Nissan จับมือ Roush Performance เปิดตัว Frontier PRO-4X R รุ่นปี 2026
Kevin WongAug 19, 2025, 12:29 PM

【PCauto】นิสสันจับมือกับสำนักแต่งระดับตำนาน Roush Performance เปิดตัว Frontier PRO-4X Roush Edition 2026 กระบะรุ่นพิเศษสำหรับสายออฟโรด
รถคันนี้ถูกประกอบขั้นพื้นฐานที่โรงงาน Canton รัฐมิสซิสซิปปี ก่อนจะถูกทีมวิศวกรของ Roush พัฒนาต่อเนื่องยาวนานกว่า 18 เดือน พร้อมวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 47,960 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.56 ล้านบาท เจาะตลาดกลุ่มคนรักการขับขี่แบบลุยเต็มขั้น

Roush Performance คือใคร?
Roush Performance ถือเป็นสำนักแต่งและทีมแข่งระดับตำนาน ก่อตั้งโดย Jack Roush ตั้งแต่ปี 1995 มีผลงานโดดเด่นทั้งใน NASCAR และโครงการ F1 จนกลายเป็นหนึ่งในชื่อชั้นนำของวงการมอเตอร์สปอร์ต
การร่วมมือครั้งนี้เกิดจากกลยุทธ์ของ Nissan ที่มองเห็นช่องว่างในตลาดกระบะขนาดกลาง เพราะแม้ Frontier PRO-4X รุ่นมาตรฐานจะมีสมรรถนะออฟโรดพื้นฐาน แต่ยังเป็นรองคู่แข่งอย่าง Ford Ranger Raptor ทั้งในเรื่องการตอบสนองของช่วงล่างและการปรับตัวบนเส้นทางทุกรูปแบบ

ทีมวิศวกรของ Roush ใช้ผลการทดสอบจำลองมากกว่า 200 ครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเลือกอัปเกรดช่วงล่างเป็นหัวใจหลัก แทนที่จะไปเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ แม้ Roush จะขึ้นชื่อเรื่องซูเปอร์ชาร์จ แต่ Frontier PRO-4X Roush Edition ยังคงใช้เครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร กำลัง 310 แรงม้าเดิม โดยทุ่มทรัพยากรไปที่การปรับจูนสมรรถนะของแชสซีและการควบคุมให้ดีที่สุด
Evan Williams รองประธาน Roush Performance กล่าวว่าการตัดสินใจนี้มาจากผลสำรวจตลาดที่ชี้ว่า 73% ของผู้ใช้สายออฟโรดให้ความสำคัญกับความทนทานของช่วงล่างมากกว่าพลังเครื่องยนต์ ทุกขั้นตอนการพัฒนาถูกทำขึ้นที่ศูนย์วิศวกรรมของ Roush เมือง Livonia ก่อนจะถูกส่งไปประกอบเข้ากับตัวรถที่โรงงาน Canton
Roush Performance เสริมเทคโนโลยีช่วงล่างให้ Frontier PRO-4X Roush
จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ระบบกันสะเทือนใหม่ ซึ่ง Roush Performance พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านช่วงล่างจากสวีเดนอย่าง Öhlins เป็นชุดยกสูง 2 นิ้ว ที่มีชื่อว่า Roush x Öhlins 2.0 Off-Road Suspension System ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเทคโนโลยีช่วงล่างที่ใช้กับกระบะสายลุยในตลาดปัจจุบัน

ระบบกันสะเทือนชุดนี้มาพร้อมโช้กแบบคอยล์โอเวอร์ขนาด 2 นิ้ว จุดเด่นคือมีถังน้ำมันแยกภายนอก ลดอาการเฟดความร้อนได้ถึง 40% เวลาวิ่งทางออฟโรดความเร็วสูง ด้านหลังติดตั้งครีบระบายความร้อนอลูมิเนียมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อเจอถนนขรุขระต่อเนื่อง ตัวโช้กทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาลดมวลใต้สปริงลง 15% ทำให้ควบคุมได้เฉียบคมขึ้น พร้อมแกนเหล็กกล้าแข็งแรงขนาด 18 มม. ผ่านการทดสอบโครงสร้างกว่า 329 ครั้ง มั่นใจได้ว่าเอาอยู่ทุกสภาพทางโหด
วิศวกร Öhlins ใช้เวลาปรับเซ็ตวาล์วนานกว่า 6 เดือน เพื่อหาสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งเวลาออฟโรดกับความนุ่มสบายบนถนนดำ ขณะที่ทีม Roush ก็ทดสอบจริงในสนามออฟโรดมิชิแกน ครอบคลุมการจำลองการใช้งานยาวถึง 125,000 ไมล์ ทั้งทะเลทราย หิน และโคลน และยังผ่านการยืนยันจากชมรมออฟโรดโอไฮโอว่ามีความนิ่งบนถนนคลื่นดีกว่ามาตรฐานทั่วไปถึง 30%
เพื่อให้สอดคล้องกับชุดช่วงล่างใหม่ ยังมีการเปลี่ยนปีกนกบนด้านหน้าเป็นชิ้นส่วนสีแดงแบบฟอร์จของ Roush ใช้เหล็กแรงดึงสูง เพิ่มระยะการทำงานของช่วงล่างได้อีก 20%

ชุดล้อและยางมาพร้อม Hankook Dynapro AT2 Xtreme ขนาด 265/70R17 จับคู่กับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว สีไทเทเนียม ตกแต่งด้วยน็อตสีดำและฝาครอบกลางโลโก้ตัว “R” ผลการทดสอบจริงระบุว่าระยะความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น 51 มม. มุมไต่เพิ่มเป็น 32.5 องศา และมุมจากเพิ่มเป็น 24.7 องศา
ด้านการปกป้องใต้ท้องรถ เสริมด้วยแผ่นกันกระแทกออฟโรดพ่นสีไทเทเนียม หนากว่ารุ่นปกติ 3 มม. ตัดกับห่วงลากสี Lava Red เพิ่มความดุดันและโดดเด่น
ดีไซน์ภายใน–ภายนอก มาพร้อมเอกลักษณ์ Roush Performance
ภายในยังคงโครงสร้างพื้นฐานของรุ่น PRO-4X มาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าปัดดิจิทัล 7 นิ้ว
จุดที่เพิ่มเติมคือพนักพิงศีรษะปักโลโก้ตัว “R” แบบตะเข็บคู่ เพิ่มความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว เบาะยังใช้วัสดุหนังสังเคราะห์เกรดพรีเมียม โดยไม่เสริมฟองน้ำเพิ่ม เพื่อคงท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับการลุยออฟโรด

ภายนอกก็มีการอัปเกรดเช่นกัน ด้วยกระจังหน้าเสริมชิ้นส่วนสีไทเทเนียมและสเกิร์ตกันชนล่าง ช่วยเพิ่มความดุดันด้านหน้า บังโคลนติดโลโก้ “R” ใหม่ ส่วนฝากระบะท้ายก็ปรับดีไซน์ตราสัญลักษณ์ให้ชัดเจนขึ้น สื่อถึงการร่วมมือระหว่าง Nissan และ Roush อย่างลงตัว

Frontier PRO-4X อาจมีเวอร์ชันอัปเกรดสมรรถนะในอนาคต
Roush Performance ยืนยันในแถลงข่าวว่า อนาคตอาจมีตัวเลือกการอัปเกรดสมรรถนะเพิ่ม แต่เวอร์ชันปัจจุบันถูกพัฒนาเพื่อแก้จุดอ่อนหลักของกระบะออฟโรดก่อนเป็นอันดับแรก ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้าของ Ford และ Chevrolet ทำให้ Frontier PRO-4X Roush 2026 อาจกลายเป็นหนึ่งในกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นท้าย ๆ ของยุคน้ำมัน
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

Jeacoo J7 เปิดตัวรุ่น PHEV ใน Motor Expo 2024 สามารถขับขี่โดยใช้แบตเตอรี่ได้ 80 กิโลเมตร
หลังจาก Jaecoo J7 วางจำหน่ายในประเทศแถบเซียนใต้ Chery ที่พึงพอใจกับผลการขายดังนั้นในงานรถยนต์ที่ประเทศไทยที่จะมาถึงนี้ แพลนที่จะวางจำหน่าย Jaecoo J7 เวอร์ชัน PHEV ที่ประเทศไทยที่เหมาะกับ Jaecoo J7 PHEV สำหรับมาเลเซียครั้งนี้ Chery ที่เตรียมวางจำหน่าย Jaecoo J7 PHEV ที่ประเทศไทยสนับสนุนระยะทางการเดินทางด้วยแบตเตอรี่เต็ม 80 กม. (WLTP) นั่นหมายความว่าถ้าคุณขับ J7 ไป-กลับที่ทำงานราคาน้ำมันจะต่ำมากJaecoo J7 PHEV ที่จะใช้เครื่องยนต์ 1.5T มีแรงม้า 156Ps และมอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงม้า 204Ps แรงม้ารวม 360Ps แรง

Toyotaเปิดตัวรุ่น Sienta Juno ซึ่งคุณสามารถนอนหลับ ทำงาน หรือดื่มกาแฟในรถได้
【PCauto】ในตลาด MPV ขนาดกะทัดรัดของญี่ปุ่น Toyota Sienta ได้ครอบครองตำแหน่งสำคัญเสมอด้วยการจัดพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่นและการติดตั้งฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง ล่าสุด Toyota ได้ร่วมมือกับแบรนด์แต่งรถ Modellista เปิดตัว Sienta Juno รุ่นพิเศษ ที่ใช้การออกแบบโมดูลาร์ที่ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนรถตู้ขนาดเล็กให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ

Toyota Land Cruiser FJ ไม่ทำให้ผิดหวัง รถออฟโรดสำหรับทุกคนที่น่าตื่นเต้นที่สุดกลับมาแล้ว
นับตั้งแต่เปิดตัวในชื่อ Toyota BJ ในปี 1951 ซีรีส์ Land Cruiser ได้มียอดขายรวมประมาณ 12.15 ล้านคันในกว่า 190 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการขับขี่ออฟโรดที่ยืนยาวมากว่า 70 ปี

JAECOO 6 EV เปรียบเทียบกับ BYD Atto 3 JAECOO 6 EV จะท้าทาย Atto 3 ที่ขายดีทั่วโลกอย่างไร?
Atto 3 สามารถกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ BYD ในระดับโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับ Atto 3 ซึ่งมีความสำคัญต่อ BYD อย่างมาก ขณะนี้ได้มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้น คู่แข่งรายนี้มีการออกแบบภายนอกที่น่าประทับใจ และมาจากผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเช่นกัน

ตารางผ่อนชำระล่าสุดอย่างเป็นทางการของ TANK 300 มีทั้งรุ่นดีเซลและรุ่น HEV
Tank 300 เป็น SUV ที่รวมความแข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสบายสไตล์เมือง ดีไซน์มาพร้อมกับโครงสร้างรถแบบ Non-bearing Body และล็อคดิฟเฟอเรนเชียล 3 ตัว ทำให้มันมีความสามารถในการฝ่าอุปสรรคได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลายภูมิประเทศ ก็ช่วยให้ปรับตัวได้ดีแม้ในเส้นทางที่หลากหลาย สำหรับคนที่ชอบการผจญภัยกลางแจ้งแต่ก็ยังต้องการรถสำหรับใช้ในเมือง Tank 300 ถือเป็นจุดสมดุลที่น่าสนใจ แถมยังมีโอกาสปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์นักรบออฟโรดตัวจริง เช่น อัพเกรดเป็นโช้กไนโตรเจนหรือยางออฟโรดเพื่อรับมือกับเส้นทางสุดทรหดได้อีกด้วย
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ


