Q
เครื่องยนต์ของ Honda City 2021 คืออะไร?
รถยนต์ Honda City รุ่นปี 2021 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC Turbo 3 สูบเทอร์โบชาร์จ และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC 4 สูบแบบอัตโนมัติ รุ่น 1.0T ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่เน้นประหยัดน้ำมันสุดๆ ส่วนรุ่น 1.5L ยังคงใช้เทคโนโลยี i-VTEC แบบคลาสสิกของ Honda เหมาะกับคนที่ชอบความลื่นไหลและดูแลง่าย ในสภาพอากาศร้อนๆ และถนนซับซ้อนของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกปรับแต่งมาเฉพาะให้การระบายความร้อนและการทนอุณหภูมิสูงทำได้ดีเยี่ยม พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ที่เป็นไปตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมไทย ที่น่าสนใจคือเครื่องยนต์ของ Honda City ใช้เทคโนโลยีลดแรงเสียดทาน ช่วยลดการกินน้ำมันได้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาติดรถติดบนถนนไทยที่เจอกันบ่อยๆ แถมยังมีโหมด ECON ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกขึ้นไป ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงความโดดเด่นในตลาดรถเก๋งคอมแพคต์ของไทย เหมาะทั้งขับขี่ในเมืองและใช้เป็นรถครอบครัว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Honda City มี CarPlay ไหม?
รุ่นล่าสุดของ Honda City ในตลาดไทยตอนนี้ มีฟีเจอร์ Apple CarPlay มาให้ใช้กันแล้ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันบน iPhone อย่างเช่น แผนที่การนำทาง เพลง หรือแอปติดต่อสื่อสารต่างๆ ผ่านหน้าจอในรถได้สะดวกขึ้น ช่วยอัพเกรดประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ฟังก์ชันนำทางแบบเรียลไทม์ของ CarPlay ถือว่ามีประโยชน์มากๆ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังนิดนึงว่า CarPlay อาจจะไม่ได้มีในทุกรุ่นหรือทุกปีผลิตนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับทางโชว์รูมอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจาก CarPlay แล้ว Honda City ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android ด้วยนะ ถือว่าให้ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่คล้ายกัน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อในรถกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญเวลาซื้อรถ ยี่ห้อต่างๆ จึงพยายามอัพเกรดฟีเจอร์ส่วนนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกและความอัจฉริยะของผู้บริโภค Honda City ในฐานะรถซีดานคอมแพคต์ยอดนิยมของตลาดไทย การที่ Honda คอยอัปเดตฟีเจอร์เทคโนโลยีแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าให้ความสำคัญกับความต้องการของคนไทยจริงๆ ครับ
Q
วิธีสตาร์ทรถ Honda City ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Honda City ต้องแน่ใจว่าเกียร์อยู่ตำแหน่ง P แล้ว จากนั้นใส่กุญแจเข้าไปในช่องสตาร์ท เหยียบแป้นเบรกสำหรับเกียร์ออโต้ หรือแป้นคลัทช์สำหรับเกียร์ธรรมดา แล้วบิดกุญแจตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "START" พอเครื่องยนต์ติดก็ปล่อยกุญแจได้เลย ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องดีครับ ถ้าเป็นรุ่นที่ใช้สมาร์ทคีย์ แค่ถือกุญแจเข้าไปในรถ แล้วเหยียบเบรกกดปุ่มสตาร์ทเครื่องก็ได้แล้ว ใส่ใจกับการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอในการใช้งานประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการเริ่มต้นเนื่องจากไฟฟ้าต่ำ ในฤดูฝนของประเทศไทย หากพบระบบจุดระเบิดที่ชื้นและไม่สามารถสตาร์ทได้ คุณสามารถลองใช้ฟังก์ชั่นกุญแจรีโมทเพื่อปลดล็อก/ล็อกประตูหลายครั้งก่อนเพื่อให้ระบบจดจําสัญญาณใหม่ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ตรวจสอบหน้าสัมผัสสวิตช์จุดระเบิดทุก 2 ปีสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงเช่นกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเกิดออกซิเดชันของหน้าสัมผัสส่งผลกระทบต่อความไวในการเริ่มต้น
Q
ยางรถยนต์สำหรับ Honda City รุ่นปี 2021 มีขนาดเท่าไหร่?
ยางมาตรฐานของ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยมีขนาด 185/55 R16 ซึ่งเป็นขนาดที่ตอบโจทย์ทั้งความนุ่มสบายและความคล่องตัว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชานเมืองของไทย โดยตัวเลข 185 หมายถึงความกว้างของยางมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ส่วน 55 คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างยาง (ร้อยละ 55) และ R16 หมายถึงล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้ว สำหรับสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางแบรนด์ดังอย่างบริจสโตนหรือมิชลินที่มีคุณสมบัติการรีดน้ำดีและทนความร้อนสูง ซึ่งทั้งสองแบรนด์มีรุ่นที่เหมาะกับซิตี้โดยเฉพาะ ข้อควรระวังคือแม้การอัพเกรดไปใช้ยางที่กว้างขึ้นจะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะแต่ก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นและอาจส่งผลต่อความแม่นยำของมาตรวัดระยะทาง ดังนั้นควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญก่อนตัดสินใจเปลี่ยน นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดให้ดอกยางต้องมีความลึกไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. และควรตรวจสอบสภาพดอกยางกับความดันลมยางเป็นประจำ (ปกติลมยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ลมยางหลัง 30 psi) โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกลหรือช่วงเข้าหน้าฝนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
Q
Honda City 2021 ประหยัดน้ำมันหรือไม่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ถือว่าประหยัดน้ำมันมากๆ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและการขับขี่ระยะไกล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC แบบ CVT นั้นวิ่งได้เฉลี่ย 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นไฮบริด e:HEV นั้นยิ่งประหยัดขึ้นไปอีก ทำได้ถึง 27-28 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วยลดค่าน้ำมันได้อย่างชัดเจน รถรุ่นนี้ขายดีในไทยไม่ใช่แค่เพราะความประหยัด แต่ยังเพราะขนาดตัวรถที่กำลังดี ขับลุยในซอยแคบๆ ในกรุงเทพหรือจอดก็ง่าย แถมความทนทานของ Honda ก็ผ่านการทดสอบในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมานานแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมว่าตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ทางบริษัทประกาศอาจแตกต่างจากการใช้งานจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การเปิดแอร์ และสภาพถนนด้วย แนะนำให้คนไทยหมั่นดูแลรถตามกำหนดและขับขี่อย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องบริการหลังการขายก็ไม่ต้องห่วง เพราะ Honda มีเครือข่ายบริการครอบคลุมทั่วไทย พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2021 คือเท่าไหร่?
รถ Honda City รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยทำคะแนนด้านความปลอดภัยได้ดีมาก โดยเวอร์ชันผลิตไทยผ่านการทดสอบชนจากอาเซียน NCAP และได้คะแนนเต็ม 5 ดาว ส่วนหนึ่งมาจากระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาระยะเลนรถ รวมถึงถุงลมนิรภัย 6 ใบ ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องบอกว่ามาตรฐานการทดสอบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NCAP นั้นใกล้เคียงกับสภาพการจราจรจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการเพิ่มการประเมินกรณีชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีรถมอเตอร์ไซค์หนาแน่น เวลาเลือกซื้อรถนอกจากดูเรตติ้งดาวแล้ว ควรพิจารณาว่าฟีเจอร์ปลอดภัยไหนตรงกับความต้องการใช้งาน เช่น ถ้าขับทางไกลบ่อยก็เน้นระบบช่วยเหลือผู้ขับ ขณะที่ขับในเมืองอาจดูผลทดสอบการชนความเร็วต่ำ ส่วนสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็ส่งผลต่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกเป็นประจำเพื่อให้ระบบความปลอดภัยทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
Q
ฮอนด้าซิตี้ 2024 มีความจุซีซีเท่าไหร่
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรและเครื่องยนต์แบบธรรมดา 1.5 ลิตร โดยเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรมีความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบธรรมดามีความจุ 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกออกแบบมาให้สมดุลระหว่างประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลในไทย ฮอนด้าซิตี้เป็นที่นิยมในตลาดไทยเสมอมาด้วยความน่าเชื่อถือ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง และประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปี 2024 ยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING เข้ามา ทำให้ยิ่งโดดเด่นขึ้น สำหรับลูกค้าชาวไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกเครื่องยนต์ แนะนำว่าเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรเหมาะกับคนที่เน้นประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เครื่อง 1.5 ลิตรแบบธรรมดาจะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลมากกว่า ทั้งสองแบบตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีอยู่แล้ว แค่เลือกให้เหมาะกับสไตล์การขับและงบประมาณของคุณก็พอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2024 คืออะไร
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยแสดงผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีเยี่ยม ด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบพาสซีฟที่ครบถ้วน เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบเบรก ABS ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในกลุ่มรถระดับเดียวกัน จากการทดสอบตามมาตรฐาน NCAP ของไทย คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้คะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่หลากหลาย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าประกันรถด้วย เพราะเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าในไทยมีความพร้อมสูง มีอะไหล่ครบครัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยมักคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเช่นกัน
Q
วิธีเปิดส่วนหน้าของรถ Honda Civic 2024
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารุ่นฮอนด้าซิวิค 2024 สิ่งแรกที่ต้องทำคือนั่งในที่นั่งคนขับ แล้วมองหาคันปลดล็อกฝากระโปรงหน้า ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์อยู่ด้านล่างซ้ายของพวงมาลัย ดึงคันนี้เบาๆจนได้ยินเสียงฝากระโปรงหน้ายกขึ้น จากนั้นเดินไปที่หน้าตัวรถ ใช้มือสอดเข้าไปในช่องกลางฝากระโปรง แล้วหาล็อกนิรภัยตัวที่สองให้เจอ ให้ดันล็อกนี้ไปทางซ้ายหรือขวาพร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกในห้องเครื่องเป็นประจำ เพื่อให้รถทำงานได้ปกติ และควรทำความสะอาดห้องเครื่องด้วย ระวังอย่าให้ใบไม้หรือเศษอุดตันท่อระบายน้ำ ถ้าต้องขับในพื้นที่ติดขัดอย่างกรุงเทพฯ บ่อยๆ ควรเช็กด้วยว่าฟิลเตอร์อากาศอุดตันฝุ่นหรือไม่ เพราะจะช่วยรักษาสมรรถนะเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ ส่วนเวลาปลดล็อกฝากระโปรงถ้าได้ยินเสียงเฮียกที่บานพับ ให้ทาจาระบีเล็กน้อย และเนื่องจากอากาศไทยร้อนจัดทำให้ยางซีลเสื่อมสภาพเร็ว ควรตรวจสอบความแน่นของซีลทุกๆครึ่งปี
Q
ความจุของกระโปรงท้ายรถฮอนด้าซิตี้ 2024 คือเท่าไร
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยมีปริมาตรกระโปรงหลังขนาด 536 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวหรือการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือช้อปปิ้งบ่อยๆ การออกแบบกระโปรงหลังทำได้อย่างสมเหตุสมผล มีช่องเปิดที่กว้าง ทำให้สะดวกในการลำเลียงสิ่งของ นอกจากนี้เบาะหลังยังสามารถพับลงได้ตามสัดส่วน ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก กระโปรงหลังของซิตี้ยังมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี ช่วยปกป้องสิ่งของจากความชื้นหรือความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว ปริมาตรกระโปรงหลังขนาดนี้จัดอยู่ในระดับกลางถึงดี และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า ยาริส แอททีฟแล้วยังได้เปรียบอยู่บ้าง สำหรับผู้ใช้งานไทยที่มักต้องพกพาสิ่งของจำนวนมาก พื้นที่กระโปรงหลังของซิตี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่值得พิจารณา แนะนำให้ไปทดลองบรรจุของที่ตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเองเพื่อความสะดวก และควรเปรียบเทียบกับการออกแบบกระโปรงหลังของรถรุ่นอื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน เพื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด
Q
สีของ Honda City 2024 มีอะไรบ้าง
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมีให้เลือกหลายสีสันสไตล์โมเดิร์น ทั้งหมด 7 สีคลาสสิค ได้แก่ สีพลาตินัม ออบซิเดียน บลู เพิร์ล (น้ำเงินไข่มุก), อิกไนท์ เรด เมทัลลิก (แดงเมทัลลิก), แพลตตินัม ไวท์ เพิร์ล (ขาวไข่มุก), คริสตัล แบล็ค เพิร์ล (ดำไข่มุก), ลูนาร์ ซิลเวอร์ เมทัลลิก (เงินเมทัลลิก), อุกกาบาต เกรย์ เมทัลลิก (เทาเมทัลลิก) และทัฟเฟต้า ไวท์ (ขาวทาฟเฟต้า) เวลาเลือกสีรถควรคิดถึงเรื่องค่าดูแลรักษาด้วยนะครับ สีอ่อนๆ ในแดดเมืองไทยจะทนต่อคราบสกปรกกว่า ส่วนสีเข้มต้องล้างรถและขัดแว็กซ์บ่อยหน่อยเพื่อรักษาความเงางาม แถมบางสีพิเศษอาจต้องสั่งจองล่วงหน้าหรือรอรับรถนานกว่าปกติครับ
Q&A ล่าสุด
Q
รถ Hilux ปี 2024 ดีไหม?
รถกระบะ Hilux รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะสืบทอดคุณสมบัติเด่นของตระกูล Hilux ที่แข็งแรงทนทานและเชื่อถือได้ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเส้นทางขรุขระในชนบทก็ทำได้อย่างคล่องตัว รุ่นใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงระบบขับเคลื่อนให้ดีขึ้น โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังส่งเรียบเนียนและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น พร้อมมาตรฐานไอเสียที่ผ่านกฎหมายสิ่งแวดล้อมล่าสุดของไทย ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบโมเดิร์นกว่าเดิม พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายขึ้น ด้านความปลอดภัยก็อัพเกรดด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบเตือนก่อนชนและช่วยรักษาเลน สำหรับคนไทยแล้ว Hilux ยังมีจุดแข็งเรื่องบริการหลังการขายและเครือข่ายอะไหล่ที่ครบครัน ค่าบำรุงรักษาไม่แพง ทำให้ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณมองหารถกระบะที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและลุยเส้นทางออฟโรดระดับเบา Hilux 2024 คือตัวเลือกที่ไว้ใจได้ และความนิยมในตลาดไทยก็การันตีคุณภาพของมัน
Q
การรับประกันของ Toyota HiLux มีระยะเวลานานเท่าใด?
รถ Toyota HiLux ในตลาดไทยมักจะให้ระยะเวลารับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ซึ่งครอบคลุมส่วนสำคัญอย่างเครื่องยนต์และเกียร์ ส่วนอะไหล่ที่สึกหรอง่ายอย่างผ้าเบรกหรือที่ปัดน้ำฝนอาจมีระยะรับประกันที่สั้นกว่า แนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขที่ศูนย์ Toyota ในไทยอีกทีเพราะบางรุ่นหรือโปรโมชั่นอาจแตกต่างกันไป ต้องบอกว่าสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยส่งผลต่อความทนทานของรถค่อนข้างมาก การดูแลรักษาสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ตรวจเช็คระบบระบายความร้อน ซึ่งไม่เพียงช่วยยืดอายุรถแต่ยังป้องกันปัญหาการหมดสิทธิ์รับประกันจากการดูแลรักษาไม่ถูกต้อง Toyota ในไทยมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุม แม้ในพื้นที่ห่างไกลก็สามารถรับบริการได้ นอกจากนี้เจ้าของรถยังใช้แอป Toyota Connect เพื่อนัดหมายบริการหรือตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงได้ สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้รถได้มากเลย ส่วนใครที่ขับเยอะหรือคิดจะใช้รถยาวๆ บางศูนย์ในไทยอาจมีแพ็กเกจรับประกันขยายเวลาให้ ลองเปรียบเทียบรายละเอียดและราคาก่อนตัดสินใจก็ดี
Q
เครื่องยนต์แบบไหนที่อยู่ใน Hilux 2024?
รถกระบะ Toyota Hilux รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงและความน่าเชื่อถือหลายแบบ ทั้งเครื่องดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร ที่ใช้เทคโนโลยี GD ซีรีส์ล่าสุดจาก Toyota เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม แถมยังมีแรงบิดสูงที่รอบต่ำ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและการขนส่งระยะไกลในบ้านเรา โดยเฉพาะรุ่น 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 204 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสียล่าสุดของไทย ส่วนลูกค้าที่เน้นความประหยัดและใช้งานง่าย ยังมีตัวเลือกเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร แบบปกติ ที่ถึงแม้จะให้กำลังเรียบๆ แต่ดูแลรักษาง่ายและเหมาะกับสภาพการใช้งานทั่วไป
จุดเด่นของ Hilux ในตลาดไทยคือการออกแบบเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนและถนนหลากหลายรูปแบบ อย่างระบบระบายความร้อนที่เสริมความแข็งแกร่งและช่วงล่างทนทาน ทำให้เห็นรถรุ่นนี้ทำงานหนักทั้งในชนบทและไซต์ก่อสร้างทั่วประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ คนไทยเริ่มให้ความสนใจกับเทคโนโลยีรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น Toyota จึงกำลังศึกษาการนำรุ่นไฮบริดมาเสนอ แต่ในตอนนี้ยังเน้นเครื่องยนต์แบบเดิมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในสนามจริงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งความทนทานและประสิทธิภาพที่เชื่อใจได้ในทุกสภาพการขับขี่
Q
ความแตกต่างระหว่าง Navara 2024 และ Hilux 2024 คืออะไร?
รถปิคอัพระดับกลางที่ขายดีในตลาดไทยอย่าง Nissan Navara 2024 และ Mitsubishi Hilux 2024 นั้นมีความโดดเด่นคนละแบบ ทั้งในเรื่องสมรรถนะ การออกแบบ และฟีเจอร์ต่างๆ รุ่น Navara 2024 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า คู่กับเกียร์ออโต้ 7 สปีด ที่เน้นการขับขี่สบายๆ บนถนนทั่วไป แถมยังอัพเกรดระบบมัลติมีเดียจอใหญ่กว่าเดิม พร้อมฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะแบบครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและช่วยรักษาระยะทางเลน ส่วน Hilux 2024 ให้เลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตรหรือ 2.8 ลิตร โดยรุ่น 2.8 ลิตร ให้กำลัง 204 แรงม้า ใช้เกียร์ออโต้ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเลือกได้และระบบล็อกเฟืองท้ายเพลาท้ายที่เหมาะกับการลุยเส้นทาง Off-road สไตล์การออกแบบก็แตกต่างชัดเจน Navara ดูโฉบเฉี่ยวลื่นไหล ในขณะที่ Hilux ยังคงความแข็งแรงทนทาน สำหรับตลาดไทย ทั้งสองรุ่นมีตัวเลือกให้ปรับแต่งตามความชอบ โดย Navara เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือขับทางไกล ส่วน Hilux จะตอบโจทย์คนที่มักจะต้องเจอเส้นทางวิบัติ ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามสไตล์การใช้งาน ที่สำคัญทั้งคู่มีความน่าเชื่อถือ ประหยัดน้ำมัน และบริการหลังการขายที่พร้อมดูแล แนะนำว่าควรลองขับทดสอบสักหน่อยก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
Q
ราคาของ Toyota Hilux กับ Isuzu D-Max 2024 ต่างกันอย่างไร?
ในตลาดประเทศไทยปี 2024 ราคาของ Toyota Hilux และ Isuzu D-Max จะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว โดย Toyota Hilux เริ่มต้นที่ประมาณ 599,000 บาท ในขณะที่รุ่นสูงสุดอาจสูงถึง 1.2 ล้านบาท ส่วน Isuzu D-Max เริ่มต้นที่ 579,000 บาท และรุ่นท็อปสุดอยู่ที่ประมาณ 1.19 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองคันมีช่วงราคาใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ ทั้ง Toyota Hilux และ Isuzu D-Max เป็นรถปิกอัพยอดนิยมในตลาดไทย โดย Hilux ได้รับความนิยมจากความทนทานและมูลค่าการขายต่อที่สูง เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ ในขณะที่ D-Max มีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดน้ำมันและความสามารถในการบรรทุกที่เยี่ยมกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานบรรทุกของบ่อยๆ ตลาดรถปิกอัพในไทยมีการแข่งขันสูง นอกเหนือจากราคาแล้ว ผู้บริโภคควรพิจารณาเรื่องเครือข่ายบริการหลังการขาย ค่าบำรุงรักษา และประสบการณ์การใช้งานในระยะยาว แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายและเปรียบเทียบรายละเอียดเครื่องแต่งตัว เช่น สเปคเครื่องยนต์ (Hilux มีเครื่องดีเซล 2.4L และ 2.8L ส่วน D-Max มี 1.9L และ 3.0L) ระบบความปลอดภัย (เช่น Toyota Safety Sense ใน Hilux และ Advanced Driver Assist Systems ใน D-Max) เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ควรพลาดรถยนต์เกโรของญี่ปุ่น, รุ่น Honda City ใดคุ้มค่าที่สุดในการเลือก?
ณัฐวุฒิNov 6, 2024

Honda City e:HEV ลดราคา THB40,000! มาราธอน 800km, ประหยัดน้ำมันและสบาย!
AshleyAug 5, 2024

2024 Honda City Sedan ราคาตั้งแต่ THB 599,000 จะเลือก Turbo หรือ e: HEV?
LienApr 16, 2024

มอเตอร์โชว์กรุงเทพฯ: Honda City 2024, เพิ่มรูปแบบ 1.0 Turbo S, ราคา 599000 บาท
Kevin WongMar 26, 2024

Honda N-ONE e:เปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น ระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 295 กิโลเมตร
LienSep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย