Q

ขนาดล้อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่

ขนาดยางของ BYD Sealion 7 แตกต่างกันตามรุ่น รุ่น Premium RWD ปี 2025 และปี 2024 ใช้ยางหน้าขนาด 235 50 R19 ยางหลังขนาด 255 45 R19 ส่วนรุ่น Performance AWD ปี 2025 และปี 2024 ใช้ยางขนาดเดียวกันทั้งหน้าและหลังคือ 245 45 R20 ขนาดยางที่แตกต่างกันส่งผลต่อการยึดเกาะถนน การควบคุมรถ และความนุ่มนวลของการขับขี่ ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการและนิสัยการขับขี่ของตนเอง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ BYD Sealion 7 มีอะไรบ้าง?
BYD Sealion 7 อาจมีข้อเสียอยู่บ้างตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานบางส่วน เช่น เวลาที่เปิดแอร์อาจมีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้รู้สึกรบกวนขณะขับขี่ ในเรื่องของเบาะนั่ง มีคนพบว่าเบาะนิ่มจนยุบง่าย พอนั่งนานๆ อาจรู้สึกปวดหลัง และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เบาะยังอาจเกิดสนิมได้ด้วย ระบบหน้าจอและซอฟต์แวร์ในรถก็มีปัญหาจุกจิก เช่น มีบั๊กเยอะ บางครั้งอัปเดตระบบแล้วฟังก์ชันชาร์จไร้สายหายไป และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรถก็ไม่ค่อยเสถียร ในส่วนของระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ใช้บางคนที่ต้องเดินทางไกล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการเดินทางไกล อีกจุดหนึ่งคือความสูงของใต้ท้องรถค่อนข้างต่ำ พอขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินต่างๆ อาจโดนขูดได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายค่ะ
Q
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทไหน?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-Segment โดยเฉพาะรุ่นนี้ถือเป็นรถ SUV ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่มีการออกแบบและวางตำแหน่งให้เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว รุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการชาร์จ ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 200KW ทำให้สามารถชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% ได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ถูกวางไว้ด้านหลัง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การเร่งแซงทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม. ดีไซน์ตัวรถแบบ SUV ที่ยกสูงช่วยให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว และยังมาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบรวมกับตัวถัง (CTB – Cell to Body) ช่วยให้โครงสร้างรถแข็งแรงมากขึ้น โดยมีค่าความแข็งแรงการบิดตัวรถสูงถึง 40,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกระดับค่ะ
Q
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ระยะทางที่ขับไปแล้ว สภาพรถ ความนิยมในตลาด รวมถึงมีออปชันหรืออัปเกรดเพิ่มเติมหรือไม่ ตอนนี้ BYD Sealion 7 เพิ่งเปิดตัวในช่วงปี 2024–2025 ยังถือว่าใหม่อยู่ในตลาด รถมือสองเลยยังมีไม่เยอะ และข้อมูลราคาขายต่อก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ตัวรถมีหลายรุ่น เช่น รุ่นขับหลังแบบพรีเมียม และรุ่นขับสี่แบบสมรรถนะสูง ถ้ารถอยู่ในสภาพดีมาก ใช้งานน้อย ก็มีโอกาสขายได้ราคาดี อาจจะใกล้เคียงกับราคาลดจากป้ายแดง แต่ถ้าขับมาเยอะ มีรอย มีปัญหา หรือหมดประกันแล้ว ราคาก็จะตกลงไปอีก อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “ความต้องการในตลาด” ถ้าคนกำลังมองหารถ EV มือสองเยอะ แต่รถในตลาดมีน้อย ราคาก็จะดีขึ้น แต่ถ้ามีเยอะจนเกินไป หรือรุ่นใหม่เข้ามาแทน ราคาก็อาจตกได้เหมือนกัน ราคาป้ายแดงของ BYD Sealion 7 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,149,900 – 1,399,900 บาท ส่วนราคามือสองจะลดลงเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าอยากรู้ราคาที่แม่นยำ แนะนำให้ลองเช็กกับเต็นท์รถมือสอง หรือแพลตฟอร์มขายรถออนไลน์ต่างๆ เพื่อดูราคาเฉลี่ยในตลาดจริงค่ะ
Q
BYD Sealion 7 มีกี่ CC?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) จึงไม่ได้วัดสมรรถนะด้วยหน่วยซีซี (CC) แบบรถยนต์เครื่องยนต์น้ำมัน แต่จะดูที่กำลังมอเตอร์ แรงม้า แรงบิด และความจุของแบตเตอรี่เป็นหลัก รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 313 แรงม้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมสูงถึง 390 กิโลวัตต์ หรือราว 530 แรงม้า ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับรถ SUV ไฟฟ้า ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมเฟอร์โรฟอสเฟต (LFP) ความจุ 82.5 kWh รองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% แค่ประมาณ 0.53 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้คล่องตัว ไม่ต้องรอนาน นอกจากนี้ BYD Sealion 7 ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างและระบบเบรกที่ออกแบบมาอย่างมั่นคง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและสบายตลอดทางค่ะ
Q
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์ประเภทไหน?
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์แบบ EV ที่มีเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการออกแบบเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า แตกต่างจากเกียร์รถน้ำมันแบบเดิมค่อนข้างมาก มันถูกออกมาให้ทำงานร่วมกับลักษณะการส่งกำลังของรถไฟฟ้าได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับเกียร์แบบเดิม ระบบเกียร์นี้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และส่งผลให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แถมการออกแบบเกียร์เดียวยังทำให้การขับขี่สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ให้ความรู้สึกการขับที่ลื่นไหล โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง จะช่วยลดภาระการขับขี่ได้มาก ทำให้การขับรถรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
Q
BYD Sealion 7 มีขนาด PCD เท่าไหร่?
PCD ของ BYD Sealion 7 คือ 5x120 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับรถบางรุ่นของ BMW และ MINI ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนล้อแม็กในไทย สามารถเลือกแม็กรุ่นที่มี Offset อยู่ในช่วง +35 ถึง +45 ได้ (โดยค่า Offset เดิมจากโรงงานคือ +40) แต่อย่าลืมว่า ตามกฎหมายจราจรของไทย ห้ามให้ขอบล้อยื่นเกินตัวถังรถ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าคุณอยากอัปเกรดขนาดล้อแม็ก แนะนำให้ใช้ขนาดเท่าเดิมจากโรงงานคือ 20 นิ้ว (ยางขนาด 255/50 R20) เพราะถ้าเปลี่ยนขนาดไปมาก อาจทำให้ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางทำงานผิดพลาด และมีผลต่อการรับประกันรถด้วย ศูนย์บริการ BYD ที่ได้รับอนุญาตในไทย (เช่น BYD Rama 9 ในกรุงเทพฯ) มีบริการเปลี่ยนแม็กแท้จากโรงงาน และช่วยตรวจสอบว่าแม็กจากที่อื่นเข้ากับรถได้หรือไม่ ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้ใช้แม็กเดิมจากโรงงาน เพราะดีไซน์แบบอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic) ของแม็กเดิมช่วยให้รถวิ่งได้นานขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวัง: ถ้าเปลี่ยนไปใช้แม็กที่ไม่ใช่ของแท้จาก BYD แนะนำให้ เช็กลูกน็อตทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะอุณหภูมิร้อนจัดของถนนในไทย อาจทำให้โลหะล้าเร็วกว่าปกติค่ะ
Q
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay ไหมคะ?
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วที่หมุนได้ของรถ เพื่อใช้งานแผนที่นำทาง เพลง หรือโทรศัพท์ได้อย่างลื่นไหล รองรับตั้งแต่ iOS 12 ขึ้นไป และโดยรวมถือว่าทำงานได้ดีทั้งในแง่ความลื่นและความเข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม รถล็อตแรกบางคันอาจต้องนำไปที่ศูนย์บริการ BYD (เช่น BYD สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ) เพื่ออัปเกรดระบบก่อน จึงจะเปิดใช้ CarPlay ได้ ซึ่งบริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้สอบถามพนักงานขายเกี่ยวกับเวอร์ชันระบบก่อนตัดสินใจซื้อ ถึงแม้จะไม่เชื่อมต่อ CarPlay ตัวรถก็ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ตามปกติ หากเจอปัญหาเชื่อมต่อไม่ได้ ลองรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายในรถ หรือเปลี่ยนสาย USB (พอร์ตอยู่ในกล่องเก็บของตรงกลาง มีหัวแบบ USB-C) เนื่องจากอากาศในไทยค่อนข้างร้อน ถ้าจอดกลางแดดนาน ๆ อาจทำให้หน้าจอค้างหรือช้าเป็นช่วง ๆ แนะนำให้ใช้ม่านบังแดดป้องกันจอกลางไว้ด้วย ปล. รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ระบบเดียวกัน เช่น BYD Atto 3 และ Dolphin ก็รองรับ Apple CarPlay เหมือนกัน และการใช้งานคล้าย ๆ กันค่ะ
Q
ยางรถของ BYD Sealion 7 เป็นยี่ห้ออะไรคะ?
ยางติดรถเดิมของ BYD Sealion 7 ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ Continental (คอนติเนนทอล) หรือ Michelin (มิชลิน) โดยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก เช่น • รุ่นท็อปอาจได้ยางแบบนุ่มเงียบพิเศษ เช่น Michelin Primacy • รุ่นมาตรฐานอาจใช้ยางสมดุลเน้นทนทาน เช่น Continental ContiPremiumContact ขนาดยางที่ติดรถมาจากโรงงานมักจะอยู่ที่ประมาณ 235/50 R19 (อาจต่างกันเล็กน้อยตามรุ่น) ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาให้รองรับแรงบิดสูงของรถไฟฟ้าได้ดี ขณะเดียวกันก็ยังนั่งสบาย เนื่องจากสภาพอากาศในไทยร้อนและฝนตกบ่อย แนะนำให้: • ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ (รถ BYD มีระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติอยู่แล้ว) • สลับยางทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้สึกเท่า ๆ กัน • ช่วงหน้าฝนให้เน้นเรื่องรีดน้ำของยางด้วย ถ้าจะเปลี่ยนยางนอกเหนือจากยี่ห้อเดิม ตัวเลือกที่คนนิยมในไทย เช่น: • Bridgestone Alenza (นุ่ม เงียบ เหมาะขับทางไกล) • Pirelli Scorpion Verde (รีดน้ำดี เหมาะกับฤดูฝน) ราคาประมาณ 8,000 – 12,000 บาทต่อเส้น (รวมติดตั้ง) ถ้าเปลี่ยนยาง ต้องตั้งค่า TPMS ใหม่ด้วย (ระบบแจ้งเตือนลมยาง) ซึ่งศูนย์บริการจะมีอุปกรณ์เฉพาะให้บริการ แนะนำให้เปลี่ยนยางที่ศูนย์ BYD โดยตรง เช่น BYD สาขา Siam ในกรุงเทพฯ เพื่อรับสิทธิ์ประกันต่อเนื่อง และควรเก็บใบเสร็จไว้ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงในอนาคตค่ะ
Q
BYD Sealion 7 เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันที่นี่เลยค่ะ
BYD Sealion 7 ถือเป็นรถที่น่าสนใจและมีข้อดีหลายอย่าง ดีไซน์ภายนอกมาในแนวคิด “Ocean Aesthetics” หรือความงามแบบทะเล มีทรงท้ายลาดแบบสปอร์ต และไฟท้ายแบบเส้นยาวทั้งแถบ ทำให้ดูทันสมัยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร ภายในกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อ 2,930 มม. ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้า หรือด้านหลังก็รู้สึกสบาย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็ใหญ่ถึง 500 ลิตร ใช้ใส่ของเดินทางหรือของใช้ประจำวันได้สบาย เรื่องสมรรถนะก็ไม่ธรรมดา มีให้เลือกทั้งขับหลังและขับสี่ล้อ • รุ่นขับหลัง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที • รุ่นขับสี่ล้อ แรงสุด วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น! ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนก็ถือว่าดีมาก: • รุ่นขับหลัง วิ่งได้สูงสุด 567 กม. • รุ่นขับสี่ล้อ ได้ 542 กม. เพียงพอสำหรับใช้ในเมือง หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ ได้สบาย ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม มีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหลายอย่าง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุด เพิ่มความอุ่นใจทุกการเดินทาง หน้าจอกลางใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพงจาก DYNAUDIO ถึง 12 ตัว ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียม แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อย: • บางคนพบว่าเสียงลมและเสียงยางตอนขับเร็วค่อนข้างชัด • ระบบหน้าจอและสั่งงานด้วยเสียงยังไม่ลื่นเท่าที่ควร มีบางช่วงที่ตอบสนองช้า
Q
ความกว้างของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
BYD Sealion 7 มีความกว้างถึง 1,925 มม. ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถยนต์คลาส D ความกว้างตัวถังขนาดนี้ช่วยสร้างพื้นที่ภายในที่กว้างขวางโดยเฉพาะด้านความกว้าง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือผู้โดยสารแถวหน้า รวมถึงผู้โดยสารแถวหลัง ก็จะมีพื้นที่เคลื่อนไหวบริเวณไหล่และข้อศอกที่เพียงพอ ลดความรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ตัวถังที่กว้างยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง จะให้ความรู้สึกทรงตัวที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความนุ่มนวลขณะขับขี่

ข้อดี

กำลังชาร์จสูง สามารถเติมเต็มแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ
พื้นที่ขาเบื้องหลังกว้างขวาง ทำให้การขับขี่สบาย
ออกแบบสไตล์กับการออกแบบที่มีความแข็งแรงเหมือนกังเขน
มีการติดตั้งระบบอัจฉริยะหลากหลาย เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดี
การเพิ่มความเร็วราบรื่น เหมาะสำหรับการขับในเมือง

ข้อเสีย

ระบบช่วยเหลือการเลี่ยงเลนไม่คล่องแคล่ว
พื้นที่เก็บของในประตูจำกัด สำหรับของเล็กๆ
คุณภาพที่นั่งธรรมดา อาจไม่ทำให้ทุกคนพึงพอใจ
ความรู้สึกตอบโต้ของพวงมาลัยมีไม่เพียงพอเล็กน้อย
พื้นที่ตัวรถหลังเล็กกว่าคู่แข่งบางยี่ห้อ

Q&A ล่าสุด

Q
. Audi e-tron GT คุ้มค่าซื้อไหม
奥迪 e-tron GT เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าสุดแรงที่กำลังเป็นที่พูดถึงในตลาดไทย แต่จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องดูหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสมรรถนะ ความสะดวกในการชาร์จ และการใช้จริงในไทย รุ่นนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.1 วินาที วิ่งได้ไกลถึง 488 กม. (มาตรฐาน WLTP) ซึ่งเพียงพอทั้งขับในเมืองและเดินทางระหว่างจังหวัด เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 800V ก็ใช้งานได้ดีกับเครือข่ายสถานีชาร์จเร็วของไทยที่กำลังขยายตัว ส่วนในสภาพอากาศร้อนแบบไทย ระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่และกระจกกันยูวีของหลังคาพาโนรามิกก็เป็นจุดเด่นที่ตอบโจทย์ แต่ต้องระวังตรงที่แม้รัฐบาลไทยจะมีมาตรการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับรถ EV แต่ด้วยความเป็นรถนำเข้าทั้งคัน ราคาของ e-tron GT จึงยังสูงกว่ารุ่นที่ประกอบในประเทศ ถ้าเทียบกับรถระดับเดียวกันอย่าง Porsche Taycan แล้ว e-tron GT ได้เปรียบเรื่องความคุ้มค่าและเทคโนโลยีมากกว่า สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูม奥迪ในกรุงเทพหรือพัทยา โดยเฉพาะลองระบบช่วงล่างปรับอากาศในสภาพถนนไทย และตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่ให้ดีก่อนตัดสินใจ
Q
แบตเตอรี่ Audi e-tron GT ใช้ได้นานแค่ไหน
แบตเตอรี่ของ Audi e-tron GT ในสภาวะใช้งานปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี หรือ 16 หมื่นกิโลเมตร แต่ระยะทางจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในไทยและพฤติกรรมการขับขี่ ข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่าในมาตรฐาน WLTP จะวิ่งได้ประมาณ 488 กิโลเมตร แต่ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยที่ต้องเปิดแอร์บ่อยๆ ระยะทางจริงอาจลดลงประมาณ 10-15% แนะนำให้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพให้ดีที่สุด สำหรับคนไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอรถติดบ่อย การใช้โหมดขับขี่แบบเท้าเดียว (Single Pedal) จะช่วยประหยัดพลังงานได้ดี และควรหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว อายุการใช้งานแบตเตอรี่电动车ขึ้นอยู่กับนิสัยการชาร์จด้วย แนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20-80% ในชีวิตประจำวัน และเมื่อชาร์จเร็วก็ไม่ควรชาร์จเต็ม 100% วิธีเหล่านี้จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้มาก ตอนนี้ไทยกำลังขยายสถานีชาร์จเพิ่มเรื่อยๆ ในอนาคตจะสะดวกขึ้นอีก ส่วนระบบจัดการความร้อนของ e-tron GT ก็ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อนแบบไทย นับเป็นจุดเด่นที่ควรคำนึงถึงเวลาตัดสินใจซื้อ
Q
ชาร์จไฟเต็ม Audi e-tron GT ต้องใช้เงินเท่าไหร่
สำหรับรถ Audi e-tron GT ในประเทศไทย หากชาร์จไฟเต็มที่ที่บ้านด้วยเครื่องชาร์จทั่วไป ค่าไฟจะอยู่ที่ประมาณ 500-800 บาท โดยราคาอาจขึ้นลงตามอัตราค่าไฟฟ้าและช่วงเวลาในการชาร์จ ซึ่งค่าไฟเฉลี่ยของบ้านเราอยู่ที่ 4-5 บาทต่อหน่วย ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมงของ e-tron GT นั้น หากชาร์จจาก 0% ถึง 100% จะใช้ไฟประมาณ 90-95 หน่วย แต่ถ้าใช้สถานีชาร์จเร็วสาธารณะอาจเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ช่วยประหยัดเวลาได้มาก พลาดไม่ได้ว่าตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเต็มที่ ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานหลายแห่งมีบริการชาร์จฟรี แนะนำให้เจ้าของรถใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่วนการใช้งานประจำวันแนะนำให้ชาร์จไฟ保持在ระดับ 20%-80% เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ โดย e-tron GT รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 270 กิโลวัตต์ ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสามารถชาร์จจาก 5% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 23 นาที เหมาะมากสำหรับการเดินทางระยะสั้นระหว่างเมืองในไทย เรื่องสภาพอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อระยะทางรถไฟฟ้าไม่มาก แต่ควรจอดรถในที่ร่มและเปิดแอร์ล่วงหน้าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องราคาตอนนี้ รถไฟฟ้านำเข้าในไทยได้สิทธิ์ลดภาษี ทำให้รถระดับพรีเมียมอย่าง e-tron GT มีราคาจับต้องได้มากขึ้น
Q
Audi e-tron GT ขายดีไหม
奥迪 e-tron GT ในตลาดประเทศไทยแสดงความโดดเด่นในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาความแตกต่าง ทั้งดีไซน์ที่ดูเท่และสมรรถนะแรง แม้ว่ายอดขายอาจจะไม่เท่ารถไฟฟ้ารุ่นอื่นที่ขายดีกว่า แต่ด้วยความที่รัฐบาลไทยช่วงหลังมานี้ส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งลดภาษีและให้สิทธิพิเศษต่างๆ ทำให้ตลาดรถไฟฟ้าระดับสูงอย่าง e-tron GT มีโอกาสเติบโต โครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จไฟในไทยก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีจุดชาร์จให้เห็นเกลื่อนเมือง ทำให้คนไทยมั่นใจมากขึ้นกับการใช้รถไฟฟ้า e-tron GT ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองด้วยระยะทางที่วิ่งได้ไกลและระบบชาร์จเร็ว แถม奥迪ในไทยก็เป็นแบรนด์ที่คนรู้จักดี มีศูนย์บริการครบครัน ทำให้ลูกค้าไว้ใจเวลาตัดสินใจซื้อ ใครที่เลือก e-tron GT นอกจากจะได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้สัมผัสประสบการณ์ความหรูและสปิริตการขับขี่แบบ奥迪ที่คอรถรู้ดี นับเป็นรถที่ทั้งใช้งานได้จริงและให้ความสนุกบนถนนไม่เหมือนใคร
Q
มีรถรุ่นไหนเป็นทางเลือกแทน e-tron GT บ้าง
ปัจจุบัน Audi e-tron GT หลักๆ ถูกผลิตที่โรงงานในเมืองเนคคาร์ซูล์ม ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นโรงงานที่มีชื่อเรื่องความประณีตและระบบการผลิตอัตโนมัติระดับสูง แถมยังเป็นฐานผลิตรถสปอร์ตสุดแรงอย่าง Audi R8 อีกด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่า e-tron GT จะมีคุณภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สำหรับคนไทยแม้ว่า e-tron GT จะเป็นรถนำเข้า แต่ทาง Audi ประเทศไทยก็มีบริการหลังการขายและประกันที่ครบครัน รวมถึงประกันแบตเตอรี่สูงสุด 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ทำให้เจ้าของรถไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งาน พูดถึงเรื่องรถไฟฟ้า ทางรัฐบาลไทยก็กำลังสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยรถ EV นำเข้าจะได้รับสิทธิ์ลดภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาของ e-tron GT และรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมอื่นๆ ถูกลงและแข่งขันได้มากขึ้น ในตลาดไทย e-tron GT จะแข่งกับรถอย่าง Porsche Taycan และ Tesla Model S ซึ่งแต่ละคันก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ความชอบของลูกค้า และเมื่อโครงสร้างพื้นฐานเช่นสถานีชาร์จในไทยพัฒนามากขึ้น การใช้รถไฟฟ้าระดับสูงอย่าง e-tron GT ก็จะสะดวกสบายยิ่งขึ้นแน่นอน
ดูเพิ่มเติม