Q
แบตเตอรี่ยี่ห้อไหนเหมาะกับ Honda City 1.0 Turbo?
สำหรับรถยนต์ Honda City 1.0 Turbo ในตลาดไทย แบตเตอรี่ยี่ห้อที่นิยมใช้กันมากก็มี GS Battery Panasonic และ Boliden ซึ่งหาซื้อง่ายในประเทศและเข้ากับรถได้ดี โดยเฉพาะรุ่น Din55 ของ GS Battery ที่โดดเด่นเรื่องกระแสสตาร์ทสูง (CCA) และทนต่อความร้อนได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนมาก เวลาเลือกซื้อแบตเตอรี่ต้องเช็คให้ตรงกับสเปคเดิมของรถ เช่น ขนาด แรงดันไฟฟ้า (12V) และความจุ (ปกติจะอยู่ที่ 35Ah-45Ah) แนะนำให้เลือกแบบ "Maintenance Free" หรือแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องบำรุงรักษาจะดีกว่า เพราะไม่ต้องดูแลมาก อีกทั้งตามศูนย์บริการรถยนต์ชื่อดังในไทยอย่าง B-Quik หรือ Cockpit ก็มีบริการตรวจเช็คแบตเตอรี่และติดตั้งฟรี ถ้าซื้อแบตเตอรี่จากที่นี่ ลองถามโปรโมชั่นดูนะ นอกจากนี้ การดูแลแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานๆ ก็สำคัญ เช่น ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำว่ามีรอยกัดกร่อนหรือเปล่า พยายามหลีกเลี่ยงการขับรถระยะสั้นบ่อยๆ (อาจทำให้แบตเตอรี่ชาร์จไม่เต็ม) และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นเวลาจอดรถ ส่วนรถที่ติดตั้งระบบ Start-Stop ต้องเลือกแบตเตอรี่แบบ EFB หรือ AGM เท่านั้นถึงจะใช้งานได้ดี
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ฮอนด้าซิตี้ 2024 มีความจุซีซีเท่าไหร่
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรและเครื่องยนต์แบบธรรมดา 1.5 ลิตร โดยเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรมีความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบธรรมดามีความจุ 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบถูกออกแบบมาให้สมดุลระหว่างประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลในไทย ฮอนด้าซิตี้เป็นที่นิยมในตลาดไทยเสมอมาด้วยความน่าเชื่อถือ ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง และประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปี 2024 ยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING เข้ามา ทำให้ยิ่งโดดเด่นขึ้น สำหรับลูกค้าชาวไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกเครื่องยนต์ แนะนำว่าเครื่องเทอร์โบ 1.0 ลิตรเหมาะกับคนที่เน้นประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เครื่อง 1.5 ลิตรแบบธรรมดาจะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลมากกว่า ทั้งสองแบบตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีอยู่แล้ว แค่เลือกให้เหมาะกับสไตล์การขับและงบประมาณของคุณก็พอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Honda City 2024 คืออะไร
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยแสดงผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีเยี่ยม ด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบพาสซีฟที่ครบถ้วน เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบเบรก ABS ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในกลุ่มรถระดับเดียวกัน จากการทดสอบตามมาตรฐาน NCAP ของไทย คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้คะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและชนบทของไทยที่หลากหลาย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าประกันรถด้วย เพราะเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าในไทยมีความพร้อมสูง มีอะไหล่ครบครัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยมักคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรถเช่นกัน
Q
วิธีเปิดส่วนหน้าของรถ Honda Civic 2024
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารุ่นฮอนด้าซิวิค 2024 สิ่งแรกที่ต้องทำคือนั่งในที่นั่งคนขับ แล้วมองหาคันปลดล็อกฝากระโปรงหน้า ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์อยู่ด้านล่างซ้ายของพวงมาลัย ดึงคันนี้เบาๆจนได้ยินเสียงฝากระโปรงหน้ายกขึ้น จากนั้นเดินไปที่หน้าตัวรถ ใช้มือสอดเข้าไปในช่องกลางฝากระโปรง แล้วหาล็อกนิรภัยตัวที่สองให้เจอ ให้ดันล็อกนี้ไปทางซ้ายหรือขวาพร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกในห้องเครื่องเป็นประจำ เพื่อให้รถทำงานได้ปกติ และควรทำความสะอาดห้องเครื่องด้วย ระวังอย่าให้ใบไม้หรือเศษอุดตันท่อระบายน้ำ ถ้าต้องขับในพื้นที่ติดขัดอย่างกรุงเทพฯ บ่อยๆ ควรเช็กด้วยว่าฟิลเตอร์อากาศอุดตันฝุ่นหรือไม่ เพราะจะช่วยรักษาสมรรถนะเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ ส่วนเวลาปลดล็อกฝากระโปรงถ้าได้ยินเสียงเฮียกที่บานพับ ให้ทาจาระบีเล็กน้อย และเนื่องจากอากาศไทยร้อนจัดทำให้ยางซีลเสื่อมสภาพเร็ว ควรตรวจสอบความแน่นของซีลทุกๆครึ่งปี
Q
ความจุของกระโปรงท้ายรถฮอนด้าซิตี้ 2024 คือเท่าไร
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยมีปริมาตรกระโปรงหลังขนาด 536 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวหรือการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือช้อปปิ้งบ่อยๆ การออกแบบกระโปรงหลังทำได้อย่างสมเหตุสมผล มีช่องเปิดที่กว้าง ทำให้สะดวกในการลำเลียงสิ่งของ นอกจากนี้เบาะหลังยังสามารถพับลงได้ตามสัดส่วน ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก กระโปรงหลังของซิตี้ยังมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี ช่วยปกป้องสิ่งของจากความชื้นหรือความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว ปริมาตรกระโปรงหลังขนาดนี้จัดอยู่ในระดับกลางถึงดี และเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า ยาริส แอททีฟแล้วยังได้เปรียบอยู่บ้าง สำหรับผู้ใช้งานไทยที่มักต้องพกพาสิ่งของจำนวนมาก พื้นที่กระโปรงหลังของซิตี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่值得พิจารณา แนะนำให้ไปทดลองบรรจุของที่ตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเองเพื่อความสะดวก และควรเปรียบเทียบกับการออกแบบกระโปรงหลังของรถรุ่นอื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน เพื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด
Q
สีของ Honda City 2024 มีอะไรบ้าง
รถฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมีให้เลือกหลายสีสันสไตล์โมเดิร์น ทั้งหมด 7 สีคลาสสิค ได้แก่ สีพลาตินัม ออบซิเดียน บลู เพิร์ล (น้ำเงินไข่มุก), อิกไนท์ เรด เมทัลลิก (แดงเมทัลลิก), แพลตตินัม ไวท์ เพิร์ล (ขาวไข่มุก), คริสตัล แบล็ค เพิร์ล (ดำไข่มุก), ลูนาร์ ซิลเวอร์ เมทัลลิก (เงินเมทัลลิก), อุกกาบาต เกรย์ เมทัลลิก (เทาเมทัลลิก) และทัฟเฟต้า ไวท์ (ขาวทาฟเฟต้า) เวลาเลือกสีรถควรคิดถึงเรื่องค่าดูแลรักษาด้วยนะครับ สีอ่อนๆ ในแดดเมืองไทยจะทนต่อคราบสกปรกกว่า ส่วนสีเข้มต้องล้างรถและขัดแว็กซ์บ่อยหน่อยเพื่อรักษาความเงางาม แถมบางสีพิเศษอาจต้องสั่งจองล่วงหน้าหรือรอรับรถนานกว่าปกติครับ
Q
วิธีเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Honda City 2024
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 สิ่งแรกที่ต้องทำคือนั่งบนที่นั่งคนขับแล้วมองหาแถบปลดล็อกฝากระโปรงซึ่งอยู่ด้านล่างซ้ายของแผงหน้าปัด มักจะอยู่แถวๆ Pedal ให้ดึงขึ้นจนได้ยินเสียงฝากระโปรงหน้ากระเด้งเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่หัวรถแล้วใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในช่องกลางขอบฝากระโปรงหน้า จะพบกับล็อกความปลอดภัยตัวที่สอง ให้ดันขึ้นพร้อมกับยกฝากระโปรง ถ้ารู้สึกหนักไปอาจใช้ค้ำยันช่วย สำหรับสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนขับทางไกล ต้องเช็กระบบระบายความร้อนให้ดี ภายในห้องเครื่องฮอนด้าซิตี้จัดวางเป็นระเบียบ ทำให้เจ้าของรถสามารถเติมน้ำฉีดกระจกหรือตรวจสอบน้ำมันเบรคได้เอง แต่ถ้าเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าหรือชิ้นส่วนเครื่องกลที่ซับซ้อน ควรไปที่ศูนย์บริการฮอนด้าจะดีกว่า ที่ศูนย์ใหญ่ๆ ในกรุงเทพหรือเชียงใหม่ยังมีบริการตรวจเช็คฟรีให้อีกด้วย ข้อสำคัญเวลาปิดฝากระโปรงหน้า ต้องปล่อยจากความสูงประมาณ 30 เซนติเมตรให้ปิดเองตามธรรมชาติ เพื่อให้ล็อกเข้าที่สนิท ป้องกันฝากระโปรงเปิดขณะขับรถ และช่วงหลังฤดูฝนของไทย ควรทำความสะอาดใบไม้ที่อาจตกค้างในห้องเครื่อง เพื่อไม่ให้ท่อระบายน้ำอุดตัน
Q
ฉันจะเปิดถังน้ำมันบนรถฮอนด้า 2024 ของฉันได้อย่างไร
วิธีเปิดฝาถังน้ำมันของฮอนด้ารุ่นปี 2024 ทำได้ง่าย มีสองแบบขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของแต่ละรุ่น แบบแรกคือปุ่มกดภายในรถ จะอยู่ด้านซ้ายของผู้ขับขี่บนคอนโซลกลางหรือแผงประตู กดปุ่มที่มีสัญลักษณ์ถังน้ำมัน ฝาถังจะเด้งเปิด แบบที่สองคือกดตรงฝาถังภายนอก หลังจากปลดล็อกรถแล้วกดเบาๆ ฝาจะเปิด ทั้งสองแบบเหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกของไทย ป้องกันการใช้งานผิดพลาดและรักษาการปิดสนิท ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ในไทยมีพนักงานบริการเติมน้ำมัน จึงไม่จำเป็นต้องเติมเอง แต่ควรตรวจสอบชนิดน้ำมันว่าเป็นเบนซินหรือดีเซลก่อนเติม เนื่องจากอากาศร้อนอาจทำให้น้ำมันระเหย แนะนำไม่เติมเต็มเกินไปเพื่อเว้นพื้นที่ให้น้ำมันขยาย เพิ่มความปลอดภัยและประหยัดเชื้อเพลิง สำหรับรถที่ใช้งานระยะยาวควรตรวจสอบซีลฝาถังเป็นประจำ ป้องกันน้ำหรือฝุ่นเข้าช่วงฤดูฝนและคงคุณภาพน้ำมัน
Q
คุณสามารถสตาร์ทรถ Honda 2024 จากโทรศัพท์ของคุณได้ไหม
รุ่นฮอนด้า 2024 บางรุ่นในตลาดไทยรองรับฟังก์ชั่นสตาร์ทรถทางโทรศัพท์ได้จริง แต่ขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบ Honda Connect ที่ติดตั้งมา เช่น รุ่นท็อปอย่าง CR-V หรือ Accord มักจะมีฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดแอป Honda และผูกบัญชีกับรถยนต์ก่อน หลังจากนั้นจะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ล่วงหน้า หรือปลดล็อคประตูผ่านมือถือได้ ซึ่งเหมาะมากกับอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ แต่อย่าลืมว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตและรถต้องอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณครอบคลุม รวมถึงควรตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ด้วย เพราะบางฟังก์ชั่นอาจถูกจำกัดตามกฎหมายไทยหรือเครือข่ายโทรศัพท์ นอกจากนี้ เทคโนโลยีควบคุมระยะไกลแบบเดียวกันนี้ยังมีในแบรนด์อื่นๆ เช่น Toyota Connect ของโตโยต้าหรือ NissanConnect ของนิสสัน ซึ่งทำงานผ่านโมดูลสื่อสารในรถที่เชื่อมกับแอปบนมือถือ เมื่อ 5G แพร่หลายมากขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้จะทำงานเร็วและเสถียรขึ้น แน่นอนว่าทำให้ชีวิตคนใช้รถในไทยสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะ
Q
รถฮอนด้าซิตี้ปี 2024 มีระบบ VTEC หรือไม่
รถยนต์ฮอนด้าซิตีรุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทยยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แบบธรรมชาติ โดยไม่ได้นำเทคโนโลยี VTEC มาใช้ แต่ยังคงใช้ระบบ i-VTEC ที่ปรับปรุงการทำงานของวาล์วให้ฉลาดขึ้น ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อประหยัดน้ำมันและเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำถึงกลาง ซึ่งเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุดบ่อยในเมืองไทย แม้ว่า VTEC จะโดดเด่นในเรื่องพลังสปินสูง แต่ i-VTEC ให้ความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันมากกว่า ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยในยุคที่ราคาน้ำมันแพง อีกจุดสำคัญคือฮอนด้าจะปรับตั้งค่าทางเทคนิคให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย โดยเสริมประสิทธิภาพระบบระบายความร้อนและแอร์ ส่วนการไม่ใช้ VTEC ก็แสดงว่าผู้ผลิตเข้าใจความต้องการของคนไทยจริงๆ เพราะในสภาพรถติดแบบกรุงเทพฯ การใช้พลังรอบสูงแทบไม่เกิดประโยชน์เท่าการประหยัดน้ำมันในชีวิตประจำวัน ถ้าอยากได้พลังมากขึ้น ลองดูรุ่น City RS ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ซึ่งให้แรงบิดดีกว่าในการแซง แต่ก็ยังไม่ใช้ระบบ VTEC แบบดั้งเดิมเช่นกัน
Q
รถ Honda City 2024 เฉลี่ยแล้ววิ่งได้กี่กิโลเมตรต่อลิตร
รถฮอนด้าซิตี้รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-18 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งตัวเลขอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนนและรุ่นย่อยของรถ สำหรับรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC จะให้สมรรถนะที่สมดุลในสภาพการขับขี่แบบผสม ส่วนรุ่น e:HEV แบบไฮบริดนั้นประหยัดน้ำมันได้มากกว่า โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ ที่ต้องเร่ง-หยุดบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ในไทยควรระวังว่าอากาศร้อนและการเปิดแอร์อาจส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนไส้กรองอากาศและปรับลมยางให้เหมาะสม จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันอย่างโตโยต้ายาริสหรือมาสด้า 2 ที่มีอัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกัน แต่ใช้เทคโนโลยีต่างกัน แนะนำให้ลองทดลองขับเพื่อเปรียบเทียบ นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีของรัฐบาลไทยสำหรับรถประหยัดพลังงานยังทำให้ซิตี้เป็นตัวเลือกคุ้มค่า และในระยะยาว รุ่นไฮบริดจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากกว่าชัดเจน
Q&A ล่าสุด
Q
ราคาของ Aston Martin DB12 V12 คือเท่าไหร่?
ราคาของ Aston Martin DB12 V12 ในตลาดไทยตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 25-30 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมที่เลือก นโยบายของตัวแทนจำหน่าย และภาษีนำเข้า รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 5.2 ลิตร V12 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 630 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 325 กม./ชม. ด้านภายในตกแต่งด้วยหนังคุณภาพสูงและวัสดุอลูมิเนียม พร้อมระบบเทคโนโลยีล่าสุดทั้งระบบความบันเทิงและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ สำหรับตลาดไทย คนซื้อรถสปอร์ตรุ่นหรูแบบนี้มักให้ความสำคัญกับแบรนด์และการออกแบบที่โดดเด่น ซึ่ง DB12 V12 ได้รับการออกแบบมาให้คงความเป็นเอกลักษณ์ของ Aston Martin แต่เพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไป เหมาะกับคนที่มองหาประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียม แต่อย่าลืมว่ารถนำเข้าในตลาดรถหรูไทยต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลต่อราคาสุดท้าย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายโดยตรงเพื่อขอราคาล่าสุดและนัดทดลองขับจะดีที่สุด
Q
Aston Martin DB12 เป็นรถหรูหรา?
Aston Martin DB12 นี่คือสุดยอดรถสปอร์ตหรูจริงๆ ที่สืบทอดดีเอ็นเอแห่งความคลาสสิกและสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ Aston Martin เจ้าตัวนี้เหมาะมากๆ สำหรับตลาดรถหรูในไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรักรถที่มองหาความพิเศษ DB12 มันมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 หรือ V12 ที่ให้พลังเหลือล้น ส่วนภายในตกแต่งด้วยหนังคุณภาพสูงและวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ระบบเทคโนโลยีก็ทันสมัยสุดๆ ทั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่สำคัญคือยังคงความรู้สึกในการขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับในไทยแล้ว รุ่นนี้มักจะโดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ที่ชอบความแตกต่างและความแรง ส่วนเรื่องถนนไทยที่บางทีก็ติดขัดนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะ DB12 ถูกตั้งค่าตัวถังมาให้ขับสบายทั้งในเมืองและโหดได้ในสนามแข่ง ถ้าสนใจรถสปอร์ตหรูระดับนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกันอย่าง Ferrari Roma หรือ Bentley Continental GT ก็ได้ แต่จุดเด่นของ DB12 คือการผสมผสานระหว่างสไตล์อังกฤษคลาสสิกกับสมรรถนะระดับสปอร์ตคาร์ได้อย่างลงตัว
Q
Aston Martin DB12 ได้ผลิตกี่คัน?
Aston Martin DB12 ในฐานะรถสปอร์ต GT ประสิทธิภาพสูงของแบรนด์นี้ ข้อมูลการผลิตทั่วโลกมักถูกปรับเปลี่ยนตามความต้องการของตลาดและแผนการผลิต โดยตัวเลขที่แน่นอนต้องอ้างอิงจากทางบริษัทเท่านั้น สำหรับรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันแบบนี้ในตลาดไทยมักจะมีการจัดสรร配额น้อยมาก บางครั้งก็แค่หลักหน่วยเท่านั้น แนะนำให้ผู้ที่สนใจในไทยติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ หรือพัทยาเพื่อสอบถามสต็อกล่าสุด ต้องบอกว่า DB12 สืบทอดดีเอ็นเอความหรูหราสไตล์อังกฤษอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า ระบบช่วงล่างแบบปรับได้และดิฟเฟอเรนเชียลหลังอิเล็กทรอนิกส์ถูกออกแบบมาเหมาะกับถนนคดเคี้ยวริมชายฝั่งไทย เช่น เส้นทางหัวหินถึงชะอำ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบเบรกเซรามิกคอมโพสิตและระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะที่มาพร้อมมาตรฐานจะช่วยเพิ่มความมั่นคงขณะขับขี่แบบสปอร์ต แถมยังมีตัวเลือกแผงประดับไม้สักที่ตอบโจทย์ความชอบวัสดุธรรมชาติของคนไทยรักรถหรู แต่อย่าลืมว่ารถซุปเปอร์คาร์ในไทยต้องเสียภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง ซึ่งจะส่งผลต่อราคาขายสุดท้าย แนะนำให้ปรึกษารายละเอียดด้านภาษีอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ปัญหาความชอบธรรมบนท้องถนนในประเทศไทยของ Aston Martin
สำหรับเจ้าของรถ Aston Martin ที่ต้องการขับขี่อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย มีประเด็นสำคัญที่ต้องคำนึงถึงโดยเฉพาะเรื่องการปรับแต่งรถและมาตรฐานการปล่อยไอเสีย กฎหมายไทยควบคุมการโมดิฟายรถอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเปลี่ยนระบบไอเสีย การปรับความสูงตัวถัง และการเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ หากทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกอาจถือว่าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ไทยใช้มาตรฐานไอเสียยูโร 4 ร้านำเข้าต้องผ่านมาตรฐานนี้จึงจะใช้งานได้ถูกต้อง แม้ Aston Martin ในสภาพเดิมจะผ่านมาตรฐานสากลอยู่แล้ว แต่หากเจ้าของรถต้องการอัพเกรดเครื่องยนต์หรือแก้ไขระบบไอเสียควรปรึกษากรมการขนส่งทางบกหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนดำเนินการ เพื่อให้มั่นใจว่าตรงตามกฎหมายท้องถิ่น ส่วนเรื่องการขับขี่ก็ต้องระวังเพราะไทยควบคุมความเร็วและมลพิษทางเสียงอย่างเคร่งครัด แม้รถจะถูกต้องตามกฎหมายก็ควรปฏิบัติตามกฎจราจรและหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องในเขตชุมชนเพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนจนถูกร้องเรียน การเตรียมตัวดีๆ แบบนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าปรับและเข้ากับวัฒนธรรมรถยนต์ของไทยได้อย่างราบรื่น
Q
ทำไม Aston Martin ถึงขายได้น้อยลงในประเทศไทย
ในตลาดประเทศไทย ยอดขายของ Aston Martin ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ สาเหตุหลักๆ มีหลายปัจจัย อย่างแรกเลยคือการที่แบรนด์นี้อยู่ในระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ราคาสูงลิ่ว จนเกินงบประมาณการซื้อรถของคนไทยส่วนใหญ่ ที่สำคัญตลาดรถไทยเน้นความประหยัดและคุ้มค่าเป็นหลัก คนจึงนิยมรถญี่ปุ่นหรือแบรนด์หรูจากเยอรมันมากกว่า ส่วน Aston Martin ที่เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงและค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ก็เลยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จำกัด นอกจากนี้ภาษีนำเข้าที่สูงในประเทศไทยยังทำให้ราคา Aston Martin สูงขึ้นไปอีก ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาด อย่างไรก็ตาม Aston Martin ยังมีแฟนพันธุ์แท้ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบดีไซน์เฉพาะตัวและความหรูหราสไตล์อังกฤษ งานคราฟต์แมนชิปและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงเป็นจุดขายที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดรถระดับไฮเอนด์ ที่น่าสนใจคือตลาดรถหรูของไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เมื่อความต้องการรถดีไซน์เฉพาะตัวเพิ่มขึ้น แบรนด์หรูเฉพาะกลุ่มอย่าง Aston Martin ก็อาจมีโอกาสเติบโตมากขึ้นเช่นกัน สำหรับคนที่สนใจ แนะนำให้ลองติดตามกิจกรรมทดลองขับจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สมรรถนะสูงและความประณีตของงานฝีมือด้วยตัวเอง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ควรพลาดรถยนต์เกโรของญี่ปุ่น, รุ่น Honda City ใดคุ้มค่าที่สุดในการเลือก?
ณัฐวุฒิNov 6, 2024

Honda City e:HEV ลดราคา THB40,000! มาราธอน 800km, ประหยัดน้ำมันและสบาย!
AshleyAug 5, 2024

2024 Honda City Sedan ราคาตั้งแต่ THB 599,000 จะเลือก Turbo หรือ e: HEV?
LienApr 16, 2024

มอเตอร์โชว์กรุงเทพฯ: Honda City 2024, เพิ่มรูปแบบ 1.0 Turbo S, ราคา 599000 บาท
Kevin WongMar 26, 2024

Honda N-ONE e:เปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น ระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 295 กิโลเมตร
LienSep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย