Q

Honda City รุ่น V กับ SV มีความแตกต่างกันอย่างไร

Honda City SV มีหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 8 นิ้วเพิ่มเติมกว่ารุ่น V ซึ่งรองรับฟังก์ชัน Apple Carplay และ Andriod Auto รวมถึงกล้องมองหลัง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ของ Honda City อยู่ที่ไหน
ใน Honda City ตำแหน่งตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มักอยู่ในห้องเครื่อง ระดับน้ำมันเบรกมักมีสัญลักษณ์แสดงอยู่บนกระปุกน้ำมันเบรก ส่วนระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์โดยทั่วไปจะมีขีดบอกระดับบนกระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ แต่ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและปีที่ผลิต
Q
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหยอดคูลแลนท์ในฮอนด้าซิตี้
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นใน Honda City มีดังนี้: เปิดฝากระโปรงหน้าก่อน จากนั้นมองหาถังเก็บน้ำหล่อเย็น ซึ่งมักจะเป็นถังโปร่งแสงและมีขีดแสดงระดับอยู่ ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่าง หากระดับต่ำเกินไป ให้เติมน้ำหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติเดียวกับน้ำหล่อเย็นเดิมของรถยนต์ ควรระวังไม่ให้เติมเกินขีดบน ในขณะเดียวกันควรตรวจสอบว่าน้ำหล่อเย็นมีการเปลี่ยนสี ขุ่น หรือมีรอยรั่วหรือไม่
Q
วิธีการลบอุปกรณ์บลูทูธจากฮอนด้าซิตี้
วิธีการลบอุปกรณ์ Bluetooth ใน Honda City ปกติคุณสามารถค้นหาเมนู Bluetooth ได้จากการตั้งค่าของระบบมัลติมีเดียในรถยนต์ จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่จับคู่ไว้เพื่อทำการลบออก อย่างไรก็ตาม รุ่นปีและการตั้งค่าต่าง ๆ ของ Honda City อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียดของขั้นตอน แต่โดยทั่วไป คุณสามารถเข้าสู่เมนูตั้งค่าของรถ ค้นหาหน้าการตั้งค่า Bluetooth จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการลบและยืนยันการลบ
Q
หม้อน้ำ Honda City อยู่ที่ไหน
หม้อน้ำของ Honda City มักจะอยู่ที่ด้านหน้าของห้องเครื่อง ใกล้กับส่วนหัวรถ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมของรถ
Q
ควรจะเปลี่ยนหัวเทียน honda city เมื่อไหร่
ระยะเวลาการเปลี่ยนหัวเทียนใน Honda City ปกติอยู่ที่ประมาณ 40,000 ถึง 60,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพการขับขี่ของรถด้วย หากรถมีอาการสตาร์ทติดยาก รอบเดินเบาไม่นิ่ง หรือเร่งความเร็วได้ไม่ดี อาจต้องตรวจสอบและเปลี่ยนหัวเทียนก่อนกำหนด
Q
รีเลย์สตาร์ทของ Honda City อยู่ที่ตรงไหน
รีเลย์สตาร์ทซ้ำของ Honda City โดยปกติจะอยู่ในกล่องฟิวส์ภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและล็อตการผลิต โดยทั่วไปคุณสามารถตรวจสอบตามขอบของห้องเครื่อง เพื่อหากล่องฟิวส์ที่มีสัญลักษณ์บ่งชี้ และรีเลย์จะอยู่ภายในกล่อง
Q
เซ็มล้อ Honda City มีหมายเลขเท่าไหร่
ขนาดยางของ Honda City อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย โดยขนาดยางที่พบได้บ่อยคือ 185/60 R15 หรือ 195/55 R16
Q
ฮอนด้าซิตี้ควรใช้ยางประเภทใดดี
Honda City ในประเทศไทยมักเหมาะกับการใช้ยางที่เน้นความสบายและการยึดเกาะถนนในสภาพพื้นเปียก เช่น ยางตระกูล Michelin Primacy ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำและควบคุมรถได้อย่างมั่นคง หรือจะเป็นยางในตระกูล Bridgestone Turanza ที่มีคุณสมบัติทนทานและลดเสียงรบกวนได้ดี อย่างไรก็ตาม การเลือกยางที่เหมาะสมควรพิจารณาจากลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และงบประมาณของคุณด้วย
Q
Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างอย่างไร
ตามข้อมูลที่ให้มา Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และรายละเอียดภายใน ดังนี้: 1.ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.0T เทอร์โบ ขนาดความจุ 988 ซีซี (1.0 ลิตร) แต่รุ่น V มีฟังก์ชันปรับโหมดการขับขี่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าสมรรถนะรถให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ เช่น ในโหมดประหยัดจะเน้นการประหยัดน้ำมันมากขึ้น หรือในโหมดสปอร์ตจะตอบสนองการเร่งได้ดีกว่า ขณะที่รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ 2.รุ่น V ติดตั้งระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ซึ่งสามารถตรวจวัดความดันยางได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงจากความดันยางผิดปกติ ส่วนรุ่น S ไม่มีระบบนี้ นอกจากนี้ รุ่น V ยังมีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 ใบ ครอบคลุมทั้งด้านหน้า ด้านข้างของที่นั่งคู่หน้า และม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับผู้โดยสารในรถมากขึ้น ส่วนรุ่น S มีเพียง 4 ใบ ซึ่งขาดม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง 3.ระบบช่วยขับขี่: รุ่น V มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ซึ่งช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ลดความเมื่อยล้าจากการขับระยะไกล รุ่น S ไม่มีระบบนี้ 4.รุ่น V ยังมีระบบแจ้งเตือนขณะถอยหลัง ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหลังได้รวดเร็วกว่า รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ รุ่น V มีช่องลมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสาร ขณะที่รุ่น S ไม่มี นอกจากนี้ กระจกมองข้างของรุ่น V เป็นแบบลดแสงสะท้อนแสงแดด ช่วยลดแสงสะท้อนที่อาจรบกวนสายตาผู้ขับขี่ แต่ในรุ่น S ไม่มีการกล่าวถึงคุณสมบัตินี้
Q
อันดับน้ำมันเกียร์ Honda City ใช้กี่ลิตร
ปริมาณน้ำมันเกียร์ของ Honda City โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 4 ลิตร แต่ปริมาณที่แน่นอนอาจแตกต่างไปตามปีของรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
ระบบดีเซลที่มีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี รุ่น RS ยอดนิยมมีชุดสไตล์กีฬารอบคัน RS ซึ่งประกอบด้วยกริดหน้าของรถสีดำและกระจกข้าง กันชนหน้าสไตล์กีฬา ไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไฟวิ่งกลางวันและไฟหมอก LED
ภายในรถเรือนสวยงามและมีอุปกรณ์ครบครัน มีบรรยากาศกีฬาในรถ มีหน้าจอวิทยุชั้นสูงที่สามารถสัมผัสได้ 8 นิ้ว สนับสนุน Apple CarPlay และมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
เครื่องยนต์ที่แข็งแรง DOHC VTEC TURBO ขนาด 1.0 ลิตรแบบ 3 ลูกสูบ 12 วาล์ว ที่ 5500 รอบ/นาทีมีกำลังสูงสุดถึง 122 ม้า ซึ่งเป็นค่าที่สุดในหมวดเดียวกัน

ข้อเสีย

ความสบายและความสะดวกสบายมีข้อจำกัด
ประสิทธิภาพที่ความเร็วต่ำน้อย
ราคาสูงถึง 739000 บาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และคู่แข่งมีระบบที่ไม่เยี่ยมเท่า City
ระบบความปลอดภัยไม่พอ ในด้านความปลอดภัย City แย่กว่าคู่แข่ง รุ่นใหม่ของ City ไม่มีชุด Honda Sensing เท่าที่มีเพียงระบบความปลอดภัยพื้นฐาน

Q&A ล่าสุด

Q
BYD Seal คุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่ มาทำความรู้จักกับจุดเด่นของรถคันนี้กันที่นี่
BYD Seal เป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าระดับกลางที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Dynamic RWD, Premium RWD และ AWD Performance ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,199,000 บาท 1,399,000 บาท และ 1,499,000 บาทตามลำดับ ตัวรถมีขนาดยาว 4800 มม. กว้าง 1875 มม. สูง 1460 มม. และระยะฐานล้อ 2920 มม. ทำให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวางและนั่งสบาย ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยรุ่น Dynamic RWD ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที และวิ่งได้ไกล 510 กม. ส่วนรุ่น Premium RWD ให้กำลัง 313 แรงม้า (230 kW) เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุด 650 กม. ขณะที่รุ่น AWD Performance ให้พลังสูงสุดถึง 530 แรงม้า (390 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที และวิ่งได้ 580 กม. ทั้งสามรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว และในบางรุ่นมีลำโพง Dynaudio ถึง 12 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม
Q
วันที่เปิดตัวของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาระหว่าง 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ในประเทศไทย พร้อมระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal พัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ดีไซน์โดยรวมเน้นความโฉบเฉี่ยวและลู่ลม ให้ความรู้สึกสปอร์ต มาพร้อมขนาดตัวถัง 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. และระยะฐานล้อ 2,920 มม. ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลายชนิด พร้อมฟังก์ชันทันสมัยอย่าง Android Auto และ Apple CarPlay ขณะที่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) ก็ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
Q
วันวางจำหน่ายของ BYD Seal คือเมื่อไหร่
BYD Seal เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2023 โดยมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Dynamic รุ่น Premium และรุ่น AWD Performance โดยมีช่วงราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,325,000 ถึง 1,599,000 บาท ตัวรถออกแบบพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับการใช้งานบนท้องถนนในประเทศไทย พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BYD Seal ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ที่ให้ภาพลักษณ์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างลงตัวและครบครันด้วยฟังก์ชันล้ำสมัย รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay รวมถึงติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันขั้นสูง (ADAS) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
Q
ความยาวของ BYD Seal คือเท่าไร
BYD Seal มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,800 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ตามแนวยาวที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ตอนหน้า หรือผู้โดยสารตอนหลัง ต่างก็มีพื้นที่วางขาอย่างสบาย แม้ในระหว่างการเดินทางไกลก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป นอกจากนี้ เมื่อรวมกับความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ทำให้การจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารมีความสมดุลและลงตัว ส่งผลให้การนั่งโดยสารมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งขนาดตัวถังเช่นนี้ยังถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เสริมให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นทั้งด้านการใช้งานและความสบายในการเดินทาง
Q
ขนาดแบตเตอรี่ของ BYD Seal คืออะไร
รุ่นต่าง ๆ ของ BYD Seal มีความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น BYD Seal Dynamic RWD 2023 มีความจุแบตเตอรี่ 61.44 kWh และระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนอย่างเป็นทางการสูงสุดถึง 510 กิโลเมตร ส่วนรุ่น BYD Seal Premium RWD 2023 และ BYD Seal AWD Performance 2023 มีความจุแบตเตอรี่เท่ากันที่ 82.56 kWh โดยรุ่น Premium RWD สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 650 กิโลเมตร ขณะที่รุ่น AWD Performance มีระยะทางขับขี่ 580 กิโลเมตร ความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค เช่น ผู้ที่ต้องการเดินทางไกลสามารถเลือกใช้รุ่นที่มีระยะทางขับขี่ได้มากกว่า
ดูเพิ่มเติม