Q
มูลค่าคงเหลือของ Mazda CX-5 ในปี 2024 คืออะไร
คาดการณ์ว่าอัตราค่าเสื่อมราคาของรถ Mazda CX-5 ปี 2024 ในตลาดไทยจะยังคงอยู่ในระดับกลางถึงสูง โดยรถอายุ 3 ปีจะมีอัตราค่าเสื่อมราคาประมาณ 55-65% ขึ้นอยู่กับรุ่น สภาพรถและระยะทางใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับความนิยมของรถ SUV ญี่ปุ่นในไทยและจุดเด่นของ CX-5 ที่มีความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาต่ำ ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเสื่อมราคาในไทยรวมถึงประวัติการบริการ อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมแซมว่ายังเป็นของแท้หรือไม่ รวมถึงความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่อาจมีค่าเสื่อมราคาน้อยกว่าด้วยเหตุผลประหยัดน้ำมัน เจ้าของรถควรเข้าบริการตามศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอและเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อรักษามูลค่ารถเมื่อต้องการขายต่อ นอกจากนี้ในสภาพอากาศร้อนของไทย การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและตรวจสอบระบบแอร์เป็นประจำก็ช่วยรักษามูลค่ารถได้เช่นกัน เมื่อเทียบกับรถ SUV รุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน CX-5 มีจุดแข็งในตลาดมือสองจากเทคโนโลยี Skyactiv และเครือข่ายบริการหลังการขายที่แข็งแรง แต่สุดท้ายอัตราค่าเสื่อมราคาจริงจะขึ้นอยู่กับสภาพรถและความต้องการในตลาดในช่วงเวลานั้น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
วิธีเปิดท้ายรถใน Mazda CX-5 รุ่นปี 2024
สำหรับรถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 ที่ขายในประเทศไทย ระบบเปิดท้ายหลังนั้นใช้ง่ายมาก มีถึง 3 วิธีให้เลือกใช้เลยครับ วิธีแรกคือกดปุ่มเปิดท้ายที่รีโมทคีย์ค้างไว้ 2 วินาที ประตูท้ายจะปลดล็อกและเปิดอัตโนมัติ แบบนี้สะดวกเวลาที่มือไม่ว่างอย่างตอนถือถุงช้อปปิ้งเต็มมือ วิธีที่สองคือใช้ปุ่มเปิดท้ายที่แผงประตูคนขับด้านในรถ แค่ดึงเบาๆก็เปิดได้แล้ว ส่วนวิธีที่สามก็กดปุ่มเปิดท้ายที่ใต้ประตูท้ายแล้วยกขึ้นได้เลย
ต้องบอกว่า CX-5 มีระบบประตูท้ายไฟฟ้าให้เลือกติดตั้งเพิ่ม (บางรุ่นสูงอาจมีมาให้อยู่แล้ว) ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมาก เพราะสามารถปรับความสูงการเปิดท้ายให้เหมาะสมกับที่จอดรถต่างๆได้ โดยเฉพาะที่จอดรถใต้ดินในห้างแถวกรุงเทพฯที่มักมีข้อจำกัดเรื่องความสูง
พื้นที่เก็บของที่ท้ายรถจุถึง 506 ลิตร (ถ้าเก็บเบาะหลังจะเพิ่มเป็น 1620 ลิตร) เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเที่ยวช่วงวันหยุดหรือเวลาเดินทางกลับบ้านเกิด ส่วนความสูงของพื้นท้ายก็พอดี ไม่สูงเกินไป ผู้หญิงก็ยกของหนักขึ้นลงได้ไม่ยาก
เคล็ดลับนิดนึงสำหรับคนใช้รถในไทยที่อากาศชื้น แนะนำให้ทำความสะอาดยางขอบท้ายรถเป็นประจำเพื่อป้องกันเสียงดังเวลาขับขี่ นี่คือทิปเล็กๆน้อยๆสำหรับการดูแลรถในสภาพอากาศร้อนชื้นครับ
Q
รุ่น Mazda CX-5 ปี 2024 รุ่นไหนที่มีระบบ Head-up Display
ในรุ่นปี 2024 ของ Mazda CX 5 ตลาดประเทศไทยได้มีการนำเสนอรุ่นสูงสุด 25 Turbo SP ที่มาพร้อมระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้าแบบสี HUD ซึ่งสามารถฉายข้อมูลสำคัญเช่นความเร็วและการนำทางขึ้นไปบนกระจกบังลมด้านหน้า ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องก้มมองลงมาขณะขับขี่ เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพการจราจรที่หนาแน่นของกรุงเทพฯ ระบบ HUD ยังทำงานได้เสถียรในสภาพอากาศร้อนและฝนชุกของไทย โดยสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติเพื่อรับมือกับแสงแดดที่แรง นอกจาก HUD แล้ว รุ่นท็อปนี้ยังติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 25 ลิตร ซันรูฟพาโนรามา ระบบเสียง BOSE และอุปกรณ์ระดับพรีเมียมอื่นๆ ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำสมัยและประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งนี้อุปกรณ์ของ CX 5 ในประเทศไทยอาจแตกต่างจากเวอร์ชันยุโรปและอเมริกาเหนือ ผู้สนใจควรตรวจสอบรายการอุปกรณ์กับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ก่อนการตัดสินใจซื้อ และเมื่อเทคโนโลยีรถยนต์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฟังก์ชัน HUD มีแนวโน้มที่จะถูกติดตั้งในรุ่นย่อยระดับกลางของ CX 5 มากขึ้นในอนาคต
Q
วิธีเปิดใช้งานหน้าจอสัมผัสใน Mazda CX-5 2024
สำหรับรถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 ในตลาดไทย บางรุ่นอาจตั้งค่าให้หน้าจอสัมผัสปิดใช้งานขณะขับรถโดยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อจอดรถคุณสามารถใช้งานหน้าจอสัมผัสได้ตามปกติ ถ้าต้องการปรับเปลี่ยนการตั้งค่า ให้เข้าไปที่เมนู "การตั้งค่า" บนหน้าจอกลาง จากนั้นเลือก "แสดงผล" หรือ "ระบบ" เพื่อค้นหาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับการเปิด/ปิดหน้าจอสัมผัส อย่างไรก็ตาม กฎหมายจราจรไทยมีข้อกำหนดเคร่งครัดเกี่ยวกับการใช้หน้าจอขณะขับรถ ดังนั้นแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเฉพาะเมื่อจอดรถอย่างปลอดภัยเท่านั้น นอกจากนี้ระบบ Mazda Connect ยังรองรับการควบคุมผ่านปุ่มหมุน ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดการเสียสมาธิขณะขับรถ เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เป็นพิเศษ หากพบปัญหาการใช้งาน สามารถติดต่อผู้จำหน่าย Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะทางที่เหมาะกับสภาพอากาศและถนนในไทย เช่น การปรับค่าหน้าจอเพื่อลดแสงสะท้อน หรือการปรับความไวของหน้าจอสัมผัสในช่วงฤดูฝน
Q
2024 Mazda CX-5 มีระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถหรือไม่
รุ่นปี 2024 ของมาสด้า CX-5 นั้นมาพร้อมกับระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดความปลอดภัยอัจฉริยะ i-Activsense ของมาสด้า ระบบนี้ทำงานผ่านกล้องและเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับเส้นแบ่งช่องทาง เมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกจากเลน จะมีการแจ้งเตือนด้วยการสั่นสะเทือนที่พวงมาลัยหรืออาจมีการช่วยเหยี่ยงเบาๆ เพื่อให้รถกลับมาอยู่กึ่งกลางช่องทาง ซึ่งฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับการขับขี่บนทางด่วนหรือการเดินทางไกลในไทย ช่วยลดความเสี่ยงจากการขับเมื่อยล้าได้ดี แต่ต้องเข้าใจว่าระบบนี้ไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ คนขับยังต้องควบคุมรถอยู่ตลอดเวลา นอกจากระบบช่วยรักษาช่องทางแล้ว CX-5 ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับตามรถคันหน้า ระบบเตือนจุดบอด ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนซับซ้อนแบบไทยๆ สำหรับคนไทยที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดการใช้งานเพิ่มเติมจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ได้ เช่น การปรับระดับความไวของระบบหรือวิธีการปิดชั่วคราว เพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ในสภาพต่างๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ
Q
รถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 มีระบบ Active Driving Display หรือไม
สำหรับรุ่นปี 2024 ของ Mazda CX-5 ที่วางขายในตลาดไทยนั้น ได้ติดตั้งระบบ Active Driving Display ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแสดงผลแบบ Head-Up ที่ใช้งานได้จริง โดยระบบจะฉายข้อมูลสำคัญเช่น ความเร็วและเส้นทางนำทางไปยังกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่คับคั่งของกรุงเทพฯ เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการลดความถี่ในการก้มมองหน้าปัดรถ พร้อมทั้งปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสง ทำให้มองเห็นชัดเจนแม้ในวันที่แดดจัดแบบประเทศไทย ต้องบอกว่าเทคโนโลยีคล้ายๆ กันนี้กลายเป็นมาตรฐานในรถรุ่นกลางถึงสูงของหลายแบรนด์แล้ว ไม่ว่าจะเป็น HUD ของ Toyota หรือระบบแสดงผลของ BMW แต่ Mazda ได้ปรับตำแหน่งการฉายและลำดับการแสดงข้อมูลให้เข้ากับสรีระมนุษย์มากกว่า สำหรับคนไทยแล้ว ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ทั้งในการขับทางไกลหรือเวลาติดรถติดในเมือง แนะนำให้ลองทดสอบระบบที่ตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ และควรดูแลรักษาความสะอาดของกระจกหน้ารถเพื่อให้ภาพคมชัดเสมอ
Q
วิธีพับกระจกบน Mazda CX-5 2024
การพับกระจกหลังของ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 นั้นทำได้ง่ายมาก ถ้าเป็นรุ่นพับมือก็แค่ดันกระจกเข้าหาตัวรถเบาๆ ให้สุด ส่วนรุ่นพับไฟฟ้าก็แค่กดปุ่มในรถปุ่มเดียวจบ ปุ่มนี้มักอยู่ตรงแผงควบคุมประตูด้านคนขับ มีสัญลักษณ์รูปกระจกหน้า กดค้างไว้กระจกก็จะพับหรือกางอัตโนมัติ ซึ่งช่วยได้มากเวลาจอดในซอยแคบๆ หรือลานจอดรถแน่นๆ แบบบ้านเรา แถมยังช่วยป้องกันกระจกเฉี่ยวอีกด้วย จุดเด่นของกระจกหลัง CX-5 คือออกแบบมาเพื่อให้อากาศไหลลื่น พับแล้วลดเสียงลมเวลาขับเร็วได้ด้วย ยิ่งช่วงฤดูฝนแบบไทยๆ ถ้าเป็นรุ่นไฟฟ้าก็ไม่ต้องเปียกแขนเวลาพับกระจก แนะนำว่าถ้าจอดริมทางบ่อยๆ ควรฝึกนิสัยพับกระจกหลังทุกครั้ง ทั้งป้องกันรถตัวเองและเผื่อที่ให้รถคันอื่นด้วยนะ
Q
รถ Mazda CX-5 มีกระจกพับอัตโนมัติหรือไม่
ใช่แล้วครับ Mazda CX-5 ในรุ่นท็อปบางรุ่นมีฟีเจอร์พับกระจกหลังอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์นี้ในตลาดไทยถือว่าสะดวกมากโดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ถนนคับแคบ เวลาจอดรถกระจกจะพับเองอัตโนมัติ ช่วยลดการขูดขีดและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน โดยทั่วไปเมื่อล็อครถกระจกจะพับเข้า และเมื่อปลดล็อคกระจกก็จะกางออก บางรุ่นยังมีปุ่มกดในรถให้ควบคุมการพับกระจกได้ด้วย หากคุณกำลังมองหาซื้อ CX-5 ในไทย แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอีกทีเพราะแต่ละปีและแต่ละรุ่นอาจมีความแตกต่างกัน อีกจุดที่น่าสนใจคือกระจกพับอัตโนมัติในสภาพอากาศร้อนและฝนชุกของไทยยังช่วยลดการสะสมของฝุ่นและน้ำฝนบนกระจกได้ด้วย แถมหลายแบรนด์ญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า ฮอนด้าก็เริ่มนำฟีเจอร์แบบนี้มาใช้ในตลาดอาเซียนมากขึ้น แสดงว่าการออกแบบนี้ตอบโจทย์การใช้งานในภูมิภาคนี้จริงๆ นอกจากนี้ CX-5 ยังมีระบบทำความร้อนกระจกและปรับกระจกด้วยไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ช่วงฤดูฝนของไทยได้อีกด้วยครับ
Q
รถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 มีระบบเปิด-ปิดประตูหลังแบบไม่ใช้มือหรือไม่
รุ่นปี 2024 ของ Mazda CX-5 ในตลาดไทยไม่ได้ติดตั้งระบบเปิด-ปิดประตูหลังอัตโนมัติแบบสัมผัสเท้า (hands-free liftgate) เป็นมาตรฐานทุกรุ่น แต่บางรุ่นที่แพ็กเกจสูงอาจมีปุ่มเปิด-ปิดประตูหลังไฟฟ้าให้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อยืนยันสเปคที่แน่นอนอีกครั้ง ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ระบบประตูหลังไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกได้มากเวลาที่คุณมือเต็ม โดยเฉพาะเวลาที่ต้องถือของหนักหลายชิ้น แต่ควรระวังเรื่องความสูงของช่วงล่างรถและความสะอาดของเซนเซอร์ด้วย หากคุณมักต้องขนของขนาดใหญ่เป็นประจำ อาจลองเปรียบเทียบระบบสัมผัสเท้าของคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 หรือ Honda CR-V แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละแบรนด์จะมีการออกแบบพื้นที่สัมผัสและความไวของเซนเซอร์ที่แตกต่างกัน แนะนำให้ทดสอบระบบเปิด-ปิดประตูหลังด้วยตัวเองที่โชว์รูม เพื่อเช็คความเร็วในการตอบสนองและถามถึงระบบป้องกันการทำงานผิดพลาดในช่วงฤดูฝน เพราะรายละเอียดเหล่านี้ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
Q
รถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 มีพวงมาลัยแบบให้ความร้อนหรือไม่
Mazda CX-5 รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยรุ่นสูงสุดติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้าอุ่น ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ในสภาพอากาศเย็นหรือการใช้แอร์ เหมาะกับพื้นที่ภาคเหนือของไทยเช่นเชียงใหม่ที่อุณหภูมิต่างกันมากระหว่างเช้าและเย็น นอกจากพวงมาลัยอุ่นแล้วยังมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกลเพื่ออุ่นห้องโดยสาร การติดตั้งเหล่านี้ทำให้ CX-5 มีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับ SUV ญี่ปุ่นรุ่นเดียวกัน พวงมาลัยอุ่นมักอยู่ในชุดอุปกรณ์ฤดูหนาวหรือรุ่นท็อป แนะนำให้ผู้บริโภคในไทยตรวจสอบรายการอุปกรณ์ก่อนซื้อ ด้านเทคนิคพวงมาลัยอุ่นสมัยใหม่ใช้ใยคาร์บอนหรือเส้นลวดความต้านทาน ทำความร้อนเร็ว ใช้พลังงานต่ำไม่กระทบระบบไฟฟ้าของรถ Mazda ยังเน้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก CX-5 ติดตั้งประตูท้ายไฟฟ้า เครื่องเสียง BOSE และเทคโนโลยี Skyactiv ปรับตัวได้กับถนนหลายรูปแบบในไทย ประหยัดน้ำมันได้ดี
Q
วิธีเปิดระบบทำความร้อนใน Mazda CX-5 2024
การเปิดระบบทำความร้อนใน Mazda CX-5 รุ่น 2024 นั้นง่ายมากครับ ขั้นแรกให้สตาร์ทรถและรอจนเกจวัดอุณหภูมิน้ำขึ้นมาถึงระดับปกติ (ประมาณกลางเกจ) จากนั้นกดปุ่ม "AUTO" ที่แผงควบคุมแอร์หรือปรับปุ่มอุณหภูมิไปที่โซนสีแดง (ปกติจะอยู่ที่ 26°C ขึ้นไป) แล้วปรับความแรงลมให้รู้สึกสบายๆ สุดท้ายเลือกโหมดลมออกว่าจะให้เป่าที่เท้าหรือที่หน้าได้ตามชอบ แม้ว่าอากาศไทยจะร้อนแต่ทางเหนือหรือช่วงฤดูฝนอาจเย็นหน่อยแนะนำให้ใช้โหมดออโต้ไว้ก่อนครับ ระบบจะปรับสัดส่วนความเย็น-ร้อนให้อัตโนมัติ ทั้งประหยัดและสบายตัว
ข้อควรระวังคือการเปิดระบบหมุนเวียนอากาศภายในนานๆ อาจทำให้กระจกฝ้าได้ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง แนะนำให้สลับไปใช้ระบบหมุนเวียนภายนอกหรือเปิดระบบไล่ฝ้าบ้าง ส่วนระบบแอร์แบบ Dual Zone ของ CX-5 นี่ดีมากครับ เพราะปรับอุณหภูมิคนขับกับผู้โดยสารแยกกันได้ เหมาะกับครอบครัวไทยที่แต่ละคนอาจชอบอุณหภูมิไม่เหมือนกัน
อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก 15,000 กม. ด้วยนะครับ โดยเฉพาะถ้าใช้รถในกรุงเทพฯ ที่ฝุ่นเยอะ จะช่วยให้ระบบแอร์ทำงานมีประสิทธิภาพดีตลอด
Q&A ล่าสุด
Q
รุ่นใหม่ของ BMW 2 Series ปี 2025 คืออะไร?
รถยนต์ BMW 2 ซีรี่ย์รุ่นปี 2025 เป็นรุ่นล่าสุดจาก BMW ที่ออกแบบมาในคอนเซปต์รถหรูขนาดกะทัดรัด แนวสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีครบครัน สำหรับตลาดไทยคาดว่าจะมีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ คือ 220i และ 220d ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นมาตรฐาน (บางรุ่นมีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive) การออกแบบกระจังหน้าไตคู่แบบคลาสสิก BMW แต่เพิ่มความลึกและมิติให้ดูโมเดิร์นขึ้น ระบบระบายความร้อนได้รับการออกแบบพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ส่วนภายในตกแต่งด้วยหน้าจอคู่วงโค้งสุดล้ำพร้อมระบบ iDrive 8.5 ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย พิเศษสำหรับรุ่นไทยยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบแอร์สำหรับสภาพอากาศร้อนและติดตั้งระบบระบายอากาศบนเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน ส่วนรุ่นที่ประกอบในไทยอาจได้รับสิทธิ์ลดภาษีนำเข้า
รถรุ่นนี้จะมาแข่งตัวฉกาจกับ Mercedes CLA และ Audi A3 ในตลาดรถหรูขนาดเล็ก โดยขนาดตัวที่กะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯ แต่ยังต้องรอประกาศราคาอย่างเป็นทางการจาก BMW ประเทศไทย แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากผู้จัดจำหน่ายเพื่อทดลองขับ
Q
"M2 coupe ราคาเท่าไหร่?"
ราคารถ BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสเปก ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทน BMW โดยตรงเพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 453 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุม ทำให้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา ของไทย แต่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึงค่าภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายอย่างมาก ส่วนนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์อีโคคาร์ของรัฐบาลไทยนั้น M2 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอาจไม่ได้รับสิทธิ์นี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้เลือกออปชั่นระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน M2 Coupe ได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถไทยด้วยขนาดกระทัดรัดและการควบคุมที่แม่นยำ แต่ค่าดูแลรักษาค่อนข้างสูง ต้องใช้น้ำมันเครื่องและอะไหล่คุณภาพดีเป็นประจำ
Q
ราคา BMW M2 Coupe เท่าไหร่?
ราคา BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับสเปค ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย แนะนำให้ติดต่อศูนย์ BMW ใกล้บ้านเพื่อขอราคาอัปเดตแบบเจาะจงได้เลย สำหรับ M2 Coupe เป็นคูเป้สปอร์ตคอมแพคที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 410 แรงม้า แถมยังเลือกได้ว่าจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที ถือว่าเหมาะกับทั้งขับในเมืองและลัดเลาะเส้นทางภูเขาในไทย แต่ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้า (ทั้งภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต) ที่อาจทำให้ราคาสูงขึ้นอีก ซึ่ง BMW ประเทศไทยมักมีโปรโมชั่นผ่อนซื้อหรือบริการรับประกันระยะยาวเพื่อช่วยลดภาระ ส่วนถ้าใครกำลังมองหารุ่นแข่งก็อาจดู Mercedes-AMG A45 S หรือ Audi RS3 แต่จุดเด่นของ M2 Coupe คือระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการกระจายน้ำหนัก 50:50 ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเฉพาะตัว แถมระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีในอากาศร้อนของไทย มั่นใจได้เรื่องความทนทานในระยะยาว
Q
รถ BYD Shark 6 มีราคาเท่าไหร่?
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาอย่างเป็นทางการของ BYD Shark 6 ในประเทศไทย แต่เราสามารถประมาณการคร่าวๆ จากราคาของรถกระบะรุ่นอื่นๆ ของ BYD และรถในตลาดไทยที่คล้ายกัน คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริม ความจุแบตเตอรี่ และนโยบายภาษีของไทย ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถพลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลให้การสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างมาก เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายโดยตรง BYD Shark 6 เป็นรถกระบะแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างความประหยัดน้ำมันและประสบการณ์การขับขี่แบบไฟฟ้า จึงเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ทั้งต้องเดินทางไกลและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลาดรถกระบะไทยมีการแข่งขันสูง คู่แข่งหลักคือ Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-MAX ที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาป ส่วนจุดเด่นของ Shark 6 คือค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยกว่า สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดทางเว็บไซต์ BYD ประเทศไทยหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาที่แน่นอนและทดลองขับ
Q
BYD Shark 6 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพที่ออกแบบมาสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ โดยมีความสมดุลในด้านสมรรถนะ การประหยัดน้ำมัน และความใช้งานได้จริง เหมาะกับสภาพถนนและความต้องการที่หลากหลายของไทย รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ให้แรงบิดต่ำที่เยี่ยมยอด เหมาะมากสำหรับการขับขี่ทั้งในเส้นทางชนบทและในเมือง ส่วนความสามารถในการขนส่งก็ตอบโจทย์ทั้งร้านค้าเล็กๆ และครอบครัวได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของอุปกรณ์ BYD Shark 6 มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ABS และ EBD รวมถึงห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย แม้ว่าวัสดุภายในจะเน้นความใช้งานเป็นหลัก แต่การประกอบโดยรวมก็อยู่ในระดับที่คาดหวังได้จากรถในระดับนี้ สำหรับคนไทยแล้ว รถปิกอัพไม่ใช่แค่รถทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ และ BYD Shark 6 ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของพื้นที่และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ที่สำคัญคือความทนทานและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แน่นอนว่าในตลาดไทยมีแบรนด์ปิกอัพชื่อดังหลายเจ้าให้เลือก แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่า BYD Shark 6 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazdaเปิดตัวทีเซอร์ CX-5 เจเนอเรชันใหม่ รถรุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 10 กรกฎาคม
ณัฐวุฒิJul 3, 2025

Mazda CX-5 ใหม่ คาดมาพร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-Z และภายในโฉมใหม่
ณัฐวุฒิJun 24, 2025

Mazda CX-5 นำเสนอใน Motor Expo 2024 ในประเทศไทย, รุ่นใหม่อาจจะเปิดตัวในงาน Tokyo Auto Show ในปีหน้า
สุรเดชDec 4, 2024

Mazda CX-5 รุ่นที่สามจะเดบิวต์ในปี 2025! มีการใช้เทคโนโลยีไฮบริดที่พัฒนาด้วยตนเอง
ธนวัฒน์Nov 25, 2024

ข้อมูลตลาดรถในเดือนกรกฎาคมของออสเตรเลีย: Toyota RAV4 คว้าแชมป์ขาย, รุ่น PHEV เติบโต 128.9%!
AshleyAug 6, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย