Q

Zeekr 7X มีเรตติ้ง NCAP เท่าไหร่

จนถึงปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลการจัดอันดับ NCAP ของ Zeekr 7X อย่างไรก็ตาม Zeekr 7X โดดเด่นในด้านความปลอดภัยด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ Haohan 2.0 ผสานเรดาร์ไลเดอร์และกล้องความละเอียดสูง พร้อมระบบเตือนและป้องกันรอบทิศทาง ตัวถังใช้โครงสร้างโดมเกราะ ผลิตจากเหล็กความแข็งแรงสูง มีโครงสร้างป้องกันแบตเตอรี่แบบสิบช่องและคานกันชนแนวตั้ง 8 แถว แนวนอน 9 แถว เพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัย ที่นั่งแถวหลังฝังแผ่นเหล็กป้องกันการเจาะ พร้อมถุงลมนิรภัยวางตำแหน่งอย่างเหมาะสม ให้การปกป้องผู้โดยสารอย่างครบถ้วน แม้ยังไม่มีผลทดสอบ NCAP ระบบเหล่านี้แสดงถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่มั่นใจได้สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการชาร์จ Zeekr 7X
เวลาชาร์จของ Zeekr 7X ขึ้นอยู่กับประเภทการชาร์จและความจุแบตเตอรี่ หากใช้เครื่องชาร์จที่บ้านพร้อมมิเตอร์ไฟ 220 โวลต์และเลือกเครื่องชาร์จ 7 กิโลวัตต์ รุ่นแบตเตอรี่ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมงใช้เวลาชาร์จจาก 0 ถึงเต็มประมาณ 107 ชั่วโมง ส่วนรุ่น 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงใช้เวลาประมาณ 142 ชั่วโมง หากใช้มิเตอร์ไฟ 380 โวลต์และเลือกเครื่องชาร์จ 21 กิโลวัตต์ กำลังชาร์จของ Zeekr 7X จะยังจำกัดที่ 7 กิโลวัตต์ เวลาชาร์จจึงใกล้เคียงกับการใช้มิเตอร์ 220 โวลต์ สำหรับการชาร์จเร็วแบบ DC รถรองรับกำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 11 ถึง 15 นาที ระยะเวลาชาร์จขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและกำลังของอุปกรณ์แต่ละประเภท ความเร็วการชาร์จนี้เพียงพอต่อการใช้งานประจำวันและการเดินทางทั่วไป
Q
Zeekr 7X ใช้พลังงานเท่าไหร่
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานของ Zeekr 7X แตกต่างกันตามรุ่นและลักษณะการขับขี่ มีให้เลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยวใช้แบตเตอรี่ 75kWh หรือ 100kWh วิ่งได้ไกล 480 กิโลเมตร และ 615 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่ใช้แบตเตอรี่ 100kWh วิ่งได้ไกล 543 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP จากการทดสอบจริงรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังแบตเตอรี่ 100kWh มีอัตราสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ 144 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร และบางข้อมูลระบุว่าต่ำสุดอยู่ที่ 121 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองจริงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน น้ำหนักบรรทุก อุณหภูมิแวดล้อม การใช้แอร์และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น การขับขี่แบบรุนแรง การเร่งหยุดบ่อย การใช้ความเร็วสูง อุณหภูมิต่ำ หรือเปิดแอร์นานจะเพิ่มการใช้พลังงาน ขณะที่การขับขี่อย่างนุ่มนวลและการใช้ระบบเบรกแบบชาร์จพลังงานช่วยลดการใช้พลังงานได้
Q
Zeekr 7X ชาร์จได้เร็วเพียงใด?
Zeekr 7X รองรับการชาร์จเร็ว DC ขนาด 160kW โดยใช้เวลาเพียง 11-15 นาที ในการชาร์จจาก 10-80% รถยนต์採用โครงสร้าง平台 800V ซึ่งโครงสร้างที่ทันสมัยนี้ช่วยสนับสนุนการชาร์จเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีการชาร์จเร็วช่วยลดเวลาการชาร์จลงอย่างมาก เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน และลดต้นทุนเวลาของผู้ใช้ เช่น ในกรณีที่ต้องเดินทางฉุกเฉิน เวลาชาร์จสั้นๆ ก็สามารถเติมพลังงานได้เพียงพอเพื่อรองรับการเดินทาง นอกจากนี้ Zeekr 7X ยังมีฟังก์ชัน V2L และการจ่ายไฟภายนอกที่ 3.3kW ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถชาร์จไฟให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถจ่ายไฟออกเมื่อจำเป็น เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าในกิจกรรมกลางแจ้ง ส่งผลให้ยานพาหนะมีความยืดหยุ่นและความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น
Q
Zeekr 7X ทำที่ไหน
Zeekr 7X ผลิตและสร้างขึ้นที่โรงงาน Zeekr Meishan ในเขตเป่ย์หลุน เมืองหนิงโป ประเทศจีน โรงงาน Zeekr Meishan ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานดิจิทัลกลุ่มแรกของโลกที่ใช้การออกแบบและก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี Digital Twin 3D มีการนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ล้ำสมัยมาใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่น การหล่ออัดขึ้นรูป การขึ้นรูปแผ่นโลหะ และการเชื่อมประกอบ เพื่อให้มั่นใจว่าการออกแบบพื้นผิวตัวถังของ Zeekr 7X จะมีความสวยงามและแม่นยำ โรงงานมีการควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน ตัวอย่างเช่น ในขั้นตอนการพ่นสี จะใช้วัสดุชั้นสูงเช่นสีเคลือบเงา 2K พร้อมควบคุมอุณหภูมิการอบสีที่ 140 องศาเซลเซียสอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้สีรถที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติและทนทาน นอกจากนี้รถทุกคันยังต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ 5 ขั้นตอนก่อนออกจากโรงงาน ได้แก่ การตรวจสอบตามมาตรฐานการค้า การตรวจสอบตามกฎหมาย เส้นทางทดสอบการขับขี่ การทดสอบการรั่วซึมของน้ำ และการตรวจสอบขั้นสุดท้าย (PDI) เพื่อรับประกันคุณภาพสูงของ Zeekr 7X และมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค
Q
Zeekr 7X มี V2L หรือไม่
Zeekr 7X รองรับฟังก์ชัน V2L กำลังไฟ 33 กิโลวัตต์ พร้อมความสามารถในการจ่ายไฟภายนอก V2L หรือ Vehicle to Load เป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง ทำให้รถทำหน้าที่เสมือนแบตเตอรี่พกพาขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การใช้ไฟในสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแคมป์ปิ้งที่สามารถจ่ายไฟให้เตาย่างหรือโปรเจกเตอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์พักผ่อนกลางแจ้งที่สะดวกสบาย หรือใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อชาร์จอุปกรณ์อื่น Zeekr 7X ยังมีจุดเด่นอื่นทั้งด้านสมรรถนะ โดยมีให้เลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ ใช้แพลตฟอร์ม 800V พร้อมระยะทางขับขี่ที่น่าพอใจ ด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ ยังมาพร้อม Zeekr Intelligent Drive 20 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งรุ่น รองรับฟังก์ชัน NZP ในเมืองโดยไม่ต้องใช้แผนที่ ก้าวสู่ยุคของโมเดล AI แบบ End to End อย่างเต็มตัว
Q
Zeekr 7X มีสีอะไร
Zeekr 7X มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเขียวซือเย่ สีฟ้าน้ำตก สีส้มเมฆยามเย็น สีขาวกลางวัน สีดำราตรี สีเทาพลบค่ำ และสีน้ำตาลรุ่งอรุณ แต่ละสีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ความชอบและรสนิยมที่หลากหลาย สีเขียวซือเย่ให้ความรู้สึกสดชื่นแนวธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง สีฟ้าน้ำตกลึกซึ้งสุขุม สื่อถึงความสง่างาม สีส้มเมฆยามเย็นโดดเด่นสะดุดตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง สีขาวกลางวันดูเรียบง่ายบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกสดใส สีดำราตรีลึกลับหรูหรา เน้นภาพลักษณ์สุขุม สีเทาพลบค่ำเรียบแต่มีสไตล์ และสีน้ำตาลรุ่งอรุณอบอุ่นนุ่มนวล เหมาะกับผู้ใช้ในครอบครัว การเลือกสีก็สัมพันธ์กับการใช้งาน เช่น หากขับในเมืองบ่อย การเลือกสีขาวกลางวันหรือสีเทาพลบค่ำจะช่วยให้รถดูสะอาดและมีความทันสมัย

ข้อดี

กำลังสูง ความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม.
ชาร์จเร็ว 30% ถึง 80% ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ปลอดภัยสูง โครงสร้างต้านบิดเกิน 40,000 นิวตันเมตร
ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย
ภายในทันสมัย พร้อมหน้าจอหมุนได้

ข้อเสีย

การควบคุมไม่สปอร์ตเท่ากับสมรรถนะ
ได้ยินเสียงลมและถนนเมื่อขับทางไกล
หน้าจอและ HUD อาจรบกวนสมาธิผู้ขับ

Q&A ล่าสุด

Q
Ford Ranger ปี 2023 จะมีเครื่องยนต์ V6 หรือ V8?
Ford Ranger รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยไม่ได้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 หรือ V8 แบบที่หลายคนอาจคิด แต่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากกว่า โดยมีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร V6 ที่โดดเด่นทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและแรงบิดสูง เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายและการขับขี่ระยะไกลในไทยเป็นอย่างดี คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความทนทานและประโยชน์ใช้สอยของรถปิคอัพ ซึ่ง Ranger ตอบโจทย์ด้วยสมรรถนะที่เชื่อถือได้และฟีเจอร์ครบครัน เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่นี่ อีกจุดที่ควรรู้คือตลาดไทยเริ่มเข้มงวดกับมาตรฐานไอเสียมากขึ้น เครื่องยนต์เทอร์โบขนาดเล็กจึงมาแรงเพราะทั้งช่วยลดมลพิษและยังคงความแรงไว้ครบ ถ้าคุณกำลังมองหารถปิคอัพในไทย นอกเหนือจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ควรดูเรื่องความจุของกระบะหลัง เครือข่ายบริการหลังการขาย และมูลค่าค้างประกันด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้งานจริงและราคาขายต่อในอนาคต
Q
ความเร็วสูงสุดของ Ford Ranger ปี 2023 คือเท่าไร
รถกระบะ Ford Ranger รุ่นปี 2023 นี่ขับเร็วสุดได้ประมาณ 180 กม./ชม. แต่ตัวเลขอาจต่างนิดหน่อยตามรุ่นและกฎหมายในแต่ละพื้นที่ รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร 4 สูบ หรือจะเป็นเครื่อง V6 3.0 ลิตร ก็มีให้เลือก ทั้งคู่แรงทะลุปรี๊ด เข้าใจสภาพถนนไทยที่หลากหลาย สามารถรองรับการเดินทางทั้งในเมืองและการเดินทางระยะไกลได้ ที่ไทยคนชอบใช้รถกระบะเพราะใช้งานได้หลายอย่างและทนทาน ส่วน Ranger นี่ถือเป็นตัวท็อปๆ นอกจากจะขนของได้เยอะแล้ว ยังมีระบบช่วยขับขี่ไฮเทค เช่น ควบคุมความเร็วอัตโนมัติและช่วยรักษาช่องทาง ช่วยให้ขับปลอดภัยขึ้น อากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกแบบนี้ รถต้องระบายความร้อนดีและกันสนิมได้เยี่ยม ซึ่ง Ranger ทำได้ตรงนี้ แถมยังแต่งเพิ่มได้ตามสไตล์ คนไทยชอบติดฝาครอบกระบะหรือชุดออฟโรดกันเยอะ ถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะสักคันที่ทั้งแรงและทนทาน Ford Ranger 2023 นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
Q
Ford Ranger ปี 2023 จะมีการเรียกคืนหรือไม่?
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกศูนย์ความปลอดภัยของยานยนต์ยังไม่ได้ออกประกาศเรียกคืนรถ Ford Ranger รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสถานะล่าสุดของรถผ่านเว็บไซต์ทางการของ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากในตลาดอื่นๆ ทั่วโลกเคยมีการเรียกคืนในบางพื้นที่จากปัญหาคานปัดน้ำฝนอาจหลวมหรือซอฟต์แวร์ของเข็มขัดนิรภัย สำหรับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทย เจ้าของรถควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการตรวจสอบระบบปัดน้ำฝนก่อนเข้าสู่ฤดูฝน นอกจากนี้ด้วยลักษณะการใช้งานรถปิกอัพที่มักบรรทุกของหนักเป็นประจำ เรายังแนะนำให้ตรวจสอบช่วงล่างและระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ หากต้องการยืนยันว่าเลขตัวถังของคุณ попаอยู่ในข่ายเรียกคืนหรือไม่ สามารถนำเอกสารทะเบียนรถไปตรวจสอบฟรีที่ฟอร์ดโชว์รูมในกรุงเทพฯ เชียงใหม่หรือเมืองใหญ่อื่นๆ สำหรับผู้บริโภคในไทยยังสามารถดาวน์โหลดแอป "FordPass" เพื่อรับรายงานสุขภาพรถและประกาศบริการจากทางบริษัทแบบเรียลไทม์ ซึ่งบริการอัจฉริยะนี้จะช่วยให้เจ้าของรถจัดการรอบการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อสำคัญที่ควรทราบคือรถนำเข้าทุกคันที่จำหน่ายในไทยต้องผ่านการรับรองจากสมาคมมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย (TISI) ซึ่งเป็นหลักประกันความปลอดภัยพื้นฐาน แต่การดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับความปลอดภัยบนท้องถนน
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ford Ranger 2023 และ 2024 คืออะไร?
รถ Ford Ranger รุ่นปี 2023 และ 2024 มีความแตกต่างกันตรงที่รุ่นปี 2024 ได้รับการอัปเกรดบางส่วน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัยขึ้นอย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้น เช่น จอแสดงผลกลางรถอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นและรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทฟังก์ชันที่ฉลาดขึ้น ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบขับทางไกลและออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในตลาดไทยทั้งสองรุ่นต่างใช้เครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง แต่รุ่นปี 2024 อาจได้รับการปรับปรุงในเรื่องประหยัดน้ำมันและมาตรฐานการปล่อยไอเสียให้ดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยที่เข้มงวดมากขึ้นเวลาซื้อลูกค้าควรเปรียบเทียบว่าคุณสมบัติใหม่ของรุ่นปี 2024 คุ้มค่ากับส่วนต่างราคาหรือไม่ รวมถึงต้องเช็กบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ในประเทศไทยด้วย Ford Ranger ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและสมรรถนะออฟโรด ไม่ว่ารุ่นปี 2023 หรือ 2024 ก็ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้ขับทั้งในเมืองและไปเที่ยวป่าภูเขา แนะนำให้เลือกตามงบประมาณและลักษณะการใช้งานจริงจะดีที่สุด
Q
Ford Ranger 2023 นั่งสบายไหม?
2023 Ford Ranger รุ่นนี้ให้ความสบายในการใช้งานได้ดีมาก โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนและอากาศที่หลากหลายของไทย เก้าอี้ใช้โฟมความหนาแน่นสูงออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิกส์ แม้นั่งขับนานๆ ก็ไม่เหนื่อยง่าย ส่วนเก้าอี้แถวหลังก็ปรับองศาเอียงให้พอดี ช่วยเพิ่มความสบายมากขึ้น ระบบช่วงล่างได้รับการปรับแต่งใหม่ กรองแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งบนถนนในเมืองที่เป็นหลุมเป็นบ่อหรือทางต่างจังหวัดที่ขรุขระ การควบคุมเสียงภายในรถก็ทำได้ดี เสียงลมและเสียงยางเวลาขับความเร็วสูงอยู่ในระดับที่รับได้ แถมระบบแอร์เย็นฉับไว เหมาะกับอากาศร้อน แบบไทย ที่สำคัญยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกหลายแบบ โหมดประหยัดน้ำมันเหมาะกับการใช้งานในเมืองที่รถติด ช่วยลดการสิ้นเปลืองได้ดี ส่วนดีไซน์ตัวรถสูงก็เป็นจุดแข็งสำหรับคนไทย ช่วยให้ขับผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังในฤดูฝนได้สบายๆ โดยรวมแล้ว 2023 เรนเจอร์ ถือว่าจัดการได้ดีทั้งความสบายและความใช้งานได้จริง ทั้งตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวและยังพอไปลุยทางออฟโรดแบบเบาๆ ได้ด้วย
ดูเพิ่มเติม