Q
byd seal ผลิตในประเทศไหน
รถ BYD Seal (เบวายดี ซีล) ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน โดยฐานการผลิตหลักอยู่ที่โรงงานสมัยใหม่ของเบวายดีในเซินเจิ้นและซีอาน ซึ่งใช้สายการผลิตอัตโนมัติระดับสูงและได้มาตรฐานสากล ปัจจุบันรถรุ่นนี้เข้ามาในตลาดไทยในรูปแบบนำเข้า แต่ในอนาคตเมื่อโรงงานผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จังหวัดระยองของเบวายดีเริ่มดำเนินการ ผู้บริโภคไทยอาจได้ใช้รถที่ประกอบในประเทศ เบวายดีในฐานะผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ชั้นนำระดับโลก มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่และกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เช่น เทคโนโลยี CTB (Cell-to-Body) ที่ใช้ในรถซีล ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ สำหรับตลาดไทยแล้ว รถรุ่นนี้มีระยะขับขี่ถึง 700 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะสมกับการเดินทางระยะไกลในสภาพอากาศร้อน แถมรัฐบาลไทยยังมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สำหรับรถ EV ทำให้รุ่นนำเข้ามีความน่าสนใจอยู่แล้ว และหากผลิตในประเทศได้ ราคาก็น่าจะถูกลงอีก แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดได้ที่เว็บไซต์เบวายดีประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่าย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ต้นทุนต่อกิโลเมตรของ BYD Seal คือเท่าไหร่?
BYD Seal เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ค่าใช้สอยต่อกิโลเมตรขึ้นอยู่กับอัตราการใช้ไฟฟ้าและค่าไฟ จากข้อมูลทางการ รถรุ่นนี้ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 12.5-14.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร เมื่อคำนวณด้วยค่าไฟเฉลี่ยปัจจุบันที่ประมาณ 4-5 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง จะพบว่าค่าไฟต่อกิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 0.5-0.7 บาท ซึ่งถูกกว่ารถน้ำมันแบบเดิมที่ต้องเสียค่าเชื้อเพลิง 3-5 บาทต่อกิโลเมตรอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ไฟฟ้าจริงอาจแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และการใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น การเร่งเครื่องบ่อยๆ หรือการติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วนอาจทำให้ใช้ไฟมากขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับรถน้ำมันระดับเดียวกัน รถไฟฟ้ายังมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าเพราะไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือหัวเทียน ทำให้ประหยัดกว่าในระยะยาว ส่วนการชาร์จไฟ นอกจากจะชาร์จที่บ้านได้แล้ว ปัจจุบันสถานีชาร์จเร็วสาธารณะก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยชาร์จได้ 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่รถไฟฟ้าทำงานได้ปกติแต่แนะนำให้จอดในที่ร่มเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ และเมื่ออุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในประเทศพัฒนามากขึ้น ราคารถและค่าใช้จ่ายในการชาร์จก็มีแนวโน้มจะลดลงอีกในอนาคต
Q
"ราคา BYD Seal รุ่น 7 ที่นั่งคือเท่าไหร่?"
ขณะนี้ BYD ยังไม่มีรุ่น Seal แบบ 7 ที่นั่งนะครับ รุ่นนี้ทั้งในตลาดจีนและต่างประเทศเน้นตำแหน่งเป็นรถสปอร์ตซีดาน 5 ที่นั่งเท่านั้น มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและแบบสี่ล้อขับเคลื่อน ถ้าต้องการรถพลังงานสะอาดแบบ 7 ที่นั่ง ลองดูรุ่น Tang EV หรือ Denza D9 ที่เป็นรถ MPV แบบไฟฟ้า100%/ไฮบริดได้นะครับ รุ่นเหล่านี้จำหน่ายในไทยผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และความจุแบตเตอรี่
รถพลังงานสะอาดในไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ราคาสุดท้ายอาจแข่งขันกว่ารถน้ำมัน แนะนำให้ตรวจสอบราคาล่าสุดและทดลองขับผ่านช่องทางทางการนะครับ
ปัจจุบันสถานีชาร์จไฟขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในห้างสรรพสินค้าและสถานีบริการทางด่วน ปัญหาเรื่องระยะทางลดลงไปมาก เวลาเลือกซื้อนอกจากจำนวนที่นั่งแล้ว ควรพิจารณาการใช้งานประจำวันด้วย เช่น ความถี่ในการใช้รถครอบครัว ความสะดวกในการชาร์จไฟ โดยรถไฟฟ้า100% เหมาะกับผู้ที่มีจุดชาร์จประจำ ส่วนรถปลั๊กอินไฮบริดจะเหมาะกับการเดินทางไกลมากกว่า
Q
*ราคา BYD SEAL 2023 เท่าไหร่?
รถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL รุ่นปี 2023 ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1,299,000 บาท ราคาอาจแตกต่างกันไปตามระดับความประณีตของตัวรถและอุปกรณ์เสริมที่เลือก โดยรถคูเป้ไฟฟ้ารุ่นนี้มาพร้อมสมรรถนะเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 700 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ทำให้เป็นที่นิยมในตลาดรถ EV รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่พัฒนาโดย BYD ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงรองรับระบบชาร์จเร็ว DC สูงสุด 150kW ที่สามารถชาร์จจาก 30% เป็น 80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที เหมาะสมกับเครือข่ายสถานีชาร์จเร็วที่แพร่หลายในประเทศไทย เมื่อเทียบกับรุ่นแข่งขันในระดับเดียวกัน อย่าง Tesla Model 3 แล้ว SEAL ให้สมรรถนะใกล้เคียงแต่ราคาจับต้องได้มากกว่า พร้อมฟีเจอร์เสริมความหรูหราอย่างหลังคากระจกพาโนรามาและระบบเสียงดิยาน่า 12 ลำโพง อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางสาขาอาจมีบริการติดตั้งสถานีชาร์จฟรีหรือโปรไฟแนนซ์ดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะรุ่นพวงมาลัยขวาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดไทย ผ่านมาตรฐานการจราจรและตำแหน่งคนขับที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง
Q
ข้อเสียของ BYD Seal
BYD Seal แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อด้อยบางจุด ในด้านภายในห้องโดยสารงานฝีมือในรายละเอียดยังต้องปรับปรุง รอยเย็บและข้อต่อไม่ละเอียดพอ การออกแบบมีความซับซ้อนเกินไปไม่เน้นความเรียบง่าย และแผงคอนโซลกลางที่ใช้ภาษาการออกแบบแบบมหาสมุทรศาสตร์เมื่อมองเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าทางสายตาและดูวุ่นวาย ระบบเสียงแม้ว่าบางรุ่นจะติดตั้งลำโพง Dynaudio แต่ฟังนานๆ แล้วยังขาดความน่าฟัง ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงอาจไม่พอใจ ด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ระบบ Infotainment DiLink ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 690 ที่ประสิทธิภาพทั่วไปทำให้ระบบทำงานไม่เสถียรและไม่ลื่นไหล การสั่งงานด้วยเสียงยังขาดความยืดหยุ่น ประสบการณ์ระบบช่วยขับไม่ดี และเซ็นเซอร์ถอยหลังบางครั้งไม่ไวพอ การออกแบบกระจกหน้าต่างมีข้อจำกัดโดยเฉพาะกระจกหลังที่มีขนาดเล็กและไม่สามารถเลื่อนลงได้เต็มที่ส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งาน หลังคาพาโนรามิคไม่สามารถเปิดได้ทุกรุ่นในฤดูร้อนที่มีแสงแดดจ้าอาจทำให้ภายในรถร้อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเสียงแอร์ดัง เบาะนั่งยุบ ระบบเครือข่ายรถยนต์ไม่ดี ระยะทางวิ่งไฟฟ้าสั้น เบาะนั่งเป็นสนิม มือจับประตูเสีย หลอดไฟแผงบังแดดเสียง่าย และช่วงล่างต่ำทำให้รถเสี่ยงถูกขูดขีดบ่อยครั้ง
Q
BYD Seal จัดอยู่ในกลุ่มเซกเมนต์ใด
BYD Seal จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับ D ซึ่งหมายความว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางถึงใหญ่ รุ่นในระดับนี้มักมีขนาด ตัวเลือกอุปกรณ์ และสมรรถนะที่สูงกว่ารุ่นทั่วไป เพื่อมอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ที่หลากหลาย และประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม จากสเปกรถ BYD Seal มีความยาว 4800 มิลลิเมตร ความกว้าง 1875 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2920 มิลลิเมตร สร้างความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร ด้านสมรรถนะรุ่นต่างๆ มีการตอบสนองที่ดี เช่น รุ่น AWD Performance ที่เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที นอกจากนี้รถยังติดตั้งระบบความปลอดภัยล้ำสมัยและอุปกรณ์ภายในที่เน้นความสะดวกสบายครบครัน ตอบโจทย์มาตรฐานสูงของรถระดับ D และความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรถขนาดกลางถึงใหญ่ในทุกด้าน
Q
มูลค่าการขายต่อของ BYD Seal คืออะไร
BYD Seal ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นล่าสุดของ BYD มีมูลค่าตลาดรถมือสองในประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเนื่องจากความน่าเชื่อถือทางเทคโนโลยีในด้านพลังงานสะอาดการยอมรับในตลาดสูงและการรับประกันแบตเตอรี่จากทางบริษัทเป็นระยะเวลา 8 ปีหรือ 160000 กิโลเมตรช่วยรับประกันคุณภาพการใช้งานในรถมือสองได้ดี เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นเดียวกัน รถ EV ในตลาดมือสองไทยกำลังเติบโต โดยเฉพาะรุ่น Seal ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใบมีดและระบบช่วยขับ DiPilot ที่ครบครันได้รับความสนใจสูง ข้อมูลจากแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองในไทยแสดงให้เห็นว่ารถใช้ประมาณ 1 ปีจะมีอัตราการลดราคาประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งสูงกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป 2-3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรุ่นสูงหรือรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีอัตราการรักษามูลค่าที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามราคามือสองจริงขึ้นอยู่กับสภาพรถระยะทางใช้งานสุขภาพแบตเตอรี่และช่องทางจำหน่ายที่ได้รับการรับรองแนะนำให้ใช้บริการประเมินราคาจากศูนย์ BYD ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย นอกจากนี้มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีซื้อ ยังช่วยเพิ่มมูลค่ารถมือสองอีกด้วยซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับผู้ที่ต้องการขายต่อในไทย
Q
ประเภทเกียร์ของ BYD Seal คืออะไร
เกียร์ของ BYD Seal เป็นแบบ EV มีจำนวนเกียร์ 1 จัดเป็นเกียร์อัตราทดคงที่ ซึ่งมีโครงสร้างเรียบง่ายและประสิทธิภาพการส่งกำลังสูง ช่วยถ่ายทอดแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าไปยังล้อได้โดยตรง ลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ส่งผลให้รถเร่งความเร็วได้ดีและเพิ่มระยะทางวิ่งได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ซับซ้อนเหมือนเกียร์ธรรมดา ทำให้การส่งกำลังระหว่างขับขี่ราบรื่นและนุ่มนวล มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ง่ายและสบาย เกียร์ประเภทนี้จึงนิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าเพราะสามารถทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยดึงศักยภาพของรถไฟฟ้าออกมาได้อย่างเต็มที่
Q
ขนาด PCD ของ BYD Seal คืออะไร?
สำหรับชาวไทยที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับการอัพเกรดหรือเปลี่ยนล้อให้กับ BYD Seal นะครับ ขอแจ้งสเปกล้อมาตรฐานของรุ่นนี้ให้ทราบกันก่อน PCD (ระยะห่างรูสลัก) ของ Seal จะอยู่ที่ 5x114.3 ซึ่งเป็นขนาดที่เราคุ้นเคยกันดีในตลาดเมืองไทย เพราะไปตรงกับรถญี่ปุ่นหลายรุ่นอย่าง Honda Accord หรือ Toyota Camry เลยทำให้หาล้อเปลี่ยนได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นล้อแบบ OEM หรือล้อแต่งจากแบรนด์หลังตลาดก็มีให้เลือกเพียบ
อีกเรื่องที่ต้องเช็คให้ชัวร์คือขนาด Center Bore (รูกลางล้อ) ของ BYD Seal จะอยู่ที่ 64.1 มม. ส่วนขนาดสลักที่แนะนำคือ M12x1.5 細節พวกนี้สำคัญมากนะครับ ถ้าไม่ตรงเป๊ะอาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้
สำหรับเพื่อนๆ คนไทยที่อยู่เมืองร้อนแบบเรา ขอแนะนำให้เลือกล้ออัลลอยแบบน้ำหนักเบานะครับ เพราะช่วยเรื่องการระบายความร้อนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือติดรถในกรุงเทพฯ จะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจน แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย!
Q
BYD Seal มี Apple CarPlay ไหม
BYD Seal รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบันรองรับการใช้งาน Apple CarPlay โดยสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายและผ่านสาย USB ช่วยให้ผู้ขับเข้าถึงแอปนำทางเพลงและการสื่อสารบน iPhone ได้สะดวกขณะขับขี่โดยเฉพาะการใช้ Google Maps หรือ Apple Maps ที่เหมาะกับสภาพจราจรที่ซับซ้อนในกรุงเทพฯ อย่างมาก ทั้งนี้รถบางล็อตในช่วงแรกอาจต้องอัปเกรดระบบผ่าน OTA เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันอย่างสมบูรณ์จึงแนะนำให้ตรวจสอบเวอร์ชันซอฟต์แวร์กับศูนย์บริการขณะซื้อรถเพิ่มเติม ระบบอัจฉริยะ DiLink ของ BYD ยังผสานการทำงานกับแอปท้องถิ่นและระบบสั่งงานด้วยเสียงอย่างลึกซึ้งนอกจากจะรองรับ CarPlay แล้ว ยังมอบประสบการณ์ความบันเทิงภายในรถที่ครบครัน สำหรับผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้งานสมาร์ตโฟนเป็นหลัก การรองรับ CarPlay ทำให้ BYD Seal มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านความทันสมัยและความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ BYD Seal คืออะไร
BYD Seal ที่จำหน่ายในประเทศไทยติดตั้งยางสมรรถนะสูงจากโรงงานโดยหลักเป็นยี่ห้อ Continental หรือ Michelin แล้วแต่รุ่นย่อยและล็อตการผลิต โดยรุ่นที่พบได้บ่อยคือ Continental EcoContact 6 และ Michelin Pilot Sport 4 ซึ่งเน้นความต้านทานการหมุนต่ำและความเงียบขณะขับขี่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกในไทยรวมถึงการใช้งานบนถนนในเมืองเป็นหลัก เจ้าของรถในไทยควรให้ความสำคัญกับสมรรถนะในการรีดน้ำของยางในช่วงฤดูฝนโดยยางทั้งสองยี่ห้อให้แรงยึดเกาะที่ดีบนถนนเปียกลดความเสี่ยงการลื่นไถลจากฝนตกบ่อยโดยเฉพาะในกรุงเทพ หากต้องการเปลี่ยนยางสามารถเลือกยางระดับใกล้เคียงที่หาซื้อได้ง่ายในไทยเช่น Bridgestone Turanza หรือ Goodyear EfficientGrip แต่ควรรักษาขนาดตามที่โรงงานระบุไว้คือ 235 45 R19 หรือ 245 40 R20 เพื่อให้ระยะทางขับขี่และการควบคุมรถคงประสิทธิภาพที่ดี การตรวจเช็กลมยางเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับรถไฟฟ้าแนะนำให้ตรวจอย่างน้อยเดือนละครั้งในช่วงอากาศร้อนของไทยลมยางมักเพิ่มขึ้นเองตามอุณหภูมิ ควรรักษาระดับที่ 24 ถึง 25 บาร์ขณะยางเย็นเพื่อสมดุลทั้งความสบายและประสิทธิภาพพลังงาน
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
Q&A ล่าสุด
Q
“Swift 2021 เป็นรถคันแรกที่ดีหรือไม่?”
การเลือกซื้อซูซูกิ สวิฟท์ รุ่นปี 2021 เป็นรถคันแรกก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ เพราะตัวรถมีขนาดกะทัดรัด ขับเคลื่อนคล่องตัวเหมาะกับการใช้งานในเมือง โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ติดขัดหรือถนนแคบๆ ส่วนเครื่องยนต์ 1.2L แบบธรรมดาก็ประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มขับรถ ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบเรียบง่ายแต่ใช้งานได้ดี มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่าง ABS, EBD และถุงลมนิรภัยคู่หน้าอยู่ในมาตรฐาน แต่ถ้าอยากได้สมรรถนะมากขึ้นก็มีรุ่น Sport ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.4T ให้กำลังดีขึ้นแต่ราคาจะสูงหน่อย ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกันก็อาจจะมองโตโยต้า ยาริส หรือฮอนด้า ซิตี้ได้นะ ยาริสจะเน้นความทนทาน ส่วนซิตี้จะเน้นความสบายและพื้นที่ใช้งานมากกว่า ควรลองทดลองขับดูก่อนตัดสินใจ ส่วนใครจะซื้อรถมือสองก็ต้องตรวจสอบสภาพรถและประวัติการซ่อมบำรุงให้ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทีหลัง
Q
"Swift 2021 จอดง่ายไหม?"
สวิฟท์รุ่นปี 2021 ในฐานะรถแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัด ด้วยความยาวตัวรถ 3,840 มม. และระยะฐานล้อ 2,450 มม. ทำให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆ ในกรุงเทพหรือลานจอดรถห้างแบบหลายชั้นได้อย่างคล่องตัว ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ช่วยเบรกที่ทำงานร่วมกับรัศมีวงเลี้ยวเพียง 10.6 เมตร ทำให้เลี้ยวหัวมุมได้อย่างสบายๆ แถมยังมีเรดาร์ถอยหลังและในรุ่นสูงจะมีกล้องถอยหลังช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาจอดอีกด้วย แพลตฟอร์ม Heartect ที่ใช้น้ำหนักเบาช่วยให้รักษาความคล่องตัวของตัวรถไว้ได้ ในขณะที่ความแข็งแรงของช่วงล่างเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่วนระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษก็รับมือกับสะพานช้างแคบและถนนขรุขระแบบไทยๆ ได้ดีกว่า รุ่นแข่งในระดับเดียวกันอย่างฮอนด้า บริโอหรือโตโยต้า ยาริสก็มีความคล่องตัวในเมืองไม่น้อย แต่สวิฟท์ได้เปรียบตรงพวงมาลัยที่เบากว่าและตอบสนองการเหยียบคันเร่งที่ฉับไว ทำให้ขับในสภาพรถติดๆ 停停走走 ได้สบายกว่า อย่างไรก็ตาม แม้รถเล็กจะจอดง่าย แต่สำหรับมือใหม่แนะนำให้ใช้กระจกข้างและเสียงเตือนจากเรดาร์ช่วยในที่แคบๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ต้องระวังการมองเห็นเส้นถนนยากเพราะแสงสะท้อน อาจทำให้กะระยะผิดได้ เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากรถขนาดเล็กได้เต็มที่มากขึ้น
Q
2021 Suzuki Swift Sport มีขนาดเท่าไหร่?
ซูซูกิ สวิฟท์ สปอร์ต ปี 2021 เป็นรถแฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดสไตล์สปอร์ต มีขนาดความยาว 3890 มม. × ความกว้าง 1735 มม. × ความสูง 1500 มม. และระยะฐานล้อ 2450 มม. ขนาดเหล่านี้ทำให้ขับขี่คล่องตัวในสภาพแวดล้อมในเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พลุกพล่านอย่างกรุงเทพฯ ช่วยให้การจอดรถและการขับขี่ในที่แคบเป็นเรื่องง่าย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ Boosterjet 1.4 ลิตร ให้กำลัง 129 แรงม้า และแรงบิด 235 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังที่เพียงพอและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม แม้ภายในจะกะทัดรัด แต่การออกแบบที่ชาญฉลาดช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและพื้นที่เก็บของที่ดี โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 265 ลิตร เพียงพอต่อความต้องการในชีวิตประจำวัน สวิฟท์ สปอร์ต มีตัวถังน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต ทำให้การควบคุมรถยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ นอกจากนี้ รถคันนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยมากมาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ในตลาดท้องถิ่น รถรุ่นนี้มีราคาที่คุ้มค่าและเป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาวและครอบครัวขนาดเล็ก อีกทั้งยังมีศักยภาพในการดัดแปลงสูงและเป็นที่ชื่นชอบของคนรักรถยนต์
Q
Swift 2021 มีเครื่องยนต์ประเภทอะไร?
รถยนต์ Suzuki Swift รุ่นปี 2021 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ K12C ขนาด 1.2 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่และระบบ VVT คู่ ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์ CVT เครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องประหยัดน้ำมันและขับขี่นุ่มนวล เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ในตลาดท้องถิ่น เครื่องยนต์นี้ยังผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro 5 จึงมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ เครื่องยนต์ K-series ของ Suzuki มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่น้ำหนักเบาและเทคโนโลยีแรงเสียดทานต่ำ ส่งผลให้ค่าบำรุงรักษาต่ำในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่า สำหรับผู้ที่ต้องการกำลังมากกว่า รุ่น Swift Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.4T Boosterjet แต่เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรมาตรฐานก็เพียงพอต่อความต้องการในการขับขี่ประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรติดขัด สำหรับการบำรุงรักษา แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำ OW-20 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน น้ำมันที่มีคุณสมบัติตามนี้หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอะไหล่รถยนต์ในท้องถิ่น
Q
ใน Swift รุ่นใดที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด?
สำหรับรุ่น Suzuki Swift ที่วางขายในตลาดไทย รุ่นที่ประหยัดน้ำมันที่สุดคือ Swift GLX CVT ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร DualJet ซึ่งประกาศอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 23.3 กม./ลิตร ระบบขับเคลื่อนนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ในเมืองด้วยน้ำหนักตัวรถที่เบาและเทคโนโลยี Start-Stop ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าคุณสนใจรุ่นไฮบริด Swift Hybrid ก็มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีก โดยเฉพาะในสภาพการจราจรแบบ走走停停แบบกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ขนาดของถนน และการใช้แอร์ เช่น ถ้าขับแบบกระโชกโฮกฮากอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 10-15% เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน Toyota Yaris ก็มีจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมันไม่แพ้กัน แต่ Swift มีข้อได้เปรียบในถนนติดขัดเพราะน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัดกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้ลองขับดูสักหน่อยเพื่อสัมผัสความนุ่มนวลของเกียร์ CVT และตรวจสอบลมยางให้ได้ค่าที่ผู้ผลิตแนะนำ (ประมาณ 32-35 psi) เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มีผลกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยตรง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

BYD Seal 05 DM-i จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม เทคโนโลย DM-i รุ่นที่ 5 สามารถวิ่งไกล 2000 กิโลเมตร
พงศธรMay 14, 2025

BYD ด้วย Seal คว้ารางวัล EV ยอดเยี่ยมประจำปีในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง
Kevin WongMar 6, 2025

ภาพเปิดตัวของ BYD Seal 05 DM-i: การเทคโนโลยี DM รุ่นที่ห้า, ระบบ Hybrid เครื่องยนต์ 1.5L!
LienDec 10, 2024

BYD SEAL รุ่นใหม่ที่จะมาถึงเร็วๆนี้ เพิ่มเสาเลเซอร์ขั้วคู่ ความเร็วสูงสุดเพิ่มเป็น 240 กม./ชม.
ธนวัฒน์Nov 22, 2024

"BYD Seal 06 GT เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน ในอนาคตอาจจะนำเข้ามาขายในประเทศ"
AshleyOct 21, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย