Q
ปีไหนของ Mazda 3 ดีที่สุด?
ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นปีใดของ Mazda 3 ที่ดีที่สุด เนื่องจากขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของแต่ละคน โดย Mazda 3 รุ่นปี 2020 และรุ่นปี 2022 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง Mazda 3 รุ่นปี 2022 มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันมากขึ้น ด้านความปลอดภัยมีทั้งระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา ระบบเตือนการชนด้านหน้า และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และการโดยสาร ในด้านความสะดวกสบายและเทคโนโลยี ก็มีอุปกรณ์น่าสนใจ เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ หน้าจอกลางขนาด 8.8 นิ้ว และลำโพงถึง 12 จุด ช่วยยกระดับประสบการณ์ในการขับขี่ ส่วนรุ่นปี 2020 แม้บางรุ่นอาจไม่ได้มีจำหน่ายในปัจจุบัน แต่ในแง่ของราคาอาจมีความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด จึงยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับราคามากกว่าความใหม่ของอุปกรณ์ หากคุณให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและอุปกรณ์ที่ครบถ้วน และงบประมาณเอื้ออำนวย Mazda 3 รุ่นปี 2022 ถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการลดค่าใช้จ่าย และสามารถยอมรับสเปกของรุ่นก่อนหน้าได้ รุ่นปี 2020 ก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรพิจารณา
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา
อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด
นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย
อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก
ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic
Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ
ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ
ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น
ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode)
Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น
เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม.
ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่
การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย
ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง
แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย
Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป
คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้
Q&A ล่าสุด
Q
2023 Honda CR-V เป็นรถ 7 ที่นั่งหรือไม่
Honda CR-V ปี 2023 ในตลาดประเทศไทยมีทางเลือกแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการอัปเกรดสำคัญที่ Honda พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระยะฐานล้อถูกเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตรเป็น 2700 มิลลิเมตร ทำให้เบาะแถวที่สามมีพื้นที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางของครอบครัวไทยที่มักมีหลายเจเนอเรชันไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังในรุ่น 7 ที่นั่งเมื่อมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งจะเหลือเพียง 146 ลิตร แต่สามารถขยายเป็น 472 ลิตรได้ด้วยการพับเบาะแถวที่สามลง ซึ่งตอบสนองการใช้งานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเทศกาลที่ต้องขนของจำนวนมากได้เป็นอย่างดี รถรุ่นนี้มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 15 ลิตร (193 แรงม้า) และระบบไฮบริด 20 ลิตร (207 แรงม้า) โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่เหมาะกับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่มีการหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมัน CR-V ในประเทศไทยยังคงมีมูลค่าขายต่อสูงและมีความน่าเชื่อถือที่พิสูจน์แล้วภายใต้สภาพอากาศร้อนและฝนชุก การเพิ่มทางเลือก 7 ที่นั่งยิ่งทำให้ CR-V แข็งแกร่งขึ้นในฐานะ SUV สำหรับครอบครัว แต่แนะนำให้ผู้บริโภคทดลองใช้งานจริงในเบาะแถวที่สามก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากเบาะแถวหลังของ SUV ขนาดคอมแพกต์มักจะเหมาะกับเด็กหรือการนั่งระยะสั้นมากกว่า
Q
มีปัญหาใดๆ กับ Honda CR-V 2023 หรือไม่
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยแสดงผลงานค่อนข้างนิ่ง แต่จากเสียงสะท้อนของเจ้าของรถบางส่วนอาจพบปัญหาที่พบบ่อยอยู่บ้าง อย่างแรกคือระบบมัลติมีเดียอาจมีอาการค้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานระบบนำทางในสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้การตอบสนองช้าลง ซึ่งควรอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยส่งผลต่อความเสถียรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จริงๆ ส่วนรุ่นไฮบริดอาจมีเสียงเบรกผิดปกติเล็กน้อยในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบเบรกทุกครั้งที่เข้าศูนย์บริการ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้บางรายรายงานว่าหลังจากการพับเบาะหลังลงจะมีระดับต่างจากพื้นที่เก็บของประมาณ 2 ซม. ควรระมัดระวังเรื่องความเรียบเมื่อขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทางบริการหลังการขายของฮอนด้าไทย และไม่ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของรถ สำหรับคนไทยแล้ว เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L ของ CR-V ยังคงแสดงประสิทธิภาพการบริโภคน้ำมันที่ประมาณ 6.8L/100km แม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ส่วนรุ่นไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปมาระหว่างเมืองบ่อยๆ ก่อนซื้อแนะนำให้ทดลองขับเน้นการตอบสนองของระบบอิเล็กทรอนิกส์และประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้รถในไทย และฮอนด้าไทยยังมีบริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรเพื่อคุ้มครองสิทธิ์เจ้าของรถอย่างมีประสิทธิภาพ
Q
2023 Honda CRV สามารถไปได้เร็วแค่ไหน
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ที่ขายในไทยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 190 กม./ชม. แต่ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าระบบ รวมถึงสภาพถนนในแต่ละพื้นที่ SUV คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรหรือระบบไฮบริด 2.0 ลิตร ที่ยังคงให้กำลังขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคงแม้ในสภาพอากาศร้อนและรถติดในเมืองไทย ควรระวังว่าความเร็วสูงสุดบนทางด่วนไทยส่วนใหญ่จำกัดที่ 120 กม./ชม. ดังนั้นควรขับขี่ตามกฎจราจร ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะของ CR-V เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาช่องทางเดินรถ ช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายในสภาพถนนที่ซับซ้อนรอบกรุงเทพฯ รถรุ่นนี้ขายดีในตลาดไทยเพราะประหยัดน้ำมันและมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัว โดยรุ่นไฮบริดยิ่งตอบโจทย์ในยุคที่油价น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ควรบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อน
Q
ฮอนด้า CR-V 2023 ใช้เชื้อเพลิงกี่ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเบนซินทั่วไปจะกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 7.5-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นไฮบริดนั้นประหยัดกว่าคืออยู่ที่ประมาณ 5.0-5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ด้วยนะ โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนและถนนในกรุงเทพก็ติดขัดบ่อย ถ้าอยากประหยัดน้ำมันจริงๆ แนะนำให้ขับแบบเนียนๆ ไม่เร่งกระชาก แล้วก็คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า จะช่วยลดการสิ้นเปลืองได้ ส่วนการดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศและน้ำมันเครื่อง ก็ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีให้รถไฮบริด ทำให้ CR-V รุ่นไฮบริดประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวกว่า แถมระบบ i-MMD ของฮอนด้ายังเหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ ช่วยลดการกินน้ำมันได้ดีเลย สำหรับคนที่กำลังมองหารถ SUV ในไทย นอกจากจะดูตัวเลข油耗จากแคตาล็อกแล้ว ควรดูด้วยว่าวันๆ ขับในเมืองมากหรือขับทางไกลบังคับ เพราะถ้าขับทางไกล ความแตกต่างของอัตราสิ้นเปลืองระหว่างรุ่นเบนซินกับไฮบริดจะลดลงนะ
Q
2023 CR-V ดีกว่า 2022 หรือไม่
รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่นปี 2023 ได้รับการอัปเกรดหลายจุดเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2022 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากขึ้น เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยขึ้นด้วยกริลหน้าและไฟหน้า LED ที่ดูเฉียบคมกว่าเดิม พร้อมเส้นสายตัวรถที่ลื่นไหล ทำให้ภาพรวมดูโมเดิร์นกว่า ส่วนภายในใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างหนังนุ่มเพิ่มขึ้น จอทัชสกรีนขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 9 นิ้ว และรองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกไฮเทคได้ชัดเจน
ในส่วนของพื้นที่โดยสาร รุ่น 2023 เพิ่มระยะฐานล้ออีก 40 มม. ทำให้มีพื้นที่ขาโดยเฉพาะเบาะหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางไกล แม้ยังใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบเหมือนเดิม แต่มีการปรับตั้งใหม่ให้ประหยัดน้ำมันขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์กับสภาพการจราจรติดขัดในไทย
ระบบความปลอดภัยก็ดีขึ้นด้วยการติดตั้ง Honda Sensing เป็นมาตรฐาน ซึ่งรวมฟังก์ชั่น Cruise Control แบบปรับความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมเลน ช่วยให้ขับขี่ในเมืองไทยที่การจราจรซับซ้อนได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังปรับระบบช่วงล่างให้รองรับถนนสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทยได้ดีกว่าเดิม
ราคาของรุ่น 2023 อาจสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็คุ้มค่ากับการอัปเกรดต่างๆ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถครอสโอเวอร์ถ้าคิดถึงความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่เน้นความทันสมัยและความสบายในการใช้งาน รุ่น 2023 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้ายังเน้นราคาประหยัด อาจมองหารุ่น 2022 ที่ตอนนี้อาจมีโปรโมชั่นน่าสนใจ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazda 3 ดูดี แต่ไม่ตอบโจทย์? เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายไม่ดี
ธนวัฒน์Sep 10, 2024

Mazda 3 Hatchback ราคาเริ่มต้นที่ 166,059 ริงกิต จะเลือกทั้งสองรุ่นนี้อย่างไรดีนะ?"
AshleyJul 15, 2024

Mazda 3 มีราคาตั้งแต่ THB 979,000 เป็นรถเก๋งซี-เซกเมนต์สง่างามที่สุดไหม?
LienJun 12, 2024

สงครามระหว่าง Sedan C-segment ในไทย: Honda Civic RS ปะทะ Toyota Corolla Altis ปะทะ Mazda 3
LienApr 15, 2024

Mazdaออสเตรเลียกล่าวว่าในปัจจุบันจะไม่มีการเปิดตัว BT-50 รุ่นไฟฟ้า
ธนวัฒน์Aug 28, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย