BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!

สุรเดชJul 22, 2025, 02:52 PM

【PCauto】BYD เตรียมนำรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นสำคัญอย่าง SEALION 8 (หรือ Tang L ในจีน) ลุยตลาดออสเตรเลียอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2026 โดยจะเป็นรถ 7 ที่นั่งรุ่นแรกของแบรนด์ที่วางจำหน่ายในออสเตรเลีย

ขณะเดียวกัน แผนการทำตลาดในประเทศไทยก็จะเดินหน้าควบคู่กันไป โดย SEALION 8 พัฒนาบนแพลตฟอร์มปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวถังยาวกว่า 5 เมตร เบาะ 3 แถว และขุมพลังให้เลือก 2 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ตลาด SUV 7 ที่นั่งทั้งในออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดีไซน์ระดับโลก สู่รุ่นขายจริง

BYD SEALION 8 ยังคงใช้แนวคิดการออกแบบ “Loong Face” ภายใต้การดูแลของ Wolfgang Egger ผู้อำนวยการออกแบบระดับโลกของ BYD ด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมทรงสามมิติ ผสานกับไฟหน้า LED แบบแยกส่วน พร้อมไฟเส้นแนวนอนพาดยาวจรดสองข้างของฝากระโปรงหน้า ตรงกลางกระจังหน้าติดตั้งโลโก้ BYD แบบเรืองแสง เพิ่มความโดดเด่นยามค่ำคืน

ดีไซน์ด้านข้างมาพร้อมประตูแบบไร้กรอบตัดกับเส้นสายตัวถังที่โค้งมนอย่างชัดเจน เสริมด้วยคิ้วโครเมียมสีเงินที่พาดยาวจากซุ้มล้อหน้าไปจนถึงเสา D พร้อมกระจกหลังแบบ Privacy Glass และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบมาตรฐาน ด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแนวนอนดีไซน์ “ปีกฟีนิกซ์” เชื่อมต่อกับโลโก้เรืองแสง ส่วนกันชนหลังตกแต่งสไตล์ดิฟฟิวเซอร์แบบสปอร์ต

มิติของตัวรถถือเป็นจุดเด่นหลัก โดยมีความยาวตัวถังอยู่ที่ 5,040 มม. และระยะฐานล้อ 2,950 มม. ยาวกว่า Toyota Kluger ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมในออสเตรเลียถึง 120 มม. มีให้เลือกทั้งล้อขนาด 20 นิ้ว (255/50R20) และ 21 นิ้ว (265/45R21) พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.32Cd

เบาะ 3 แถว เก็บเสียง 4 ประตูด้วยกระจก 2 ชั้น

ห้องโดยสารมาในรูปแบบ 7 ที่นั่ง แบ่งเป็น 2+3+2 พร้อมกระจกประตูทั้งสี่บานแบบสองชั้นช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง โดยฝั่งคนขับมีระบบจดจำตำแหน่ง ขณะที่รุ่นท็อปเสริมความสบายด้วยฟังก์ชันระบายอากาศ อุ่น และนวด สำหรับเบาะแถวแรกและแถวที่สอง

เบาะแถวที่สองสามารถพับแยกได้แบบ 60/40 ส่วนเบาะแถวที่สามพับแบนได้แบบ 50/50 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระขยายจาก 675 ลิตร เป็นสูงสุด 1,960 ลิตร ใต้ช่องแอร์แบบซ่อนมีการติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย 50W พร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งในตัว

ประสบการณ์ดิจิทัลภายในรถถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกันผ่านหน้าจอ 3 จุด โดยมีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว แสดงข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์ หน้าจอกลางแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว มาพร้อมระบบ DiLink ที่รองรับเครือข่าย 5G และรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto อย่างครบครัน

จุดเด่นที่สะดุดตาที่สุดคือระบบแสดงผลบนกระจกหน้าแบบ AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ซึ่งสามารถฉายเส้นทางนำทางและข้อมูลการขับขี่ขึ้นบนกระจกบังลมหน้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบปรับอากาศแบบแยก 3 โซน และตู้เย็นในรถ เสริมความสะดวกสบายในการเดินทางสำหรับครอบครัวได้อย่างลงตัว

มีให้เลือกทั้งระบบปลั๊กอินไฮบริด DM-i และ DM-p

ทั้งสองระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQB ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ และแรงบิด 220 นิวตันเมตร โดยความแตกต่างหลักอยู่ที่พละกำลังของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในรุ่น DM-p ที่สูงกว่า:

รุ่น DM-i ขับเคลื่อนล้อหน้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวแบบติดตั้งด้านหน้า ให้กำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ และแรงบิด 315 นิวตันเมตร จับคู่แบตเตอรี่ Blade ความจุ 19kWh ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 8.6 วินาที วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 207 กม. (มาตรฐาน NEDC) หรือ 215 กม. (มาตรฐาน CLTC) และเมื่อเติมน้ำมันและชาร์จแบตเต็มสามารถวิ่งได้รวมกว่า 1,000 กม.



รุ่น DM-p ขับเคลื่อน 4 ล้อ เสริมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อหลัง ให้กำลัง 141 กิโลวัตต์ และแรงบิด 360 นิวตันเมตร ส่งผลให้พละกำลังรวมของระบบพุ่งถึง 464 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 675 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง 35.6kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.9 วินาที วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 193 กม. (มาตรฐาน NEDC) หรือ 200 กม. (มาตรฐาน CLTC) รุ่นนี้ยังเพิ่มโหมดการขับขี่แบบออฟโรด ทั้งทราย โคลน และหิมะ พร้อมระบบจ่ายไฟภายนอก V2L กำลัง 3.3kW เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน

ทั้งสองระบบรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC กำลังไฟ 80kW โดยสามารถชาร์จจาก 30% ถึง 80% ได้ภายในประมาณ 25 นาที ระบบกันสะเทือนเป็นแบบแมคเฟอร์สันด้านหน้า และแบบมัลติลิงก์ 5 จุดด้านหลัง ติดตั้งระบบควบคุมแรงสั่นสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบชะลอความเร็วด้วยมอเตอร์มีให้เลือกหลายระดับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ราว 15% โดยเฉพาะในการขับขี่บนเส้นทางภูเขา

DiPilot 300 ไฮไลต์ด้านเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ

ตัวรถติดตั้งฮาร์ดแวร์ครบครัน ประกอบด้วย LiDAR 1 ตัว, กล้อง 12 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิกอีก 12 ตัว ขับเคลื่อนด้วยชิป Orin-X ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 254 TOPS รองรับฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างระบบหยุด-ออกอัตโนมัติ การขับผ่านทางแยก และการหลีกทางให้รถฉุกเฉิน ทุกรุ่นมาพร้อมระบบจอดอัตโนมัติ รองรับช่องจอดแบบเฉียงและช่องแคบ ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ และระบบช่วยเลี้ยวฉุกเฉิน ส่วนระบบเบรกฉุกเฉิน AEB สามารถตรวจจับคนเดินเท้าได้ไกลถึง 150 เมตร

BYD เดินหน้าปรับไลน์ผลิตโรงงานในไทย

โรงงาน BYD ที่จังหวัดระยองได้เริ่มกระบวนการปรับปรุงไลน์การผลิตเป็นที่เรียบร้อย ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เปิดเผยว่า SEALION 8 มีแนวโน้มจะเริ่มการผลิตทดสอบภายในช่วงปลายปี 2025 โดยราคาคาดว่าจะต่ำกว่าตลาดออสเตรเลียราว 10-15% นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนเปิดตัว Atto 2 รถ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กในออสเตรเลียภายในปีเดียวกัน

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายและสเปกอย่างเป็นทางการของ SEALION 8 แต่ทีมวิศวกรรมยืนยันว่าจะมีการปรับปรุงระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในซีกโลกใต้ และในรุ่นท็อปจะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้วและเบาะหนัง Nappa ระดับพรีเมียม


# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

【PCauto】Toyota bZ4X เปิดให้สั่งจองทางออนไลน์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และภายในสามวันแรกมียอดสั่งจองถึง 1,000 คันรุ่นย่อยและราคาของรถรุ่นนี้แบ่งเป็น:ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ราคา 1,599,000 บาทและขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ราคา 1,699,000 บาทในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของ Toyota ที่ทำตลาดในประเทศไทย bZ4X นำเข้ามาขายโดยมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 73.11 kWh ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 600 กม. (FWD) และ 570 กม. (AWD)ในอีกฝั่งหนึ่ง XPeng G6 ก็ได้เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่:รุ่น Long Range ราคา

วิรุฬห์Aug 27, 2025
มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

วิรุฬห์Sep 18, 2025
Suzuki FRONX ยืนยันเปิดตัวในวันที่ 25 กันยายน 2025 เพื่อแข่งขันกับ Yaris Cross

Suzuki FRONX ยืนยันเปิดตัวในวันที่ 25 กันยายน 2025 เพื่อแข่งขันกับ Yaris Cross

【PCauto】Suzuki FRONX มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดไทยวันที่ 25 กันยายน 2025 รถเอสยูวีขนาดกะทัดรัดที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม HEARTECT รุ่นนี้ได้เปิดตัวแล้วในตลาดอินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ขณะที่รุ่นที่ทำตลาดในไทยจะนำเข้าโดยตรงจากอินโดนีเซีย

พงศธรAug 26, 2025
Xpengเปิดตัว P7 รุ่นใหม่ หลังเปิดตัวเพียง 7 นาที ได้รับคำสั่งซื้อถึง 10,000 คำสั่ง

Xpengเปิดตัว P7 รุ่นใหม่ หลังเปิดตัวเพียง 7 นาที ได้รับคำสั่งซื้อถึง 10,000 คำสั่ง

【PCauto】เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2025 Xpeng ได้จัดงานเปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนของ Xpeng P7 เจเนอเรชันใหม่ที่กรุงปักกิ่ง โดยนำเสนอความโดดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะซีดานคูเป้ซึ่งผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความงามด้านการออกแบบ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรุ่นกลยุทธ์สำคัญของแบรนด์ Xpeng รถรุ่นใหม่นี้ได้สร้างความสนใจอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและการวางตำแหน่งทางการตลาดที่ก้าวล้ำ

Kevin WongAug 28, 2025
Chery V23 SUV ไฟฟ้าบริสุทธิ์จะเปิดตัวในตลาดไทยเดือนกันยายน พร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์

Chery V23 SUV ไฟฟ้าบริสุทธิ์จะเปิดตัวในตลาดไทยเดือนกันยายน พร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์

【PCauto】ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน Chery Automobile เตรียมเปิดตัวรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น CHERY V23 ในตลาดไทยช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่กันยายน 2025 เป็นต้นไป รถรุ่นใหม่นี้มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Comfort 2WD, Premium 2WD และ Premium 4WD โดย CHERY V23 พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟฟ้าบริสุทธิ์ i-MS โดดเด่นด้วยงานออกแบบทรงเหลี่ยมสไตล์กล่องที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยอย่างลงตัว

สุรเดชAug 27, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์