Q

โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์มีแรงม้ากี่ตัว

กำลังของโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์จะแตกต่างกันไปตามการตกแต่งและรุ่นที่เลือก โดยทั่วไปแล้ว รุ่นที่พบมากจะมีกำลังประมาณ 150 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ซึ่งสมรรถนะของเครื่องยนต์นี้สามารถตอบสนองความต้องการในการขับขี่ในสภาพถนนของประเทศไทยได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางไกล
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Fortuner มีอะไรบ้าง?
รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เป็น SUV ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น พื้นที่โดยสารแถวที่สามที่ค่อนข้างคับแคบ ทำให้ไม่สะดวกสบายนักในการเดินทางไกล โดยเฉพาะสำหรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ อาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นจุดด้อยสำหรับครอบครัวไทยที่มักเดินทางพร้อมกันหลายคน นอกจากนี้ระบบช่วงล่างที่ตั้งค่าให้แข็งค่อนข้างมาก แม้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงบนถนนลูกรัง แต่ก็ส่งผลให้รู้สึกถึงแรงกระแทกบนถนนในเมืองมากกว่า ส่งผลต่อความสบายในการนั่ง ขณะที่วัสดุภายในห้องโดยสารเน้นความทนทานเป็นหลัก ชิ้นส่วนพลาสติกบางส่วนอาจให้ความรู้สึกที่ไม่ premium เท่ารถรุ่นเดียวกันในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความทนทานและอัตราการรักษามูลค่าที่สูง ข้อเสียเหล่านี้ก็ยังถือว่ายอมรับได้ในสภาพการใช้งานแบบหลายภูมิประเทศของไทย หากผู้ใช้ให้ความสำคัญกับความหรูหราหรือความสะดวกสบายเป็นหลัก อาจพิจารณาเปรียบเทียบคุณสมบัติของรุ่นคู่แข่งในระดับเดียวกัน หรือเลือกอัพเกรดด้วยการติดตั้งเบาะหุ้มหนังนุ่มหรือระบบกันเสียงเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น
Q
Toyota Fortuner อยู่ในกลุ่ม Segment ไหน?
Toyota Fortuner จัดอยู่ในกลุ่มรถ SUV ขนาดกลางระดับ D-Segment เป็นรถที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบแชสซีแยก (Body-on-Frame) โดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกับรถกระบะ Toyota Hilux ซึ่งเน้นความแข็งแกร่งทนทาน รุ่นนี้วางจำหน่ายหลักในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ภายในห้องโดยสารมักมาในรูปแบบ 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวที่สามสามารถพับเก็บในแนวข้างได้ ช่วยให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ดีไซน์ภายนอกของ Fortuner จะเน้นความบึกบึนแข็งแรง ส่วนภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพดี เบาะนั่งออกแบบให้สบาย และแผงคอนโซลกลางมีการจัดวางอย่างเรียบง่าย พร้อมด้วยฟีเจอร์เทคโนโลยีที่ครบครัน รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
Q
ราคาขายต่อของ Toyota Fortuner คือเท่าไหร่?
รถโฟร์จูนเนอร์ของโตโยต้าในตลาดมือสองของไทยมีอัตราการรักษามูลค่าได้ดีมาก สาเหตุหลักมาจากความนิยมสูงในท้องถิ่น ความทนทานที่เชื่อถือได้ และภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ในฐานะหนึ่งในรถ SUV ระดับกลางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย โฟร์จูนเนอร์ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดย่อยมาอย่างยาวนานด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเหมาะสำหรับครอบครัว และสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม โดยทั่วไปแล้ว โฟร์จูนเนอร์ที่ใช้งานมาแล้ว 3 ปียังสามารถรักษามูลค่าได้ประมาณ 65%-70% ของราคาเดิม ส่วนรถอายุ 5 ปีก็ยังรักษามูลค่าได้เกิน 50% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งหลายรุ่นในระดับเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจคือรุ่นและอุปกรณ์ที่ต่างกันจะส่งผลต่ออัตราการรักษามูลค่า เช่น รุ่น GR Sport หรือรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมักจะรักษามูลค่าได้ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน นอกจากนี้ การเข้าศูนย์บริการโตโยต้าอย่างสม่ำเสมอ การมีประวัติการซ่อมบำรุงครบถ้วน และรถที่ใช้งานมียอดไมล์ต่ำ จะได้ราคาที่ดีกว่าในตลาดมือสอง สำหรับผู้บริโภคไทยแล้ว อัตราการรักษามูลค่าที่สูงของโฟร์จูนเนอร์ยังเกี่ยวข้องกับความต้องการในตลาดที่มั่นคงและระบบจัดชิ้นส่วนที่ครบวงจร ทำให้มันเป็นตัวเลือกแรกๆ ของหลายครอบครัวเมื่อต้องการเปลี่ยนรถ
Q
Toyota Fortuner มีขนาดเครื่องยนต์กี่ซีซี?
รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์มีเครื่องยนต์หลายแบบให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้ โดยแต่ละรุ่นจะมีขนาดเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน บางรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,393 ซีซี เช่น รุ่น Toyota Fortuner 2.4 Leader S 6AT 2024 และ Toyota Fortuner 2.4 Leader G 6AT 4x2 2023 ซึ่งเป็นรุ่นในซีรีส์ 2.4 ส่วนรุ่นอื่นๆ จะใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 2,755 ซีซี เช่น Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 6AT 4×4 2024 และ Toyota Fortuner 2.8 Legender 6AT 4x2 2023 ในซีรีส์ 2.8 เครื่องยนต์แต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน รุ่นขนาดเล็กช่วยประหยัดน้ำมันกว่า ในขณะที่รุ่นใหญ่จะให้กำลังสูงกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบความแรงและสมรรถนะ
Q
Toyota Fortuner ใช้เครื่องยนต์อะไร?”
Toyota Fortuner มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลายรุ่น ส่วนใหญ่ที่เห็นบ่อยก็จะเป็นแบบดีเซลกับแบบเบนซิน เครื่องดีเซลบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ 2.4L ให้กำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร บางรุ่นก็เป็นเครื่อง 2.8T แบบดีเซล มีทั้งแบบกำลังสูงกับกำลังต่ำ แบบกำลังต่ำให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่วนแบบกำลังสูงให้กำลังถึง 150 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นเบนซินจะมีเครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จ 2.0L ภายใต้แพลตฟอร์ม TNGA ให้กำลังสูงสุด 203 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร เครื่องยนต์แต่ละแบบตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป เครื่องดีเซลมักให้แรงบิดสูง เหมาะสำหรับการขับขี่ออฟโรดหรือใช้งานหนักที่ต้องการพลังมากๆ ส่วนเครื่องเบนซินนั้นให้สมดุลระหว่างกำลังขับเคลื่อนกับความประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า เหมาะกับการขับขี่ในเมืองหรือใช้งานทั่วไปบนถนนปกติ
Q
เกียร์ของโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์คืออะไร?
รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ที่วางขายในตลาดไทยจะมีเกียร์ให้เลือก 2 แบบหลักๆ คือ เกียร์ออโต้ 6 สปีด (6AT) และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (6MT) โดยจะขึ้นอยู่กับรุ่นและเครื่องยนต์ที่เลือก เช่น รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร มักจะใช้เกียร์ออโต้ 6 สปีด ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร อาจจะมีทั้งเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาให้เลือกตามความชอบ สำหรับในไทยที่ทั้งทางขึ้นเขาลงเขาและรถติดในเมือง เกียร์ออโต้ 6 สปีดจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะเปลี่ยนเกียร์ลื่นๆ และประหยัดน้ำมัน ส่วนใครที่ชอบความรู้สึกในการขับหรือต้องใช้รถนอกเมืองบ่อยๆ ก็อาจจะชอบเกียร์ธรรมดามากกว่า ในแง่ของเทคโนโลยี เกียร์ออโต้ของโตโยต้าขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมาก ส่วนเกียร์ธรรมดาก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ระยะเปลี่ยนเกียร์กำลังดี ไม่หนักเท้า เหมาะกับการขับขี่ระยะยาว สิ่งที่ควรรู้คือตลาดไทยเน้นรถที่ใช้งานหนักได้ดี ดังนั้นฟอร์จูนเนอร์จึงถูกออกแบบให้เกียร์ทนทานเป็นพิเศษ ทั้งระบบระบายความร้อนและป้องกันฝุ่นทราย เพื่อให้ใช้งานได้ดีแม้บนถนนลูกรังนอกเมือง สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ นอกจากประเภทของเกียร์แล้ว ยังควรสนใจประกัน 5 ปีหรือ 15 หมื่นกิโลเมตรที่โตโยต้าให้ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์มั่นใจในความแข็งแรงของระบบขับเคลื่อนพอสมควร
Q
Toyota Fortuner มีขนาดรูน็อตล้อ (PCD) เท่าไหร่?”
รถโฟร์จูนเนอร์ของโตโยต้าในตลาดไทยมีขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลัก) เป็น 6×139.7 มิลลิเมตร แปลว่าล้อมีรูสลัก 6 รู เรียงตัวเป็นวงกลมระยะ 139.7 มิลลิเมตร ซึ่งสเปคนี้ใช้ร่วมกับรถปิคอัพและ SUV หลายรุ่นในไทย เช่น โตโยต้า ฮีลักซ์ และ ISUZU D-MAX ทำให้เวลาอัพเกรดหรือเปลี่ยนล้อมีตัวเลือกมากขึ้น PCD เป็นพารามิเตอร์สำคัญในการติดตั้งล้อ ถ้าเลือกขนาดผิดล้อจะติดตั้งไม่ได้หรืออาจเกิดอันตรายขณะขับขี่ ดังนั้นเวลาจะเปลี่ยนล้อต้องเช็คให้ชัวร์ว่า PCD รูกลางล้อ และค่าโอฟเซ็ต (ET) ตรงกัน ด้วยสภาพเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อนและหน้าฝนถนนลื่น แนะนำให้เลือกล้อคุณภาพดีและคอยตรวจสอบสลักล้อให้แน่นอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัย ส่วนเรื่องแต่งล้อในไทยมีร้านแต่งรถมืออาชีพเยอะ แนะนำสไตล์และช่วยหาล้อที่เหมาะกับรถคุณได้ พร้อมทั้งช่วยให้รถของคุณดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
Q
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มี Apple CarPlay หรือไม่?
รถโฟร์จูนเนอร์รุ่นล่าสุดที่วางขายในตลาดไทยตอนนี้ มีฟังก์ชัน Apple CarPlay ให้ใช้กันแบบจุใจเลยนะครับ สำหรับคนที่ใช้ iPhone จะได้เชื่อมต่อกับระบบในรถสะดวกขึ้นมาก เล่นเน็ต ฟังเพลง หรือแม้แต่ใช้งานแอปแผนที่ก็ทำผ่านหน้าจอกลางรถได้เลย ไม่ต้องมายุ่งกับมือถือให้เสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบไทยๆ ที่ทั้งร้อนทั้งฝนตกบ่อย ฟีเจอร์นี้ช่วยได้เยอะ นอกจากนี้โฟร์จูนเนอร์ยังรองรับ Android Auto สำหรับคนที่ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย หน้าจอสัมผัสของรุ่นนี้ก็ขนาดกำลังดี ความละเอียดชัดเจน ตอบสนองลื่นปรื๊ด ถูกใจคนไทยที่ชอบเทคโนโลยีแน่นอน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบนี้ช่วยให้ขับขี่สะดวกขึ้นมาก โฟร์จูนเนอร์ถือเป็น SUV ระดับกลางที่ขายดีในไทย โตโยต้าจึงอัปเดตฟีเจอร์เทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยอยู่เสมอ ถ้าสนใจลองแวะไปทดลองขับที่โชว์รูมดูนะครับ จะได้สัมผัสด้วยตัวเอง แถมยังได้เห็นฟังก์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เหมาะกับสภาพถนนไทย หรือห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมรองรับการใช้งานแบบครอบครัว
Q
ยางติดรถของ Toyota Fortuner ใช้ยี่ห้ออะไร?”
ยางรถยนต์ที่ติดตั้งมาจากโรงงานของ Toyota Fortuner ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและระดับการแต่งรถ โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Bridgestone, Dunlop หรือ Michelin ซึ่งยางเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ดีในสภาพถนนและอากาศของไทย โดยเฉพาะการออกแบบดอกยางที่เน้นการกันสึกและรีดน้ำได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนหลากหลายแบบในไทย เวลาเลือกซื้อยางเปลี่ยนเอง นอกจากจะมองหายางแบรนด์เดิมที่ติดตั้งมาจากโรงงานแล้ว คนไทยยังนิยมเลือกแบรนด์อื่นที่เหมาะกับการใช้งานในประเทศ เช่น Yokohama หรือ Linglong ที่ได้รีวิวดีและราคาคุ้มค่าในตลาดไทย อย่างไรก็ตาม การเลือกยางต้องดูขนาดให้ตรงกับรุ่น (เช่น ขนาดยางยอดนิยมของ Fortuner คือ 265/65 R17 หรือ 265/60 R18) รวมถึงดัชนีรับน้ำหนักและระดับความเร็วด้วย และด้วยสภาพถนนในไทยที่มีทั้งทางเขาและทางชนบท แนะนำให้เลือกยางที่มีโครงสร้างแข็งแรงหรือยางออฟโรดเพื่อเพิ่มความทนทาน ส่วนเรื่องความปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกดอกยางบ่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองไทยที่อากาศร้อนอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว
Q
รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
Toyota Fortuner เป็นรถ SUV ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดประเทศไทย จุดเด่นของรุ่นนี้คือสมรรถนะในการลุยทางวิบากที่แข็งแกร่ง ความทนทานที่เชื่อถือได้ และการออกแบบตัวรถที่มีความสูงจากพื้นมาก เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตรที่ให้พละกำลังดีและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการขับทางไกลหรือการเดินทางแบบครอบครัว ภายในห้องโดยสารออกแบบมาให้ใช้งานได้จริงและกว้างขวาง โดยเฉพาะเบาะแถวที่สามที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน นอกจากนี้ Toyota ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Fortuner คือระบบช่วงล่างที่ค่อนข้างแข็ง อาจทำให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในเมืองลดลง และขนาดตัวรถที่ใหญ่ ทำให้จอดในพื้นที่แคบไม่สะดวกนัก สำหรับผู้บริโภคชาวไทย หากต้องขับผ่านถนนต่างจังหวัดหรือภูเขาเป็นประจำ Fortuner ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าใช้งานหลักในเมือง อาจต้องพิจารณาเรื่องความสบายและความคล่องตัวประกอบด้วย ปัจจุบันในตลาดยังมีรถรุ่นอื่นที่ใกล้เคียงให้เปรียบเทียบ แนะนำให้ทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ และอย่าลืมดูแลรักษารถให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกของไทย โดยเฉพาะระบบแอร์และการกันสนิมใต้ท้องรถซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของรถ

ข้อดี

ดีไซน์ภายนอกและภายในที่สง่างาม ภายนอกมีรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมกับไฟ LED Bi-beam, ไฟ LED สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน, กระจังหน้าใหม่ ภายในคันขับสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ระบบความปลอดภัยที่หลากหลาย ครอบคลุมระบบความปลอดภัยพื้นฐาน, ระบบป้องกันการชนก่อนเกิด, ระบบควบคุมอัตโนมัติและลดความเร็ว, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน
อุปกรณ์ภายในรถสามารถทำให้คุณตัวสบาย รวมถึงแผงควบคุม New Optitron ขนาด 4.2 นิ้ว, หน้าจอแสดงผลข้อมูล MID, ไฟอารมณ์

ข้อเสีย

ราคาสูง ราคารถรุ่นที่มีสเปคสูงถึง 1,839,000 บาท ใกล้กับ 2 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเทียบกับ Mazda CX-8 2.2 XDL (1,899,000 บาท) ความสะดวกสบายในการขับขี่อาจจะไม่ดีเท่า
แม้จะมีการพัฒนาในด้านพลังงาน แต่ยังไม่เท่ากับคู่แข่ง แถมยังเลยอยู่เบื้องหลัง Ford Everest 2.0 Bi-Turbo (213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร)

Q&A ล่าสุด

Q
Jaecoo J6 EV ราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคาของ Jaecoo J6 EV ในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางบริษัท แนะนำให้ติดตามข้อมูลจากตัวแทนจำหน่ายในไทยหรือเว็บไซต์ทางการของแบรนด์เพื่ออัปเดตความเคลื่อนไหวล่าสุด ในฐานะที่เป็นรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าล้วน J6 EV คาดว่าจะมาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ทันสมัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ด้วยจุดเด่นเรื่องการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ จึงสอดรับกับนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย ผู้บริโภคในไทยที่สนใจรถ EV นอกจากพิจารณาราคาแล้ว ยังควรคำนึงถึงความสะดวกในการชาร์จไฟ ปัจจุบันเครือข่ายสถานีชาร์จในเมืองใหญ่ของไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งตามห้างสรรพสินค้าและปั๊มน้ำมันบางแห่งที่มีบริการชาร์จด่วน เมื่อเทียบกับรถ EV ในระดับเดียวกัน J6 EV อาจชูจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่า แต่รายละเอียดด้านอุปกรณ์และระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งยังต้องรอข้อมูลจากทางบริษัทเพิ่มเติม ทั้งนี้ รถนำเข้า EV ในไทยยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้า ซึ่งอาจทำให้ราคาจำหน่ายจริงของ J6 EV ค่อนข้างน่าสนใจ แนะนำให้เปรียบเทียบแพ็กเกจรับประกันและเครือข่ายบริการหลังการขายของแต่ละแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ.
Q
Jaecoo J6 EV ใช้แบตเตอรี่แบบไหน?
รถยนต์ไฟฟ้า Jaecoo J6 EV ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่ออกแบบโดย CATL (宁德时代) มีความจุแบตเตอรี่ 69.8kWh ซึ่งช่วยให้พลังงานไฟฟ้าที่เสถียรสำหรับการขับขี่ แบตเตอรี่ชนิดนี้มีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไป คือมีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า ทำให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่าในความจุเท่ากัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทางการขับขี่ของรถได้ดี นอกจากนี้แบตเตอรี่ลิเธียมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆ สำหรับรุ่นมอเตอร์เดี่ยว Jaecoo J6 EV ที่ใช้แบตเตอรี่นี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันและการเดินทางใกล้ไกลระดับกลาง ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้น
Q
Jaecoo J6 EV มีขนาดตัวถังเท่าไหร่?
Jaecoo J6 EV มีขนาดตัวถังความยาว 4,406 มม. ความกว้าง 1,910 มม. ความสูง 1,715 มม. และระยะฐานล้อ 2,715 มม. ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม SUV ขนาดคอมแพกต์ที่เน้นการใช้งานได้ทั้งในเมืองและลุยทางออฟโรด ตัวรถมีความยาวพอดี เหมาะกับการใช้งานในเมืองและหาที่จอดได้ง่าย ความกว้างของตัวรถช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในให้รู้สึกโปร่ง นั่งสบายในแนวขวาง ความสูงของรถช่วยให้มุมมองในการขับขี่ชัดเจน พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะที่ไม่อึดอัด ส่วนระยะฐานล้อยาว ช่วยให้รถทรงตัวดีเมื่อต้องวิ่งทางไกลหรือถนนขรุขระ โดยรวมแล้ว Jaecoo J6 EV ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานประจำวันและการขับขี่แบบลุย ๆ ได้ในคันเดียว.
Q
Jaecoo J6 EV ชาร์จเร็วแค่ไหน?
สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Jaecoo J6 ในตลาดไทย ความเร็วในการชาร์จถือว่าคุ้มค่าและใช้งานได้ดี จากข้อมูลทางการ เมื่อใช้ระบบชาร์จเร็ว DC สามารถชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที ซึ่งเหมาะกับสถานีชาร์จแบบเร็วที่พบได้ทั่วไปในไทย เช่น ในสถานีบริการทางด่วนหรือศูนย์การค้าย่านกลางเมืองกรุงเทพฯ ส่วนการชาร์จแบบช้า AC ที่บ้านจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการชาร์จตอนกลางคืนหรือเมื่อจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ไม่มาก แต่ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัดเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สำหรับผู้ใช้ในไทย ความเร็วในการชาร์จยังขึ้นอยู่กับความเสถียรของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ เช่น ในกรุงเทพฯ จะชาร์จไฟได้เร็วกว่าในพื้นที่ห่างไกล ถ้าคิดจะเดินทางไกล แนะนำให้วางแผนเส้นทางล่วงหน้าผ่านแอปแผนที่ชาร์จไฟในไทย เช่น ELECTRICITY หรือ PlugShare ซึ่งจะแสดงสถานะสถานีชาร์จและข้อมูลกำลังไฟแบบเรียลไทม์ ควรระวังว่าเวลาชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุณหภูมิแบตเตอรี่ กำลังไฟของสถานีชาร์จ (ในไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 50-150kW) หรือระบบจัดการแบตเตอรี่ของรถ แนะนำให้ลองทดสอบการชาร์จจริงที่ตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นก่อนตัดสินใจซื้อรถ
Q
Jaecoo J6 EV ระยะใต้ท้องรถเท่าไหร่?
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับระยะความสูงจากพื้นรถ (Ground Clearance) ของ Jaecoo J6 EV ที่เปิดตัวโดยบริษัท แต่ด้วยการออกแบบที่เป็น SUV ไฟฟ้าล้วน มักจะเน้นทั้งการใช้งานในเมืองและเส้นทางลุยๆ แบบเบาๆ คาดว่าระยะความสูงจากพื้นน่าจะอยู่ที่ 160-180 มม. ซึ่งเพียงพอสำหรับสภาพถนนทั่วไปในไทย ทั้งในเมืองและเส้นทางลูกรังในชนบท เช่น ถนนมีน้ำขังในช่วงฤดูฝนหรือทางดินในต่างจังหวัด สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา EV นอกเหนือจากระยะความสูงจากพื้นรถ ยังควรดูเกณฑ์ป้องกันน้ำของแบตเตอรี่ (อย่างระดับ IP67 ที่เหมาะกับสภาพอากาศแบบมีฝนชุก) การตั้งค่าตัวถัง (โดยเฉพาะความนุ่มสบายสำหรับการเดินทางไกล) และเครือข่ายสถานีชาร์จ (โดยเฉพาะจุดชาร์จเร็วในกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวหลัก) แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อช่องทางทางการเพื่อขอข้อมูลการทดสอบจริงหรือนัดทดลองขับเพื่อประเมินความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางต่างๆ นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ หาก J6 EV มีระบบทำความเย็นแบบแอคทีฟก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีขึ้น ควรพิจารณารายละเอียดเหล่านี้ให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม