Q
Tesla Model 3 Highland จะวางจำหน่ายเมื่อใด?
รถ Tesla Model 3 Highland (รุ่นใหม่ล่าสุด) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 แล้วในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ลูกค้าสามารถสั่งจองผ่านเว็บไซต์ Tesla ประเทศไทย หรือที่โชว์รูมในกรุงเทพฯ ได้เลย โดยระยะเวลาจัดส่งปกติจะอยู่ที่ 1-3 เดือนหลังจากสั่งซื้อ ขึ้นอยู่กับคอนฟิกและสต็อกที่มี รุ่นนี้ได้รับการอัปเกรดเฉพาะสำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิก เช่น ระยะขับขี่ที่เพิ่มขึ้น (ประมาณ 500 กม. ตามมาตรฐาน EPA ของไทย), ระบบกันเสียงที่ดีขึ้น (เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ) และที่นั่งที่มีระบบระบายอากาศสำหรับอากาศร้อนชื้น แถมยังเป็นรุ่นพวงมาลัยขวาที่ตรงตามกฎหมายจราจรไทยอีกด้วย
ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถ EV ทั้งส่วนลดภาษีนำเข้าและเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาท ทำให้ราคาจริงของ Model 3 Highland คุ้มค่าไม่น้อย สำหรับในไทย Tesla ยังติดตั้งซูเปอร์ชาร์จเจอร์แล้ว 8 แห่ง ในกรุงเทพฯ และพัทยา รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายสถานีชาร์จในประเทศ ทำให้การชาร์จสะดวกขึ้นมาก ถ้าคิดค่าใช้จ่ายระยะยาว รถไฟฟ้าบำรุงรักษาแค่ 30% ของรถน้ำมัน แถมค่าไฟไทยก็ถูก (เฉลี่ยประมาณ 0.50 บาทต่อกม.) ทำให้รุ่นนี้เป็นตัวเลือกสะดุดตาสำหรับคนเมือง
แนะนำให้ติดตามโปรโมชั่นและข้อมูลทดลองขับล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Tesla ประเทศไทยโดยตรง จะได้อัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ความจุแบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 คือเท่าไหร่
ความจุแบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ในตลาดไทยปัจจุบัน รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) มีความจุแบตเตอรี่ประมาณ 57.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนรุ่น Long Range และ Performance จะติดตั้งแบตเตอรี่ประมาณ 75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ตามลำดับ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตหรือการอัปเดตคอนฟิก จึงแนะนำให้ตรวจสอบสเปกล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Tesla ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการก่อนตัดสินใจซื้อรถ
สำหรับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เช่น การเปิดแอร์บ่อยขึ้นในสภาพอากาศร้อนจะทำให้ใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นเจ้าของรถควรวางแผนการชาร์จให้เหมาะสม และใช้ประโยชน์จากเครือข่าย Supercharger ของ Tesla ที่กำลังขยายตัวในประเทศไทย
ที่น่าสนใจคือระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ของ Tesla สามารถตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำคัญมากสำหรับประเทศเขตร้อนอย่างไทย ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่และรักษาความปลอดภัยในการขับขี่
Q
วิธีเปิดที่นั่งที่ทำความร้อนด้านหลัง Tesla Model 3
การเปิดใช้งานระบบทำความร้อนเบาะหลังใน Tesla Model 3 นั้นง่ายมาก แค่เข้าไปที่เมนูควบคุมแอร์ผ่านหน้าจอกลาง จากนั้นแตะไอคอนทำความร้อนเบาะที่ด้านล่างของหน้าจอ เลือกเบาะหลังก็สามารถปรับระดับความร้อนได้แล้ว โดยปกติแล้ว Model 3 จะมีให้เลือก 3 ระดับ เหมาะกับอากาศเย็นๆ ในช่วงฤดูฝนหรือทางเหนือของไทย ที่ควรรู้คือรุ่นเก่าบางคันอาจต้องอัปเดตซอฟต์แวร์ก่อนถึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ แนะนำให้ตรวจสอบการอัปเดตระบบรถอย่างสม่ำเสมอ เวลาใช้ในไทยแนะนำให้เปิดแอร์ควบคู่ไปด้วยเพื่อควบคุมความชื้นในรถ เพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ระบบทำความร้อนเบาะของ Tesla ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ที่ให้ความร้อนสม่ำเสมอและประหยัดไฟกว่าวิธีแบบเดิมๆ ซึ่งเหมาะกับค่ากระแสไฟฟ้าในไทยที่ค่อนข้างสูง ถ้าใช้เป็นเวลานานแนะนำให้ปรับความร้อนอยู่ที่ระดับกลางแทนการเปิดเต็มกำลัง จะได้ทั้งความสบายและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ในวันที่อากาศร้อนควรปิดระบบนี้เมื่อลงจากรถเพื่อไม่ให้เปลืองไฟโดยเปล่าประโยชน์ การดูแลรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
Q
การปรับความสูงและตำแหน่งของพวงมาลัย Tesla Model 3 ต้องทำอย่างไร
การปรับความสูงและตำแหน่งพวงมาลัยของ Tesla Model 3 เมื่อขับขี่ในประเทศไทยนั้นทำได้ง่ายมาก แค่เข้าไปที่เมนู "ควบคุม" ในหน้าจอกลาง แล้วเลือก "คันเร่งและพวงมาลัย" จากนั้นกด "ปรับพวงมาลัย" ก็สามารถปรับพวงมาลัยด้วยมือให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับท่านได้ พอปรับเสร็จก็กดบันทึก แบบนี้คนไทยรูปร่างต่างกันก็ขับสบาย แถมยังช่วยให้ขับทางยาวๆ ไม่เมื่อยล้า อีกอย่างพวงมาลัยของ Model 3 ยังปรับโหมดการขับได้ตามใจเลย เช่น ในกรุงเทพฯ ที่รถติดๆ สามารถเลือกโหมด "สบายๆ" เพื่อให้พวงมาลัยเบาขึ้น หรือถ้าขับนอกเมืองหรือขึ้นทางด่วนก็สลับไปโหมด "สปอร์ต" ให้รู้สึกมันส์ๆ มากขึ้น แถมช่วงหน้าฝนหรืออากาศเย็นๆ ฟังก์ชันทำความร้อนพวงมาลัยก็ช่วยให้อุ่นมือได้ดี การออกแบบที่ชาญฉลาดของ Tesla ทําให้การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ใช้งานง่ายมาก แม้แต่ผู้ใช้ชาวไทยที่สัมผัสกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกก็สามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
Q
วิธีการลบควันในรถ Tesla Model 3
สำหรับเจ้าของ Tesla Model 3 ที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย การเปิดโหมด "Bio Weapon Defense Mode" จะช่วยกำจัดควันหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในรถได้อย่างรวดเร็ว ระบบนี้ใช้แผ่นกรอง HEPA พร้อมระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง ที่สามารถฟอกอากาศให้สะอาดได้ภายในไม่กี่นาที โดยเฉพาะเวลาติดรถยนต์ในกรุงเทพฯ ที่เจอกับไอเสีย หรือช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองแอร์เป็นประจำ (ในไทยควรตรวจสอบทุก 1-1.5 หมื่นกิโลเมตร) และใช้แอป Tesla เปิดระบบระบายอากาศล่วงหน้าเพื่อลดอุณหภูมิในรถ รถ EV นั้นมีความแน่นกระชับกว่าหากเทียบกับรถน้ำมัน แต่สภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้สารระเหยจากวัสดุภายในรถกระจายตัวเร็วขึ้น อาจเสริมด้วยถ่านกัมมันต์หรือสเปรย์ photocatalyst ช่วยฟอกอากาศ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อาจทำลายหน้าจอควบคุมส่วนกลาง หากต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ควรเลือกที่ร่มและใช้ม่านบังแดด พร้อมเปิดฟังก์ชัน cabin overheat protection ของ Tesla เพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในรถไม่ให้เกิน 40 องศา วิธีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้รถในเขตร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
สีที่ดีที่สุดสำหรับ Tesla Model 3 คืออะไร
การเลือกสีที่ดีที่สุดสำหรับ Tesla Model 3 ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและความต้องการในการใช้งาน แต่สี Pearl White และ Midnight Silver Metallic เป็นตัวเลือกยอดนิยม สี Pearl White ไม่เพียงแต่ดูแลง่ายและสะท้อนแสงแดดได้ดี เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของไทย ในขณะที่สี Midnight Silver Metallic ให้ความรู้สึกหรูหราเรียบร้อยและไม่ค่อยเห็นฝุ่น นอกจากนี้สีแดงและสีน้ำเงินก็เป็นตัวเลือกสำหรับคนชอบความโดดเด่น แต่ต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยครั้งเพื่อคงความสวยงาม สภาพแวดล้อมในไทยทั้งฝนตกบ่อยและอากาศร้อนมีผลต่อสีรถ ดังนั้นแนะนำให้เลือกการเคลือบสีหลายชั้นหรือขัดแว็กซ์เป็นประจำเพื่อยืดอายุสีรถ แม้ว่ารุ่น Model 3 จะมีกระบวนการทาสีที่ค่อนข้างดี แต่ด้วยมลภาวะและรังสี UV ในไทยที่ค่อนข้างแรง ไม่ว่าคุณจะเลือกสีไหนก็ควรดูแลรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้สภาพการจราจรในไทยที่ค่อนข้างแออัด รถสีอ่อนจะทำให้ผู้ขับขี่คนอื่นมองเห็นได้ง่ายขึ้นในเวลากลางคืน จึงปลอดภัยกว่า แต่สุดท้ายแล้วการเลือกสีควรคำนึงถึงความชอบส่วนตัวและงบประมาณ เพราะสีพิเศษบางสีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Q
Tesla Model 3 จะเปิดตัวเมื่อไหร่
Tesla Model 3 เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมของ Tesla ที่ตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่จากแผนการตลาดระดับโลกของเทสลาและนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย คาดว่ารถรุ่นนี้น่าจะเข้ามาในตลาดไทยภายใน 1-2 ปีนี้ ลูกค้าชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดได้ทางเว็บไซต์ Tesla หรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศ Model 3 ได้รับความนิยมทั่วโลกจากสมรรถนะการขับขี่ที่ยาวไกล ระบบช่วยขับอัตโนมัติอันล้ำสมัย และดีไซน์ภายในที่เรียบหรู ถ้าเข้ามาไทยก็จะเพิ่มทางเลือกให้คนรักสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยผลักดันให้โครงสร้างพื้นฐานด้าน EV ของไทยพัฒนาขึ้นอีกขั้น รัฐบาลไทยตอนนี้มีมาตรการลดภาษีสำหรับรถ EV นำเข้า และกำลังขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณดีสำหรับ Model 3 และรถ EV รุ่นอื่นๆ ที่จะมาแน่นอน ถ้าสนใจก็เตรียมตัวไว้ก่อนได้เลย ศึกษาข้อมูลการใช้รถ EV และจุดชาร์จให้พร้อม จะได้จับจองเมื่อถึงเวลา
Q
วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน Summon บน Tesla Model 3 ปี 2023
หากต้องการใช้ฟังก์ชัน Summon หรือระบบเรียกรถอัตโนมัติใน Tesla Model 3 รุ่นปี 2023 ที่ประเทศไทย สิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบคือรถต้องติดตั้ง Hardware 3.0 และต้องซื้อชุด Full Self-Driving (FSD) หรือสมัครบริการนี้ไว้แล้ว หลังจากนั้นก็แค่เปิดฟังก์ชันนี้ผ่านแอป Tesla ในส่วน "Summon" เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและฝนชุก แนะนำให้ใช้ในพื้นที่โล่งเพื่อป้องกันไม่ให้เซ็นเซอร์ได้รับผลกระทบจากฝนหรือความร้อนสูง ต้องระวังไว้ว่า Summon ในประเทศไทยถูกจัดอยู่ในระดับ L2 ซึ่งหมายความว่าคุณยังต้องคอยดูตลอดเวลาและพร้อมที่จะควบคุมรถได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในที่จอดรถแคบๆ แบบไทย ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้รถเข้าออกจากช่องจอดได้เอง แต่ต้องคอยสังเกตสิ่งกีดขวางรอบข้าง ส่วนเรื่องพวงมาลัยที่ไทยเป็นแบบซ้ายมือนั้น ไม่มีปัญหากับการทำงานของ Summon เลย ไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มเติม หากเจอปัญหาเรื่องสัญญาณเน็ตเวิร์ก ลองเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G/5G ของผู้ให้บริการในไทยอย่าง AIS หรือ TRUE เพื่อให้ระบบตอบสนองเร็วขึ้น Tesla จะอัปเดตระบบผ่าน OTA อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ Summon ทำงานได้ดีขึ้นในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทย
Q
วิธีการดูแรงดันลมในยาง Tesla Model 3
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย การรักษาความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับ Tesla Model 3 (แนะนำให้อยู่ที่ 2.9-3.1 bar เมื่อยางเย็น) เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณสามารถตรวจสอบความดันลมยางแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าจอสัมผัสในรถโดยไปที่ "บริการ - ระบบตรวจสอบความดันยาง" หรือจะใช้เครื่องวัดความดันยางแบบธรรมดาก็ได้ เนื่องจากอากาศร้อนในไทยมักทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้น แนะนำให้ตรวจเช็คตอนเช้าที่รถยังเย็นจะได้ค่าที่แม่นยำกว่า ระบบตรวจสอบความดันยาง (TPMS) ของ Tesla จะแจ้งเตือนอัตโนมัติหากมีความผิดปกติ แต่การตรวจเช็คด้วยตนเองเป็นประจำก็เป็นนิสัยที่ดี โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล ในช่วงฤดูฝนของไทย ควรเช็คความลึกของดอกยางด้วยว่าเพียงพอสำหรับการระบายน้ำหรือไม่ เพื่อป้องกันการลื่นไถล หากไฟเตือนความดันยางขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยและตรวจสอบทันที หากจำเป็นให้ไปที่ศูนย์บริการ การรักษาความดันลมยางที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ แต่ยังช่วยให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย
Q
วิธีการใช้ควบคุมความเร็วอัตโนมัติในรถยนต์ Tesla Model 3
การใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของ Tesla Model 3 ในประเทศไทยนั้นง่ายมาก แค่ดึงก้านบังคับด้านขวาของพวงมาลัยลงหนึ่งครั้งก็จะเปิดใช้งานระบบ Cruise Control แต่ถ้าดึงสองครั้งติดกันจะเป็นการเปิดระบบ Autopilot ที่สามารถปรับความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถข้างหน้าอัตโนมัติ เหมาะมากสำหรับขับบนทางด่วนกรุงเทพฯที่รถติดหรือเส้นทางขึ้นเขาที่เชียงใหม่ แต่อย่าลืมว่าอากาศร้อนและฝนตกบ่อยในไทยอาจส่งผลต่อความแม่นยำของเซนเซอร์ แนะนำให้ล้างกล้องและเรดาร์บริเวณตัวรถเป็นประจำ ส่วนป้ายจราจรในไทยก็ต่างจากมาตรฐานสากลนิดหน่อย ควรจับพวงมาลัยไว้เสมอเพื่อพร้อมควบคุมรถทุกเมื่อ Model 3 ยังมีระบบจดจำสัญญาณไฟจราจรได้ แต่บางสี่แยกที่ไม่มาตรฐานในไทยอาจทำให้ระบบทำงานไม่ถูกต้อง จะมีเสียงเตือนให้ผู้ขับเข้าไปควบคุมแทน ระบบความปลอดภัยเช่นเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติของ Tesla ช่วยลดความเครียดในการขับขี่ในสภาพการจราจรที่วุ่นวายของไทยได้ดี แต่ต้องจำไว้เสมอว่าระบบเหล่านี้ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
Q
วิธีปิดไฟเตือนภัยบนรถยนต์ Tesla Model 3
ถ้าคุณใช้ Tesla Model 3 และอยากปิดไฟเตือน อันดับแรกให้เข้าไปที่ไอคอนควบคุมรถทางซ้ายล่างของหน้าจอสัมผัส แล้วเลือกเมนู "ไฟรถ" จากนั้นกดปุ่ม "ปิดไฟเตือน" เป็นอันเรียบร้อย แต่ถ้าหน้าจอไม่ทำงาน ให้กดลูกล้อด้านซ้ายของพวงมาลัยค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีเพื่อรีสตาร์ทระบบบังคับ ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้ตรวจสอบระบบไฟรถเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนควรเช็คให้แน่ใจว่าไฟอัตโนมัติทำงานปกติ จะได้ไม่เกิดปัญหาไฟเตือนเปิดเองเพราะน้ำเข้า ต้องบอกเลยว่าระบบไฟเตือนของ Tesla ต่างจากรถน้ำมันทั่วไป เพราะมีเซ็นเซอร์อัจฉริยะมากขึ้น เช่น แฟลชสองครั้งโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ารถเอียงผิดปกติหรือชน ไฟฉุกเฉินจะเปิดอัตโนมัติ ซึ่งดีต่อความปลอดภัยในสภาพการจราจรที่วุ่นวายของกรุงเทพฯ ถ้าไฟเตือนเปิดบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ อาจเป็นเพราะเซ็นเซอร์ถูกบังหรือระบบต้องการอัปเดต แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการ Tesla ในไทยเพื่อตรวจเช็คอย่างมืออาชีพ ที่นี่มีสาขาราชการทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา อีกอย่างกฎหมายไทยกำหนดว่ารถทุกคันต้องมีระบบไฟเตือนที่ใช้งานได้ปกติ ดังนั้นไม่แนะนำให้ผู้ใช้รถถอดหรือดัดแปลงชิ้นส่วนเอง เพราะอาจมีผลต่อการต่อทะเบียนรถปีต่อไป
Q&A ล่าสุด
Q
เครื่องยนต์ของ Ertiga 2020 มีขนาดเท่าไร?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แบบดูดธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ (105 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการฉีดเชื้อเพลิงแบบหลายจุดและการออกแบบน้ำหนักเบาของ Suzuki ทำให้ประหยัดน้ำมันในการขับขี่ในเมือง เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว ในตลาดท้องถิ่น การตั้งค่าเครื่องยนต์ของ MPV คันนี้เน้นการส่งแรงบิดที่รอบต่ำ ทำให้ขับขี่สะดวกในสภาพการจราจรที่ติดขัดและต้องหยุดบ่อยๆ โดยมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์ออโต้ 4 สปีด แม้เทคโนโลยีเกียร์จะไม่ใช่ล่าสุดแต่ก็บำรุงรักษาไม่แพงและมีความทนทานผ่านการทดสอบมานาน ในรุ่นเดียวกัน เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรถือเป็นการกำหนดค่ามาตรฐานที่ทั้งตอบโจทย์การขนส่งผู้โดยสารและไม่เพิ่มภาระภาษีน้ำมันมากนัก ควรระวังว่า MPV ขนาดเล็กแบบนี้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน และควรเปลี่ยนหัวเทียนและการล้างคันเร่งเป็นประจําจะช่วยให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพดีที่สุด สำหรับคนที่ชอบพาครอบครัวท่องเที่ยว Ertiga ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวทั้งในเรื่องความนุ่มนวลและความทนทาน
Q
ความเร็วสูงสุดของ Ertiga 2020 คือเท่าไร?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 นั้นมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 180 กม./ชม. ด้วยเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติ 1.5 ลิตร ที่ให้การทำงานที่เรียบและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวและการเดินทางไกล แม้ว่าความเร็วสูงไม่ใช่จุดเด่นของรุ่นนี้ แต่ก็สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นคงทั้งในเมืองและบนทางหลวง โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดประมาณ 105 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้เลือกตามความชอบ การตั้งค่าสปริงนั้นเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ทำให้ปรับตัวได้ดีกับสภาพถนนที่หลากหลายของไทย ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น โดยสามารถพับเบาะแถวที่สามเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อย่างสะดวก ถือว่ามีความประหยัดและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพงอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่มองหารถใช้งานทั่วไปที่เน้นความประหยัดและประโยชน์ใช้สอย อย่างไรก็ตาม ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสภาพอากาศ ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยเสมอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ertiga 2020 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 ได้รับการประเมินความปลอดภัย 4 ดาวจาก ASEAN NCAP โดยผลคะแนนมาจากการทดสอบการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ การปกป้องเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือความปลอดภัยต่างๆ โครงสร้างตัวถังแสดงความแข็งแรงในการทดสอบการชนด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนถุงลมนิรภัยคู่และระบบ ABS+EBD ที่มีให้ในทุกรุ่นถือเป็นการรับประกันพื้นฐานสำหรับการขับขี่ประจำวัน แต่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันที่อาจมีถุงลมนิรภัย 6 ลูกหรือระบบเบรกอัตโนมัติ ก็ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาในส่วนของระบบความปลอดภัยเชิงรุกได้อีก สำหรับผู้บริโภคที่เน้นการใช้รถเพื่อครอบครัว Ertiga มาพร้อมกับจุดเชื่อม ISOFIX ในแถวที่สามและระบบเบรกป้องกันล้อล็อกที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐาน แต่แนะนำให้ทดลองใช้งานระบบเช่น AEB ในสภาพถนนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงเปรียบเทียบผลทดสอบ ASEAN NCAP กับรถคู่แข่งอย่าง Honda BR-V ด้วย ปัจจุบันรถ MPV ส่วนใหญ่จะเน้นการออกแบบความปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถังแข็งแรงสูงและการปรับมุมมองการขับขี่ให้ดีขึ้น ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับการจราจรติดขัดและหยุดเคลื่อนตัวบ่อยๆ
Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Honda BR-V 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda BR-V รุ่นปี 2020 ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่ค่อนข้างสมดุล ตัวเวอร์ชันเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC คู่กับเกียร์ CVT จะกินน้ำมันประมาณ 12-13 กม./ลิตรเมื่อขับในเมือง ส่วนบนทางหลวงจะประหยัดขึ้นถึง 15-16 กม./ลิตร แต่ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปตามสไตล์การขับและสภาพถนน ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.5 ลิตรนั้นเหมาะกับการเดินทางไกลมากกว่าเพราะประหยัดน้ำมันกว่า โดยรวมแล้ว BR-V ในฐานะ SUV ครอบครัวได้จุดสมดุลระหว่างความประหยัดกับประโยชน์ใช้สอยที่ดี เหมาะทั้งขับทำงานประจำวันหรือพาครอบครัวเที่ยวยาว สิ่งที่ต้องเน้นคือการดูแลรักษาตามกำหนดและวิธีการขับขี่ที่ถูกต้องจะช่วยรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ดีเสมอ เช่น เลี่ยงการเหยียบกระแทก ใช้แอร์อย่างเหมาะสม รวมถึงการเลือกความดันลมยางที่ถูกต้องก็ช่วยเพิ่มระยะทางต่อลิตรได้ หากต้องขับบ่อยในกรุงเทพฯ ที่รถติดแนะนำให้ตรวจสอบระบบ Start/Stop ให้ทำงานปกติ เพราะรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลย
Q
ความจุถังน้ำมันของ Honda CR-V ปี 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 มีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 57 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถ SUV ในระดับเดียวกัน ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถังน้ำมันขนาดนี้ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องเติมน้ำมันลงได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ส่วนตัวรถ Honda CR-V ที่เป็น SUV ยอดนิยมนั้นยังมีจุดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T สามารถรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ต่ำได้ทั้งในเมืองและบนทางหลวง เมื่อรวมกับถังน้ำมัน 57 ลิตรแล้ว การเติมแต่ละครั้งสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรอย่างสบายๆ อีกทั้งการออกแบบถังน้ำมันยังคำนึงถึงความปลอดภัยและความทนทาน ใช้วัสดุป้องกันการกัดกร่อนและเทคโนโลยีป้องกันการรั่วไหล เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาพถนน ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพด้านน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกรุ่น Hybrid ที่มีความจุถังน้ำมันเท่ากัน แต่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสมมากสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่น
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tesla เจอศึกหนัก ลดราคา Model 3 สู้ตลาดจีน
ธนวัฒน์Sep 2, 2025

Tesla เตรียมเปิดตัว Model 3+ รุ่นใหม่ในประเทศจีน
ธนวัฒน์Jul 28, 2025

นอกจาก Model Y L แล้ว Tesla ยังจะเปิดตัว Model 3+ ในประเทศจีน
Kevin WongJul 18, 2025

Tesla Model 3ได้รับคะแนนสูงสุดจากEuro NCAPในปี 2025 กลายเป็นรถใหม่ที่ปลอดภัยที่สุดในยุโรป
Kevin WongJul 8, 2025

Tesla Model 3 รุ่นปี 2025 คว้ามาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP
พงศธรMay 23, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย