Q

เมื่อ Porsche Cayenne รุ่นใหม่จะเปิดตัว

กำหนดการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Porsche Cayenne มักขึ้นอยู่กับแผนการผลิตระดับโลกและกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัท ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันวันที่เปิดตัวรุ่นใหม่ในตลาดประเทศไทย อย่างไรก็ตาม Porsche มักเปิดตัว Cayenne รุ่นใหม่เมื่อพร้อมอย่างสมบูรณ์และมั่นใจว่ารถมีคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุดเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ม้าแรงใน porsche cayenne มีอยู่เท่าไหร่
พอร์เช่ คายเอนน์ มีช่วงกำลังแรงม้าซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละรุ่น รุ่นเริ่มต้น คายเอนน์ (3.0T V6) ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า รุ่นที่มีสมรรถนะสูงขึ้น คายเอนน์ เอส (2.9T V6) เพิ่มขึ้นเป็น 440 แรงม้า ขณะที่รุ่นเรือธง คายเอนน์ ทูโบ (4.0T V8) สามารถพุ่งพรวดถึง 650 แรงม้า และรุ่นไฮบริด คายเอนน์ ทูโบ เอส อี-ไฮบริด สามารถทำกำลังได้ถึง 739 แรงม้า โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ระบบเครื่องยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการปรับแต่งเครื่องยนต์ของพอร์เช่ แต่ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้กำลังถูกส่งไปยังทั้งสี่ล้ออย่างมีประสิทธิภาพ ควรทราบว่าอากาศร้อนของประเทศไทยอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เทอร์โบ (โดยเฉพาะในการขับขี่ที่รุนแรงต่อเนื่อง) แต่ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพของพอร์เช่ (รวมถึงอินเตอร์คูลเลอร์ที่ขยายขนาดและการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะ) สามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ หากต้องการประสบการณ์การเร่งความเร็วที่ดุเดือดยิ่งขึ้นสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์ Sport Chrono ที่ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในการขับขี่ในเส้นทางภูเขาหรือทางที่มีโค้งมาก
Q
โปรเช่คาเยนจะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Porsche Cayenne ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพวิศวกรรมและความทนทานที่ยอดเยี่ยม ภายใต้การบำรุงรักษาที่เหมาะสมและการใช้งานอย่างมีเหตุผล รถยนต์สามารถใช้งานได้ 15-20 ปีหรือมากกว่านั้น อายุการใช้งานที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การบำรุงรักษาตามกำหนด (แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, ตัวกรอง, ระบบเบรก และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ตามช่วงเวลาและคำแนะนำของ Porsche), พฤติกรรมการขับขี่ (การหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่รุนแรงจะช่วยลดภาระต่อเครื่องยนต์), สภาพอากาศ (ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและชื้นควรระวังการเกิดสนิมและตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์), และระยะทางที่วิ่ง (หลายคันสามารถรักษาสภาพที่ดีได้แม้หลังจากวิ่ง 200,000–300,000 กิโลเมตร) เครื่องยนต์ 3.0T V6 และ 4.0T V8 ของ Porsche ได้รับการออกแบบอย่างแข็งแกร่งและมีการปรับแต่งที่แม่นยำร่วมกับเกียร์ Tiptronic S 8 สปีด ที่มีความเชื่อถือได้ในระยะยาว ในขณะที่เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดมีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถึงก่อน) ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องการบำรุงรักษาในอนาคต นอกจากนี้ Porsche ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีคุณภาพในประเทศไทย เพื่อให้บริการชิ้นส่วนและการสนับสนุนทางเทคนิคจากผู้ผลิต เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ หากงบประมาณเอื้ออำนวย แนะนำให้เลือกการรับประกันจาก Porsche (Extended Warranty) เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ และรักษาสภาพรถ Cayenne ของคุณให้อยู่ในระดับสูงสุดในระยะยาว
Q
porsche cayenne วิ่งเร็วแค่ไหน
ความเร็วสูงสุดของ Porsche Cayenne จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยรุ่นมาตรฐาน Cayenne (3.0T V6) จะมีความเร็วสูงสุดประมาณ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนรุ่นที่มีสมรรถนะสูงกว่าอย่าง Cayenne Turbo (4.0T V8) จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 286 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดจะมีความเร็วสูงสุดที่ 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเกือบจะถึงขีดจำกัดของ SUV สมรรถนะสูง ข้อมูลเหล่านี้มาจากการทดสอบในสภาพแวดล้อมบนทางหลวง Autobahn ของเยอรมนีที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว ในขณะที่ในประเทศไทยบนถนนปกติจะมีข้อจำกัดจากการจำกัดความเร็วตามกฎหมาย (โดยปกติจะจำกัดที่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และสภาพถนน ดังนั้นควรขับขี่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในแง่ของการเร่งความเร็ว ตัวอย่างเช่น Cayenne Turbo สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.9 วินาที นอกจากนี้ทุกรุ่นของ Cayenne ยังมีระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบเบรกสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกันเพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงและความปลอดภัยในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และหากต้องการประสิทธิภาพในการตอบสนองของพลังงานที่ดียิ่งขึ้น ยังสามารถเลือกติดตั้งชุด Sport Chrono เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองของเครื่องยนต์
Q
เบรกที่จอดอยู่ที่ไหนใน Porsche Cayenne
ตำแหน่งของเบรกจอดของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปจะอยู่ใกล้กับแผงคอนโซลด้านข้างของผู้ขับขี่ ซึ่งอาจเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า รูปแบบของตำแหน่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าของรถ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะอยู่ใกล้กับบริเวณคันเกียร์
Q
โปรเช่คาเยนวิธีการเปิดถังน้ำมัน
ในประเทศไทย วิธีการเปิดฝาถังน้ำมันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ทั่วไปเช่น Toyota Camry หรือ Honda Civic มักจะมีปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันอยู่ใกล้กับพื้นบริเวณที่นั่งคนขับ เมื่อดึงปุ่มนั้นก็จะเปิดฝาถังน้ำมันได้ บางรุ่นอาจจะมีปุ่มเปิดที่แผงคอนโซลกลางหรือที่ประตูรถ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นและการออกแบบของผู้ผลิต
Q
เครื่องยนต์ชนิดใดอยู่ใน porsche cayenne
Porsche Cayenne มีทางเลือกของขุมพลังหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการในการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพ (ในบางตลาด) และระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในตลาดประเทศไทย รุ่นที่พบได้บ่อยที่สุดคือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เช่น เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (340 แรงม้า) และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (Cayenne Turbo 550 แรงม้า) ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีดของ Porsche ที่มอบทั้งสมรรถนะสปอร์ตและความสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน รุ่น Cayenne E-Hybrid (PHEV) เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0T หรือ 3.0T กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันและเพิ่มระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 40–50 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ส่วนในยุโรปและบางตลาดมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0T แต่ในประเทศไทย รุ่นดีเซลค่อนข้างหายากเนื่องจากความต้องการและนโยบายในตลาด สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด สามารถพิจารณารุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่มาพร้อมระบบไฮบริด 4.0T V8 ซึ่งสามารถพัฒนากำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า ถือเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดในซีรีส์ Cayenne
Q
พอร์เช่คาเยนมีที่นั่งกี่ที่
Porsche Cayenne มาพร้อมที่นั่งมาตรฐานห้าที่นั่งในรูปแบบสองบวกสาม ได้แก่เบาะคู่หน้าและเบาะหลังที่รองรับผู้โดยสารได้สามคน ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวทั่วไปและการใช้งานในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามในบางตลาดเช่นสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป จะมีรุ่นที่สามารถเลือกเสริมเบาะสามแถวในรุ่น Cayenne Platinum Edition ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบห้าบวกสองแต่ในประเทศไทยยังพบได้น้อย แนะนำให้สอบถามกับตัวแทนจำหน่าย Porsche ที่ได้รับอนุญาตในประเทศเพื่อยืนยันการมีจำหน่ายหรือความเป็นไปได้ในการสั่งผลิต Cayenne ออกแบบห้องโดยสารโดยคำนึงถึงความหรูหราและความสะดวกสบาย พื้นที่วางขาด้านหลังมีความกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางไกล โดยไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมความจุพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึงเจ็ดร้อยเจ็ดสิบลิตรในรุ่นห้าที่นั่ง ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากต้องการพื้นที่มากขึ้นสามารถพิจารณา Cayenne Coupé ที่แม้จะมีดีไซน์สปอร์ตยิ่งขึ้นแต่ยังคงรูปแบบห้าที่นั่ง เพียงแต่เส้นหลังคาที่ลาดอาจลดความสูงบริเวณศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังเล็กน้อย
Q
วิธีปิดระบบระบายอากาศใน Porsche Cayenne
การปิดระบบระบายอากาศของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถกดปุ่มควบคุมระบบระบายอากาศที่อยู่บริเวณแผงคอนโซลกลาง ซึ่งมักมีสัญลักษณ์ชัดเจนให้ระบุ หากกดปุ่มที่เกี่ยวข้องก็จะสามารถปิดระบบได้ทันที อย่างไรก็ตาม วิธีการใช้งานที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถแต่ละคัน
Q
ความแตกต่างระหว่าง Porsche Macan และ Cayenne คืออะไร
ความแตกต่างระหว่าง Porsche Macan และ Cayenne อยู่ที่ขนาด การวางตำแหน่ง และสมรรถนะ Macan มีขนาดเล็กกว่า เน้นความคล่องตัวและความสปอร์ต เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและผู้ที่ชื่นชอบความเร้าใจในการขับขี่ ตัวถังมีขนาดกะทัดรัด พื้นที่ภายในจึงเล็กกว่า ส่วน Cayenne มีขนาดใหญ่กว่า ให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวางและความสะดวกสบายมากขึ้น วางตำแหน่งเป็นรถหรูที่รองรับการใช้งานหลากหลาย เหมาะสำหรับการเดินทางของครอบครัวและการขับขี่ระยะไกล ในด้านสมรรถนะ ทั้งสองรุ่นต่างมีดีเอ็นเอสมรรถนะสูงแบบ Porsche แต่รายละเอียดด้านพละกำลังและการขับขี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยทั่วไป Cayenne มักมีตัวเลือกขุมพลังที่แรงกว่ามากกว่า
Q
ราคาการเปลี่ยนน้ำมันใน porsche cayenne คือเท่าไหร่
ค่าบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของ Porsche Cayenne ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณห้าพันถึงหนึ่งหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ใช้ ระดับของศูนย์บริการ และค่าแรงเฉพาะของแต่ละแห่ง หากใช้บริการที่ศูนย์ซ่อม Porsche ระดับพรีเมียม ค่าบริการอาจสูงกว่า แต่หากเป็นอู่ทั่วไปที่มีมาตรฐาน ราคาก็อาจเข้าถึงได้มากกว่า

ข้อดี

หน้าตายังคงทรงพลังและทันสมัยมากขึ้น ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ๆ สะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของแบรนด์
สินค้าที่ขายในราคาประมาณ 6 ล้าน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่ารุ่นที่ขายขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้
รุ่นพลังงานผสมมีพลังงานที่แรง ใช้งานประจำวันที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มพลัง ค่าประจุปกติประมาณ 4 ชั่วโมง ระยะทางการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าขpure ประมาณ 35 Killometer
เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันของครอบครัว ที่นั่งสามารถพับเก็บได้ มีจอห์นไฟฟ้าและหัวจับที่หลากหลาย 5 ที่นั่งสบาย
บริษัทให้ประกันทั้งคัน 9 ปีและประกันระบบพลังงานผสม 8 ปี

ข้อเสีย

ความปลอดภัยบางส่วนเช่นการรักษาทางที่ขับขี่และการควบคุมการท่องเที่ยวตามอัตราส่วนต้องการติดตั้งเพิ่มเติมด้วยการจ่ายเงิน
ปุ่มควบคุมกลางคือแบบสัมผัส ต้องย้ายสายตาเมื่อปรับโหมดและยืด
รุ่นเริ่มต้นที่สาขาระดับปรับอากาศไม่ได้อัตโนมัติ 3 สาขา พื้นที่ควบคุมมีช่องว่าง ไม่ได้ติดตั้งพอร์ต USB
วงจรมาตรฐานที่ไม่สวยงาม การติดตั้งงานที่ต้องการอาจทำให้ราคาของรถสูงกว่าราคาเริ่มต้นนี้พูล
ร่างกายต่างจากรุ่นก่อน ไม่ง่ายที่จะแยกความแตกต่างระหว่างรถยนต์รุ่นเก่าและรุ่นใหม่<br

Q&A ล่าสุด

Q
Ford Ranger มีขนาดเท่าไหร่ ใหญ่แค่ไหน
Ford Ranger เป็นกระบะยอดนิยมในตลาดไทย มาพร้อมมิติตัวรถยาว 5,370 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,880 มม. และระยะฐานล้อ 3,270 มม. ขนาดกระบะหลังอยู่ที่ 1,458×1,584×529 มม. พร้อมระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 237 มม. ทำให้ Ranger มีความคล่องตัวในเมือง และสมรรถนะลุยทางขรุขระได้ดี ขนาดโดยรวมเมื่อเทียบกับ Isuzu D-MAX (5,265×1,870×1,850 มม.) จะใหญ่กว่าเล็กน้อย และระยะฐานล้อยาวกว่า 145 มม. เหมาะกับภูมิประเทศหลากหลายในไทยและรองรับงานบรรทุกได้ดี ถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.2 ลิตร ให้ระยะทางวิ่งไกลและแรงบิดสูง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและยางขนาด 265/65R17 ที่ช่วยเพิ่มการควบคุมการขับขี่ ขณะที่เมื่อเทียบกับ Ford F-150 Raptor (5,930×2,199×1,992 มม.) Ranger มีขนาดกะทัดรัดกว่าและเหมาะกับถนนแคบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า อีกทั้งยังมาพร้อมเบาะหนังเทียมและไฟหน้า LED รวมฟังก์ชันใช้งานจริงอย่างสมดุลระหว่างการบรรทุก ลุย และความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร
Q
สีของ Ford Ranger มีอะไรบ้าง คุณชอบสีไหน
ในตลาดประเทศไทยตอนนี้ Ford Ranger มีตัวเลือกสีหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความชอบที่แตกต่างของผู้บริโภค เช่น สีขาว Arctic White, สีเทา Meteor Grey, สีน้ำเงิน Blue Lightning, สีดำ Absolute Black, สีแดง Race Red และสีเฉพาะรุ่น Wildtrak/Raptor อย่างสีส้มสดใส Orange กับสีเทา Conquer Grey ที่มีความโดดเด่น ส่วนตัวแนะนำสีเทา Meteor Grey เพราะให้ความรู้สึกเรียบหรู ดูพรีเมียม และทนต่อคราบสกปรกได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศที่มีฝุ่นในไทยและการใช้งานทั่วไป หากชอบสไตล์สปอร์ต สีส้ม Wildtrak Orange ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ให้ความสดใสและโดดเด่นบนท้องถนน แน่นอนว่าการเลือกสีขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวและการใช้งานจริง สีเข้มอย่างสีดำ Absolute Black ดูเป็นทางการและหรูหราแต่จะเห็นรอยขีดข่วนง่าย ขณะที่สีอ่อนอย่างขาว Arctic White จะทนความร้อนได้ดีและดูแลรักษาง่าย แนะนำให้ไปดูรถจริงที่โชว์รูมฟอร์ดในไทยเพื่อประเมินความชอบและคำนึงถึงต้นทุนการดูแลระยะยาวก่อนตัดสินใจซื้อจริงค่ะ
Q
ราคารถ Ford Ranger คือเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
Ford Ranger ในตลาดไทยมีช่วงราคาประมาณ 749,000 ถึง 1,499,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและเครื่องยนต์ รุ่นพื้นฐานเป็นรุ่น 2.0L XL กระบะตอนเดียว เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์ธรรมดา ราคาประมาณ 749,000 บาท เน้นความคุ้มค่า เหมาะสำหรับลูกค้าธุรกิจที่มีงบจำกัด รุ่นกลาง 2.0L XLT SuperCab เกียร์อัตโนมัติ ราคาอยู่ที่ประมาณ 999,000 บาท เพิ่มความสะดวกสบายด้วยพื้นที่โดยสารที่กว้างขึ้นและจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รุ่นท็อป 2.0L Wildtrak 4x4 เกียร์อัตโนมัติ ราคาสูงสุดราว 1,499,000 บาท มาพร้อมหลังคากระจก Panoramic จอใหญ่ 12 นิ้ว ระบบช่วยขับขั้นสูง และชุดแต่งออฟโรด เหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งความหรูหราและสมรรถนะ สำหรับรุ่นพิเศษอย่าง Raptor หรือรุ่นสีพิเศษ ราคาจะสูงขึ้นอีก แต่บางดีลเลอร์อาจมีโปรโมชันผ่อนชำระหรือส่วนลดเงินสด โดยเฉพาะช่วงปลายปีหรือตอนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ หากงบจำกัด ยังสามารถเลือกซื้อรถมือสองจากศูนย์รับรองที่มีอายุ 2-3 ปี โดยราคาจะถูกกว่ารถใหม่ประมาณ 30-40% แต่ควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันปัญหาสภาพรถ นอกจากนี้ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ประกันภัย ค่าจดทะเบียน และภาษี ซึ่งภาษีรถกระบะในไทยอยู่ที่ประมาณ 3% ของราคารถ รวมแล้วจะมีผลต่อราคาสุทธิที่ลูกค้าต้องจ่าย
Q
Ford Ranger Specs คืออะไร นี่คือรายละเอียด specifications เต็มรูปแบบ
Ford Ranger ในตลาดไทยมีรุ่นเครื่องยนต์และฟังก์ชันหลากหลาย รุ่นยอดนิยม เช่น 2.0L Wildtrak และ 2.0L XL มีรายละเอียดสำคัญดังนี้ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ กำลัง 180-213 แรงม้า ขึ้นกับการจูน กำลังแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่นเริ่มต้นมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก เหมาะกับภูมิประเทศและการบรรทุกของในไทย ตัวรถแบบแค็บคู่ ความยาว 5370 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3270 มิลลิเมตร กระบะบรรจุของได้ประมาณ 1.5 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักบรรทุกสูงสุดประมาณ 1 ตัน รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีระบบแยกกำลังไฟฟ้า 4H/4L และล็อกดิฟเฟอเรนเชียล ออกแบบสำหรับการลุยภูเขาและเส้นทางโคลนในไทย รุ่น Wildtrak ระดับสูงติดตั้งจอสัมผัสกลาง 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย กล้อง 360 องศา ระบบครูซคอนโทรลปรับตามระยะ และระบบช่วยควบคุมรถในเลน รุ่นพื้นฐาน XL เน้นใช้งานจริง พร้อมแอร์ธรรมดาและจอ 8 นิ้ว ระบบความปลอดภัยครบทั้งถุงลม 7 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP และระบบช่วยลงทางลาดชัน แนะนำให้ผู้ใช้ Ford Ranger ในไทยเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรที่ขายดีในประเทศ เนื่องจากประหยัดน้ำมันประมาณ 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร หากขับในเมืองบ่อยควรติดตามรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่จะออกมาในอนาคต ต้นทุนการบำรุงรักษาสูงกว่ารถกระบะญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่มีศูนย์บริการครอบคลุมและอะไหล่พร้อม ใช้เวลาทดลองขับและเปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกัน เช่น Toyota Hilux หรือ Isuzu D-MAX เพื่อเลือกสเปกที่เหมาะสมตามงบประมาณและความต้องการ
Q
ข้อเสียของ Toyota Veloz คืออะไร
Toyota Veloz ในฐานะ MPV ขนาดเล็กสำหรับครอบครัวในตลาดไทย มีจุดเด่นด้านความใช้งานจริงอย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ แม้จะใช้เบาะ 2+3+2 แบบ 7 ที่นั่ง แต่ด้วยความยาวฐานล้อ 2750 มิลลิเมตรและความยาวตัวรถ 4475 มิลลิเมตร พื้นที่วางขาในแถวสามค่อนข้างจำกัด ผู้ใหญ่เมื่อนั่งเต็มจำนวนในระยะทางไกลอาจไม่สะดวกสบาย เหมาะกับการเดินทางระยะสั้นหรือเด็กนั่งมากกว่า ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 136 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ในสภาพอากาศร้อนและเปิดแอร์พร้อมไต่เขา อาจพบว่ากำลังสำรองไม่เพียงพอ เกียร์ 4 สปีดรุ่นเก่าทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขณะขับทางไกล ส่งผลต่อความประหยัดน้ำมันและเสียงรบกวนทั่วไป โดยทั่วไป MPV เครื่องยนต์เล็กมักมีข้อจำกัดระหว่างกำลังและพื้นที่ใช้งาน Veloz จึงเน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จุดแข็งคือเบาะ 7 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน อัตราสิ้นเปลืองต่ำเพียง 6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และระบบบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ของโตโยต้า เหมาะกับครอบครัวที่ใช้ในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ หากต้องการกำลังแรงขึ้น แนะนำพิจารณารุ่นที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดซึ่งผสานความประหยัดน้ำมันกับการตอบสนองกำลังได้ดีกว่า
ดูเพิ่มเติม