Q
รถชนิด GLS คือรถชนิดอะไร
รถยนต์ประเภท GLS หมายถึงรถหรูระดับสูงสุดโดยเฉพาะในกลุ่ม SUV ตัวอย่างเช่น Mercedes-Benz GLS ซึ่งเป็น SUV แบบครอสโอเวอร์ ตัว G มาจากคำว่า Grand หมายถึงรถ SUV ขนาดใหญ่ ตัว L มาจากคำว่า Luxury หมายถึงความหรูหรา และตัว S มาจากคำว่า Super หมายถึงระดับสูง Mercedes-Benz GLS ใช้การออกแบบที่นั่ง 4 ที่นั่งแบบ ML-Class พร้อมชุดแต่ง AMG ที่ดูสปอร์ต ในบรรดา SUV ของ Mercedes-Benz GLS มีสัดส่วนตัวรถที่สมดุล ขนาดตัวรถค่อนข้างใหญ่ ให้พื้นที่ภายในกว้างขวางและความสะดวกสบายในการขับขี่ เครื่องยนต์มีกำลังแรง การจัดวางภายในหรูหราและกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์ครบครัน เช่น พวงมาลัยแบบสามทาง แป้นเปลี่ยนเกียร์หน้าพวงมาลัย หน้าจอกลางขนาดใหญ่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และเบาะหนัง โดยสรุป GLS แสดงถึงรถยนต์ที่มีระดับการตกแต่ง ความหรูหรา และขนาดตัวรถในระดับสูง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GLS เป็นน้ำมันเบนซินหรือดีเซล?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS มีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลให้เลือกตามความต้องการของผู้ขับขี่ ตัวอย่างเช่น รุ่น GLS 450 d 4MATIC AMG ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบดีเซล-ไฟฟ้า ด้วยเครื่องยนต์ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังสูงสุดถึง 367 แรงม้า ส่วนรุ่นอื่นๆอย่าง Gls450, Gls500, Gls550 และ Gls400 จะเป็นเครื่องเบนซิน เช่น Gls400 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5T แบบอินไลน์ 6 สูบ
สำหรับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างรุ่นเบนซินและดีเซล สามารถเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละประเภทได้ดังนี้: เครื่องยนต์เบนซินให้การตอบสนองที่รวดเร็วและทำงานเรียบเนียนกว่า ในขณะที่เครื่องดีเซลนั้นมีแรงบิดสูงและประหยัดน้ำมันกว่าชัดเจน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละคนครับ
Q
อายุการใช้งานของ Mercedes GLS คืออะไร?
สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลอย่าง Mercedes GLS ในทางทฤษฎีแล้วไม่มีอายุการใช้งานที่ตายตัว ตราบใดที่ยังผ่านการตรวจสอบประจำปีของสถานีตรวจสภาพรถในพื้นที่ได้ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้เรื่อยๆ อายุการใช้งานจริงของรถจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษา และสภาพถนนที่ใช้งานเป็นประจำ ถ้าคนขับมีนิสัยการขับขี่ที่ดี เข้ารับการบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพเป็นประจำ และใช้งานบนถนนสภาพปกติ ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถก็จะอยู่ในสภาพดี Mercedes GLS ที่ใช้งานมานับสิบปีก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าขับรถแบบหักโหม ไม่ค่อยดูแลรักษา และใช้งานบนถนนสภาพเลวร้ายบ่อยๆ รถก็อาจจะเริ่มมีปัญหาบ่อยขึ้นและอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้น ถ้าอยากให้ Mercedes GLS ใช้งานได้นานๆ ต้องหมั่นดูแลรักษาและขับขี่อย่างถูกต้องนะครับ
Q
ราคาต่ำสุดของ Mercedes GLS คือเท่าไหร่?
ราคาของ Mercedes-Benz GLS แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยข้อมูลปัจจุบันรุ่นที่ราคาถูกที่สุดคือ Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ปี 2021 ราคา 6,880,000 บาท รุ่นนี้เป็นรถหรูระดับพรีเมียมแบบ 7 ที่นั่ง มีขนาดความยาว 5,207 มม. ความกว้าง 2,030 มม. และความสูง 1,823 มม. ระยะฐานล้อ 2,925 มม. ให้พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง ระบบเชื้อเพลิงเป็นแบบดีเซล พร้อมเทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้การส่งกำลังราบรื่น นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายพื้นฐานครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยคนขับ ถุงลมนิรภัยผู้โดยสาร เตือนเมื่อไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อย่างไรก็ตาม ราคารถในตลาดมีความผันผวน แนะนำให้สอบถามราคาล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุด
Q
Mercedes GLS เป็นรถที่ปลอดภัยหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS เป็นรถที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงมากมาย เริ่มจากระบบเบรกอัตโนมัติและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เป็นมาตรฐาน ระบบนี้จะคอยสแกนถนนข้างหน้าอยู่เสมอ และจะทำงานทันทีเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดการชน เพื่อช่วยลดความรุนแรงหรือป้องกันการชนได้ทันเวลา นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ที่จะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับเมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกจากเลน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงระบบเตือนการชนด้านหน้าที่จะแจ้งเตือนผู้ขับล่วงหน้าเพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้น
ด้านความปลอดภัยแบบ Passive ก็ไม่น้อยหน้า รถคันนี้ติดตั้งถุงลมนิรภัยครบครัน ทั้งถุงลมสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมด้านข้างทั้งแถวหน้าและหลัง รวมถึงม่านถุงลมนิรภัยที่ปกป้องศีรษะผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ตัวถังยังออกแบบมาให้แข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น และระบบเตือนเมื่อไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคนในรถ
ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยครบวงจรแบบนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS จึงเหมือนมีเกราะป้องกันที่มั่นใจได้ ช่วยให้ทุกการเดินทางปลอดภัยและอุ่นใจมากขึ้น
Q
Mercedes GLS มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงหรือไม่?
รุ่นต่างๆ ของ Mercedes-Benz GLS จะมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิดที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่นปี 2024 อย่าง Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนดีเซลผสมไฟฟ้า มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐานอยู่ที่ 9.0 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นปี 2021 อย่าง Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลล้วน มีอัตราสิ้นเปลืองแบบผสมตามที่ผู้ผลิตระบุไว้ที่ 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร
แต่จริงๆ แล้วการกินน้ำมันของรถอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การขับ ถนนหนทาง หรือน้ำหนักบรรทุก ถ้าคุณขับแบบเหยียบๆ หยุดๆ เร่งกระชาก หรือต้องเจอรถติดบ่อยๆ น้ำมันก็จะหมดเร็วเกินกว่าตัวเลขที่บริษัทบอกไว้ แต่ถ้าขับแบบเนียนๆ ทางเรียบ ไม่บรรทุกหนัก การใช้น้ำมันก็อาจจะใกล้เคียงกับค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตระบุมา
Q
Mercedes GLS จะใช้งานได้นานเท่าไร
ถ้าเป็นรถส่วนตัวตามหลักการแล้ว Mercedes GLS จะไม่มีอายุการใช้งานที่ตายตัว ตราบใดที่ยังผ่านการตรวจสอบประจำปีของสถานีตรวจรถยนต์ในพื้นที่ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้เรื่อยๆ ระยะเวลาการใช้งานจริงของรถจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษา และสภาพแวดล้อมในการขับขี่ เป็นต้น การขับขี่อย่างเหมาะสมและการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ เช่น การเข้าศูนย์บริการตามกำหนดเวลา การใช้ชิ้นส่วนอะไหล่คุณภาพสูง และการหลีกเลี่ยงการขับรถแบบหักโหม ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน ในทางกลับกัน หากขับขี่แบบไม่ระวังและขาดการบำรุงรักษา ก็อาจทำให้รถเกิดปัญหาต่างๆ และอายุการใช้งานจริงจะสั้นลง
Q
Mercedes GLS มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงหรือไม่?
การบำรุงรักษารถ Mercedes-Benz GLS มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถทั่วไป ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ระยะทางที่ขับ และรายการบำรุงรักษา โดยทั่วไปควรเข้าศูนย์ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน ค่าบำรุงรักษาแรกจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท สำหรับการบำรุงรักษาปกติ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะมีราคาประมาณ 1,000 บาท โดยน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนทุก 12,000 กิโลเมตรหรือทุก 8 เดือน ส่วนไส้กรองน้ำมันเครื่องก็เปลี่ยนตามระยะเดียวกัน ไส้กรองอากาศควรเปลี่ยนทุกปี ส่วนไส้กรองแอร์เปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร สำหรับน้ำมันเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาควรเปลี่ยนทุก 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ควรเปลี่ยนทุก 3 ปีหรือ 60,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายรวมเมื่อครบ 60,000 กิโลเมตรหรือ 6 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 27,975 บาท หรือเฉลี่ยปีละ 4,663 บาท ส่วนการบำรุงรักษาใหญ่ที่ระยะ 60,000 กิโลเมตรจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,765 บาท เมื่อถึงระยะ 100,000 กิโลเมตร จะมีรายการบำรุงเพิ่มเติม เช่น การล้างระบบเชื้อเพลิง การเปลี่ยนใบปัดน้ำมันฝนหน้า เป็นต้น ทั้งนี้ราคาจริงอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่และศูนย์บริการ ดังนั้นแนะนำให้สอบถามราคาที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ใกล้บ้านคุณหรือตรวจสอบจากคู่มือการบำรุงรักษารถเพื่อความถูกต้อง
Q
ปีที่ดีที่สุดสำหรับ Mercedes GLS คือปีใด?
สำหรับบรรณาธิการด้านรถยนต์แล้ว คงตอบยากว่า Mercedes-Benz GLS ปีไหนดีที่สุด เพราะแต่ละรุ่นปีมีความโดดเด่นต่างกันไป อย่างรุ่นปี 2024 อย่าง Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG ราคา 6,980,000 บาท ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาทีตามข้อมูลทางการ ถือว่าแรงไม่เล่นเลย รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบพร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า เหมาะกับคนที่ชอบขับแรงๆ ส่วนเรื่องความสะดวกสบายก็ไม่ต้องพูดถึง ด้วยขนาดตัวถังยาว 5,215 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,823 มม. ระยะฐานล้อ 3,135 มม. และจัดวางแบบ 7 ที่นั่ง ครอบครัวใหญ่ก็จุได้สบายๆ
ส่วนรุ่นปี 2021 อย่าง Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ราคา 6,880,000 บาท ทำความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7 วินาที แต่จุดเด่นคือประหยัดน้ำมันมาก ค่าบริโภคเพียง 7.7 ลิตร/100 กม. ถ้าใครมองหาความคุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนรุ่นปี 2020 ที่ราคา 8,859,000 บาท มีระยะฐานล้อ 3,075 มม. ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ถ้าถามว่ารุ่นไหนเด็ดที่สุด ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ถ้าอยากได้รถแรงๆ เทคโนโลยีอัพเดท เลือกรุ่น 2024 ได้เลย แต่ถ้าชอบความประหยัดและราคาดี รุ่น 2021 ก็ตอบโจทย์ไม่น้อยเหมือนกัน
Q
Mercedes GLS นั่งสบายหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS นั่งสบายมากครับ เบาะนั่งทำจากหนังแท้คุณภาพสูง พร้อมระบบปรับไฟฟ้าหลายทิศทาง ระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และนวดอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งบนเครื่องบินชั้นหนึ่งเลยครับ โครงสร้างภายในมีเบาะ 3 แถว จุผู้ใหญ่ได้ถึง 7 คนสบายๆ แถวแรกและแถวสองกว้างขวาง ส่วนแถวสามเหมาะกับผู้ใหญ่ตัวเล็กหรือเด็กๆ และยังมีระบบปรับไฟฟ้าทั้งแถวสองและแถวสามให้เลือกปรับตามใจ
อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปรับอากาศอัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าโซนสภาพอากาศได้ถึง 5 โซน แต่ละคนสามารถปรับอุณหภูมิและลมได้ตามต้องการ แถมยังมีฟังก์ชันบันทึกการตั้งค่าสภาพอากาศแบบอัจฉริยะ ปรับเพียงครั้งเดียวก็ใช้ได้เลยครับ
ที่เด็ดกว่านั้นคือระบบช่วงล่างแอร์แมทอัจฉริยะ ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลไม่ว่าจะขับบนทางหลวงหรือเส้นทางขรุขระ ก็ยังคงความมั่นคงและนุ่มนวลตลอดการเดินทางครับ
Q
GLS เป็น V6 หรือไม่?
ใช่แล้วครับ รุ่น GLS นั้นเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V6 ครับ สำหรับ Mercedes-Benz GLS ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบที่จัดวางในรูปแบบ V6 ตัวอย่างเช่น รุ่น Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG จะใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร มีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 2,989 ซีซี เครื่องยนต์ V6 นี้ถูกออกแบบมาให้มีความสมดุลระหว่างพลัง性能和ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มันสามารถผลิตแรงม้าและแรงบิดได้ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้รถสามารถเร่งความเร็วได้อย่างนุ่มนวลและขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวในทุกสภาพถนน นอกจากนี้ การจัดวางแบบ V6 ยังช่วยให้การออกแบบห้องเครื่องมีความกะทัดรัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดวางองค์ประกอบต่างๆของรถและเพิ่มสมรรถนะโดยรวมครับ
Q&A ล่าสุด
Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย
พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต
ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

งานนิทรรศการรถยนต์กรุงเทพฯ: GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic มาในรูปแบบใหม่เปิดตัวในตลาด, ราคา 6980000 บาทไทย
Kevin WongMar 26, 2024

Mercedes-AMG กำลังพัฒนาซูเปอร์คาร์ V8 เพื่อท้าทาย Porsche 911 GT3 RS
Kevin WongJul 28, 2025

Mercedes-Benz CLA EV ใหม่ จ่อเปิดตัวปลายปีนี้ วิ่งไกลสุด 792 กม. ต่อชาร์จ!
พงศธรJul 9, 2025

Benz-AMG CLS 53 4MATIC+ FINAL Editionข้อเสนอราคาพิเศษ 4,190,000 บาท
ธนวัฒน์Jul 2, 2025

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ลดราคา 1,890,000 บาท
สุรเดชJun 16, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย