Q
Urus หรือ Huracan ไหนเร็วกว่า?
Urus และ Huracán มีสมรรถนะที่แตกต่างกันในด้านอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด จึงไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นใดเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ โดย Lamborghini Urus ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบวางหน้า ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. ส่วน Huracán มีหลายรุ่นย่อยที่สมรรถนะต่างกัน เช่น Huracán STO ใช้เครื่องยนต์ V10 ไร้อัดอากาศ 640 แรงม้า อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. ขณะที่ Huracán Tecnica รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี เร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน 3.2 วินาที โดยรวมแล้ว Huracán บางรุ่นเร่งได้เร็วกว่า Urus แต่ในด้านความเร็วสูงสุด Urus ทำได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นต่างสะท้อนศักยภาพทางเทคนิคและสมรรถนะระดับสูงของ Lamborghini ในแบบที่แตกต่างกัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Lamborghini Huracan คือ Lamborghini ที่เร็วที่สุดหรือไม่
Lamborghini Huracán ไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดในบรรดารถยนต์ของแบรนด์ Lamborghini โดยความเร็วสูงสุดของ Huracán แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน เช่นรุ่น Huracán Performante ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 331 กม./ชม. ขณะที่บางรุ่นอื่น ๆ อยู่ที่ประมาณ 325 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม Lamborghini ยังมีรุ่นที่ทำความเร็วได้สูงกว่านี้ เช่น Lamborghini Sián ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 360 กม./ชม. Aventador SVJ และ Aventador LP700-4 ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 350 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดของแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับแนวคิดการออกแบบและระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างกัน Huracán แม้จะไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุด แต่ก็มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ผสมผสานความเร็วและการควบคุมได้อย่างลงตัว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและแม่นยำ จึงยังคงเป็นหนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นในตระกูล Lamborghini
Q
Lamborghini Huracan มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?
Lamborghini Huracán มีความน่าเชื่อถือในระดับสูง โดยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินแบบ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้พละกำลังที่แรงและมีความเสถียร โดยมีการปรับจูนที่หลากหลายตามแต่ละรุ่นย่อยเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ในด้านระบบเบรก Huracán มาพร้อมจานเบรกเซรามิกคาร์บอนทั้งหน้าและหลัง ให้สมรรถนะการเบรกที่ยอดเยี่ยมและทนทาน รองรับการขับขี่ในหลากหลายสภาพการใช้งาน ส่วนระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ ช่วยให้การควบคุมรถมีความแม่นยำ พร้อมมอบเสถียรภาพและความนุ่มนวลขณะขับขี่ ในด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์และความปลอดภัย Huracán มาพร้อมระบบมาตรฐาน เช่น ABS ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ Lamborghini ในฐานะผู้ผลิตรถซูเปอร์คาร์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านกระบวนการผลิตและคุณภาพชิ้นส่วน Huracán จึงถือเป็นรถสมรรถนะสูงที่ยังคงมีความน่าเชื่อถือในระดับที่ดี และสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและมั่นคงให้แก่เจ้าของรถ
Q
Lamborghini Huracan เหมาะสำหรับใช้ประจำวันไหม?
Lamborghini Huracán ถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่มีความเหมาะสมในระดับหนึ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รถรุ่นนี้มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่แบบ 7 สปีด ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและแทบไม่มีอาการกระตุกในสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้ง จึงให้ประสบการณ์ขับขี่ที่ต่อเนื่องและสบาย รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังให้พละกำลังจากโรงงานในระดับดี และหากต้องการเพิ่มสมรรถนะ ยังสามารถติดตั้งชุดเทอร์โบคู่เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มแรงม้าได้ตามต้องการ ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ ทั้งหน้าและหลัง ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดีและรองรับแรงได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน ก็ยังควบคุมได้อย่างมั่นใจ รูปลักษณ์ภายนอกมีความล้ำสมัย ดึงดูดสายตาได้ดี ส่วนภายในหรูหราและออกแบบให้ปุ่มควบคุมหลักต่าง ๆ อยู่บนพวงมาลัยเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ขณะที่ระบบกล้องมองหลังและฟังก์ชันช่วยจอดต่าง ๆ ก็ช่วยให้การจอดรถในชีวิตประจำวันง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Huracán มีพื้นที่ภายในค่อนข้างจำกัด หากผู้ขับหรือผู้โดยสารมีรูปร่างใหญ่อาจรู้สึกอึดอัด และแม้จะใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน แต่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงค่อนข้างสูง รวมถึงค่าบำรุงรักษาและดูแลรักษาก็อยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน
Q
Huracan ทำที่ไหน
Lamborghini Huracán ในปัจจุบันผลิตขึ้นทั้งหมดที่โรงงานสำนักงานใหญ่ของ Lamborghini ในเมือง Sant'Agata Bolognese ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวของรถซูเปอร์คาร์ทุกรุ่นของแบรนด์นี้ทั่วโลก Huracán ทุกคันถูกประกอบตามมาตรฐานงานฝีมือแบบอิตาเลียน ตั้งแต่กระบวนการผลิตตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ไปจนถึงการปรับจูนระบบขับเคลื่อน โดยช่างเทคนิคผู้มีประสบการณ์สูง แม้ว่าในตลาดประเทศไทย Huracán จะต้องนำเข้าแบบครบคัน (CBU) แต่ Lamborghini มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ ซึ่งให้บริการด้านการขายและบริการหลังการขายอย่างครบวงจร รวมถึงการสนับสนุนทางเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญและการจัดหาอะไหล่แท้จากโรงงาน ที่สำคัญ สภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยมีผลต่อการดูแลรักษารถซูเปอร์คาร์ Lamborghini จึงมีการออกแบบเฉพาะด้าน เช่น ระบบระบายความร้อนและการเคลือบสีตัวถัง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในเขตร้อนโดยเฉพาะ
Q
Huracan หรือ Aventador ไหนเร็วกว่า?
โดยทั่วไปแล้ว Lamborghini Aventador มีความเร็วสูงกว่า Aventador ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุดประมาณ 700 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดประมาณ 690 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ตามข้อมูลทางการอยู่ที่ประมาณ 2.9 วินาที ในขณะที่ Huracán ใช้เครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุดประมาณ 610 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดประมาณ 560 นิวตันเมตร โดยเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 3.2 วินาที จากข้อมูลด้านสมรรถนะจะเห็นว่า Aventador มีพละกำลังและอัตราเร่งเหนือกว่า Huracán และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 350 กม./ชม. ส่วน Huracán ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ประมาณ 325 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการขับขี่จริงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น สภาพถนน สภาพอากาศ และทักษะการขับขี่ของผู้ขับรถด้วย
Q
Lamborghini Huracan น่าจะหายากไหม?
การมองหา Lamborghini Huracán ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีหลายรุ่นที่ยังคงวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ เช่น Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023, Huracán Tecnica V10 5.2 NA 2022 และ Lamborghini Huracán STO ปี 2021 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสถานะพร้อมจำหน่าย ในประเทศไทย Lamborghini มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกระจายอยู่ในเมืองหลัก ผู้สนใจสามารถติดต่อหรือเดินทางไปยังโชว์รูมเหล่านี้เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น Huracán ทั้งในเรื่องของรถที่มีในสต็อก ออปชันที่เลือกได้ และราคา นอกจากนี้ เว็บไซต์ทางการของ Lamborghini ยังแสดงข้อมูลรุ่น Huracán อย่างครบถ้วน ทั้งรายละเอียดทางเทคนิค อุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงช่องทางติดต่อกับดีลเลอร์ในพื้นที่ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนและสอบถามเพิ่มเติมได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีของรุ่นพิเศษหรือรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำนวนผลิตจำกัด อาจต้องใช้เวลาในการค้นหา แต่หากมีการติดตามและพูดคุยกับผู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับรถรุ่นที่ต้องการเช่นกัน
Q
รอคอย Lamborghini Huracan นานเท่าไหร่?
ระยะเวลารอรับรถ Lamborghini Huracán ไม่ได้กำหนดตายตัวและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากโชว์รูมมีรถพร้อมส่งมอบ ผู้ซื้ออาจได้รับรถภายใน ประมาณ 1–2 สัปดาห์ แต่โดยทั่วไปแล้ว Lamborghini ในฐานะซูเปอร์คาร์แบรนด์ มักต้องใช้วิธี สั่งผลิตตามคำสั่งจอง ในกรณีที่ต้องสั่งผลิต ระยะเวลารอโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3–6 เดือน หรืออาจนานกว่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการผลิตของ Lamborghini มีความซับซ้อน และรถทุกคันต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หากมีการเลือก ออปชันพิเศษหรือการตกแต่งแบบเฉพาะบุคคล เช่น สีตัวถังแบบพิเศษ วัสดุตกแต่งภายในแบบเฉพาะ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะทาง จะทำให้ระยะเวลาการผลิตยืดออกไปอีก นอกจากนี้ ภาวะอุปสงค์และอุปทานของตลาด ก็มีผล หากช่วงใดมีความต้องการ Huracán สูง ระยะเวลารอรับรถอาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Q
Tesla รวดเร็วกว่า Lamborghini Huracan หรือไม่?
Tesla จะเร็วกว่า Lamborghini Huracán หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบ และ เกณฑ์ที่ใช้วัดความเร็ว Tesla มีหลายรุ่น เช่น Model S Plaid ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า และสามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2 วินาที ในขณะที่ Lamborghini Huracán ก็มีหลายเวอร์ชันเช่นกัน เช่น Huracán STO ที่ทางการระบุว่าเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน ประมาณ 3 วินาที หากพิจารณาเฉพาะอัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. จะพบว่า Tesla บางรุ่นสามารถทำความเร็วได้ดีกว่า Huracán บางรุ่น แต่หากดูในด้าน ความเร็วสูงสุด เช่น Huracán Sterrato V10 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 260 กม./ชม. ในขณะที่รถ Tesla หลายรุ่นมีความเร็วสูงสุดต่ำกว่านั้น สรุปคือ ไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่า Tesla เร็วกว่าหรือช้ากว่า Lamborghini Huracán ทั้งนี้ต้องพิจารณาแต่ละรุ่นที่เปรียบเทียบ รวมถึงปัจจัยด้านสมรรถนะ เช่น อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันของทั้งสองแบรนด์
Q
Lamborghini Huracan ที่ช้าที่สุดคืออะไร?
ในบรรดารถตระกูล Lamborghini Huracán รุ่นที่มีความเร็วต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันภายในซีรีส์คือ Lamborghini Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023 โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 260 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ตามข้อมูลทางการอยู่ที่ 3.4 วินาที รถรุ่นนี้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 26,690,000 บาท จัดอยู่ในประเภทสปอร์ตคาร์ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ติดตั้งเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 449 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร แม้ Huracán Sterrato จะไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดในซีรีส์ แต่ยังคงถ่ายทอด ดีเอ็นเอด้านสมรรถนะของ Lamborghini ได้อย่างครบถ้วน โดยรถตระกูล Huracán มีรุ่นย่อยหลายแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งด้านความเร็ว ความสนุกในการขับขี่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละรุ่น
Q
Huracan จะอยู่นานแค่ไหน?
Lamborghini Huracán มีหลายรุ่นย่อย เช่น Huracán Sterrato V10 5.2L NA ปี 2023 ราคา 26,690,000 บาท ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที, Huracán Tecnica V10 5.2 NA ปี 2022 ราคา 22,980,000 บาท เร่ง 0–100 กม./ชม. ได้ใน 3.2 วินาที, และ Huracán STO ปี 2021 ราคา 29,990,000 บาท ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 3.0 วินาที ทั้งหมดใช้เชื้อเพลิงเบนซินและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยและความสะดวกครบถ้วน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นและสมรรถนะระดับสูงให้แก่ผู้ขับขี่
Q&A ล่าสุด
Q
รถยนต์ Denza D9 มีขนาดเท่าไหร่?มาทำความรู้จักที่นี่
Denza D9 ในฐานะ MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีขนาดตัวถังยาว 5250 มิลลิเมตร กว้าง 1960 มิลลิเมตร สูง 1920 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3110 มิลลิเมตร ขนาดนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวหรือการรับรองธุรกิจในตลาดไทย โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ถนนค่อนข้างแคบ แต่ Denza D9 มีความคล่องตัวในการเลี้ยวและขนาดตัวรถที่พอดี จึงตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ดี พื้นที่ภายในกว้างขวางให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะเบาะแถวที่สองที่เป็นเบาะแยกพร้อมที่วางขาและฟังก์ชันนวด เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของไทยและความต้องการเดินทางไกล นอกจากนี้ Denza D9 ยังมีตัวเลือกทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วนและรุ่นไฮบริดที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถพลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย เช่น รุ่นไฮบริดที่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีรถยนต์ไฮบริดในไทย ทำให้มีความคุ้มค่า ส่วนรุ่นไฟฟ้าล้วนเหมาะกับการใช้ในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น สำหรับผู้บริโภคไทย ฟีเจอร์หรูหราของ D9 เช่น ประตูเลื่อนไฟฟ้าทั้งสองข้าง หน้าจอบันเทิงหลังขนาด 15.6 นิ้ว และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะรองรับภาษาไทย ถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีความร่วมมือระหว่าง BYD กับ Mercedes-Benz ทำให้รถรุ่นนี้มีความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาดไทยอย่างน่าจับตามอง
Q
พื้นที่เก็บสัมภาระของ Denza D9 มีขนาดเท่าไหร่
Denza D9 ในฐานะ MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีพื้นที่เก็บสัมภาระประมาณ 410 ลิตร เมื่อที่นั่ง 7 ที่นั่งเต็ม สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของใช้ประจำวันได้อย่างเพียงพอ และเมื่อพับเบาะแถวที่สาม จะเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือธุรกิจ ในตลาดไทย การออกแบบพื้นที่เก็บของแบบนี้ใช้งานได้ดี ตอบโจทย์การเดินทางในเมืองอย่างกรุงเทพฯ และยังเหมาะกับการเดินทางไกลหรือรับส่งนักท่องเที่ยว ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพแบตเตอรี่และแอร์ในสภาพอากาศร้อนซึ่งระบบไฟฟ้าของ Denza D9 ทำได้ดีในด้านประหยัดพลังงานและความเย็น อีกทั้งช่องเปิดท้ายรถต่ำช่วยให้ขนของหนักได้สะดวก นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทยที่เลือกซื้อ MPV ยังสามารถเปรียบเทียบกับรุ่นอื่น เช่น Toyota Alphard ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระประมาณ 300 ลิตร Denza D9 จึงได้เปรียบด้านพื้นที่ และรุ่นไฟฟ้าล้วนยังได้รับสิทธิ์สนับสนุนจากภาครัฐด้านรถพลังงานใหม่ ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความคุ้มค่า โดยชื่อรถ Denza เป็นการผสมคำที่สื่อถึงพลังและความก้าวหน้าในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่
Q
ปัญหาเกี่ยวกับ Denza D9 มีอะไรบ้าง เรียนรู้ก่อนคุณซื้อ
เกี่ยวกับปัญหาที่อาจพบกับ Denza D9 ในประเทศไทย รถ MPV พลังงานใหม่จากจีนที่เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีไฮบริด ผู้ใช้ไทยควรพิจารณาหลายประเด็น ประการแรกคือความเข้ากันได้ของการชาร์จไฟ บ้านเรามาตรฐานหัวชาร์จหลักคือ Type 2 และ CHAdeMO ส่วน D9 ใช้พอร์ต CCS2 ที่รองรับชาร์จช้าแบบ Type 2 แต่สถานีชาร์จเร็วยังมีจำกัด โดยเฉพาะพื้นที่นอกเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่และภูเก็ต ประการที่สองคือประสิทธิภาพแบตเตอรี่ อุณหภูมิสูงของไทยอาจลดระยะทางวิ่งจาก 600 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ลงประมาณ 15-20% และความร้อนสะสมเร่งการเสื่อมของแบตเตอรี่ ประการที่สามคือเครือข่ายบริการหลังการขาย ตัวแทนจำหน่าย BYD ในไทยยังมีจำนวนน้อย ในฐานะแบรนด์ลูกระดับไฮเอนด์ของ BYD การจัดหาชิ้นส่วนอาจใช้เวลานาน แนะนำให้ตรวจสอบระยะทางจากศูนย์บริการในกรุงเทพฯ หรือพัทยาก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ตัวรถมีขนาดใหญ่ยาว 5.25 เมตร อาจเจอปัญหาขีดข่วนในซอยแคบหรือที่จอดในห้างสรรพสินค้า ระบบช่วงล่างถุงลมต้องระวังบนถนนเปียกช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตามข้อด้อยเหล่านี้แลกมาด้วยข้อดี เช่น เบาะแถวสองสไตล์เครื่องบินนั่งสบายเหมาะกับการเดินทางไกลในไทย โหมด EV ช่วยลดน้ำมันในเมืองที่รถติดหนัก แนะนำให้ผู้สนใจเปรียบเทียบกับ Toyota Alphard และ MPV หลักในตลาดเพื่อประเมินความสะดวกในการชาร์จและต้นทุนการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ขนาดยางของ Denza D9 คืออะไร ตรวจสอบมาตรฐานได้ที่นี่
ขนาดยางมาตรฐานของรถ DENZA D9 คือ 23560 R18 ขนาดนี้เป็นขนาดที่ใช้ทั่วไปในรถยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย สามารถรองรับความสบายในการขับขี่และการปรับตัวกับสภาพถนนได้ดี เนื่องจากภูมิอากาศประเทศไทยร้อนชื้นและมีฝนตกบ่อยแนะนำให้เลือกใช้ยางที่มีการระบายน้ำดีและทนความร้อนสูง เช่นยาง Michelin Primacy 4 หรือ Bridgestone Turanza ซึ่งทั้งสองรุ่นมีประสิทธิภาพดีบนถนนเปียกและทนต่อการใช้งานระยะไกล ควรตรวจสอบดัชนีรับน้ำหนัก เช่น 104 และระดับความเร็ว เช่น V ให้ตรงกับมาตรฐานโรงงานโดยเฉพาะเมื่อขับบนถนนภูเขาหรือทางด่วน หากต้องการเปลี่ยนขนาดล้อควรปรับอัตราส่วนแก้มยางให้เหมาะสมเพื่อรักษาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของยางไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไปเพื่อไม่ให้ผลกระทบกับความแม่นยำของมาตรวัดความเร็วและระบบช่วงล่าง ร้านแต่งรถบางแห่งในไทยมีบริการอัปเกรดยางอย่างมืออาชีพ แต่ควรเลือกขนาดที่โรงงานแนะนำเพื่อรักษาสิทธิ์ประกันรถยนต์ นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดความลึกดอกยางขั้นต่ำไม่ต่ำกว่า 16 มิลลิเมตรการตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผ่านการตรวจสภาพรถ
Q
Denza D9 คืออะไร นี่คือคำแนะนำแบบเต็มสำหรับคุณ
Denza D9 เป็นรถ MPV ไฟฟ้าหรูหรารุ่นหนึ่ง มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ รุ่นขับสอง Denza D9 Premium 2024 ราคา 1,999,900 บาท อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.5 วินาที ระยะทางวิ่งได้ 600 กิโลเมตร รุ่นขับสี่ Denza D9 Performance AWD 2024 ราคา 2,699,900 บาท อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.9 วินาที ระยะทางวิ่งได้ 580 กิโลเมตร ขนาดตัวรถยาว 5250 มม. กว้าง 1960 มม. สูง 1920 มม. ระยะฐานล้อ 3110 มม. ติดตั้งเบาะนั่ง 7 ที่นั่งแบบ 2+2+3 ระบบความปลอดภัยครบครัน มีถุงลมนิรภัย 8 จุด ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ หน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว ลำโพง 14 ตัว พัฒนาบนแพลตฟอร์ม BYD e 3.0 ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใบมีด และระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C มอบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวล รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและเดินทางไกล
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Lamborghini Huracan รุ่นใหม่ “Temerario” เปิดตัวแล้ว ราคา 23.76 ล้านบาท
Kevin WongJun 26, 2025

รถสุดหรูราคาเริ่มต้น 12,577,000 บาท! ยอดขายทั่วโลกของ Lamborghini พุ่งสูงขึ้นในปีนี้
AshleyJul 30, 2024

2024 งานแสดงรถปั้มเป้ง: Lamborghini Urus SE แสดงตัวเปิดตัวครั้งแรก
LienApr 25, 2024

Lamborghiniหุ่นยนต์สูงสุดในงานมอเตอร์โชว์กรุงเทพฯ 2024 : Countach LPI 800-4 ภาพที่ตามาก
AshleyMar 21, 2024
ข้อดี
ข้อเสีย