Q

รุ่นไหนของ Mazda3 ที่ดีที่สุด?

Mazda3 แต่ละรุ่นมีจุดเด่นต่างกัน ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่ารุ่นใด “ดีที่สุด” หากเน้นความคุ้มค่า รุ่น 2.0 C (ทั้ง Fastback และ Sedan) มีราคาที่ 979,000 บาท อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 6.3 ลิตร/100 กม. เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง รวมถึงไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หากต้องการอุปกรณ์มากขึ้นและประสบการณ์ขับขี่ที่ดีกว่า รุ่น 2.0 S (Fastback และ Sedan) ราคา 1,069,000 บาท มาพร้อมล้อขนาด 215/45 R18 ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพและการควบคุมขณะขับขี่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายมาตรฐานครบถ้วน สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์สูงสุด รุ่น 2.0 SP (Fastback และ Sedan) ราคา 1,198,000 บาท เพิ่มระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบเบรกอัตโนมัติ, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และลำโพงแบรนด์ Bose เพื่อความปลอดภัยและความสบายที่มากขึ้น การเลือกรุ่นที่เหมาะสมควรพิจารณาจากงบประมาณและความต้องการด้านอุปกรณ์หรือสมรรถนะเป็นหลัก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode) Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม. ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่ การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้

ข้อดี

ภายในรถมีการตกแต่งที่ดี ด้วยโทนสีดำที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสปอร์ตหรู คุณภาพของวัสดุภายในรถดี การออกแบบทำให้รถดูหรูหราและขั้นสูง การจัดวางแผงอุปกรณ์สะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งสบาย การออกแบบที่นั่งตรงกับร่างกาย รองรับด้านข้างที่ดีสำหรับคนขับและผู้โดยสาร สามารถนั่งนานๆ โดยไม่รู้สึกเหนื่อย และที่นั่งขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทางโดยใช้ไฟฟ้า
ฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ดี มีจอภาพที่คนขับสามารถดูได้ สามารถแสดงความเร็วในการเร่งและการใช้น้ำมัน มีกล้องทั่วรถที่ติดตั้งอย่างดี
สมรรถนะทางการจับคืนดินเป็นอย่างดี ระบบความแข็งแรงกับที่อยู่ใต้รถดีเยี่ยม สมรรถนะทางการจับคืนดินสูงในระหว่างการเลี้ยวหรือในส่วนที่อยู่ใต้รถที่เดินทาง ขับเคลื่อนไม่อย่างรวดเร็ว การเร่งและหมุนกำลังไม่เปลี่ยนแปลงมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น

ข้อเสีย

การปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารไม่ตรงกัน ที่นั่งของคนขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทาง แต่ที่นั่งของผู้โดยสารไม่สามารถเติมเต็ม 10 ทิศทาง ฟีเจอร์ที่นั่งไม่ได้ตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่
แต่ฟังก์ชั่นของระบบควบคุมการท่องเที่ยวไม่เพียงพอ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วของรถและตามรถที่อยู่ด้านหน้าผ่านเส้นทางที่กว้าง แต่ไม่มีฟังก์ชั่น Stop-and-go
พื้นที่ภายในรถไม่สะกดกว่าผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน มาสด้ามักมีข้อเสียด้านพื้นที่ที่นั่งด้านหลังในแทบทุกรุ่น แต่รุ่น Mazda 3 Sedan ปี 2019 กว้างขึ้นเล็กน้อยกว่าที่ผ่านมา แต่ยังไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน
ความสบายของชานเส้นไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่ราบหรือถนนที่มีลูกรัง คุณจะรู้สึกถึงการสั่น โดยมีความรู้สึกว่ามีการสั่นสะเทือนจากพื้นผิวที่ยางกระทบ

Q&A ล่าสุด

Q
Accord ปี 2021 เป็นเจเนอเรชันไหน?
Honda Accord รุ่นปี 2021 เป็นรุ่นที่ 10 (ปี 2018-2022) ซึ่งรุ่นนี้ในตลาดไทยได้รับความนิยมจากพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและเทคโนโลยีไฮบริด แอคคอร์ดรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L หรือระบบไฮบริด 2.0L ที่ให้ทั้งพลังและประหยัดน้ำมัน เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับการจราจรที่ต้องเริ่ม-หยุดอย่างต่อเนื่อง Honda Accord รุ่นที่ 10 ออกแบบมาในสไตล์สปอร์ตมากขึ้น พร้อมกับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นถึง 2,830 มม. ทำให้พื้นที่ขาโดยเฉพาะด้านหลังกว้างกว่าคู่แข่งญี่ปุ่นด้วยกัน ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่ใส่ใจความสบายเป็นพิเศษ และที่เด็ดกว่านั้น Accord เวอร์ชั่นไทยยังมาพร้อมกับ Honda SENSING ชุดความปลอดภัยมาตรฐาน รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและรักษาเลน ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับทางไกลได้ดี สำหรับใครที่สนใจรุ่นไฮบริด Honda ไทยยังให้บริการรับประกันแบตเตอรี่ 5 ปีหรือ 100,000 กม. โดยค่าบำรุงรักษาหลังการขายไม่ต่างจากรุ่นน้ำมันมากนัก และสามารถใช้บริการได้ที่ศูนย์ Honda ทั่วประเทศ
Q
ความแตกต่างระหว่าง Honda Accord รุ่นปี 2021 และ 2022 คืออะไร?
รุ่น Honda Accord ปี 2021 และ 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมีความแตกต่างส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นในรายละเอียดเล็กน้อยและการอัพเกรดระบบ ทางรุ่น 2022 ได้เพิ่มฟีเจอร์ Wireless CarPlay และ Android Auto ทำให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสะดวกขึ้น แถมยังอัพเกรดระบบ Honda Sensing ในรุ่นท็อปด้วยการปรับปรุงกล้องและเรดาร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พิเศษสำหรับสภาพถนนไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนเรื่องสีตัวถังก็มีเพิ่มโทนสีใหม่ๆ มาให้เลือกตามความชอบของคนไทย พูดถึงการใช้งานในไทย ทั้งสองรุ่นยังคงใช้ระบบ Hybrid 2.0L ที่ประหยัดน้ำมันแบบสุดๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ ที่ต้องเร่ง-หยุดบ่อยๆ ส่วนเรื่องการตั้งค่าตัวถังก็ออกแบบมาให้ขับสบายทั้งในเมืองและทางต่างจังหวัดแบบบางพื้นที่ของไทย ที่สำคัญคือ Honda Accord ที่ผลิตจากโรงงานไทยเน้นการปรับระบบแอร์และความทนทานของชิ้นส่วนยางให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ซึ่งจุดนี้ทั้งสองรุ่นได้มาตรฐานเหมือนกัน แม้ว่ารุ่น 2022 จะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก แต่แนะนำให้เปรียบเทียบราคาจากร้านตัวแทนขายในไทยก่อนซื้อ เพราะบางทีรุ่นเก่าอาจมีโปรโมชั่นดีๆ ให้จับตาดูไว้
Q
ระยะเวลาที่ Honda Accord ปี 2021 ของฉันจะใช้งานได้นานแค่ไหน?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ที่ใช้งานปกติในประเทศไทยและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปสามารถใช้งานได้ถึง 200,000-300,000 กิโลเมตร หรือมากกว่า 15 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการดูแลรักษา สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยมีผลต่อชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บ้าง แนะนำให้ดูแลระบบแอร์ ซีลยาง และแบตเตอรี่เป็นพิเศษ รวมถึงตรวจสอบสารเคลือบป้องกันสนิมใต้ท้องรถทุก 6 เดือน และในช่วงฤดูฝนควรระบายน้ำทิ้งจากรูระบายให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการกัดเซาะ ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T และระบบไฮบริดของแอคคอร์ดนั้นทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในสภาพการจราจรติดขัดของเมืองไทย แต่ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 0W-20 ตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อรองรับอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ เจ้าของรถในไทยควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศปีละ 2 ครั้งเนื่องจากมีฝุ่นมาก และเลือกเติมน้ำมันจากปั๊มมาตรฐานเพื่อป้องกันผลกระทบจากน้ำมันคุณภาพต่ำต่อระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง หากใช้งานบริเวณชายทะเลเป็นประจำ ควรล้างตัวถังบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายจากเกลือ โดยรวมแล้วแอคคอร์ดรุ่นนี้มีความทนทานดีในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัดและใช้บริการศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Honda เท่านั้น
Q
รถ Honda Accord ปี 2021 จำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์หรือไม่?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ที่จำหน่ายในประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องประเภทสังเคราะห์เท่านั้น โดยเฉพาะเกรด 0W-20 หรือ 5W-20 แบบเต็มสังเคราะห์ ซึ่งน้ำมันเครื่องเกรดนี้จะทำงานได้ดีกว่าในสภาพอากาศร้อนของไทย เพราะให้การปกป้องเครื่องยนต์ในอุณหภูมิสูงได้ดีเยี่ยม ช่วยประหยัดน้ำมัน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตอบโจทย์มาตรฐานการดูแลรักษาของ Honda อย่างเคร่งครัด สำหรับคนไทยแล้วต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะสภาพอากาศที่ทั้งร้อนและชื้นแบบนี้ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีความเสถียรและต้านทานการเกิดออกซิเดชั่นได้ดีกว่าน้ำมันแร่ ช่วยลดปัญหาคาร์บอนสะสมและอาการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่คู่มือระบุไว้ คือทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าต้องขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านั้นหน่อย ถ้าเลือกใช้ยี่ห้ออื่นนอกจากของทาง Honda ต้องดูให้มั่นใจว่าได้มาตรฐาน API SN ขึ้นไป ข้อควรระวังคือรถแต่ละรุ่นหรือปีผลิตอาจต้องการน้ำมันเครื่องต่างกัน เช่นรุ่นไฮบริดอาจกำหนดเกรดน้ำมันเครื่องที่เข้มงวดกว่า ดังนั้นก่อนเข้าศูนย์ควรปรึกษาอู่ฮอนด้าที่ได้รับการรับหมายในไทยก่อน การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยปกป้องเครื่องยนต์แล้ว ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ดี โดยเฉพาะกับการขับทางไกลหรือขับในเมืองแบบที่คนไทยนิยมทำกัน
Q
“Honda Accord เป็นรถที่ทรงพลังหรือไม่?”
ในตลาดไทย Honda Accord เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่รวมความแรงและความประหยัดไว้ด้วยกัน ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนมีทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T และระบบไฮบริด 2.0L ที่ให้กำลังขับเคลื่อนได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองและทางด่วนของไทย รุ่น 1.5T ให้กำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร เร่งเครื่องได้ลื่นไหล ส่วนรุ่นไฮบริดจะเน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน โดยกินน้ำมันเพียง 4-5L/100km ซึ่งตอบโจทย์ค่าก๊าซที่ค่อนข้างแพงในไทย นอกจากนี้ระบบช่วงล่างของ Honda Accord ยังถูกปรับมาเพื่อความสบายเป็นพิเศษ ช่วยลดปัญหาถนนบางเส้นในไทยได้ดี แถมยังแข็งแรงได้มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าอยากได้ความแรงระดับสปอร์ตก็มีรุ่นต่างประเทศให้เลือก แต่ต้องระวังว่าตลาดไทยมักเน้นรุ่นประหยัดเป็นหลัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Camry และ Mazda 6 ที่มีระบบขับเคลื่อนคล้ายๆ กัน ลูกค้าสามารถทดลองขับและเปรียบเทียบตามงบประมาณและสไตล์การขับได้เลย
ดูเพิ่มเติม