Stellantis เปิดเผยการขับขี่อัตโนมัติระดับ L3 ที่ช่วยให้คุณสามารถอ่านหนังสือในระหว่างการขับขี่

Kevin WongFeb 24, 2025, 02:52 PM

【PCauto】ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ Stellantis ได้ประกาศเปิดตัวระบบขับขี่อัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นเอง STLA AutoDrive 1.0 โดยมีการอ้างว่าเป็นเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ L3

STLA AutoDrive 1.0 ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย STLA Brain และ STLA Smart Cockpit ระบบนี้มีความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติระดับ L3 ตามที่ SAE (สมาคมวิศวกรยานยนต์แห่งสากล) กำหนด ซึ่งหมายความว่าในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ระบบสามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้มือจับพวงมาลัยและไม่จำเป็นต้องมองที่ถนน โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 60 กม./ชม.

หมายความว่าในสภาพการจราจรที่หนาแน่นและการหยุดรถบ่อยๆ ผู้ขับขี่สามารถมอบหน้าที่ในการขับขี่ที่ยุ่งยากให้กับ AutoDrive 1.0 เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งอื่นๆ เช่น รับชมภาพยนตร์ในรถ ตอบข้อความ อ่านหนังสือ หรือเพียงแค่เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่าง ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้เวลาขณะขับขี่ดีขึ้นอย่างมาก

แนวคิดการออกแบบของ STLA AutoDrive 1.0 เน้นที่ความสะดวกสบายของประสบการณ์ผู้ใช้และความง่ายในการใช้งาน เมื่อสภาพการจราจรและสภาพแวดล้อมตรงตามข้อกำหนดของการขับขี่อัตโนมัติ ระบบ STLA AutoDrive 1.0 จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่โดยทันที ผู้ขับขี่เพียงแค่กดปุ่มทางกายภาพเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติ ในระหว่างการทำงาน ระบบสามารถรักษาระยะห่างจากรถข้างหน้าได้อย่างอัตโนมัติ ปรับความเร็วตามสภาพการจราจร และควบคุมการเลี้ยวและการเบรกได้อย่างแม่นยำ

เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างเสถียรและน่าเชื่อถือในทุกสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน STLA AutoDrive 1.0 ได้ติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ทันสมัย เซ็นเซอร์เหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนกับ "ดวงตา" ของรถยนต์ ซึ่งสามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบรถได้อย่างแม่นยำแม้ในยามค่ำคืนหรือในสภาพอากาศที่ท้าทาย เช่น ฝนตกหรือถนนเปียก ทำให้รถสามารถรับรู้สถานการณ์รอบตัวได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเซ็นเซอร์มีประสิทธิภาพไม่ลดลง รถยังติดตั้งระบบทำความสะอาดเซ็นเซอร์อัตโนมัติ เพื่อรักษาความสะอาดของชิ้นส่วนสำคัญและรับประกันความน่าเชื่อถือและฟังก์ชันการทำงานของเซ็นเซอร์อย่างต่อเนื่อง

ในสภาพการขับขี่บนทางหลวง STLA AutoDrive 1.0 ยังสามารถให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ได้ ระบบรองรับฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 (ผู้ขับขี่ต้องวางมือไว้ที่พวงมาลัย) และ L2+ (ผู้ขับขี่สามารถยกมือจากพวงมาลัยได้ แต่ต้องมองที่ถนน) โดยมีฟังก์ชันควบคุมความเร็วแบบแปรผันและฟังก์ชันการอยู่ในเลน ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งรถให้อยู่ในเลนได้อย่างอัตโนมัติในขณะที่รักษาความเร็วรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

STLA AutoDrive 1.0 ได้รับการออกแบบบนสถาปัตยกรรมที่สามารถขยายได้ ซึ่งทำให้มีความสามารถในการปรับตัวที่แข็งแกร่ง หนึ่งด้าน ระบบสามารถปรับใช้ได้อย่างง่ายดายกับรถยนต์จากแบรนด์ต่างๆ ของ Stellantis ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการใช้งานทั่วโลก อีกด้านหนึ่ง ด้วยการเชื่อมต่อผ่านคลาวด์และการอัปเดต OTA ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในการใช้งาน STLA AutoDrive 1.0 ผู้ขับขี่ยังคงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รักษาท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง คาดเข็มขัดนิรภัย และพร้อมที่จะควบคุมรถเมื่อระบบแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการขับขี่ในท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด

ปัจจุบัน STLA AutoDrive 1.0 ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนาและการปรับปรุง ในอนาคต ระบบคาดว่าจะสามารถรองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L3 ที่ความเร็วสูงขึ้น โดยความเร็วสูงสุดอาจเพิ่มขึ้นถึง 95 กม./ชม. และบางรุ่นยังจะมีฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติที่มีการพัฒนาเพิ่มเติมสำหรับการขับขี่ออฟโรด ซึ่งจะขยายขอบเขตการใช้งานของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

# ข่าวสารยานยนต์

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

วิรุฬห์Sep 18, 2025
รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

LienSep 18, 2025
Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

ธนวัฒน์Sep 12, 2025
Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

LienOct 5, 2025
ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง

Kevin WongSep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์