโบร์กินีหยุดผลิต Countach เมื่อไร
การผลิตรถซุปเปอร์คาร์สุดคลาสสิกอย่าง Lamborghini Countach ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการในปี 1990 โดยรถคันนี้ได้สร้างตำนานมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 ด้วยดีไซน์รูปทรงลิ่มอันเป็นเอกลักษณ์และประตูแบบกรรไกรที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการยานยนต์ สำหรับประเทศไทยแล้ว Countach เป็นที่เลื่องลือในวงการนักสะสมทั้งจากความหายากและสถานะรถคลาสสิกระดับตำนาน การหยุดผลิต Countach ถือเป็นการปิดบทบาทสำคัญของแลมโบร์กินียุคหนึ่ง แต่นวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีของมันได้กลายเป็นพื้นฐานให้กับรุ่นหลังๆอย่าง Diablo และ Murciélago ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่น้อยในตลาดไทย สำหรับแฟนรถไทยแล้ว Countach ไม่ใช่แค่ตัวแทนของดีไซน์สุดล้ำสมัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของแบรนด์แลมโบร์กินี แม้ทุกวันนี้เรายังสามารถพบเห็นมันได้บ้างในงานคลาสสิกคาร์โชว์หรืองานอีเว้นท์รถระดับไฮเอนด์ของไทย ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลที่ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่น่าสนใจคือในปี 2021 แลมโบร์กินีได้เปิดตัว Countach LPI 800-4 รุ่นพิเศษเพื่อเป็นการสดุดี โดยรวมเอาดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสานต่อตำนานของ Countach ให้คงอยู่ต่อไป
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazda 3 ดูดี แต่ไม่ตอบโจทย์? เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายไม่ดี
ธนวัฒน์Sep 10, 2024

Mazda 3 Hatchback ราคาเริ่มต้นที่ 166,059 ริงกิต จะเลือกทั้งสองรุ่นนี้อย่างไรดีนะ?"
AshleyJul 15, 2024

Mazda 3 มีราคาตั้งแต่ THB 979,000 เป็นรถเก๋งซี-เซกเมนต์สง่างามที่สุดไหม?
LienJun 12, 2024

สงครามระหว่าง Sedan C-segment ในไทย: Honda Civic RS ปะทะ Toyota Corolla Altis ปะทะ Mazda 3
LienApr 15, 2024

รุ่นที่สามของ Mazda CX-5 เปิดตัวในยุโรป มาพร้อมหน้าจอกลางที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Mazda
วิรุฬห์Jul 11, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย